หัวข้อ: O องค์ธรรมแห่งวิสาขะมาส .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 11 พฤษภาคม 2014, 06:44:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2011&date=16&group=41&gblog=26 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2011&date=16&group=41&gblog=26) สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ 000110101112 - - - 00102 - - - 13 1=ลหุ นอกนั้นครุ เลขเดียวกัน = สัมผัสสระ O อานนท์ ! จำ-เพาะ-อ-ฐานะกา-ละ-จะ-อุ-บัติ สองพุทธะร่วมวัฏ- - - - ฏะกัน O ย่อมเพียงหนึ่ง-เฉพาะ-ผู้เพราะรู้-วิ-มุ-ติ-ฉัน- ทามรรคตระหนักบรร- - - - ลุผล O รอบแห่งปรา-ก-ฏะ-ภาค-ตถา-ค-ตะ-พิ-มล ยากเกิดประเสริฐสน- - - - ธิกาล O สงฆ์เอย ! เกิด-จ-ตุ-อัศจรร-ยะ-พิ-ส-ดาร เมื่อพุทธะดวงมาน - - - อุบัติ O ไป่เคยปรา-ก-ฏะ-มีพิถี-พฤ-ติ-วิ-วัฒน์ ฟังธรรมะตรองอรรถ - - - ประสาร O ที่มัวเมา-หะ-กะ-กา-มะ-คุณะ-วิ-ต-ถาร เมื่อธรรมะแว่วพาน - - - ก็ฟัง O ที่มัวเมา-ทิ-ฐิ-มานะภา-วะ-คละ-ประ-นัง เมื่อธรรมะแว่วดัง - - - สดับ O ที่วุ่นวาย-อ-ล-เวงบ่เพ่ง-จิ-ตะ-ระ-งับ แว่วธรรมะตรองศัพ- - - - ทะตาม O ที่มืดบอด-เพราะ-อ-วิชชะมิจ(ะ)-ฉะ-ละ-ลาม ฟังธรรมะย้ำความ - - - ก็ตรอง O สงฆ์ทั้งหลาย ! พระ-สุ-คตและบท-วิ-นั-ยะ-ผอง เพื่อจิตประดาปอง - - - ละปรุง O สงฆ์ทั้งหลาย ! พระ-สุ-คตกำหนด-มรร-คะ-ผ-ดุง พร้อมวิชชะบำรุง - - - ประชา O รู้แจ้งโลก-ดุ-จะ-ครูเพราะรู้-พิ-ท-ยะ-พา- ปวงศิษยะศึกษา - - - พระสอน O สงฆ์ทั้งหลาย ! พระ-วิ-ทูเพราะรู้-มรร-คะ-อ-มร ทางไทจะไถ่ถอน - - - ระทม O สำแดงธรรม-พิ-เราะ-ความพิราม-บ-ทะ-ป-ฐม กลาง, ปลาย-พระผายพรหม- - - - ะจรรย์ O สมบูรณ์พร้อม-อรร-ถะ-ปวงและช่วง-วรร-คะ-พ-ยัญชน์ รสธรรมพระนำผัน - - - พะใจ O สงฆ์ทั้งหลาย ! ค-ติ-ธรรมและสัม-มรร-คะ-ประ-ไพ เอื้อชนพิมลใน - - - คะนึง O ย่อมเกื้อกูล-นุ-เคราะห์-โลกละโศก-ทุ-ขะ-ระ-รึง จิตเทพมนุษย์พึง- - - - ภิรมย์ O พราหมณ์เอย ! เมื่อ-รั-ตะ-กาลประสาร-ภ-วะ-ประ-สม กลับว่าทิวากลม- - - - ภะกาล O พราหมณ์เอย ! เมื่อ-ทิ-วะ-ผ้ายผกาย-รุ-จะ-ประ-สาร ว่ารัตติคาบดาล - - - ประดัง O ย่อมว่าพราห-ม-ณะ-นั้นมุหันธ์-จิ-ตะ-ประ-นัง เสพคลุกกะทุกขัง - - - บ คลาย O พราหมณ์เอย ! นา-มะ-ด-นูเพราะรู้-อ-นุ-เคราะห์-กาย โมหันธะบั่นหาย - - - ก็เรา O เกิดขึ้นเพื่อ-ม-หิ-ศาลประการ-คุ-ณะ-เฉลา เอื้อชนะป่นเมา- - - - หะมี O กาลเมื่อเหล่า-กุ-ละ-บุตรตระกูล-คฤ-ห-บ-ดี ฟังธรรมะคัมภี- - - - ระตรอง O ครั้นตรองแล้ว-ธรร-มะ-สัจจ์วิวัฒ(ะ)-นะ-คระ-ลอง ดาลศรัทธ์ระบัดครอง - - - กมล O ย่อมตรึกเห็น-บรร-พ-ชาจะอา-ศั-ยะ-ระ-คน- พรหมจรรยะบันดล - - - ละเรือน O ปลงผม, ภู-ษิ-ตะ-ย้อมประนอม-บ-ทะ-เสมือน- ผู้ยึดประพฤติเลือน - - - ละงาม O ธรรมอันซึ่ง-พระ-สุ-คตกำหนด-พฤ-ติ-พิ-ราม เพื่อดับระงับทราม - - - ประทัง O นั้นคือชา-ติ-ช-ราและภา-วะ-ม-ร-ณัง ต้นเหตุอุบัติยัง - - - สุคต O สามธรรมนั้น-ด-ละ-เหตุพิเศษ-อุ-บั-ติ-บท พรหมจรรย์ถวัลย์รส - - - ดำรู O เพื่อโลกนี้-สั-ทะ-ธรรมจะค้ำ-ม-ฤ-ต-ยู เกื้อกูลวิทูรรู้- - - - ละวาง O เพื่อจิตชำ-นะ-จะ-รู้จะสู่-วิ-มุ-ติ-ทาง ล่มมาระผ่านขวาง - - - ระคาย O สงฆ์ทั้งหลาย ! ม-ร-คาตถา-ค-ตะ-สยาย ภาษชี้พิถีกลาย - - - เคราะห์กรรม- O –ย่อมเปิดโล่ง-เฉพาะ-ผู้จะรู้-ประ-พฤ-ติ-สัม- มาวัตรสมรรถทำ- - - - นุใจ O พึงเสพบท(ะ)-เกษมะเขม-ร-สะ-ประ-ไพ ล่วงภาวะอาลัย- - - - ะลาญ O เธอพึงเนา-กะ-ประ-โมทย์และโภ-ช-นะ-ประ-การ จากโยคะโอฬาร - - - เถอะรา ................................................................ ๔ O เบญจางค์ประดิษฐ์น้อม - - - นอบกร นบดิลกชิเนนทร - - - อธิกไท้ คุณพระยิ่งอาภรณ์ - - - พาดห่ม- คลุมทั่วตรีภพไว้ - - - หว่างถ้อยธรรมกถา ฯ O นบธรรมุตม์เทียบพร้อม - - - พากย์สอน สัตว์แฮ คลี่อรรถขัดอาวรณ์ - - - ข่มไว้ โกรธเกลียดลุ่มหลงถอน - - - ถอดจาก จิตนา ตัดเหตุสู่ผลได้ - - - ดับสิ้นสังสาร ฯ O ส่ำสัตว์อันอยู่ด้วย - - - โดยโม หะเอย ยกภาษยิ่งภิญโญ - - - หยัดชี้ เผยทางผ่านทุกข์โท- - - - มนัสจิต แจ้งแฮ ส่องมืดหม่นก่อนกี้ - - - กลับเรื้องจำรูญ ฯ O พระล่วงพระล่องล้น - - - โลกลับ สู่อมฤตกลายกลับ - - - เกลศร้อน เหลือธรรมแผ่รำงับ - - - เงาโศก พจน์ภาษคอยปรุงป้อน - - - ป่นร้ายคลายแสลง ฯ O กอปรประนมนัขน้อม - - - บังคัล คุณพระไตรปิฎกธรร- - - - มุตม์แม้น- สายธารอมฤตบรร- - - - โลมซาบ- ซับจิตชนทั่วแคว้น - - - ผัสสะห้วงนิรวาณ add complete by Klonthaiclub fb (https://www.facebook.com/poemwebboard) หัวข้อ: Re: O องค์ธรรมแห่งวิสาขะมาส .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 13 พฤษภาคม 2014, 08:04:AM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2011&date=25&group=41&gblog=29 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2011&date=25&group=41&gblog=29) O บัวดอกนั้น ..O O ด้วยว่าบัวจักบานเมื่อก้านโผล่- พ้นน้ำ-โล้ลมลูบ .. อวดรูปโฉม กลีบดอกแย้มยั่วภู่ .. ให้จู่โจม- ลงตฤปโลมหวานหอมที่น้อมรอ O คลี่เรียวดอกรับแสงที่แรงร้อน ให้เกสรเชิดสร้อยขึ้นลอยล่อ- เรณูหวานซ่านหอมก็ย่อมพอ- เพียง-สานต่อสืบเหง้า .. คงเผ่าพันธุ์ O พุ่งฝ่าพื้นสินธู .. เชิดชูสิทธิ์- เอื้อชีวิต .. เป็นมีด้วยสีสัน ช้อยกลีบบาน .. ผึ้งภู่ .. ฤๅ-รู้ทัน- หวานหอมนั้น .. อวลกลิ่นให้บินวน O เพียงลมและแสงสรวงที่ช่วงโชน ฤๅ-รู้กลิ่นตม-โคลน .. ที่โคนต้น ? เยี่ยงปูปลาทั้งหลายที่ว่าย-วน กลางฝุ่นดินขุ่นข้นแสนหม่นมัว O โอ้งาม .. ราวจะงามไปสามโลก พร้อมลมโบกบ่าระลอกราวหยอกยั่ว ใบขาบเขียวแผ่บาน .. และก้านบัว- คล้ายโยกตัวล้อน้ำอยู่ร่ำไร O ดอกตูมอันเกลือกโคลนที่โคนต้น สุดฝ่าน้ำขุ่นข้นขึ้นพ้นได้ เรียวกลีบจะอาจบาน .. ณ กาลใด เมื่อหรุบดอกหลับใหลอยู่เช่นนั้น O โองาม .. ที่จะงามไปสามโลก เห็นแต่เพียงเปียกโชก .. คอยโยกสั่น- อยู่เรี่ยตมติดดินตราบสิ้นวัน จักกี่พันแสงภาส - ฤๅอาจ .. โลม ? O ฝุ่นดินโคลนปลิวป่าย .. รำบายหมอง แทนเรื่อรองแสงรุ้งเข้าปรุงโฉม ยังว่าหม่นหมองรูปที่จูบโจม อาจยังโสมนัสสู่ .. เต่า ปู ปลา O ขลุกคอยสมาคม .. กับตมโคลน ดอกก้านโอนเอนอยู่ .. ราวรู้ว่า- แสงบนสรวงลิบพู้นเกื้อกูลมา ไม่อาจฝ่ามืดดำกลางน้ำริน O ร่ำรมย์รสตมดินในถิ่นล่าง ช่อดอกตูมแช่ค้างอยู่กลางสินธุ์ ฤๅ-จะอาจรับรู้ .. ผึ้งภู่-บิน และลมรินรวยสู่ .. ฤดูกาล O จุดประทีปโคมไฟ .. ขึ้นไขแสง มืดย่อมแฝงรอยสิ้น .. พรากถิ่นฐาน ภาพบัว-ผ่านจิตเพ่ง .. นั้นเบ่งบาน แสงวันก็โลมผ่าน .. ดอกก้านใบ O กลางประทีปโคมทอง .. อันรองเรื่อ ภาพที่เหลือ-บัวต่ำ, สายน้ำไหล เต่าปูปลากัดกินจนสิ้นไป เหลือก้านดอกเศษใบ .. อยู่ใต้น้ำ O ดวงไฟเต้นเปลวปะ .. รูปพระแผ้ว กระทบแก้วนัยน์ตาทั่วหล้าต่ำ สะท้อนแววตอบรับ .. ลำดับธรรม เช่นบัวสัมผัสรู้ .. ฤดูลม O ดวงไฟเต้นเปลวปะ .. รูปพระพุทธ บริสุทธิ์บัวหมู่ .. ก็รู้ฉม เอื้อมเด็ดดึงคุณค่าควรปรารมภ์- กุมดอกก้มกราบลง .. หน้าองค์พระ ! |