หัวข้อ: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 28 มิถุนายน 2014, 06:26:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2012&date=02&group=41&gblog=33 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2012&date=02&group=41&gblog=33)
(http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1330700262.jpg) 1.. O โอ-ศรัทธาบ้าบอด..ราวทอดเงา- รอคอยให้สองเท้าย่างเข้าหา- เพื่อย่ำเหยียบ..ย่ำยีด้วยลีลา- ของผู้ใช้ปัญญาอีกคราครั้ง ! O ในโบสถ์รูปองค์พระ..แสงสะท้อน แว่วเหมือนคำบวงวอน, คำสอนสั่ง- เผยบทบาทแทรกปนให้ทนฟัง- โมหะการณ์คลุ้มคลั่ง..ที่หลั่งริน ! 2.. O กราบพระพร้อมคิดย้ำในคำนึง องค์ผู้ซึ่งล่มตนเสียป่นสิ้น แผ่องค์ธรรมโอบแคว้น..อาบแผ่นดิน กล่อมจิตดิ้นรนส่ายให้คลายร้อน O แจงองค์ธรรมล้ำลึก..ให้ศึกษา ล่มบอดบ้าโง่เขลาให้เพลา..ผ่อน จุดแสงในแววตา..ด้วยอาทร แม้ผู้นอนหลับใหล..ยังได้รู้ ! O จนวันเดือนปีเปลี่ยนหมุนเวียนรอบ ไย - เกณฑ์กรอบครอบเอาทุกเหล่า..หมู่ กรรม, วาท, วัตร..บิดเบือนไม่เหมือนครู- ย่างเหยียบสู่หนทางล่มล้างตน O ใบไม้ร่วงหล่นคว้างที่กลางป่า เมื่อปัญญาแจ้งเลศ..ปวง-เหตุผล สายวารีเลื่อมไหล..เมื่อใจคน- ผ่านช่วงยามหลุดพ้น..จาก-วนเวียน O คืนนั้น..จันทร์ทรงเพ็ญลอยเด่นฟ้า พร้อมอัตตาตัวตน..ผ่านพ้น..เปลี่ยน คืนนั้น..สายน้ำหลาก..ใจพากเพียร- ก็กร่อนเกรียนทุกข์ทน..ไปพ้นทาง O ที่ด้านบนกิ่งโพธิ์..เหมือนโล้..ลู่- กิ่งก้านรู้นบนอบอยู่รอบข้าง สายน้ำยังเอื่อยไหล..เมื่อใครวาง- ตัวตนทิ้งคาค้าง..ที่กลางจร O ครั้งนั้น..เนรัญชลา..ไหลบ่าสาย พร้อมจันทร์ฉายแสงพลอด..ลงออดอ้อน โพธิ์คงระบัดใบ..หากไฟฟอน- ในอกร้อนรนทุกข์..ไม่ลุกโชน O ครั้งนั้น..สายวารี..คงรี่ไหล บางจิตใจ..กรอบ-กัก..กลับหักโค่น ตัวตนถูกถอดถอน, ความอ่อนโยน- ก็ถ่ายโอนออกแล้ว..ผ่านแววตา O ที่โคนไม้ร่มพฤกษ์..ค่ำดึกนั้น- มีแสงจันทร์อ่อนละมุน..พร้อมคุณค่า- แห่งความเป็น..ความมี..เริ่มลีลา- ล่มมิจฉาการณ์ปวง..ลับล่วงตอน O แทบบัลลังก์โคนพฤกษ์..ค่ำดึกนั้น- ความยึดมั่นในโลกถูกโยกถอน ถ้วนสิ้นความปรารถนาเคยอาวรณ์- กลับถูกทอนถ่ายบท..จนหมดรอย O จากอุษากาล-พ้น..สู่สนธยา ถ้วนมิจฉาการณ์สรรพ..ก็ยับย่อย การตีความ..ใคร่ครวญก็ล้วนพลอย- ช่วยปลดปล่อยสภาพธรรม..เคยค้ำยัน O ล้วนบทบาท..อวิชชาค้ำคาใจ จนพาให้คอยประพฤติแต่..ยึดมั่น จำแนกการตีความ..ไว้ล่ามพัน แล้วสร้างฝันแทรกซ้อนไว้ผ่อนพิง O ที่บัลลังก์โคนโพธิ์..ภิญโญญาณ- นั้น - เบ่งบานล้อมใจจนใหญ่ยิ่ง รูปนามเคยโน้มแนบเข้าแอบอิง- ก็หล่นกลิ้งเกลือกภาวะอารมณ์ O ปราศเชิงชั้นช่อฟ้า..ให้ตาเห็น เพียงจันทร์เพ็ญแสงอยู่..เมื่อรู้สม- มุติ..สัตย์..เท็จ..ต่าง..เหมือน..รู้เงื่อนปม- การห้อมห่มรูปจริตให้ติดคา 3.. O โอ นั่นเสียงพากย์วอน..นัยอ้อนออด- เอาบุญบาปก่ายกอด..ความบอดบ้า ล้อมหัวใจเต็มพิกัด..ด้วยศรัทธา เหนี่ยวจูงพาชาติภพ..บรรจบ-วน O วัตถุธรรมล้ำเลิศ..บรรเจิดนัย- ก็ผ่านให้ลูบคลำอยู่ซ้ำหน ช่อฟ้าช้อยยอดเฟื้อย..ก็เลื้อยจน- จะพุ่งพ้นหลังคา..สู่ฟ้าไกล O กระเบื้องเหลือบแสงสูรย์..จำรูญสี เมื่อความมี..ความเป็น..มองเห็นได้ ธูป, เทียน, บุษบัน..พร้อมควันไฟ- ก็ก่อรูปขับไขสู่นัยน์ตา O นั่น-รูปเศียรก้มหมอบอยู่รอบด้าน พร้อมศัพท์เสียงบนบานที่ด้านหน้า วางความเชื่อบนคำ..ให้นำพา- ด้วยศรัทธาคลุมครอบอยู่รอบใจ O เสียงพร่ำพร้องบาปบุญก็หนุนเนื่อง เชิดชูเรื่องกล่าวรับเกินนับไหว ยอโลกหน้าโลกนู้นที่พู้นไกล รองรับความฝันใฝ่..ที่ในตน O หนึ่งรูปนามทรงกาย..ริมสายน้ำ ตรึกตรองธรรมจนรู้..เหตุสู่ผล จิตใคร่ครวญแยบคาย..ก็ว่าย-วน ผ่านสู่ความหลุดพ้น..ล้าง-หม่นมัว O มีหรือโบสถ์งามลออ..ชั้นช่อฟ้า ในที่ราตรีกาลคลี่ม่านหลัว- ลงคลุมครอบโมหันธ์..จนสั่นรัว- ก่อนคลายตัวเคลื่อนพ้น..อย่างอลเวง O โอ ลวดลายพัดยศ..กำหนดรูป กลางควันธูปแสงเทียนเฝ้าเวียน..เพ่ง เย้ยสายตา, หยอกยั่ว..ให้กลัวเกรง- การเร้าเร่งสั่นรัวของตัวตน O แย้มยิ้มรับศรัทธา..ร่วมปราศรัย แววตาไหวตอบรับ..ก็สับสน ปฏิพากย์แอบอ้าง..ก็ต่างปรน- เปรอ-ดวงใจดิ้นรน..ในหนทาง O ที่ไหนเล่าพากย์ถ้อย..การปล่อยลง เห็นเพียงสงสารกรรมเขานำอ้าง สืบทอดรูปวัตถุธรรมเพื่ออำพราง- การก่อสร้างรูปนิมิตให้พิสดาร O พระ-จำพรากเวียงวังแต่ครั้งก่อน ก็เพื่อสอนจิตหลง..ละ-สงสาร ใช่เพื่อศักดิ์ภิญโญ..ยศโอฬาร แต่เพื่อผลาญเผาฆ่า..ธรรมารมณ์ O กลับมาไหว้วัตถุ..สาธุเสียง- ก้มกราบกันพร้อมเพรียง..ขับเสียงขรม บัวใต้น้ำงอพับอยู่กับตม ฤๅ-อาจชมแสงเรื่อ..ที่เหนือน้ำ ? O ดูนั่นเถิด..รูปวิจิตร..เขาปิดทอง ปากลิ้นฟ้องทุกข์โศกแห่งโลกต่ำ องค์พระรูปงามลออ..เขา ก็นำ- แผ่นทองคำปิดครอบอยู่รอบองค์ O สรวงสวรรค์ชะลอลงที่ตรงหน้า หรือ-บอดบ้ากอดกุมความลุ่มหลง ? กี่รอบเดือนปีเปลี่ยน..ยังเวียนวง- อยู่ในสงสารวัฏฏ์..ยากตัดใจ O ยากจริงหนอ..โลกพิสุทธิ์สมมุติสร้าง จักปล่อยวาง..รอบวงความหลงใหล หรือ..กรอบเกณฑ์พิธีกรรม..อาจนำไป- สบความใสสว่างรู้..แม้..ครู่เดียว ? . . หรือ..กรอบเกณฑ์พิธีกรรม..อาจนำไป- สบความใสสว่างรู้..สัก..ผู้เดียว ? หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 02 กรกฎาคม 2014, 09:11:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2011&date=04&group=41&gblog=21 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2011&date=04&group=41&gblog=21)
O แด่ .. อริยะภาวะ .. O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1372774456.jpg) O แล้วดวงดาวอีกดวงก็ร่วงหล่น ร่วงลงบน .. อนิจจังแห่งสังขาร ให้ผู้คนจดจำเป็นตำนาน- ผู้ล่มลาญวงวัฏฏ์ .. ล้างอัตตา O อีกภาพการหล่นร่วง ..ใต้ดวงสูรย์ เพรียกโอดอื้นอาดูร .. เพียบพูนหน้า ละภาพผ่านเลื่อนลั่นในสัญญา ล้วนคุณค่าแนบในหัวใจชน O สิ้นภพชาติ .. บรรดาเคยปรากฎ เพียงกำสรดโศกปวง ..ค่อยร่วงหล่น- ลงทับถมอาลัย .. ของใจคน- ผู้ยังวนเวียนว่าย .. เมื่อปลายวัน O ภาพรูปองค์บรรทมกลางร่มไม้- พร้อมอาลัยอาดูรเพียบพูนขวัญ- ผู้แวดล้อมโหยไห้กลางไพรวัลย์- ก็ฉับพลัน .. วาบสู่ให้รู้คิด O ว่า .. ย่อมคืออนิจจังแห่งสังขาร ที่ล่มลาญดับล่วง .. พร้อมดวงจิต ตามกฎเกณฑ์ท่วงทีของชีวิต ด้วยเกินบิดเบือนเบี่ยง .. หรือเลี่ยงพ้น O จึง .. ภาพธรรมในกาลเมื่อผ่านช่วง คือภาพยามชีพปวง .. นั้นร่วงป่น ภาพ .. ใบไม้ร่วงตกพลิ้ว .. วก-วน ต่างฤๅภาพตัวตน .. เมื่อหล่นคว้าง ? O ใบไม้หล่นคว้างปลิว .. พลิก .. พลิ้วรูป ลมผ่านวูบ .. เรียวใบร่อนไปห่าง กลางแวดล้อมเปล่าเปลี่ยว .. ในเที่ยวทาง กลาดเกลื่อนใบไม้บาง .. ก็วางตน O กลางรูปธรรมเงียบเหงา .. ความเปล่าเปลี่ยว- ย่อมกรากเชี่ยวกำลัง .. ทุกครั้งหน ใบไม้ร่วงทับถม .. สายลมบน- ก็พาวนเวียนไหวอยู่ในยาม O นั่น .. หล่นพลิ้วพลิกคว้าง .. อีกบางใบ หล่นรูปให้น้อมนำสู่คำถาม ที่ .. รอบกาลโหมรุก .. เข้าคุกคาม ใครเล่าอาจหักห้าม .. ได้ตามใจ O อีกแล้ว-อีกบางใบ .. ร่วงในที่ ด้วยท่วงทีเฉกกัน .. เช่นนั้นได้ อีกหนึ่ง-รอบ .. หล่นคว้าง .. ของบางใบ ทุกหนึ่งนั้น .. เช่นในหัวใจเรา O หล่นรูปร่วงแผ่ราบ .. ระนาบดิน เพื่อยอกลิ่นสร้อยโศก .. สุมโลกเหงา สิ้นสุดปลายเส้นทาง .. เพียงร่างเงา- เหลืออยู่เฝ้าดินต่ำ .. เป็นธรรมดา O หล่นร่วงแห่งดวงแก้ว .. ครั้งแล้ว-เล่า จนความเปล่าเปลี่ยวห้อม .. เข้าล้อมหา นานแค่ไหน-หล่นคว้าง .. อาจร้างลา หรือ-กี่กาละจะพ้น .. การหล่นลง ? O ชั่วเพียงสิ้นโบกบ่ม .. จากลมร่ำ ก็ตอกย้ำ .. ลำดับ .. การรับส่ง มองเห็นไหม .. ช่องว่างที่กลาง-วง หรือมั่นคงก้านขั้ว .. ของตัว-ใบ ? O ฤๅจะยังหล่นคว้าง .. ณ กลางหน ที่ว่างจน .. ลับล่ม .. แรงลมไหว ที่อาจหล่นร่วมวิถี .. จะมีใด ก็เพียงใจ .. ว่าง-วนของตนเอง O พญาโศกคร่ำครวญ .. เสียงหวนไห้ แทนอาลัยเศร้าสร้อยที่ค่อยเบ่ง- บานภาวะสุมสั่ง .. กลางวังเวง เพื่อฉุดเร่งอารมณ์ .. สู่ตรมตรอม O ศัพท์เสียงความคร่ำครวญ .. ก็ล้วนแต่- ตอบรับความผันแปร .. ที่แห่ห้อม กลางสายลมโรยริน .. ผู้ยินยอม- เข้าแวดล้อมอาดูร .. เพียบพูนแล้ว ! O แล้วอีกดาวแสงช่วงกลางห้วงหน- ก็ร่วงหล่นลับล่มกลางลมแผ่ว ตรึงวาท, วัตรผ่องใสอยู่ในแวว- ตาคู่วามผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา O ร้างสิ้นโบสถ์เจดีย์ .. ในที่นั้น- จักเสกสรรค์ปั้นแต่งสำแดงค่า ยินแต่ถ้อย .. แห่งธรรมผู้สัมมา- ประพฤติ .. ปฏิปทา .. ค้ำคาใจ O แทนเชิงชั้นงามลออ .. ของช่อฟ้า คือศรัทธาปวงชนค่อยล้นไหล- ลงแวดล้อมกาลลา .. ด้วยอาลัย- ครั้งสมัยรูปขันธ์ .. จักอันตรธาน O ล้วนคือหลักแห่งธรรม .. ชี้นำทาง ให้ยกย่างเหยียบก้าว .. อย่างห้าวหาญ คือองค์ธรรมรั้งฉุด .. แต่พุทธกาล- ฉุดวิญญาณตื่นรู้ .. น้อมสู่ธรรม ! (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1372775190.jpg) (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1372775206.jpg) (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1372775223.jpg) ให้เผาศพในบริเวณเขาพุทธทอง โดยปักเสาสี่มุมและคาดผ้าขาวเป็นเพดานเท่านั้น นี่เป็นเจตนาของท่าน ที่ต้องการให้งานศพของท่านเป็นแบบอย่างเหมือนสมัยพุทธกาล โดยมุ่งหวังให้สงฆ์รุ่นหลังยึดถือปฏิบัติ ต่อไปในภายหน้า หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 03 กรกฎาคม 2014, 08:04:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2011&date=25&group=41&gblog=29 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2011&date=25&group=41&gblog=29) O บัวดอกนั้น...O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1316957832.jpg) O ด้วยว่าบัวจักบานเมื่อก้านโผล่- พ้นน้ำ-โล้ลมลูบ .. อวดรูปโฉม กลีบดอกแย้มยั่วภู่ .. ให้จู่โจม- ลงตฤปโลมหวานหอมที่น้อมรอ O คลี่เรียวดอกรับแสงที่แรงร้อน ให้เกสรเชิดสร้อยขึ้นลอยล่อ- เรณูหวานซ่านหอมก็ย่อมพอ- เพียง-สานต่อสืบเหง้า .. คงเผ่าพันธุ์ O พุ่งฝ่าพื้นสินธู .. เชิดชูสิทธิ์- เอื้อชีวิต .. เป็นมีด้วยสีสัน ช้อยกลีบบาน .. ผึ้งภู่ .. ฤๅ-รู้ทัน- หวานหอมนั้น .. อวลกลิ่นให้บินวน O เพียงลมและแสงสรวงที่ช่วงโชน ฤๅ-รู้กลิ่นตม-โคลน .. ที่โคนต้น ? เยี่ยงปูปลาทั้งหลายที่ว่าย-วน กลางฝุ่นดินขุ่นข้นแสนหม่นมัว O โอ้งาม .. ราวจะงามไปสามโลก พร้อมลมโบกบ่าระลอกราวหยอกยั่ว ใบขาบเขียวแผ่บาน .. และก้านบัว- คล้ายโยกตัวล้อน้ำอยู่ร่ำไร O ดอกตูมอันเกลือกโคลนที่โคนต้น สุดฝ่าน้ำขุ่นข้นขึ้นพ้นได้ เรียวกลีบจะอาจบาน .. ณ กาลใด เมื่อหรุบดอกหลับใหลอยู่เช่นนั้น O โองาม .. ที่จะงามไปสามโลก เห็นแต่เพียงเปียกโชก .. คอยโยกสั่น- อยู่เรี่ยตมติดดินตราบสิ้นวัน จักกี่พันแสงภาส - ฤๅอาจ .. โลม ? O ฝุ่นดินโคลนปลิวป่าย .. รำบายหมอง แทนเรื่อรองแสงรุ้งเข้าปรุงโฉม ยังว่าหม่นหมองรูปที่จูบโจม อาจยังโสมนัสสู่ .. เต่า ปู ปลา O ขลุกคอยสมาคม .. กับตมโคลน ดอกก้านโอนเอนอยู่ .. ราวรู้ว่า- แสงบนสรวงลิบพู้นเกื้อกูลมา ไม่อาจฝ่ามืดดำกลางน้ำริน O ร่ำรมย์รสตมดินในถิ่นล่าง ช่อดอกตูมแช่ค้างอยู่กลางสินธุ์ ฤๅ-จะอาจรับรู้ .. ผึ้งภู่-บิน และลมรินรวยสู่ .. ฤดูกาล O จุดประทีปโคมไฟ .. ขึ้นไขแสง มืดย่อมแฝงรอยสิ้น .. พรากถิ่นฐาน ภาพบัว-ผ่านจิตเพ่ง .. นั้นเบ่งบาน แสงวันก็โลมผ่าน .. ดอกก้านใบ O กลางประทีปโคมทอง .. อันรองเรื่อ ภาพที่เหลือ-บัวต่ำ, สายน้ำไหล เต่าปูปลากัดกินจนสิ้นไป เหลือก้านดอกเศษใบ .. อยู่ใต้น้ำ O ดวงไฟเต้นเปลวปะ .. รูปพระแผ้ว กระทบแก้วนัยน์ตาทั่วหล้าต่ำ สะท้อนแววตอบรับ .. ลำดับธรรม เช่นบัวสัมผัสรู้ .. ฤดูลม O ดวงไฟเต้นเปลวปะ .. รูปพระพุทธ บริสุทธิ์บัวหมู่ .. ก็รู้ฉม เอื้อมเด็ดดึงคุณค่าควรปรารมภ์- กุมดอกก้มกราบลง .. หน้าองค์พระ ! หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 04 กรกฎาคม 2014, 08:47:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=05&group=41&gblog=11 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=05&group=41&gblog=11) O แด่..เธอผู้พายเรือ...O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1369229252.jpg) O แว่วยินคลื่นน้ำฟาดเสียงกราดเกรี้ยว กลางค่ำคืนเปล่าเปลี่ยว..กรากเชี่ยวไหล เห็นแผ่นผืนน้ำพลิ้วเป็นริ้วไป ล้อลมไหววาดคลื่นอยู่ครื้นเครง O เกลื่อนฟ้านั้น..จันทร์ดาวแสงพราวพร่าง แสนไกลห่างมีสิทธิ์เพียงพิศเพ่ง เสียงฟองคลื่นโถมถั่ง..ล้อวังเวง แทนพาทย์เพลงกล่อมคืนให้ตื่นตัว O โครมครืนเสียงคลื่นน้ำในค่ำดึก โหมแรงฮึกเหิมบนความหม่นหลัว เรือลำน้อยหนึ่งลำในค่ำมัว คลื่นทิ่มแทงสั่นรัวไปทั่วลำ O ฝ่าไปบนคลื่นน้ำ, เสียงจ้ำพาย- พาเรือว่ายแหวกคลื่นผ่านคืนค่ำ จึงเห็นสองมือเรียว..ถูกเคี่ยวกรำ- กลางสายน้ำวาดพาย..อยู่ท้ายเรือ O เห็นเธอทอดสายตา..มองหาฝั่ง เกลียวคลื่นคลั่งโถมแทง..ก็แรงเหลือ พาย..คัด..วาด..ค้ำ..หนุน..คอยจุนเจือ ด้วยหยาดเหงื่อ..ใจแกร่งสู้แรงน้ำ O วาดลำเรือลอยฝ่า..ถึงท่าเทียบ ก้าวก็เหยียบย่างหาอยู่คลาคล่ำ เท้าคู่น้อยหนีบนอบอยู่รอบลำ รอพายจ้ำจ้วงอยู่เสียงกรูเกรียว O พาเรือน้อยลอยลำ..พายจ้ำจ้วง ผ่านทุกช่วงจังหวะ..น้ำชะเชี่ยว เห็นเธอวาด..พายค้ำ..เรือลำเรียว อยู่กลางสายชลเปลี่ยว..อย่างเดียวดาย O จนเรือโยนลำยก..แล้ววกต่ำ ก่อนวูบด่ำดิ่งไปน่าใจหาย ฝ่าน้ำเชี่ยวคลื่นซัด..มือคัดพาย- อยู่ที่ท้ายเรือนั้นอย่างมั่นคง O มือน้อยน้อยเกาะเกร็ง..ตาเพ่งพิศ มองสู่ทิศสำหรับการรับส่ง มองมือวาดพาย..คัด..ก่อนงัดลง แววตาบ่งบอกรู้..มือ-ผู้ใด O โอ..แววตาวับวาว..แสน-กร้าวแกร่ง รอจ้วงพายทิ่มแทงสู้แรงไหล- อันกรากเชี่ยวของน้ำอยู่ร่ำไป หวังเพียงได้พาคน..ข้ามพ้นน้ำ O งามยิ่งงาม..ก็ระยับอยู่กับโลก ปรุงปรนหอมบ่ายโบกโลมโลกต่ำ เมื่อปรารมภ์งดงาม, ทุกความ..คำ- ย่อมยกงามขึ้นย้ำเป็นธรรมดา O มือเรียววาดพาย-วนกลางชลเปลี่ยว ทุกส่วนเสี้ยวใจรู้..ย่อมรู้ว่า- คลื่นสาดซัดโหมหนัก..กลางมรรคา ต้องหัวใจแกร่งกล้าไม่ล้าโรย O ร่างน้อยน้อยนั่งมองตาจ้อง-เพ่ง ใจคร่ำเคร่งเรี่ยวแรง..ก็แห้งโหย แม้นคลื่นน้ำลมโลก..คอยโบกโบย ผ่านพ้นโดยมือเรียว..คอยเคี่ยวกรำ O ปีแล้ว..และปีเล่า..ที่เจ้าเป็น ฝ่าร้อยเข็ญ..พันโศกแห่งโลกต่ำ ด้วยจิตด้วยสำนึก..งามลึกล้ำ พาย..งัด..ค้ำ..เรือน้อยล่องลอยไป O ละเที่ยวพาย..จ้วงจ้ำ..ฝ่าน้ำเชี่ยว ค่อยค่อยเคี่ยวกรำสอน..อาทรให้- ลูกศิษย์น้อยคล้อยหลัง..สู่ฝั่งไกล ด้วยน้ำใจไหลเชี่ยว..ด้วยเรี่ยวแรง O พายเรือน้อยลอยล่อง..ฝ่าฟองคลื่น เสียงโครมครืนก้องรัว..อยู่ทั่วแหล่ง ด้วยสองมือคัดท้าย-วาดพาย..ทะแยง พาหัวเรือทิ่มแทง..ถ้วนแหล่งน้ำ O คัดท้ายพายเรืออยู่..เพื่อผู้อื่น ฝ่ากระแสลมตื่น..เกลียวคลื่นคร่ำ- ครวญระงมห่มห้อม..อยู่ล้อมลำ- เรือน้อยคอยพลิกคว่ำ..จมลำเรือ O ภาพเด็กน้อยจำพราก..พ้นฟากฝั่ง มือเรียววาดพายยัง..อีกฝั่งเพื่อ – รับส่งอีกทุกรุ่น..ช่วยจุนเจือ- ภาพงดงามให้หลงเหลือ...ในแผ่นดิน..! หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 06 กรกฎาคม 2014, 04:53:PM ผ่อง,เพ็ญภาพพิสุทธิ์ชาวพุทธพร้อม
เกศก้มประณตน้อม ใจยอมสิ้น- กิเลส ขันธ์ ตัณหา ดับราคิน ขับมลทินคลายเคลื่อนจากเรือนใจ แม้เพียงน้อยชะรอยบุญค่อยหนุนเนื่อง ให้ประเทืองผ่องผุดวิมุติใส บุญนิดน้อยค่อยค่อยซ้ำสำทับไป จนบ่อยเข้า,หทัยคลายหม่นมัว ช่วยบรรเทาความหลงโลก วิโมกข์พ้น เงื่อนชีวิตที่หมองหม่นจนสลัว ให้ใจตื่นรับรู้อยู่กับตัว ละเกลือกกลั้วอบาย คลายทุกข์ลง ขออนุญาตยืมคำ "ผ่อง เพ็ญภาพ" นะคะ จำไม่ได้ว่าเคยอ่านพบที่ไหน emo_126 หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 07 กรกฎาคม 2014, 03:40:PM ...ธรรมพุทธ(ะ)องค์อริยสัจ............มุขจัดกิเลสสิง
กาลามสูตร(ะ)ชะละอิง.................ระบุชัดอนัตตา ...เมตตาผดุงสุขสงบ.................สิริภพพิสุทธ์หล้า ผองชนประจักษ์จิตประภา.............ตถตากระจ่างใจ ...ธรรมพุทธ(ะ)ล้ำรุจิระเลิศ..........สุประเสริฐพิสุทธิ์ใส น้อมนำประกาศวจนะชัย..............ดุจ(ะ)หลักพิทักษ์ชน ...มรรคามุมุ่งอริยสัจ..................ปฏิบัติลุหลุดพ้น จงธรรม(ะ)ค้ำมน(ะ)สกล.............สุข(ะ)ผลประเจิดจริง หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 11 กรกฎาคม 2014, 10:07:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2010&date=27&group=41&gblog=7 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2010&date=27&group=41&gblog=7) O ช่อมาลัย...O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1369229252.jpg) O เห็นเขาเก็บดอกไม้ที่ปลายสวน กลิ่นหอมอวลจับร้อยเป็นสร้อยสี เรียงเป็นช่อมาลัย...บ่วงไมตรี แทนไยดีส่งมอบ..รับตอบกัน O มาลัยหอมจับต้องประคองถวาย- องค์พระพร้อม-รำบายความหมายมั่น ผ่านห้วงจิตใจลูกเฝ้าผูกพัน หวังยกธรรมารมณ์ ...พ้นหล่มดิน O ช่อเรียงชั้นมาลัย...แทนนัยพุทธ บริสุทธิ์ด้วยหอมรายล้อมถิ่น เมื่อสัมพันธ์พหุเภทด้วยเจตจินต์ ก็เมื่อนั้นรอบประทิ่นร่ำรินรส O สดับเถิดความหมายอันหลายหลาก ล้วนเชี่ยวกรากอหังการ์ทุกปรากฏ และตรองเถิดมนุสธรรม..ผองคำพจน์ พร่ำอยู่ไม่รู้หมด..เกินจดจำ O ขับตัวตนเวียนว่าย..รำบายถ้อย ความก็ลอยข้ามภพให้ขบขำ คือเดิมเดียวอาตมัน..คอยหมั่นนำ- ขึ้นตอกย้ำสังคมให้งมงาย O คือ..วิญญาณบอดบ้า..ท่องฝ่าภพ แต่ขันธ์ลบชีพล่วง..ยังช่วงฉาย- เสพสุข-ทุกข์-รมย์-ร้อน-ไม่ผ่อนคลาย ในกระแสเวียนว่ายแห่งวงวัฏฏ์ O ภพเบื้องหลังรั้งมา..พรรณนาถ้อย ให้เคลิ้มคล้อยคิดเห็นว่าเป็นสัจจ์ มิจฉาการณ์แฝงเร้น..นั้น-เด่นชัด โบกสะบัดร่มเงา..บังเขลาไว้ O เบื้องแรก-ที่แทรกเท็จลงเสร็จสรรพ เพราะหยิบจับเลือกหา..คิดว่า-ใช่ เบื้องหลัง..ก้านบัวต่ำ-ปลา-น้ำ-ใจ ร่วมภาวะหลากไหลเป็นนัยเดียว O เบื้องต่อมา-ใช่แค่กระแสน้ำ แต่เป็นธรรมมิจฉา..อันบ่าเชี่ยว อุโฆษกึกก้องกันเสียงลั่นเชียว แทรกทุกเสี้ยวส่วนเขลา..ที่เฝ้ารอ O เบื้องหน้า – พยับฝนคลุมหนหาว แสงพร่างพราวสิ้นไปเมื่อไรหนอ วิชชุแลบฟ้าร้อง..เสียงก้องพอ- สร้างภาพล้อรับช่วง..แทนดวงวัน O เพียงแวบเดียววูบดับจนลับหาย วิชชุว่าย-วนฟ้า..ฉาบทาฝัน ก็เพียงชั่วมัวเมายั่วเย้ากัน กับโลกฝันนิรมิตในจิตมี O เห็นเขาเก็บดอกไม้ที่ปลายสวน กลิ่นหอมชวนจับร้อยเป็นสร้อยสี ใช้กลีบดอกเป็นพวง..ผ่านท่วงที- อัญชลีกราบก้ม..ว่า – พรหมจรรย์ ! หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 21 กรกฎาคม 2014, 09:01:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2012&date=03&group=41&gblog=34 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2012&date=03&group=41&gblog=34) O สีซอให้ .. ควายฟัง O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1333460566.jpg) -1- O แว่วเสียงลมฟืดฟาด .. ดังบาดหู เมื่อคอเอี้ยวเหลียวดู .. ก็รู้เห็น ล้วนควายเจ้าของปล่อย .. เชือกร้อยเอ็น ให้ลมเย็นพัดต้อง .. ยืนมองมา -2- O ยกความเชื่อยากพิสูจน์ .. มาพูดต่อ อกใจหนอ-วนคิด .. แต่มิจฉา พูดวิญญาณที่อุบัติ .. เป็นอัตตา ลอยล่วงฝ่าข้ามภพ .. บรรจบใจ O จึงว่าศัพท์แซ่ซ้อง .. ทำนองเรื่อง ว่าง-เปล่าเปลืองคุณค่า .. หวังอาศัย ร้างสิ้นความคลับคล้าย .. จุดหมายใด จะรอให้ปรากฎ .. เข้าทดลอง O เมื่อสืบสาวราวเรื่องแต่เบื้องหลัง เห็นทุกครั้งทุกเที่ยว .. ที่เกี่ยวข้อง ล้วนเป็นเรื่องตอกย้ำ .. ท่วงทำนอง- ของมิจฉาฟูฟ่อง .. ให้มองดู O นำความนัยยากพิสูจน์ .. มาพูดต่อ ยกศรัทธาชูรอ .. เข้าต่อสู้ ล้มตัวเอาชีวาตม์ลงลาดปู เพื่อสมสู่ด้วยเงาอันเปล่าปลาย O เมื่อมีใจใฝ่เชื่อจนเหลือฉุด ปล่อยเถิดให้เร่งรุด .. สู่จุดหมาย อย่าได้พลอยละเหี่ย .. มัวเสียดาย กับงมงายโง่เขลา .. เป็นเต่านั้น O ไหนเล่าถิ่นงดงาม .. ดั่งความว่า มีแต่หน้าโง่งม .. ผู้ซมสั่น- ที่ความคิดถูกบีบจนตีบตัน ถูกปิดกั้นบิดเบือน .. เกินเคลื่อนย้าย O จึงเห็นฝูงอดโซ .. เดินโผเผ ค่อยค่อยเร่สองตีนเข้าปีนป่าย สู่คุณค่าโลมพลอดที่ยอด-ปลาย ดูเถิดช่าง .. ขวนขวายไม่หน่ายเลย O เช่นตาบอดคลำช้าง .. ทั้งร่างแล้ว ปากจึงแจ้วเจื้อยดังให้ฟังเผย ย่อมต้องยกคำเทียบขึ้นเปรียบเปรย แบน .. กลม .. ยาว .. เฝ้าเอ่ย .. ยั่วเย้ยกัน O เช่นตาบอดตาถั่ว .. ภาพมัวหม่น แม้นยินยลยังประณีต .. ต่างขีดขั้น ยิ่งตาบอดในเบ้า .. ที่เมามัน- บรรยายธรรมารมณ์ .. กลางหล่มดิน O กับความหมายแตกต่าง .. แต่งสร้างขึ้น คลี่ทะมึนหมองมัวคลุมทั่วถิ่น ส่งมิจฉาการณ์มอบให้กอบกิน จนต่างดิ้นขลุกขลัก .. ในปลักโคลน O เมื่อความหมายพล่ามเอ่ย .. ไม่เคยเห็น เขาพูดเล่นกลับพลอยเข้าห้อยโหน ยิ่งกว่าถ่อยการเมือง .. คือเรื่องโจร- คอยหักโค่นหลักธรรม .. ด้วยคำเท็จ O จักกลบเสียงโง่งม .. ต้องถ่ม .. ถุย ให้ความเขลาเปื่อยยุ่ย .. เป็นปุ๋ย-เป็ด จนกว่าแสงพราวพร้อยแห่งพลอยเพชร จะอาจเล็ดลอดผกาย .. สบสายตา O จริงหรือว่า .. มีบัวอยู่ทั่วแหล่ง รอพันแสงเรื่อรอง .. สาดส่องหา จริงหรือว่า .. กลีบบัวบานยั่วตา ต้องพุ่งฝ่ามืดคล้ำ .. กลางน้ำริน O จริงหรือว่า .. บางดอกไม่ยอมบาน ด้วยสำราญยั่วหยอก .. ระลอกสินธุ์ อยู่ใต้น้ำออดอ้อน .. ด้วยขอนดิน ฝากชีวินเกลือกอยู่ด้วยหมู่ปลา O คงใช่แล้ว .. จากเสียงแจ้วเจื้อยฟัง .. ก็ดังว่า ความเชื่องเชื่อขั้นอุกฤษที่ติดคา ล้วนบอดบ้าแผดดัง .. เสียทั้งนั้น ! O ใช่แน่นอน .. แน่ะ - ฟังย้อนมุสาธรรม .. หมายห้ำหั่น "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" .. เอาถู-ดัน แต่กูนั้นมั่นใจ .. ว่าใช่มึง ! O ไอ้โง่เอ๋ย .. มา-จะเผยความนัย .. ควรใฝ่ถึง สัจจะแท้แก่นธรรม .. ควรคำนึง มีเพียงหนึ่งทางเลือก .. ใช่เปลือกกระพี้ ! -3- O แว่วสังคีตอ้อยอิ่ง .. หวานยิ่งนัก จังหวะชักคันรอ .. คล้ายซอ-สี ฝูงควายเริ่ม .. สับสนฟังดนตรี ก่อนหัวหางวาดวี .. ควบหนีไป หัวข้อ: Re: O พุทธ ..? O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 24 กรกฎาคม 2014, 08:42:PM http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=14-06-2010&group=41&gblog=8 (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=14-06-2010&group=41&gblog=8) O นามธรรม - หลอน...! O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1406209101.jpg) O อารามอร่ามเรื้อง - - - องค์พระ กรรมพิธีวาทะ - - - ท่วมท้น สนทนาวิสาสะ - - - เสนาะอยู่ พ่อเอย ตาบอดคลำช้างด้น - - - ดุ่มหน้าสาธยาย ฯ O เสียงบาลีเจื้อยแจ้ว..ยังแว่วอยู่- กล่อมใจผู้หลงโลก..ทอนโศก-สลาย ไพเราะความนัยคำท่านรำบาย- เพื่อปัดป่ายทุกข์ร้อนให้ผ่อนแรง O โอภาสแห่งดวงวันในชั้นฟ้า ฤๅ-ช่วงกว่าธรรมพากย์..ท่านฝากแฝง เมื่อแววตารื้นน้ำ..คล้ายสำแดง- ความซาบซึ้งเติมแต่ง..ลงแฝงรอย ? O ทองอร่ามองค์พระ..ราวจะเตือน- ความเลอะเลือนแห่งธรรม..ผ่านคำ-ถ้อย ดูเถิด..แววตากระพริบ..นั้น-ปริบปรอย- คล้ายเลื่อนลอยว่างเปล่า..คล้ายเข้าใจ O กลางโบสถ์หม่นมืดครึ้ม..เสียงงึมงำ- ก็ถูกคำคอยฉุด..เกินหยุดไหว เอ่ยเสียงตามเสียงอยู่..เหมือนรู้นัย- ธรรมนั้น..เอาโลมไล้..หัวใจตน O ครั้งเมื่อท่านละทิ้ง..ทุกสิ่งนั่น พรากฐานันดรศักดิ์จนหักป่น ย่อมเพื่อความอัตคัด..ในบัดดล ใช่เพื่อขวนขวายสร้างแต่อย่างใด ! O มองดูเถิดรอยทาง..ท่านย่างเหยียบ แล้วลองเปรียบเทียบย่าง..ทุกย่างให้- เห็นถึงความล้าเลื่อน..บิดเบือนไป- จากแนวทางวางไว้..ของนัยพุทธ O โอ นั่นยอดช่อฟ้า..เฟื้อยฝ่าสวรรค์ จากมิจฉาเผ่าพันธุ์ช่วยกันฉุด กระเบื้องแดงเขียวห่ม..ด้วยสมมุติ ต้านแสงวันดวงพิสุทธิ์..เพื่อหยุดร้อน O ร้อนโอภาสดวงวัน..แห่งวันนี้ จากรังสีทอดสู่ไม่รู้ผ่อน ลมรื่นเย็นวาดวี..ผ้าจีวร- ฤๅ-อาจย้อนผ่านรื่นล้อมผืนใจ ? O โอ รอยยิ้มแย้มอยู่..ท่านผู้ขอ- เหมือนอยู่รอวัตถุธรรม..ชี้นำให้- ยกขึ้นประดับประดา..เพื่อว่าใคร- มองเห็นแล้วแจ่มใสแก่นัยน์ตา O ครั้งเมื่อท่านละทิ้งทุกสิ่งนั่น พรากฐานันดรศักดิ์อันหนักค่า ก็เพื่อล่มภพชาติ..จึงยาตรา- เข้าห้ำหั่นอัตตา..ให้ล้าตัว O หากตรงหน้าเห็นหมู่..ท่านผู้ขอ- เหมือนอยู่รอป่ายแต้ม..รอยแย้มหัว ให้ตัวตนทั้งนั้น..คอยสั่นรัว- เข้าเกลือกกลั้วสภาพธรรม..อยู่ค่ำเช้า O ใช่แน่หรือ..พรหมจรรย์ทางบั่นทอน- ความอาดูรเร่าร้อน..ทุกข์ก่อนเก่า เห็นแม่ปูเดินส่าย..ดูคล้ายเมา- หะการณ์แห่งรูปเงา..ทุกก้าวเดิน O ทิวแถวท่านผู้ขอ..เคลื่อน..รอ..หยุด แบกนัยพุทธสาธก..อยู่งกเงิ่น วิญญาณพราหมณ์เคลือบคำ..ก็จำเริญ- ขึ้นหยอกเอินปรารถนาในอารมณ์ O จึงเห็นความเลอะเลือน..นั้นเกลื่อนแวว- ตาบ้องแบ๊วสำหรับ..เพื่อขับข่ม- สัมมาการณ์สุจริตให้ติดตม- กลางห้วงหล่มถ้อยคำ..ธารน้ำลาย O เหนี่ยวสวรรค์..ดึงนรก..ขึ้นปกป้อง- ตรรกะของเดียรถีย์..เป็นที่หมาย จึงล่มล้าง..โลกพิสัยที่ในกาย- แล้วเวียนว่ายวงวัฏฏ์..ในบัดดล O มืดจริงหนอ..ในวันที่พันแสง- แม้นผ่านแรงร้อนช่วงโลมห้วงหน ยังไม่อาจผ่านต้อง..ตาของคน- ที่มืดมัวหมองหม่น..คลุมบนแวว O โอ คล้ายเสียงในหัว..ค่อยรัวดัง เหมือนระฆังกังวานเสียงหวานแว่ว พร้อมโอภาสพันแสง..แต้มแต่งแนว- ล้อมทิวแถวผู้ขอ..อย่างรอรี ! O แว่ว-คล้ายเสียงสั่นรัว..ใจตัวเอง ชวนพิศเพ่งเปล่งปลั่งแสงรังสี ผู้ห่มจีวรเหลือง..ท่านเยื้องลี- ลาศฝ่าความเป็นมี..สู่ที่ใด ? |