หัวข้อ: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 15 มีนาคม 2014, 08:30:PM ที่มา ..
ตอนที่ 1 .. http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2013&date=16&group=159&gblog=2 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2013&date=16&group=159&gblog=2) ตอนที่ 2 .. http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2014&date=11&group=159&gblog=4 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2014&date=11&group=159&gblog=4) (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1384005705.jpg) อารัมภบท .. ร่าย O ศรีอยุธยาไพจิตร - - - ราวนิมิตแดนสรวง ตอบคำบวงบรรหาร - - - เอี่ยมโอฬารรูปลักษณ์ ลงจำหลักปฐพินทร์ - - - รองรับยินดีโลก เกียรติบ่ายโบกกำจาย - - - พ้องบรรยายเรื่องราว ภาพปรางค์วาววับแสง - - - ช่อฟ้าแซงเสียดยอด เจดีย์ทอดเงาอ้อน - - - แดดรุ่มร้อนยามสาย พฤกษ์ปลิวปลายยอดรับ - - - แสงจู่จับลมล้อม ใบลู่น้อมแนวระเนน - - - ต้นอ่อนเอนแอบใบ เวียงวังในเบื้องหน้า - - - กองแกล้วกล้าเรียงตอน พร้อมราญรอนไพรินทร์ - - - ป้องธาณินทร์สินธู ร่วมบำรูชาติให้ - - - ปลอดเศิกเสี้ยนเหนือใต้ ปลดไข้ขุกเข็ญ - - สิ้นนา แผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา .. พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 7 แห่งกรุงศรีอยุธยา ราชวงศ์สุพรรณภูมิ พศ.1975 ๔ O แสะ,สาร,แกล้ว,เคลื่อนคล้อย - - - คลาขบวน ธง,หมวก,ดาบ,ขอ,ทวน - - - ทั่ว-พร้อม แผ่วหอมกรุ่นมาลย์หวน - - - ลมหอบ หาเนอ คล้ายร่วมบำเรอ, น้อม - - - นอบก้านชุลีกรรม ฯ O เหือดฝนเห็นฝุ่นฟุ้ง - - - ฝากยาม เริ่มศึกเสี้ยนคุกคาม - - - ขอบแคว้น กัมพุชกำแหง, ลาม - - - ปามลอบ ปล้นนา ใจที่ขุ่นที่แค้น - - - ย่อมแค้นจนขม ฯ O ผืนธงพลิกพลิ้วรูป- - - ระบัดลม พร้อมหมู่ชายปรารมภ์ - - - รบป้อง- เขต, เอา-เลือด,ร่าง ถม - - - ลงทับ ถิ่นนา ยอเกียรติยศให้ก้อง - - - เกริกหล้าแหล่งสถาน ฯ O แดดสายทอส่องต้อง - - - ตอน-พล เมื่อฝุ่นลอยอลวน - - - แวดล้อม- ขอ,ง้าว,ดาบ,จิตจะรณ - - - รบศึก ทั่วทัพทั้งทัพพร้อม - - - พรั่งพร้อมเข้าผลาญ ฯ O นาเนกสุโนกร้อง - - - รัวเกรง หรุบปีกหลีกกุมเหง - - - หว่างไม้ คน,สัตว์-ข่มวังเวง - - - วอดบท เหลือบทขุ่นข้องไว้ - - - บดขยี้ตีขอม ฯ O พรากเมือง, เพียงแมกไม้ - - - มองชม เสียงเอ่ยอ้อน, เพียงลม - - - ลูบไล้ แก้มเนียนอิ่ม, เพียงฉม - - - ชื่นกลิ่น มาลย์นา กุมกอปรคำนึงไว้ - - - หว่างร้อนการณรงค์ ฯ O ใจนั้นย่อมห่วงละห้อย - - - คอยหา ทุกเหม่อลอย, แววตา - - - ย่อมแต้ม- ติด-ด้วยรูปปรารถนา - - - เนื้อนิ่ม แม่แม่ จำหลักล้วนกลิ่นแก้ม - - - กรุ่นไว้เวียนถวิล ฯ O แผ่วพลิ้วลมลูบไม้ - - - มวลผกา นึก-ออดอ้อนเพรียกนา - - - สิกชู้ เนียนแก้ม, ช่อเกสรา - - - อวลกลิ่น จนจบลงรับรู้ - - - รสแล้ว, จะแล้วหรือ ฯ O ป่านนี้คงโอดอื้น - - - อาดูร กรอมโศกกำสรดพูน - - - เพียบหน้า หาก-เพื่อชาติไพบูลย์ - - - บทเลื่อง ลือเนอ จำ-ขับข่มชั่วช้า - - - ไป่ช้าคืนหวน ฯ O ช้าง, ม้า, คน-เคลื่อนคล้อย - - - ใจครวญ มาทัพ, พรากเรือน, นวล - - - ห่างห้อง ถ้วนเหตุที่พาหวน - - - มาห่าง ทวน, ดาบ, ใจขุ่นข้อง - - - จักสะบั้นบั่นคอ ฯ O ดาบต้องแดดวาบล้อ - - - อารมณ์ เนื้อ, เลือด, ชีพ-รอถม - - - ถิ่นให้- รับรู้-โทษทัณฑ์, คม - - - ดาบขุ่น ข้องเวย บ่มทุกข์เข็ญขื่นไข้ - - - บีบเค้นขอมเขมร ฯ O เคลื่อนทัพมาป้องศักดิ์ - - - ศรีอโย ธยาเฮย ล้อมกักให้เสื่อมโส - - - มนัสสิ้น ย่ำเหยียบเกียรติภิญโญ - - - ให้ย่อย ยับแล เพรียก-เร่าร้อนเดือดดิ้น, - - - พลุ่งย้อมดาบสยาม ฯ (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1359248510.jpg) O ปราสาทสูงเสียดฟ้า - - - เฟือนสรวง หิน-แกะรูปบำบวง - - - ทิพทั้ง- หกฟ้า, กล่อมเกลาดวง - - - จิตศรัท ธาเนอ จำหลักไว้เหนี่ยวรั้ง - - - จิตรู้วิทูวิถี ฯ O รูปหินแกะก่ายก้อน - - - เรียงกัน โถง, แท่น, เทพ, รำพัน - - - พร่ำพร้อง อัปสรร่ายรำ, บรร - - - โลมต่อ ทิพเนอ ยามแว่วเสียงทัพร้อง - - - เร่งล้อมทำลาย ฯ O แสะ, สาร, แกล้ว-เคลื่อนเข้า - - - คุกคาม อำนาจแสนยาสยาม - - - บดขยี้ โดยอธิราช, เจ้าสาม - - - พระยา-ยก มาเนอ ย่ำเหยียบขอมป่นปี้ - - - ศักดิ์สิ้นเสรีสลาย ฯ O คมดาบวาบผ่านแล้ว - - - เลือดริน คมแทรกเนื้อ, ทรพินทร์ - - - ร่วงพื้น ดาบเดียว, วูบเดียว-ภิน - - - ทนะกิจ แล้วแล เลือดอุ่น, เสียงโอดอื้น - - - อาจรู้สิ้นหรือ ฯ O คมดาบวาบผ่านแล้ว - - - บรรลัย คมเสียด-เนื้อ, กระดูก, ขัย - - - ฆาตสิ้น ดาบเดียว, เดือดเดียว, ภัย - - - พังพาบ ใช้ดาบพูดแทนลิ้น - - - ย่อมแล้วโดยเร็ว ฯ O ขุนขอมเคยห่ามเหี้ยม - - - สิ้นหาญ ศักดิ์ชาติเอี่ยมโอฬาร - - - ล่มแล้ว เพียงเศษซากวิญญาณ - - - ย่างย่ำ โซ่, ขื่อคา-ฤๅแคล้ว - - - ครอบค้ำคอขอม ฯ O เชลยศึกถูกกวาดต้อน - - - ตามวิถี ศึกนา อำมาตย์, ขุนนาง, มณี - - - ปลั่งน้ำ อัปสร, ระบอบพิธี - - - บวงเทพ รวบ, ริบ -เว้นชอกช้ำ - - - ชดใช้อหังการ ฯ O ยาวเหยียดแถวผู้พ่าย - - - ผลรบ ยกย่างก้าวอย่างสงบ - - - เงียบแท้ อับอาย, อดสู, ครบ - - - ครันอยู่ ศักดิ์และสิทธิ์ผู้แพ้ - - - พ่ายนั้นพร้อมไฉน ฯ ๒ O จนทัพศึกย่ำก้าว - - - ถึงอกเมือง, รูปอะคร้าว- อยู่เฝ้าจึ่งเห็น O จนดวงเนตรเหลือบชม้อย - - - ชม้ายสบ, ความละห้อย จึ่งแห้งเหือดหาย O จนอ้อมแขนโอบไว้ - - - อกอุ่นแนบชิดใกล้ สร่างสิ้นฤๅเขษม O จบจูบแก้มนิ่มเนื้อ - - - อย่างแผ่วเบา, รูปอะเคื้อ สั่นสะเทิ้นสุดถอน (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1362216001.jpg) O จบจูบ, ตาซ่อนยิ้ม - - - ถูกจบจูบ, ตาพริ้ม- หลบ-สะท้อนสะท้านเขิน O หน้าแนบอกกระซิบอ้อน - - - งามยิ่ง-ยามเหลือบค้อน ฝ่าร้อนปรารถนา O เอวคอดกิ่วรูปแก้ว - - - ถูกโอบรั้งเหนี่ยวแล้ว จักแคล้วคลาดหรือ O หอมกรุ่นผิวผ่าวเนื้อ - - - เพรียกเร่าร้อนโชนเชื้อ อุ่นเอื้ออาวรณ์ O กลางจันทร์รูปต่ายแต้ม - - - กลางอกอวลกลิ่นแก้ม ยั่วแย้มรมยา O โอบนั้น-คือโอบเนื้อ - - - เพรียกอุ่นให้อุ่น-เชื้อ- ช่วงร้อนระเร้าระรุม O แผ่ว-ออดอ้อน,โอดอื้น - - - ผิว-ผุดผ่องพลิ้วพื้น ผ่าวน้อมตฤษณา O แว่ว-กระซิกระส่ำสร้อย - - - แว่ว-ออดอ้อนอ่อนน้อย ข่มละห้อยฤๅหาย O แว่ว-นกค่ำหวีดก้อง - - - พร้อม-อีกเสียงหวีดร้อง กลบสิ้นสรรพเสียง . . หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 16 มีนาคม 2014, 08:23:PM ๔
O แขนเนียนคล้องเหนี่ยวรั้ง - - - ร่ำรอ- โน้มจบเนื้อนวลลออ - - - อุ่นให้- เสียงครวญสั่นเครือ, คลอ - - - เคล้าโสต พี่แม่ กอด, กล่อม, อยู่ชิดใกล้ - - - กล่าวล้วนคำประโลม ฯ O เหนี่ยวโลกทั้งโลก-ห้อม - - - แหนขวัญ กับออดอ้อนจำนรรจ์ - - - นั่น-นี้ แววตาอิดโรย, พลัน - - - เขินหลบ เมื่อรูปการณ์ก่อนกี้ - - - กลับย้อนกระหึ่มกระเหิม ฯ O อบอวลคำเอ่ยอ้อน - - - ออดแสดง แผ่วกระซิบความแฝง - - - ฝากชู้ เยี่ยงหวานสุมาลย์แจรง - - - จรดหยาด ผึ้ง, ภู่, คน แต่รู้ - - - หลั่งน้ำใจสนอง ฯ O ปีกบางหรุบปีกล้อม - - - ละอองมาลย์ ตฤปรสเรณูหวาน - - - หว่างไม้ อกอุ่น-อุ่นเนื้อคราญ - - - ครวญ-กล่อม แตะรูปตฤปรสให้ - - - แต่ละห้อยระโหยหา ฯ O หอมกรุ่นกลีบดอกเชื้อ - - - เชิญภมร แต่เมื่อเสียงเว้าวอน - - - แว่ว-กระชั้น แยกฤา-สุมาลย์, สมร - - - หอม-อุ่น เสียง, อุ่น, หอม-ยามนั้น - - - ประณีตล้ำคำแถลง ฯ O แล้วเล่าหลังตฤปรู้- - - รสสุคนธ์ เบิกบทความอลวน - - - ว่อนล้อม แล้วเล่าจากอนุสน- - - - ธิรูป เพรียกจิตวิญญาณพร้อม - - - ปลีกพ้นนิพพิทา ฯ O แอบ-อุ่นนวลอ่อนน้อย - - - นงพะงา พิมพ์รูปรสตฤษณา - - - เหนี่ยวรั้ง- ให้โลกล่มลับคา - - - เสียงคร่ำ ครวญเนอ อย่างแผ่วเบาซ้ำครั้ง - - - คร่ำละห้อยคอยหวน ฯ O หอมเอยกลางแห่งห้วง - - - เสน่หา กลบรูปรสกุสุมา - - - มอดเชื้อ อวลกลิ่นกล่อมถึงนา- - - - สิก-รูป ให้รับรอง, โอบเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลนิรันดร์ พระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ พศ. 2000 O ปลดขื่อคา, ถ่ายทิ้ง - - - ทรมาน สืบเผ่าพงศ์, บริบาล - - - บทไว้- สร้าง-เกณฑ์กรอบ, พิธีการ - - - ใช้ปก ครองเนอ สืบลูกสืบหลานให้ - - - ห่วงด้าวแดนสยาม ฯ (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1360985732.jpg) O แรกรุ่งสุริยะเรื้อง - - - โรยทาง ขับมืดหม่นสลัวลาง - - - เลื่อนพ้น รูปหนึ่งหยัดสรรพางค์ - - - พร้อมหมู่ บ่าวเนอ รอบาตร, จิตท่วมท้น - - - ศรัทธะ, ถ้อย, อธิษฐาน ฯ O งามพร้อม-รูปพักตร์ล้ำ - - - เลอสมร ลอบเหลือบเนตร, ดั่งวอน - - - เลศไว้ อิริยาทุกช่วงตอน - - - เตรียบรูป รอเนอ รอ-ตอกตรึงจิตให้ - - - แต่ละห้อยถวิลเห็น ฯ O แถวพระยกย่างก้าว - - - ยอกรรม- ขึ้น-เทียบ, ทาน-สภาพธรรม - - - เท็จ-แท้ อุ้มบาตรห่มบุญ, กำ- - - - จัดโลก ย่ำโลกเหยียบโลก, แก้ - - - บ่วงรั้ง-ปลาตรอย ฯ O โอภาสธรรมพระล้าง - - - หม่นหลัว แต่เมื่องามเตรียบตัว - - - ต่อหน้า คำข้าว, คำพระ, หัว- - - - ใจหนึ่ง หอม, แว่ว, ล่มเหว่ว้า - - - วาบสิ้นวายสูญ ฯ O ผ้าแดงเข้มห่มเนื้อ - - - นวลอนงค์ ไหล่พาดสไบขาวลง - - - ลูกไม้ ผมยาวรวบเป็นทรง - - - เกล้าเสียบ ปิ่นแล เลือดฝาดลูบแก้มไว้ - - - ระหว่างเช้าเบิกโฉม ฯ O หอม-ข้าวหอม, ดอกไม้, - - - ดวงมณี- แสงอ่อน, แถวพระลี- - - - ลาศ-คล้อย, กรผุดผ่อง, ทัพพี - - - ผจงจับ กอปร-ภาพงามแช่มช้อย - - - อยู่เชื้อเชิญประชัน ฯ O บุตรีอำมาตย์เชื้อ - - - ชาติขอม หลังพ่ายศึกจำยอม - - - ถูกต้อน- สู่แดนต่างด้าว, ประนอม - - - ปวงขนบ ถวายแล เผยรูป-เพรียกรุมร้อน - - - รบเร้าแรงถวิล ฯ O คำข้าว-เจ้าคดน้อม - - - นำลง- สู่บาตร, เกื้อกูลสงฆ์ - - - สืบไว้ เตยหอมอีกช่อ-บง- - - - กชมอบ ท่านนา มือจบ, คอค้อมไหว้ - - - สืบสร้างทางกุศล ฯ O คำข้าว-เจ้าคดน้อม - - - นำถวาย พร้อมเพ่งจิตรำบาย - - - บอกเนื้อ- ความ-ทุกข์โศกพึงวาย - - - วอดบท เพรียกสุขศานติ์ผ่านเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลถนอม ฯ O ห่มเหลือง, มืออุ้มบาตร - - - ยอบุญ- ลงเทียบมือเรียวละมุน - - - ละเมียดแก้ว เมตตาจิตยามอรุณ - - - รับ-ส่ง ตาสบ, พักตร์ผ่องแผ้ว - - - พร่างแพร้วพรายตา ฯ O ลาทัพออกบวชให้ - - - บุพกา รีเนอ เทียบเที่ยวทางปฏิปทา - - - ถูก-แท้ ย่ำเหยียบแต่มรคา - - - ควร, ชอบ ทุกบ่วงรัด-แกะแก้ - - - กร่อนสิ้นปลาตสูญ ฯ O ฤๅ-พรหมพาผ่านพ้อง - - - พบกัน จูงจับภพพรหมจรรย์ - - - จบหน้า- รูปเพ็ญลักษณานัน- - - - ทิต่อ ตาแล เช้าที่เคยผ่านช้า - - - กลับช้ากว่าเคย ฯ O รูปพรหมจรรย์เพ่งนิ้ว - - - เรียวนวล เมื่อรูปงามประหนึ่งชวน - - - ชิดใกล้ หอมเอยกลิ่นข้าวอวล - - - อบอยู่ หอมเยี่ยงนี้มีได้ - - - แต่ด้วยเสน่หา ฯ O เส้นทางเบื้องหน้าทอด - - - ยาวไกล ลมหวีดแว่ว, ไม้ใบ - - - ระบัดเต้น แดดพร่าง, พักตร์อำไพ - - - เผยทาบ ตาแล แทรกรูปรอยแฝงเร้น - - - รุกเร้าอารมณ์ ฯ O เที่ยวทางเบื้องหน้า, ร่ม - - - ใบบัง เมื่อเที่ยวทางเบื้องหลัง - - - ลับแล้ว รูปหนึ่งค่อยแทรกฝัง - - - ฝ่ายจิต แลจิตนั้นฤๅแคล้ว - - - คลาดละห้อยถวิลเห็น ฯ O ตาชาย, รูปชดช้อย - - - ชำเลือง ลมร่ำ, แดดแรกเรือง - - - เรื่อฟ้า รูปงาม, รูปห่มเหลือง - - - ลอบสบ ตาเนอ โลกจากนั้น - เพียงหน้า - - - อ่อนน้อย-คอยคะนึง ฯ O แสงแรก, อกรุ่มร้อน - - - เรื่อ, รอ เนตรเหลือบ, จิตผู้ขอ - - - ข่ม, กลั้น นิ้วหยิบจับ, นวลลออ - - - เนียนต่อ ตานา ข้าว, ดอกไม้ช่อนั้น - - - นบ, น้อม-ประนอมคะนึง ฯ O เห็นเพียงปลายนิ้วหยิบ - - - จับวาง ก่อนกลิ่นหอมเจือจาง - - - จู่ล้อม สายลมรื่น, หทยางค์ - - - โยกแกว่ง มือจบ, หน้าก้มน้อม - - - นิ่ง-เชื้อเชิญชม ฯ (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1362148396.jpg) O หลังรูปงามลับหน้า, - - - คำนึง- ก็แทรกจิตติดตรึง - - - แต่นั้น แทนรำงับ, ถวิลถึง - - - โถมบท ค่อยคุกคามบีบคั้น - - - ข่มล้างฤๅสลาย ฯ O บุตรีอำมาตย์เชื้อ - - - ชาติขอม เผยรูปเพรียกตาประนอม - - - นิ่ง-ช้า ข้าว, ใจ, ช่อมาลย์-หอม - - - ถ้วนสิ่ง หอมแต่เช้าเชิญหน้า - - - แม่นั้นประสานนัยน์ ฯ ๒ O จวบรอบเดือนเคลื่อนคล้อย - - - ตาปลาบปลั่งยังชม้อย- ลอบชม้ายไป่วาง O กลางโบสถ์, หน้าพระแผ้ว - - - ลาเพศพระ, อกแกล้ว- ยากแคล้วคลาดถวิล O ธานินทร์ถ้วนถิ่นแคว้น - - - งามอาจเทียบเปรียบแม้น- แม่นั้นฤๅมี O แรกรุจี, บาตรใส่ข้าว - - - แถวพระเรียงแถวก้าว รูปอะคร้าวจึ่งเห็น O เพ็ญอำไพพักตร์ล้ำ - - - แววเนตรปลาบปลั่งน้ำ เหลือบชม้อยคอยหา (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1362216082.jpg) O แววตาชายชาติผู้ - - - เพ่งพิศงาม, รับรู้- เลศชู้หยอกเอิน O ขัดเขินกลางตรู่เช้า - - - ดูเถิดยืนหยัดเฝ้า- ฝากซึ้งตรึงทรวง O จบคำบวงนิ่งน้อม - - - ภาพแช่มช้อยลามล้อม ป่ายย้อมรมยา O ตาสบ, ตาหลบพริ้ม - - - หลังสบแววซ่อนยิ้ม อกสะท้านสั่นรัว O เผยตัว-ชายชาติแกล้ว - - - เผยร่างต่อหน้าแก้ว จักแล้วเลือนไฉน O ใจวาบ, เลือดซ่านแก้ม - - - เรื่อก่ำ, ด้วยยิ้มแต้ม- ติดเนื้อใจอนงค์ O รูปองค์-ค่อยเคลื่อนพ้น - - - ความรับรู้-หวานล้น ท่วมท้นดวงหทัย . . หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 17 มีนาคม 2014, 09:30:AM พศ. 2004
๔ O หลัง-ติโลกราชเจ้า - - - จอมคน ยกทัพแสนยาพล - - - แผ่ล้อม เพื่อศักดิ์เพื่อศรี-ชน - - - ชาวอยุท ธยาเฮย จิต, ดาบ, หอกจึ่งพร้อม - - - ปกป้องแดนสยาม ฯ O ครั้งนั้น-คือพ่อผู้ - - - ผลาญขอม คมดาบกำราบ-ยอม - - - สยบสิ้น ครั้งนี้-ลูกชายออม - - - ใจอด กลั้นฤๅ เนื้อ, เลือด, ชีพดับดิ้น - - - ดาบนี้รอสนอง ฯ O ลูกชายคุณพระผู้ - - - เพลงดาบ- รอวาดคมวกวาบ - - - แหวกเนื้อ ในสำนึกเพียงภาพ - - - โผเข่น อรินทร์เนอ พร้อมภาพงามโอบเอื้อ - - - อกไว้ประคองหวัง ฯ O ดวงตาคมปลาบคล้าย - - - รอคอย- เผยภาพ, ผุดภาพ-ทะยอย - - - ยั่วเย้า เหลียว, หัน, เหลือบ, ปริบปรอย - - - ปรุงตอบ โลกเนอ โลกที่ทุกค่ำเช้า - - - ชื่นล้ำคำประโลม ฯ O ดวงตาคมปลาบคล้าย - - - คอยพราง- ซ่อนข่มอาวรณ์, ขนาง - - - หน่วงไว้ สายใย, เยื่อใย-กลาง - - - กลองศึก รับ, ส่ง-ผ่านลมไล้ - - - ลูบเนื้อนวลถนอม ฯ O พร้อม-ภาพชายชาติผู้ - - - พร้อมรบ คือ-ภาพงามในขนบ - - - นิ่งน้อม แสงทอด, ดาบ-กรรทบ - - - สะท้อนวาบ วามแล รำลึกคุณพระ-พร้อม - - - พากย์เนื้อความเสนอ ฯ O พร้อม-ภาพชายชาติผู้ - - - พร้อมรบ คือ-ภาพแววตาสบ - - - เลศซึ้ง เอ็นดู, อ่อนโยน-ครบ - - - ครันบ่ง บอกนา หวิววาบถึงก้นบึ้ง - - - จิตแล้ว-ฤๅเลือน ฯ O คำบวงในจิตน้อม - - - นอบลง- ต่อพักตร์รูปพุทธองค์ - - - เอ่ยถ้อย จวบชีพดับ-จักคง - - - คอยอยู่- สองภพชาติพึงร้อย - - - ร่วมเนื้อนาบุญ ฯ รอยอดีต .. สี่สนมเอก .. แห่งสุพรรณภูมิ พศ. 1893 ร่าย O แต่ทวาราวดี - - - หลากหลายชีวาตม์ผอง เข้าจับจองแผ่นดิน - - - ทั้งแหล่งสินธูผืน ค่อยหยัดยืนรวมเหล่า - - - เป็นพวกเผ่าเสรี สร้างธานีขอบเขต - - - รวบรวมเจตจำนง เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ - - - ต่างราชันย์ต่างเมือง คอยบรรเทืองขุกเข็ญ - - - ให้ร่มเย็นมีสุข ในถ้วนทุกถิ่นแดน - - - ร่วมตอบแทนความชอบ สร้างเกณฑ์กรอบร่วมกัน - - - แต่ละขันธสีมา ตราบจนกาละผ่าน - - - เริ่มเชื่อมว่านวงศ์ถึง ไมตรีตรึงติดนำ - - - สร้างสัมพันธภาพสู่ ระหว่างหมู่ต่างเมือง - - - ร่วมบรรเทืองยศศักดิ์ ร่วมใจรักสมัครสมาน - - - ร่วมสืบสานอำนาจ รวมศูนย์อาชญาภาพ - - - ณ ที่ราบลุ่มเจ้า- พระยาเข้าเป็นหนึ่ง - - - สองกลุ่มซึ่งร่วมกัน คือสุพรรณภูมิปุระ - - - และจากละโว้บุรี สานไมตรีเครือญาติ - - - รวมอำนาจจุนเจือ จากด้านเหนือลงมา - - - ร่วมตั้งธานีใหม่ ร่วมเป็นใหญ่ในที่ - - - น้ำไหลรี่บรรจบ แยกผืนภพเป็นเกาะ - - - เจ้าพระยาเลาะโลมฝั่ง ป่าสักหลั่งบรรจบ - - - ตอนเหนือลพบุรีล้อม เป็นเกราะห้อมแผ่นดิน - - - ป้องอรินทร์พวกพาล ร่วมสืบสานธรรมพุทธ - - - กรุงศรีอยุธยานาม เพรียกตามชื่อเมืองเดิม - - - จึงต่อเติมสร้างวัง ทำเลหลังวัดพระราม - - - นิเวศม์คามกอปรสุข ปวงผองทุกข์หลีกลี้ - - - พระย่อมคอยช่วยชี้ นั่นนี้ถ้อยแถลง - - - คดีนา (http://www.bloggang.com/data/sdayoo/picture/1220967183.jpg) ๔ O เบิกเบื้องอตีตะพู้น - - - ปฐพี แต่ละโว้สุพรรณบุรี - - - ร่วมด้าว แผ่นดินถิ่นฐานมี - - - มาก่อน ยกอู่ทองท่านท้าว - - - ที่ไท้ในสถาน ฯ O รับรองสถานภาพด้วย - - - ดุษฎี เงื่อนเหตุจากบารมี - - - มากล้น สถาปนาราชธานี - - - เหนือถิ่น เดิมแฮ ด้วยทำเลเหมาะพ้น - - - แผ่นพื้นไผทไหน ฯ O สืบแต่เมืองละโว้ฟาก - - - ฝั่งขวา- แห่งน่านน้ำเจ้าพระยา - - - รากเหง้า สุพรรณภูมิฝั่งซ้ายมา - - - ร่วมร่ม ฉัตรเนอ ร่วมสุขอยู่ค่ำเช้า - - - ทุกเชื้อชาติชน ฯ O นครสวรรค์เหนือสุดด้าว - - - แดนอยุทธ เมืองเพชรบุรีซ้ายสุด - - - จัดตั้ง ขวาจดน่านน้ำสมุทร - - - ชลบุ รีเฮย คือขอบขันธสีมาครั้ง - - - แรกพร้องเพรียกสยาม ฯ O เวียงวังตระหง่านเงื้อม - - - เงาแสง ป้อมค่ายคูกำแพง - - - รอบล้อม บัลลังก์ร่มฉัตรแปลง - - - เปลี่ยนอาชญ ภาพนา เกริกพระเกียรติยศพร้อม - - - เพียบพื้นปฐพินทร์ ฯ O ทำเลอยู่ด่านหน้า - - - เมืองเหนือ ปากแพร่งทางเดินเรือ - - - แวะ-ค้า แลกเปลี่ยนร่วมจุนเจือ - - - ด้วยต่าง แดนแล พูนเพิ่มอย่างช้าช้า - - - แต่ล้วนทรัพย์สิน ฯ O โอรสแห่งท่านท้าว - - - อู่ทอง คือพระราเมศวร์รอง - - - ฉัตรแก้ว สายวงศ์ละโว้ครอง - - - เมืองลพ บุรีนา เป็นหน่อพุทธเจ้าแล้ว - - - อยู่ล้อมบัลลังก์ ฯ O จึงยามสิ้นท่านท้าว, - - - โอรส- เถลิงเกียรติถวัลย์ยศ - - - เยี่ยงเจ้า จึงหลวงพะงั่วปรากฎ - - - พร้อมอาชญ ภาพแล พันหมื่นแกล้วเหยียบเข้า - - - อกด้าวแดนสยาม ฯ O ครั้งขุนหลวงพะงั่วผู้ - - - ปิตุลา เต็มเปี่ยมด้วยเดชา - - - ชื่อชั้น ไม่น้อมรับศักดินา - - - หลานแต่ แรกเนอ ประสบการณ์บารมีนั้น - - - ต่างชั้นเชิงกระบวน ฯ O เมื่ออู่ทองท่านท้าวสู่ - - - สวรรค์บน ควรแต่ผู้ชาญกล - - - ศึกแกล้ว ขึ้นครองร่มฉัตรปรน - - - เปรอยศ ศักดิ์แล หลานรวบรวมคนแล้ว - - - กลับละโว้เถิดหรือ ฯ O สุพรรณภูมิเพียบพร้อม - - - พลังพล ด้วยจิตมาเพื่อจะรณ - - - รบแล้ว ยอมรับท่านท้าวบน - - - บารมีส่วน ตัวแล ราเมศวร์-ยอม-คุมแกล้ว - - - กลับละโว้ถิ่นฐาน ฯ O ยินยอมด้วยสุดต้าน - - - ต่อตี ร่มฉัตรบัลลังก์มี - - - มอบให้ แล้วคุมพยุหะโยธี - - - ยกกลับ ละโว้นา จำพรากอยุธยาไว้ - - - เพื่อย้อนมาเยือน ฯ O ภูมิภาคสมภพพร้อม - - - ไพบูลย์ โดยเดชขัตติยาดูร - - - ดับร้อน โอกาสอาชญภาพพูน - - - เพียบอยู่ กิตติศักดิ์เสพซ้ำซ้อน - - - ส่งให้หวงแหน ฯ O ครั้นขุนหลวงพะงั่วไท้ - - - สู่สถาน ทิพแฮ สมเด็จทองลันกุมาร - - - หน่อเชื้อ ครองร่มฉัตรชั้นตระการ - - - กอปรกิต ติยศแล ราเมศวร์เห็นการณ์เอื้อ - - - ออกหน้ามาเสนอ ฯ O ทัพแกล้วจากละโว้เหยียบ - - - อยุธยา ขัตติยะเยาวชันษา - - - สุดสู้ ชีวาตม์บัดพลีอา- - - - รมณ์เดียด ฉันท์เนอ อำนาจอาชญภาพกู้ - - - กลับละโว้ฝั่งขวา ฯ O เจ้าทองลันจับได้ - - - โดยพลัน ด้วยศักดิ์แห่งราชันย์ - - - ชาติเชื้อ โลหิตเมื่อต้องทัณฑ์ - - - ห้ามรด ดินนา คุมชีพชนม์หน่อเนื้อ - - - นั่งหน้าหลักประหาร ฯ O ท่อนจันทน์ขาวขนาดไม้ - - - เหมาะกำ มือนา ผ้าปิดคลุมเศียรนำ - - - ครอบไว้ เพชรฆาตเคร่งครัดบำ - - - บวงเทพ ท่านนา ขออโหสิกรรมไท้ - - - ที่ต้องกระทำการณ์ ฯ O เสร็จพิธีฤกษ์พร้อม - - - ท่อนจันทน์- ตวัดหวดกระเดือกพลัน - - - ชีพม้วย จึงเศียรยุวราชันย์ - - - อ่อนพับ แล้วแฮ ร่มฉัตรบัลลังก์ด้วย - - - อาจหิ้วหอบหรือ ฯ (http://www.bloggang.com/data/sdayoo/picture/1220882436.jpg) O สืบวงศ์ละโว้ที่ - - - อยุธยา แลเนอ สมเสพด้วยศักดินา - - - อยู่พร้อม อำนาจขอบขันธสีมา - - - มอบสู่ หัตถ์เฮย กอดเกี่ยวความนอบน้อม - - - แนบข้างเสนอสนอง ฯ . . หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 17 มีนาคม 2014, 07:19:PM พศ. 1927
O ทัพแกล้วกรุงอยุทธขึ้น - - - ล้านนา ครันครบพยุหะศาตรา - - - เร่งล้อม เชียงใหม่สุดต้านหา- - - - ยนะสู่ เมืองแล แพ้พ่ายเศียรจำค้อม - - - คลั่งแค้นอดสู ฯ O ราษฎรจึงกวาดต้อน - - - ลงมา เมื่อทัพหลวงยาตรา - - - หมู่แกล้ว ผ่านพิษณุโลกจึ่งรา- - - - ชันย์แวะ ประทับเนอ สมโภชน์พระชินราชแล้ว - - - กลับย้อนอโยธยา ฯ O ส่งราษฎรไปไว้ที่ - - - เมืองจันทร์- ทั้งพัทลุง, นครศรีธรร- - - - มราช, พร้อม สงขลาแต่เบื้องบรร- - - - พกาลยุค นั้นนา ชาว"ละคร"จำน้อม - - - นอบด้วยดุษณี ฯ O เมื่อสิ้นพระราเมศวร์ไท้ - - - ในยาม นั้นนา โอรสท่าน-พระยาราม - - - รับซ้อง- สู่ร่มฉัตร, ครองคาม- - - - แคว้นถิ่น ต่อนา วงศ์ละโว้อโยธยาพร้อง - - - เพรียกข้างฝ่ายขอม ฯ O สันตติวงศ์สืบเชื้อ - - - ราชันย์ ไร้กฎเกณฑ์ระบุบัน- - - - ทึกไว้ เพียงแค่ครอบครองบัล- - - - ลังก์อยุทธ แลเนอ เขตสุพรรณบุรีไซร้ - - - สุดเอื้อมข่มเหง ฯ O สุพรรณภูมิมิตรแท้ - - - สุโขทัย สอดแทรกกิจภายใน - - - ฝ่ายนี้ สัมพันธภาพเมืองไกล - - - ควรกล่าว เป็นคู่คิดช่วยชี้ - - - แนะให้ความเห็น ฯ O สืบสัมพันธภาพไว้ - - - ผ่านเครือ ญาติเนอ คานอำนาจอยุธยา, เหลือ - - - เขตใต้ อำนาจส่วนสยาม-เหนือ - - - รวมแน่น แฟ้นนา การทัพการศึกไซร้ - - - ร่วมไม้ร่วมมือ ฯ พศ. 1952 O เมื่อยามขัตติยะไท้ - - - ถึงที พิโรธนา กุมกักเจ้าเสนาบดี - - - เร่งล้อม ครั้งนั้นท่านเจ้าหนี - - - รอดหลุด ได้แล สู่ปท่าคูจามน้อม - - - นอบด้วยสุพรรณภูมิ ฯ O เสนาบดีกิตติยศล้ำ - - - เลอนาม จากแวดวงศ์เจ้าสยาม - - - รากเหง้า ถูกหลู่เกียรติคุกคาม - - - เกินข่ม เก็บแล เชิญทัพพระอินทราชเจ้า - - - ย่ำก้าวเหยียบเมือง ฯ O สมเด็จพระอินทราชเจ้า - - - จอมสยาม ยกทัพสุพรรณภูมิลาม - - - รุกล้อม เจ้าเสนาบดีตาม - - - ต่อศึก ด้วยนา ปล้นพระนครได้พร้อม - - - ผ่านให้นั่งเมือง ฯ O รอนศรี, รอนศักดิ์แล้ว - - - พระยาราม ภูมิภาคปท่าคูจาม - - - มอบไท้ สิ้นวงศ์อู่ทองตาม - - - แต่เหตุ นั้นนา ถึงยุคสุพรรณภูมิให้ - - - ศิระค้อมคอถวาย ฯ O ยกกาลแต่เบื้องนั้น - - - พรรณนา สองแผ่นผืนรัฐสีมา - - - ร่วมด้าว สยามรัฐ-ละโว้ปรา- - - - กฏหนึ่ง เดียวเวย ขอม-ถดถอยขยับก้าว - - - กลับบ้านเมืองตน ฯ O รวบสุโขทัยอยู่ใต้ - - - อำนาจ สยามแล ขัตติยะรูปรองบาท - - - ท่านไท้ ร่วมสายเลือดเครือญาติ - - - ด้วยพระ ร่วงเนอ เอื้อสิทธิ์ลูกหลานให้ - - - นั่งบ้านครองเมือง ฯ O พรหมจรรย์เถรวาทนั้น - - - น้อมนำ ตั้งมั่นให้ชนสัม- - - - ผัส-รู้ คติขอมแห่งละโว้จำ- - - - ต้องเปลี่ยน เสริมจิตไว้กอบกู้ - - - เกลศร้อนกลบเผา ฯ O ค้าขายสัมพันธภาพด้วย - - - แดนไกล ศิลป์ศาสตร์หัตถกรรมไพ- - - - จิตรล้ำ บ่งบอกสถานภาพใน - - - ถิ่นแว่น แคว้นนา ยอยศอยุธยาล้ำ - - - ยิ่งล้ำคำลือ ฯ O ค้าจีน, กัมพุช, ทั้ง - - - มะละกา สมสั่งธุรกรรมพา- - - - นิชย์ด้วย อุปโภค, บริโภค, อา- - - - วุธต่าง ตอบเนอ ตอบรับความรู้ฉ้วย - - - ชาติให้วัฒนา ฯ O บัลลังก์กรุงอยุทธนั้น - - - อุดหนุน- จากสี่วงศาสกุล - - - ร่วมพ้อง พระร่วง, ละโว้จุน- - - - เจือร่วม สุพรรณนา อีกนครศรีธรรมราชซ้อง - - - แซ่ซ้องสรเสริญ ฯ O สี่สนมเอกท่านตั้ง - - - แต่ยาม นั้นนา "ศรีจุฬาลักษณ์"คือนาม - - - หน่อเนื้อ จากวงศ์สุโขทัยตาม - - - เหตุผูก พันนา แต่เมื่อสุพรรณภูมิเอื้อ - - - อกป้องภัยอรินทร์ ฯ O "อินทรสุเรนทร์"แต่งตั้ง - - - ตามสาย สกุลเนอ จากฝั่งสุพรรณภูมิราย- - - - รอบไท้ รากฐานเก่าแต่ภาย- - - - ก่อนร่วม แดนนา เสริมส่งสถานภาพให้ - - - เพรียบพร้อมบารมี ฯ O "ศรีสุดาจันทร์"จากละโว้ - - - อโยธยา วงศ์อู่ทองสืบมา - - - ชีพเชื้อ มั่นคงต่อบรรดา- - - - ศักดิ์เก่า ก่อนเนอ เสาหนึ่งค้ำจุนเอื้อ - - - อาชญ์ให้ชนเห็น ฯ O "อินทรเทวี"อีกผู้ - - - ทรงสถา นภาพแล สายอโศกศรีธรรมา- - - - ธิราช-ใต้ ดินแดนฟากฝั่งวา- - - - รีระริก ลมเนอ ช่วยราชกิจบ้านเมืองให้ - - - เหือดไข้ห่างเข็ญ ฯ O นับเขตนับคาบนั้น - - - หนึ่งเดียว ยอมร่วมใจกลมเกลียว - - - ชิดใกล้ เหนือใต้ออกตกเหลียว- - - - แลร่ม ฉัตรนา เพียงร่มเดียวนั่นไว้ - - - ระหว่างด้าวแดนสยาม ฯ O โอรสคนที่หนึ่งเจ้า- - - - อ้ายพระยา ครองสุพรรณภูมิผา- - - - สุขถ้วน ส่วนเมืองแพรกศรีราชา - - - เจ้ายี่ ครองแล ชัยนาท-สองแควล้วน - - - อยู่ใต้เจ้าสาม ฯ O ถึงกาลมรณะร้อน - - - รุมชนม์ พระนครินทรราชบน - - - ฉัตรชั้น พระสวรรคตบันดล - - - รณยุทธ แล้วแฮ เจ้ายี่-เจ้าอ้ายนั้น - - - ขาดสะบั้นไมตรี ฯ O อำนาจอาชญภาพเชื้อ - - - เชิญประชัน สองพี่น้องโรมรัน - - - รบแล้ว ขึ้นช้างขับช้างบรร- - - - ลุเขต อยุธยานา สายเลือดฤๅอาจแคล้ว- - - - คลาดพ้นประหัตประหาร ฯ O ทัพเจ้าอ้ายตั้งที่ - - - วัดพลับ พลาไชยแฮ เจ้ายี่เคลื่อนตั้งรับ - - - เร่งร้อน ที่ตลาดท่าพรหม, ทัพ - - - หยุดอยู่ สองจิตสองใจสะท้อน - - - สั่นด้วยโมหันต์ ฯ ศึกสายเลือด พศ. 1967 (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1362791375.jpg) O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองทัพ- บรรจบพลสำหรับ - - - รบแล้ว สองช้างพี่น้องขับ - - - เข้าสู่ ถิ่นแล เมื่อโลกต่ำพร่างแพร้ว - - - ภาสเรื้องเมลืองสถาน ฯ O สองช้างสองหน่อเชื้อ - - - ราชันย์ ย่ำเหยียบรอยโทษทัณฑ์ - - - เท่าสร้าง มาดหมายนั่งเหนือบัล- - - - ลังก์อยุทธ แลนา โดยศักดิ์โดยสิทธิ์อ้าง - - - เอ่ยด้วยดุษฎี ฯ O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองทัพ- พร้อมดาบยอแสงวับ - - - บีบคั้น ก่อนง้าวเงือดคมสับ - - - ลงสู่ ศอแล วาบผ่านสองศอนั้น - - - เลือดร้อนอุ่นไหล ฯ O ที่สะพานป่าถ่านนั้น - - - สองชนม์- ซบร่างไร้เศียรบน - - - คชะ-แกล้ว อำนาจเกียรติยศปรน- - - - เปรอแผ่น ดินเวย สูรย์วับคนวอดแล้ว - - - ชั่วฟ้าดินสลาย ฯ O รูปหนึ่งอำนาจน้อม - - - ลงรอ แต่เมื่อสองพี่-ม- - - - รณะพร้อม เอ่ยอ้างวาสนายอ - - - ยกสู่ ฉัตรแฮ อำมาตย์ขุนนางน้อม - - - นอบเกล้า-กรถวาย ฯ O อนุชาธิราชเจ้า- - - - สามพระยา น้อมหัตถ์รับยศถา - - - แต่งตั้ง- ครองเมืองสืบขัตติยา - - - วงศ์ราช ใครเล่าอาจหยุดยั้ง - - - อาชญ์ไท้ในสถาน ฯ O อำนาจอาชญภาพพ้น - - - พันไผท กรุงอยุธเกรียงไกร - - - ทัพแกล้ว ยกสู่พระนครใน - - - กัมพุช แดนแฮ เหยียบย่ำขอมสยบแล้ว - - - ศักดิ์ล้วนล่มสลาย ฯ O แดนขอมแต่คาบนั้น - - - สิ้นนาม แต่ทัพอยุธยาลาม - - - รุกล้อม สิ้นยุคยิ่งใหญ่ตาม - - - แต่เหตุ นั้นนา พระนครเศียรจำค้อม - - - สุดคั้นแรงขืน ฯ O โอรสหน่อเนื้อ, พระ- - - - ส่งไป- อยู่ร่วมมาตุคามไกล - - - แต่น้อย คือสมเด็จบรมไตร- - - - โลกนารถ สายเลือดสุโขทัย, ร้อย - - - ร่วมเชื้อสุพรรณภูมิ ฯ O เพื่อศักดิ์และสิทธิ์-เชื้อ - - - ราชันย์ วงศ์พระร่วง, วงศ์สุพรรณ - - - อยู่พร้อม ร่วมเครือญาติสมานฉันท์ - - - สองฝ่าย แผ่อำนาจขึ้นล้อม- - - - รอบล้านนา-เหนือ ฯ O เติบใหญ่ใกล้ชิดด้วย - - - หมู่ญาติ แม่นา เพื่อรับรองบทบาท - - - หน่อไท้ ขุนนางเหล่าอำมาตย์ - - - เห็นชอบ อยู่เนอ รวบพิษณุโลกเอาไว้ - - - อยู่ใต้แดนสยาม ฯ O ยุษฐิธีระผู้ - - - สัมพันธ์ เติบใหญ่ขึ้นกลับผัน- - - - พลิกข้าง เข้าด้วยติโลกราช, ฝัน- - - - เป็นใหญ่- เหนือพิษณุโลก, อ้าง- - - - เอ่ยย้ำ-สัญญา ฯ . . หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 18 มีนาคม 2014, 06:53:AM ลำดับนี้ต่อไป .. ตามติดโคลงยวนพ่ายเข้าสู่สมรภูมิรบ ..
.. พรหมพิษณุบรเมศรเจ้า - - - จอมเมรุ มาศแฮ ยมเมศมารุตอร - - - อาศนม้า พรุณคณิกุเพนทรา - - - สูรเสพย เรืองรวีวรจ้า - - - แจ่มจันทร ฯ .. (กล่าวถึงเทพ ๑๑ องค์ได้แก่) พระพรหม พระวิษณุ พระอิศวร พระอินทร์ พระยม พระมารุตผู้ทรงม้าที่มีที่นั่งอันงาม พระพิรุณ พระอัคนี ท้าวกุเวรผู้เป็นจอมอสูร พระอาทิตย์ (ที่มี) แสงสว่างจ้า พระจันทร์ (ที่มีแสง) แจ่มกระจ่าง .. เอกาทสเทพแส้ง - - - เอาองค์ มาฤๅ เป็นพระศรีสรรเพชญ - - - ที่อ้าง พระเสด็จดำรงรักษ์ - - - ล้ยงโลก ไส้แฮ ทุกเทพทุกท้างไหงว้ - - - ช่วยไชย ฯ .. เทพทั้ง ๑๑ องค์เสด็จมารวมกันเป็นองค์พระศรีสรรเพชญ์ เพื่อดำรงรักษาโลก โดยเทพทุกหนทุกแห่งช่วยส่งเสริมให้พระองค์ได้ประสบชัยชนะ (เฉพาะโคลงตัวหนังสือสีแดงด้านล่าง เป็นการแปลงโคลงดั้นยวนพ่าย เป็นโคลงสี่สุภาพ .. ซึ่งโคลงยวนพ่ายนี้เป็นพระราชนิพนธ์ใน"สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3" พระโอรสพระองค์โตของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถที่ประทับครองกรุงศรีอยุธยาช่วงที่พระบิดาเสด็จขึ้นไปประทับบัญชาการศึกที่พิษณุโลก .. และเมื่อพระบรมไตรฯ ขึ้นไปประทับที่พิษณุโลกก็มีพระมเหสีอีกองค์หนึ่งจากราชวงศ์สุโขทัย พร้อมกับมีพระโอรสพระนามว่า "สมเด็จพระเชษฐาธิราช หรือต่อมาคือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2" ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของ "สมเด็จพระราชาธิราชที่ 3" เป็นน้องที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโอรสของพี่ชายคือ "สมเด็จพระอาทิตย์วงศ์ หรือ ต่อมาคือ สมเด็จหน่อพุทธางกูร หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4" สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นี้ครองราชย์นาน 38 ปีหลังจากพี่ชายคือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ครองราชย์ต่อจากพระบรมไตร ฯ ได้เพียง 4 ปีก็สวรรคต .. การครองราชย์นานของพระองค์ทำให้ปรากฎชื่อในวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนในพระนาม .. "พระพันวษา" ส่วนสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 นั้นนับเป็นกวีที่มีความรอบรู้ภาษาบาลีสันสกฤตสูงมากผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย .. ซึ่งนักปราชญ์พระองค์นี้คงต้องแตกฉานทั้ง รามายณะ และมหาภารตะยุทธ เป็นอย่างดีจึงสามารถนำมาอุปมาอุปไมยในงานเขียนได้ .. จากบทนี้ .. ๏ จึ่งชักช้างม้าค่อย - - - ลีลา ยังนครไคลคืน - - - เทศไท้ พยงบานทพาธิก - - - ทรงเดช ที่คนเคารพไข้ - - - ข่าวขยรร ฯ เมื่อ .. บานทพา คือ ปาณฑพ เคารพ คือ เการพ สันนิษฐานว่าพระองค์คือเป็นผู้แต่งโคลง .. ทวาทศมาส .. และ .. กำสรวลสุมทร(กำสรวลศรีปราชญ์) .. ด้วย .. มิใช่ 3-4 กวีร่วมกันแต่งในสมัยพระนารายณ์แต่อย่างใด .. ) O พระมาล่มโศกหล้า - - - เหลือสุข มาตรยกไตรภพปลุก - - - ปลอบไห้ พระมากล่อมเกลาทุกข์ - - - ถ้วนสิ่ง ทุกเทศทุกท้าวไท้ - - - นอบน้อมการณ์สนอง ฯ O พระมายศยิ่งฟ้า - - - ดินชม ชื่นแฮ มาแต่งไตรรัตน์, สม- - - - ภพรู้ พระมาเพื่อปรารมภ์ - - - เพญโพธิ ไส้แฮ ใครแข่งใครข้องสู้ - - - สุดท้ายจักเห็น ฯ O พระมาคฤโฆษเรื้อง - - - แรงบุญ ท่านนา ถ้วนทั่วรับการุณ - - - กราบเกล้า พระเสด็จแสดงคุณ - - - ครองโลกย ไส้แฮ เอกกษัตริย์ส่องเฝ้า - - - ใฝ่ห้อมถวิลเห็น ฯ O พระมายศโยคพ้น - - - พรหมา ลือเลื่องยศขัตติยา - - - ปิ่นแก้ว พระมาเทียบเทียมสมา- - - - ธิปราชญ เพรงแฮ มาเทียบมาทบแผ้ว - - - แผ่นพื้นไตรภูมิ O ศักดานุภาพแกล้ว - - - การรงค รวจแฮ สบศาสตราคม, อง- - - - อาจรู้ สรรเพชญแกว่นการทรง - - - สรรพศาสตร์ สบศึกพระรบสู้ - - - ล่มเสี้ยนสลายสูญ ฯ O ระบิลระเบียบเบื้อง - - - เบาราณ พระถ่องถ้วนรูปการณ์ - - - ยิ่งผู้ แบบแผนเรื่องกลอนกานท์ - - - โคลงกาพย ก็ดี ทรงแจ่มแจ้งรอบรู้ - - - ถูกต้องระเบียนวรรณ ฯ O สารสยามภาคยพร้อง - - - รำพัน นี้ฤๅ คือคู่มาลาสวรรค์ - - - ช่อช้อย เบญญาพิศาลบรร- - - - โลมโลก พระฤๅ คือคู่ไหมแส้งร้อย - - - กลีบสร้อยสุมาลย์สี ฯ O แว่วเสียงโคลงแซ่ซ้อง - - - สดุดี ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี - - - ชนกผู้- เตรียมทัพรับยุทธี - - - ทำศึก ให้เหล่าลาวได้รู้ - - - อาชญ์แกล้วกรุงสยาม ฯ O บวงพระนิ่งนึกเนื้อ - - - นัยความ เมื่อศึกล่วงมาตุคาม - - - เขตแคว้น พาให้พลัดพรากงาม, - - - ไปห่าง ทุกข์, ลำบากยากแค้น - - - จักเค้น-มอบคืน ฯ O คำ, ความ-บวงบอกไว้ - - - รองถวิล รอเถิดเมื่อภัยอรินทร์ - - - ราบแล้ว จักย้อนกลับรับยิน- - - - ดีโลก นาแม่ จงทุกข์โศก-อย่าแผ้ว - - - ผ่านกล้ำกรายขวัญ ฯ O รักพี่โศภิตพ้น - - - อุปมา อันพากย์ปราชญ์เทวดา - - - รับไว้ จักคงคู่กัลปา - - - ยืนโยค แม้นแผ่นดินฟ้าไหม้ - - - ยากสิ้นยากสูญ ฯ O แถลงปางข้าไท้ท่วย - - - ใจหาญ ตามต่อยไพรีลาญ - - - ร่อนแกล้ว เมื่อลาวเหล่ารำบาญ - - - ใจบาป รบที่น้ำลิบแล้ว - - - ล่มล้างลาวสลาย ฯ O ปางเค้นผู้ทุรยศเจ้า - - - เจียนตาย เมื่อพลิกเป็นเสี้ยนสาย - - - ศึกแกล้ว ปางเมื่อปิ่นลาวหมาย - - - ไหมโทษ เท็จนา สมคบเชียงชื่นแล้ว - - - แข่งบ้านแข็งเมือง ฯ O ปางเมื่อเชียงชื่นเศร้า - - - ใจพล พรั่นนา เพราะเลื่องลือพลังรณ - - - ปิ่นเกล้า ปางพระล่อลวงกล - - - เล่ห์ศึก โถมถั่งกำลังเข้า - - - บุกปล้นชิงเสบียง ฯ O แสะ, สาร, คน, ดาบ-ข้าม - - - สิงขร รุดเร่งใต้ทินกร - - - แผดกล้า คมดาบวับวามตอน - - - แสงเหลื่อม รอวาดใส่ชั่วช้า - - - เชือดเนื้อเถือหนัง ฯ O ดาบ-วก, ชีวาตม์ม้วย - - - มรณัง แดดแผดเผา, ชีพพัง - - - ร่วงพื้น เท้าย่ำเหยียบ, ความชัง - - - แจ่มชัด ตานา เสียงแผดร้องโอดอื้น - - - อาจรู้สิ้นหรือ ฯ O ดาบวก, คมวาบ-แล้ว - - - เลือดกระเซ็น คมแทรกเนื้อ, กระดูก, เอ็น - - - แบะอ้า ขอ, ทวน, โทษ, ทุกข์เข็ญ - - - คอยอยู่ คอยชีพแกล้วผู้กล้า - - - กลบพื้นปฐพินทร์ ฯ O ดาบวาด, ชีวาตม์ล้ม - - - บรรลัย ลิ่มเลือด, คาวเลือด-ไหล - - - หล่นพื้น คมทวน-ทิ่มแทง, ขัย - - - ขาดช่วง แล้วนา ดาบเชือด, เลือดคาวชื้น - - - ชุ่มล้ำคำประลือ ฯ O อยู่ไทธิเบศเจ้า - - - จอมปราณ พราวพรึบพลรณการณ์ - - - ฉกาจแกล้ว ครั้นพระฝ่ารำบาญ - - - ยวนย่อย ยับนา รบที่น้ำลิบแล้ว - - - เลื่องชั้นลือชัย ฯ O จึงชักช้างม้าค่อย - - - ไคลคลา ยกกลับอยุธยา - - - แต่นั้น พ่างเพียงหมู่ปาณฑพา - - - ทรงเดช ข่มหมู่เการพขยั้น - - - ขยาดไข้ทุกข์เข็ญ ฯ O ทีนั้นธิเบศรเรื้อง - - - รณรงค์ เลิศแฮ อยู่มอบรางวัลสง- - - - เคราะห์แกล้ว ด้วยญาณพระทราบ, ตรง - - - ซื่อคด ถ่องแล ใครชอบใครชั่วแล้ว - - - ทั่วทั้งในพิถี ฯ ๒ O แว่วข่าวทัพกลับย้อน - - - ถึงอกเมือง, อกร้อน- รุ่มนั้นพลันสลาย O ถวิลถึงชายชาติผู้ - - - เฝ้าใฝ่หาใฝ่รู้ เลศชู้ประโลมขวัญ O จนแสงวันลูบฟ้า - - - จึงรูปงามเผยหน้า เหลือบละล้าละลังเหลียว O จนมือเรียวคดข้าว - - - สู่บาตร, พระสืบก้าว ล่วงพ้นกุศลสถาน O จึง-เนตรคราญสบแล้ว - - - สบชาติชายฉกาจแกล้ว ผ่องแผ้วแววตา O จึง-อาวรณ์ลึกล้ำ - - - จู่อกแก้วซ้อนซ้ำ เตรียบน้ำใจสนอง O ลอบมองแล้วเหลือบชม้าย - - - เพรียกชาติภพเผ่นผ้าย- พรึบพร้อมประนอมประนัง O เมื่อชายชาติสืบก้าว - - - ก็เมื่อนั้นรูปอะคร้าว- สะทกสะเทิ้นสะท้านหทัย ๔ O กรกบ, หน้าจบน้อม - - - วันทนา ปรางเรื่อ, รูปพักตรา - - - ประหนึ่งแต้ม- เติมรูปติดคะนึงหา - - - ให้ห่วง มือรับไหว้, เนียนแก้ม - - - ก่ำ-ล้อแรงภิรมย์ ฯ O พิศรูปพักตร์เรื่อ-แต้ม - - - ติดตา หอมรื่นลมร่ำพา - - - ผ่านต้อง อกชายอิ่มเอมปรา- - - - โมทย์แต่ สบเนอ สบเนตร, แววเนตรฟ้อง - - - ฝากชู้ตระกองโฉม ฯ O หอมรื่นลมร่ำล้อม - - - ประโลมใจ รื่นกว่าริ้วลมไหล, - - - เลศแก้ว ฟ้าบนรัศมีไพ- - - - จิตส่อง แจ้งกว่าสูรย์แจ้งแล้ว, - - - พักตร์เบื้องหน้าเผชิญ ฯ . . หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 18 มีนาคม 2014, 05:47:PM O แสงเช้า, รูปชาติเชื้อ - - - เชิญโฉม
เผยพักตร์เพรียกภพ, โหม - - - สวาดิห้อม อ่อนไหวอ่อนหวานโลม - - - ลูบอก พรากเงียบเหงาหล่นล้อม - - - แหล่งหล้าตราบสลาย ฯ O คงกรรมพาเกี่ยวข้อง - - - พบกัน สบเนตร, จึง-เนตรบรร - - - จบ-รู้ เอ็นดู, ขัดเขิน-ขวัญ - - - ฝากเลศ รอเนอ รอ-บอกชายบอกชู้ - - - ชื่นแล้วช่วยเฉลย ฯ O เช้านี้, รูปนิ่มเนื้อ - - - ประนังตน ล้อมโลกให้ดิ้นรน - - - รับรู้ โลกเช้าที่รอบกุศล - - - สืบบท ถ้วน-บทชื่นบทชู้ - - - ชั่วชม้ายเนตรผสาน ฯ O ตาเหลือบตอบเลศ-เชื้อ - - - เชิญใจ แววสื่อหวานซึ้ง-ไหว - - - วาบ, พร้อม- อกชายอิ่มเอมไพ- - - - บูลย์บท จน-บทนิ่มเนื้อน้อม - - - รูปน้อยชุลีลา ฯ O พิมพ์ดวงเจ้าอ่อนด้อย - - - เดียงสา ตื่น, รับรู้-รมยา - - - ยั่วเย้า รูปชาย, เลศชู้-ปรา- - - - กฎเยี่ยง บ่วงเนอ ล่ามรัดใจรุมเร้า - - - เร่งเชื้อนิวรณ์โฉม ฯ O รูปน้อย, จิตน้อมแนบ - - - จินตนา ครวญเลศ-ครั้งชุลีลา, - - - เลศนั้น- สื่อบอก, เท่าทัน-อา- - - - รมณ์ซุก ซ่อนฤๅ จึ่งส่งหวานล้อมกั้น - - - กักละห้อยให้กระเหิม ฯ O ลมเฉื่อยรื่นฉ่ำ-น้อม - - - นำคะนึง- ย้อนสู่ยามแสงตรึง - - - ตรู่เช้า จากหวัง-จวบถวิลถึง - - - ทอดบท บท-ไขว่คว้า, ใฝ่เฝ้า - - - ฝากไว้ประคองหวัง ฯ O วิญญาณจักขุพ้อง - - - รูปพรรณ สัมผัส, สมภพ-นัน- - - - ทิ, พร้อม- แผ่ซ่านผ่านทรวง-ฝัน - - - ใฝ่คู่ เคียงนา พิมพ์-พักตร์, พฤติ-แวดล้อม - - - อยู่เลี้ยงอาลัย ฯ O รูปชาติเมื่อชดช้อย - - - ชม้ายเมิน อีกท่วงท่าอุทธัจ-เขิน - - - ขัด-นั้น เพรียก-รมย์รื่นจำเริญ - - - รุมอก คอยบีบเค้นบีบคั้น - - - ค่ำเช้าใฝ่ถวิล ฯ O ริ้วเลือดเรื่อก่ำไล้ - - - โลมปราง ตอบตื่นอารมณ์ขนาง - - - อ่อนน้อย หลัง-ตาสบตากลาง - - - กุศลบท ล่มทุกบท, เพียงละห้อย - - - ห่วงล้น .. ที่เหลือ ฯ O ตาชายเมื่อโอบไล้ - - - โลมองค์ เยี่ยงแดดเช้าทอดลง - - - โอบหล้า อ่อนโยนอย่างบรรจง - - - จบรูป พักตร์เนอ นิ่งนึกพร้อมแก้มหน้า - - - อุ่นร้อนแรงภิรมย์ ฯ O ซบหน้าเกลือกหน้าแนบ - - - แขนนวล อึกทึกในอก, ครวญ - - - คร่ำชู้ แตกตื่นดั่งถูกตรวน - - - ตรึงล่าม จิตเนอ ล่ามรัดให้รับรู้ - - - รสซึ้งระรึงทรวง ฯ O แรกแสงศศินะขึ้น - - - ไขสี นกคร่ำเสียง, ลมวี - - - แวดล้อม เรไรกล่อมธาษตรี - - - ต่างพาทย์ เพลงนา นึก-กรุ่นเนื้อ-กลางอ้อม - - - อกน้อมอุ่นถนอม ฯ O วงจันทร์จำรัสห้อง - - - หนหาว เนื้อนิ่มเนตรต่างดาว - - - ประดับฟ้า ห่วงเมื่อนิทราคราว - - - อยู่เดี่ยว นะแม่ จักวุ่นวายเหว่ว้า - - - หว่างละห้อยคอยไฉน ฯ O ยามดึกสงัดสิ้น - - - เสียงคน แว่วแต่เสียงอึงอล - - - อกนี้ พร้อมภาพหนึ่งไหววน - - - หว่างช่วง คะนึงนา ไหวอยู่คอยช่วงชี้ - - - ชื่นล้ำบำเรอ ฯ O แพงทองแม่ผ่องเนื้อ - - - นพคุณ ราวปกด้วยใบบุญ - - - บ่มไว้ เรื่อปรางยิ่งเรื่ออรุณ - - - ยามแรก งามจักงามเหมือนได้ - - - ดั่งนี้มีหรือ ฯ O บงโอฆอากาศล้วน - - - ลมบน ตระหลบล้อมสากล - - - ก่ายฟ้า คะนึงนึกรูปนฤมล - - - เมื่อสบ ตระหลบล้อมรูปหน้า - - - ต่อหน้าเลือนไฉน ฯ O ขวัญเมืองพิมพ์มาศแม้น - - - เหมือนโฉม แม่ฤๅ แต่เมื่อเผยรูปโลม - - - โลกนี้ ก็หยัดหยั่งรอบโสม- - - - นัสต่อ โลกแน หมองหม่นคาบก่อนกี้ - - - แต่ล้วนสูญสลาย ฯ O คะนึงมวลแชล่มน้อย - - - นงคราญ เคลื่อนผ่านส่ำเสียงสนาน - - - เสนาะแท้ แต่รูปหนึ่งรำบาญ - - - เบียด-อก เรียมนา สักหนึ่งคราญอาจแก้ - - - กลบได้สิ้นหรือ ฯ O จันทร์พ้นอุรภาคเพี้ยง - - - ภินทนา หมายรูปรอยปรารถนา - - - นิทรแล้ว นึกแพรแถบพัสตรา - - - คลี่ห่ม เนื้อเนอ ใดอาจอุ่นเนื้อแก้ว - - - ดุจอ้อมทรวงเรียม ฯ O ผ่านคืนเรียมคิดด้วย - - - อาดูร มาเลศลักษณ์กำลูน - - - ลับแล้ว โกสุมเมื่อมาสูญ - - - สลายกลิ่น ยังแต่ความผ่องแผ้ว - - - ฝากไว้รองถวิล ฯ O สุริเยนทรบทเบื้อง - - - บรรพตา อีกฝั่งโลกดาริกา - - - เลื่อนล้อม หลับฝันท่ามสิเนหา - - - ห้อมอยู่ นะแม่ เมื่อตื่นตาจักพร้อม - - - พากย์ร้อยคอยประโลม ฯ O พระเอยสะโสชท้อง - - - ชลธาร โอนฤทธิ์มอบสิทธิ์ขาน - - - ข่าวชู้ เบิกความบ่มใจคราญ - - - ครวญคร่ำ อยู่เนอ เช้าจดค่ำเพียงรู้ - - - แต่ละห้อยคอยเรียม ฯ . . หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 19 มีนาคม 2014, 06:45:AM พศ. 2026
ต่อไปนี้เขียนล้อโคลงกำสรวลสมุทร. (โคลงทั้ง 3 คือ ยวนพ่าย .. ทวาทศมาส .. กำสรวลสมุทร (ที่ชอบเรียกกันผิดๆว่า กำสรวลศรีปราชญ์ ) มีข้อสันนิษฐานจากนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ที่น่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลเดิม .. ว่าน่าจะเป็นพระนิพนธ์ใน "สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3" พระโอรสองค์โตในสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของ "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2-พระเชษฐาธิราช ที่มีพระราชมารดาเป็นเจ้าหญิงของราชวงศ์สุโขทัย" .. พ. ณ ประมวญมารค (หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุ รัชนี - ท่านจันทร์) ได้เสนอว่าโคลงดั้นทั้ง ๓ คือ .. - ยวนพ่าย (แต่งประมาณ พ.ศ.2017-2025) - กำสรวลสมุทร (แต่งประมาณ พ.ศ.2025-2030 (หรือ 34)) - ทวาทศมาส (แต่งประมาณ พ.ศ.2027-2031) และเป็นข้อสันนิษฐานที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด .. พรายพรายพระธาตุเจ้า - - จยรจนนทร แจ่มแฮ ไตรโลกยเลงคือโคม - - ค่ำเช้า พิหารรเบียงบรร - - รุจิเรข เรืองแฮ ทุกแห่งห้องพระเจ้า - - น่งงเนือง ฯ O พรายพรายพระธาตุเจ้า - - - เจียรสูรย์ แจ่มแฮ สามโลกรับจำรูญ - - - ค่ำเช้า เจดีย์ยอดชี้ปูน - - - โปรดสัตว์ บอกมรรคาทวนเศร้า - - - โศกร้อนกร่อนระรุม ฯ .. ศาลาอเนขสร้าง - - แสนเสา โสดแฮ ธรรมาศจูงใจเมือง - - สู่ฟ้า พิหารย่อมฉลักเฉลา - - ฉลุแผ่น ไส่นา พระมาศเลื่อมเลื่อมหล้า - - หล่อแสง ฯ O ศาลาเอนกสร้าง - - - แสนเสา โสดแฮ ธรรมข่มใจมืดเมา - - - หมดสิ้น พระมาศเลื่อมเลื่อมเงา - - - งำอก ใจเอย งำอกใจเดือดดิ้น - - - ดับร้อนทารุณ ฯ .. ตระการหน้าวัดแหว้น - - วงงพระ บำบวงหญิงชายแชรง - - ชื่นไหว้ บูรรพาท่านสรรคสระ - - สรงโสรด ดวงดอกไม้ไม้แก้ว - - แบ่งบาล ฯ O ตระการหน้าวัดแหว้น - - - วังพระ บวงบำรุงสัจจะ - - - จบไหว้ ร่มธรรมรูปพุทธะ - - - สถิตอยู่ จิตต่างดวงดอกไม้ - - - เพ่งน้อมประนอมคะนึง ฯ .. กุฎีดูโชติช้อย - - อาศํร เต็มร่ำสวรรคฤาปาง - - แผ่นเผ้า เรือนรัตนพิรํยปราง - - สูรยปราสาท แสนยอดแย้มแก้วเก้า - - เฉกโฉม ฯ O กุฎียกยอดช้อย - - - ชูทาง บอกวัตรเข้าขัด, ขวาง - - - ขวากร้อน เรือนรัตน์ภิรมย์ปรางค์ - - - ปราสาท เหลื่อมระยับแสงย้อน - - - เยี่ยมท้าทรมาน ฯ .. อยุทธยายศโยกฟ้า - - ฟากดิน ผาดดินพิภพดยว - - ดอกฟ้า แสนโกฎบยลยิน - - หยาดเยื่อ ไตรรัตนเรืองรุ่งหล้า - - หลากสวรรค์ ฯ O อยุธยายศท่วมทั้ง - - - ธานินทร์ งามดั่งนาครอินทร์ - - - เอี่ยมฟ้า แสนโกฏโสตอาจยิน - - - เสียงอยู่ ธรรมเปล่งเสียงกล่อมหล้า - - - หล่อล้อมใจเมือง ฯ .. อยุทธยาไพโรชไต้ - - ตรีบูร ทวารรุจิรยงหอ - - สรหล้าย อยุทธยายิ่งแมนสูร - - สุระโลก รงงแฮ ถนัดดุจสวรรคคล้ายคล้าย - - แก่ตา ฯ O อยุธยาไพโรจน์ไต้ - - - ตรีบูร ไตรรัตน์จำรัสจรูญ - - - ร่วมพ้อง บัลลังก์ร่มไพบูลย์ - - - บาลบ่ม ชนแฮ เย็นศิระอุระต้อง - - - ตอบรู้อภิรมย์ ฯ .. ยามพลบสยงกึกก้อง - - กาหล แม่ฮา สยงแฉ่งสยงสาวทรอ - - ข่าวชู้ อยุทธยายิ่งเมืองทล - - มาโนช กูเอย เขตรตระหลบข่าวรู้ - - ข่าวยาม ฯ O ยามพลบเสียงกึกก้อง - - - กาหล แม่ฮา ซอ, กรับ, รับฉิ่งปรน - - - โสตรู้ โคลงกลอนกาพย์ระคน - - - ครวญขับ ขับกล่อมทรวง, กล่อมชู้ - - - ชื่นล้ำคำเกษม ฯ .. ปารนี้แก้วข้าตื่น - - ฤาหลับ อรเออย นอนน่งงฉนนใดดู - - ด่งงนี้ ยอมือบนนทับอก - - โดยแม่ กูเออย เจ็บยิ่งล้ำพ้นผี้ - - หมื่นทวีแสนทวี ฯ O ป่านนี้แก้วข้าตื่น - - - ฤๅหลับ อรเอย นอนนั่งฉันใด, พรับ - - - เนตรเฝ้า- คอยเรียมวกย้อนกลับ - - - คืนสู่ คอย-สู่, อยู่ค่ำเช้า - - - อาจรู้ฤๅสมร ฯ .. ปารนี้อรเช้าแม่ - - เกลาองค์ อยู่ฤา ต่างกรดานจตุรงคมยง - - ม่ายม้า ฤาวางสกาลง - - ทายบาท ฤากล่าวคำหลวงอ้า - - อ่อนแกล้งเกลาฉนนท ฯ O ป่านนี้รูปแน่งน้อย - - - เกลาองค์ อยู่ฤๅ ตั้งกระดานชนวนลง - - - จดถ้อย ฤๅมุ่งเพลาะผ้าผจง - - - จับจีบ ใจเล่าเจ้าจักคล้อย - - - อยู่ข้างเรียมไฉน ฯ .. ดวงดยวบววมาศแพ้ - - พิมทอง พี่เออย รยมบหลับใหลหา - - ค่ำเคี้ย ดวงดยวแม่มองหน - - หาพี่ พู้นแม่ ใครช่วยชูเกล้าเกลี้ย - - กล่อมแถง ฯ O ดวงเดียวบัวมาศแพ้ - - - พิมทอง พี่เอย เรียมบ่หลับไหลครอง - - - ค่ำนี้ หวังเดียวแม่, แม่มอง - - - หาอยู่ อยู่ออดอ้อนชวนชี้ - - - ชิดเนื้อโอบถนอม ฯ .. โกกิลกรวิกษอ้ยง - - ยูงยาง จับกิ่งยูงยางเยาว - - เพื่อนพร้อง พละลบกัลโหยลาง - - โลมลูบ จับกิ่งยางแล้วร้อง - - ไร่เฌอ ฯ O โกกิลกรวิกเอื้อน - - - ออกเสียง จับกิ่งยูงยางเพียง - - - พร่ำร้อง พระลบกัลโหยเคียง - - - แขรูป เคียวนา จับม่านหม่นคลี่คล้อง - - - ขอบฟ้าคลุมฝัน ฯ .. ศรีมาพิโยคพื้น - - รัตนภูม ถนัดดุจพระภูมผจง - - แผ่นแผ้ว เล็งแลเยียฟ้าฟูม - - ชลเนตร เพราะพี่เจ็บเจ้าแคล้ว - - คลาศไกล ฯ O เรียมมาพิโยคพื้น - - - รัตนภูมิ แผ่นอกเป็นแผ่นปูม - - - จดร้อย หมึกจารจากนัยน์ฟูม - - - น้ำหลั่ง บอกหนึ่งผู้แน่งน้อย - - - แน่วรู้ - คอยรอ ฯ .. จากมาสายสวาดิไว้ - - อยุทธยา แลนา อกเปล่าอกสายสินธุ์ - - หากรู้ ลุะดานกนนชาววา - - ลวงใหญ่ แล้วแฮ วาลยิ่งสารสับสู้ - - เสริฐชล ฯ O มุ่งมาสายสวาดิเนื้อ - - - เนาทรวง ตามสิทธิ์คำสัตย์บวง - - - บอกไว้ วอนเทพประเทียบทวง - - - ฤทธิ์กล่อม แม่นา กล่อมแม่, ทรวงแม่ให้ - - - ห่วงรู้คอยเรียม ฯ .. จรลิวไต้ฟ้าต่ำ - - เตือนยาม โหยบเหนสายใจ - - จรคล้าย บลุแม่เมากาม - - กาเมศ กูเออย ลพี่หว้ายน้ำหน้า - - มืดเมา ฯ O จรลิ่วไต้ฟ้าต่ำ - - - เตือนยาม โหยบ่เห็นหน้าทราม- - - - สวาทแก้ว เลือดตายิ่งฝนลาม - - - หล่นโลก แม่เอย ท่วมจิตจมมิดแล้ว - - - จากร้อนแรงถวิล ฯ .. รฦกเนื้อกรรเกษสร้อย - - สาวสวรรค กูเออย กรกอดหมอนเหมือนนาง - - ร่ำไห้ รฦกกำจรจนนทน์ - - อายโอษฐ พู้นฦา ทรงกรรแสงไจ้ไจ้ - - จั่นจวญ ฯ O อาสูรศรีสวัสดิ์สร้อย - - - สาวสวรรค์ กูเอย ใคร่จักกล่อมทรวงขวัญ - - - ฝากอ้อน เรียมใฝ่รอบกัปกัลป์ - - - เวียนกลับ แม่แม่ ใฝ่รอบกาลกลับย้อน - - - เยี่ยมหน้าพะนอนวล ฯ .. ระฦกรศน้องไน่ - - ในตา พี่แม่ เออสมุทรอยงกาม - - กล่อมเหน้า เยียแลลนนลุงมา - - บางค่อม ถนัดค่อมน้อยข้าเจ้า - - ส่งงจนนทน์ ฯ O เวียนรำลึกแล้วหลับ - - - ใหลฝัน รูปเนอ ย่อมรูปสมบูรณ์จันทร์ - - - แจ่มหน้า ละเมอรับรองขวัญ - - - ฝากสวาดิ ดื่มด่ำด้วยรสฟ้า - - - สั่งฟ้าโรยริน ฯ .. เยียมาม่ายน้องขวล - - ขวายแด แลแม่ นอนน่งงฤากวนกาม - - แกว่งไส้ ลุกยืนวงงเวงแล - - ลิวโลด คืนน่งงลห้อยไห้ - - บ่ำบวง ฯ O หลังมองโฉมแม่แต้ม - - - ติดตา รูปพักตร์นงโพธพา - - - ผ่าวไส้ ดาลระลอกกระแสกา - - - เมศมุ่ง ขวัญเฮย มุ่งกระเวนทรวงไหม้ - - - หมื่นร้อนทรมาน ฯ .. ฝ่ายสยงสุโนกไห้ - - หานาง แม่ฮา รยมทนนทึงแทงโลม - - ลิ่นเล้า มาดลบำรุะคราง - - ครวญสวาสดิ ให้บำรุะหน้าเหน้า - - จอดใจ ฯ O คำนึงฤๅว่างเว้น - - - นาที จวบรอบสุริเยศลี - - - ลาศคล้อย เสนาะเสียงสุโนกมี - - - มากล่อม กลว่าเสียงแน่งน้อย - - - เอ่ยน้อมประนอมนัย ฯ . . หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 19 มีนาคม 2014, 06:49:AM พศ. 2556
O อยุธยายศภาคพู้น - - พังภินทน์ เหลือซากปูนอิฐหิน - - หัก..ร้าง ยอเกียรติรัตนโกสินทร์ - - ขึ้นสืบ ต่อนา ทิ้งหม่นหมองอ้างว้าง - - หยัดฟื้นใจสยาม ฯ O กรุงเทพนคเรศเบื้อง - - ปัจจุบัน ไตรรัตน์รสธรรมบรร- - - เจิดล้อม ร่มฉัตรประเทียบบัล- - - ลังก์ราช ตระหง่านเนอ ชนทั่วเขตคามพร้อม - - ร่วมฟ้าดินเดียว ฯ O พุทธธรรมพุทธทาสเจ้า - - จอมสงฆ์ ร่วมสืบพรหมจรรย์, ณรงค์ - - เล่ห์ส้อน บรรสารสื่อสวัสดิมง- - - คลคู่ เมืองนา ปลดเท็จปรุงแท้ป้อน - - ป่นถ้อยเดียรถีย์ ฯ O โอภาสธรรมพุทธะเรื้อง - - โรยทาง ขนสัตว์ข้ามโอฆะ, ถาง- - - ทุกข์ร้อน เพียงบัวเชิดดอกกลาง - - ชลเบ่ง บานนา รอสบลำแสงย้อน - - เยี่ยมหล้ามาประโลม ฯ O สมบูรณ์สมบัติเจ้า - - จักรพาฬ สองกึ่งสหัสวรรษบาล - - บ่มไข้ จิตใจทั่วทิศาศาน- - - ติร่ม เย็นนา เรียงระเบียบมาลย์ไว้ - - หว่างน้อมใจคะนึง ฯ O แถลงยามนงโพธิน้อย - - แนมนวล แซมสุขอภิรมย์อวล - - อบแต้ม ร่ำรอคาบยามจวน - - จบรูป เรียวโอษฐ์, เนตรจักแย้ม - - ยั่วเย้าสิเนหา ฯ O แผงอกเฝ้าอาจเอื้อม - - อรเดียว พี่แม่ กรจักโอบรูปเปรียว - - ประเนื้อ จนนิลเนตรเหลือบเหลียว - - รับเลศ เลศย่อมโอบ-อกเอื้อ - - อุ่นล้ำเข้าประโลม ฯ O อรเดียวดินฟ้าชื่น - - โฉมหอม แม่เอย แม้นว่ากิ่งฟ้ายอม - - ยื่นย้อย ฤๅอาจแมกขวัญถนอม - - เนารูป- อยู่ร่ำรอด้วยละห้อย - - ห่วงไห้คอยเห็น ฯ O เจาะจอมเมรุแมกน้อง - - นงพาล เล่านา ตรึก -กริ่งจตุเทพชาญ - - เชี่ยวรู้ เอาศรีแทรกบุญทาน - - ถนอมซ่อน รูปนา หวั่นนิมิตหัตถ์พรหมกู้ - - กลับพ้นพาสนา ฯ O โฉมนุชเนาเหมาะได้ - - โดยสถาน ใดนา ฤๅทิฏฐิบรรสาร - - ซ่อนพ้น อสูรเทพเหล่าพลมาร - - เมื่อสบ เกรงลอบเร้นเสาะค้น - - รูปเชื้อประคองโฉม ฯ O โฉมแม่ควรฝากด้วย - - ดวงใจ แม่นา พันเหนี่ยวด้วยเยื่อใย - - ยึดล้อม แฝงอุ่นฝากอาลัย - - ถวิลโอบ รูปแม่ ฝากผ่านคำนึงน้อม - - อยู่พร้อมกล่อมขวัญ ฯ O นึก-เนื้อนิ่มแน่งน้อย - - เนาเรือน เหลือบเนตรเลศนัยเตือน - - ตอบรู้ อ้อมอกย่อมโอบเหมือน - - มอบอุ่น ไอแม่ ห้อมห่มยามห่างชู้ - - ช่วงใช้ถนอมโฉม ฯ O ยามจบย่อมแจ่มรู้ - - รูปถวิล หมายอบร่ำหอมริน - - ร่วมเนื้อ เนิ่นนานแนบในจิน- - - ตนะภาพ จนหัตถ์ทิพท่านเอื้อ- - - ฤทธิ์โน้มคะนึงนวล ฯ O หวั่นเสียงจักคร่ำไห้ - - ครวญกระหึม ยามพรากเช่นฟ้าครึม - - คร่ำน้ำ นึก-หยาดอัสสุชลซึม - - ซาบเนตร นั้นเอย โศกจะแทรกทรวงช้ำ - - ชอกไห้ละห้อยเห็น ฯ O ศรีศรีสิทธิฤกษ์แผ้ว - - ภุมวาร ในนิทราสนิทนาน - - เนิ่นนั้น สุบินเถิดเยาวมาลย์ - - ตราบเมื่อ ตื่นแม่ จักแจ่มใจดุจกั้น - - เกลศร้อนทอนสลาย ฯ O ครึ้มครึ้มเมฆหม่นล้อม - - ลมปลิว ปัดเฮย ครืนครั่นวิชชุลิว - - ล่องฟ้า นึก-เนื้อนิ่มนวลผิว - - ผุดผ่อง แม่เอย ครวญคร่ำแต่ไขว่คว้า - - สวาดิน้องประคองถนอม ฯ O คืนเพ็ญ, เพ็ญพักตร์แผ้ว - - ผิวขวัญ แม่เอย เพ็ญหนึ่งสมบูรณ์จันทร์ - - แจ่มฟ้า เพ็ญหนึ่งเลื่อนรูปผัน - - ผายแทรก ทรวงเนอ เพ็ญใช่เพ็ญถ้วนหน้า - - หากหน้านางเดียว ฯ O คืนเพ็ญ, เพ็ญพักตร์แต้ม - - ตาชาย เพ็ญยิ่งเพ็ญจันทร์ฉาย - - ฉาบฟ้า โอ้พักตร์รูปเพ็ญผาย - - เผยยั่ว หยอกเนอ แต่ชมดชม้อยหน้า - - สักหน้าฤๅเสมือน ฯ O อรเอยอย่าเอ่ยอ้อน - - อาดูร ขวัญจักฝากใจพูน - - เพิ่มเศร้า รอนเถิดทุกข์ไพบูลย์ - - ควรบ่ง คำจักคอยกล่อมเกล้า - - ก่อนอ้อมอก-แขน ฯ O เจิมใจแจ่มพักตร์แผ้ว - - พิมพ์แข สูงส่งเกินปรับแปร - - เปลี่ยนได้ พันหมื่นเพ่งตาแล - - เล็งรูป นั้นนา หวงพ่างแหวกทรวงไว้ - - แทรกน้องในทรวง ฯ O ไตรตรึงษ์ตรีเทพแสร้ง - - เสกสรร อรฤๅ พิศรูปเพียงรูปฝัน - - ฝากชู้ ท่วงทีอิริยาผัน - - ผายร่าง นั้นนา ผายผ่านนัยน์ตารู้ - - แต่รู้-ยากเลือน ฯ O ต่างแดนต่างกรอบห้วง - - เพ-ลา ต่างค่ำคืนดาริกา - - เกลื่อนห้อม ต่างร้อนต่างหนาวภา- - - วะต่าง ต่างแม่ ต่างเพื่อนต่างเภทล้อม - - แต่เว้นนิวรณ์ถวิล ฯ O คิดศรีเสาวภาคพร้อง - - พจมาน พากย์พร่ำเพียงพวงมาลย์ - - มอบคล้อง อบร่ำรสหอมละลาน - - รื่นสู่ ใจแม่ หมายรื่นห้วงอกต้อง - - เตรียบซึ้งตรึงภิรมย์ ฯ O รวยรวยลมเรื่อยริ้ว - - รัญจวน ใจนา นึกรูปเนื้อรอยนวล - - อ่อนน้อง รื่นรสพัสตราอวล - - กลิ่นอบ นั้นนา รอยแม่ห่มไว้ป้อง - - ปกเนื้อยังหอม ฯ O ดึกเดือนจะดับคล้อย - - คลอดาว นึก-โอบรูปป้องหนาว - - เหน็บเนื้อ อ้อมอกกับเนตรวาว - - วามเลศ นัยแม่ อุ่นจักค่อยโชนเชื้อ - - ฝ่าเชื้อเชิญสมร ฯ O นึก-โฉมละม่อมเนื้อ - - นวลนาง พี่เอย จะตื่นแต่ตรู่สาง - - โสรจน้ำ อบร่ำกลิ่นหอมพลาง - - เตรียบพากย์ ตอบฤๅ พากย์แต่งความตอบย้ำ - - สวาดิรู้รับรอง ฯ O อ้าอรเจิมจิตหล้า - - เล็งฉงน ฤๅรูปทิพพิมานบน - - แบ่งหน้า องค์พิษณุกรรมดล - - ดาลรูป มาฤๅ มากระหวัดใจว้า- - - วุ่นละห้อยคอยเห็น ฯ O ในนารวงข้าวลู่ - - เขียวสลอน ลมผ่านริ้วอรชร - - เชิดต้น นึก-พิมพ์รูปอัปสร - - สายสวาดิ กูเฮย จักออดอ้อนเหลือล้น - - กับอ้อมแขนไฉน ฯ O สั่งสมศีลแม่พร้อม - - พรั่งบุญ มาฤๅ จึงแวดล้อมเอื้อคุณ - - ช่วยค้ำ รังรูปละเมียดละมุน - - เต็มเมต ตาเอย หอมพฤติอิริยาล้ำ - - ยิ่งล้ำเคยหอม ฯ O รอนพรรณภาณุมาศเศร้า - - เสื่อมแสนย์ เมื่อโลกต่ำหมุนแกน - - กลับข้าง ให้จันทร์เลื่อนดวงแหน - - ห้อมห่ม หาวเนอ มืดหม่นบนอ้างว้าง - - หว่างเฝ้าคะนึงขวัญ ฯ O อาสูรสุดสวาดิสร้อย - - เสาวคนธ์ จักเงียบเหงาห่วงระคน - - อยู่ห้อง ถวิลทิพย์สุดาดล - - ดาลรูป มาแม่ จักตระกองกรป้อง - - ปกเนื้อนวลถนอม ฯ O จงกลกรรณิเกศแก้ว - - กรองมาลย์ ตามประทีปอธิษฐาน - - ประเทียบถ้อย จนรอบสุริยะกาล - - เคลื่อนผ่าน นั้นแม่ อ้อมอกอุ่นจักคล้อย - - เคลื่อนห้อมโอบขวัญ ฯ O บูชาอัญชลิตเบื้อง - - สรวงบน สวมสอดบุษบาดล - - ดอกสร้อย หอมรูปรสเสาวคนธ์ - - ควรอบ ร่ำแม่ ควร-ศัพท์เสียงร่ำร้อย - - ผ่านรู้ปรารมภ์ ฯ O โคมทองประทีปแก้ว - - ชัชวาล แต่งกอปรกรองอธิษฐาน - - ทิพไท้ พึงดลจิตรูปคราญ - - ครวญแต่ ถวิลนา ถวิลแต่อกเรียมให้ - - โอบเนื้อพะนอนวล จบ หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 04 พฤษภาคม 2014, 09:15:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2011&date=14&group=11&gblog=342 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2011&date=14&group=11&gblog=342)
O ถ้อยคำ..ที่ลำปางหลวง...O O แรกเช้ามาลย์ช้อยกลีบ - - - ก้านรอ- รับแดดอ่อนทอดทอ - - - กระทบไล้ เมื่อลมรื่นแอบออ- - - - โอบผ่าน งามย่อมงามอยู่ได้ - - - แต่ด้วยใจเกษม ฯ O มาลีอวลกลิ่นเชื้อ- - - - เชิญภมร จนกระพือปีกสลอน - - - สลับสล้าง หมายเสพรสเกสร - - - หวานสุด เกินจะร่ำลาร้าง - - - รสน้ำหอม-หวาน ฯ O อำไพโอภาสเรื้อง - - - รอยสูรย์ ยอโลกรับจำรูญ - - - แรกเช้า ข่มหมองหม่นอาดูร - - - ดับมอด เชื้อแฮ เหลือรื่นรมย์รุมเร้า - - - ร่วมคล้อยเคลื่อนสมัย ฯ O ยามสายสุริยะแปล้ - - - ปลาบสรวง พระธาตุลำปางหลวง - - - เหลื่อมสะท้อน ถ้อยคำเทียบความบวง- - - - บอกทิพ เทพนา ขอทุกคำ-ความย้อน - - - แทรกย้อมใจขวัญ ฯ O กบมือกุมมาศน้อม - - - วันทนา นิ่งนึกขอเมตตา - - - ช่วยแต้ม- แต่งรสเล่ห์เสน่หา - - - ละห้อยห่วง ให้ทุกคำคอยแย้ม - - - จิตย้อมแรงถวิล ฯ ร่าย O ศรีศรีไพจิตรลักษณ์ - - - รำไพพักตร์สืบขวัญ จรรโลงฝันในอก - - - จนสุดยกสุดย้าย แลสุดท้ายสุดถอน - - - ในทุกตอนสู่ตา ล้ำบรรดาเคยเนา - - - จักพริ้มเพราเฉกเจ้า รูปใฝ่เฝ้าคอยเห็น - - - อันเปรียบเป็นความหวัง ต่อกำลังปรารถนา - - - เฝ้าโหยหาอกระรัว จนหวาดกลัวรูปหาย - - - ตราบแม่ปรายเนตรสบ บันดาลภพขึ้นตั้ง - - - สุดเหนี่ยวรั้งบีบเค้น ทุกคาบกาลไป่เว้น - - - ว่างละห้อยครวญคะนึง แม่นา O หวังสามโลกรับรู้ - - - แรงถวิล แต่อ-บายจ-รดดิน - - - ตราบฟ้า แรงช่วงแห่งดวงทิน- - - - กรแผด เผาเฮย ฤๅเทียบแรงไขว่คว้า - - - ฝากถ้อยอธิษฐาน ฯ O กรประนมก้มกราบ - - - กอปรพร พระเอย หวังช่วยอำนวยกลอน - - - กล่าวให้- จับจิตจับใจอร - - - อวลแต่ ความนา คำทุกคำกล่าวไว้ - - - อย่ารู้เลือนสลาย ฯ O คงกรรมพาร่วมพ้อง - - - พบกัน จึงภาษกรองรำพัน - - - แผ่ล้อม ขวยเขินแต่โลมขวัญ - - - ฝากเลศ นัยแม่ ใจเมื่อหวามจึ่งน้อม - - - แนบเนื้อความเสนอ ฯ O จำรูญจำรัสเบื้อง - - - บูรพา เมื่อหัตถ์ทิพนำพา - - - พบพ้อง โอนฤทธิ์แห่งอิฏฐา - - - ทอดบท สัมผัสเนื้อความต้อง - - - แต่ละห้อยคอยเห็น ฯ O รอคอยแต่ภพเบื้อง - - - บุพกาล เริ่มเมื่อชีวาตม์ลาญ - - - ลับเจ้า จำพรากสู่ทรมาน - - - มืดหม่น ลอยช่วงวิญญาณเฝ้า - - - ฝ่าเวิ้งไฟสวรรค์ ฯ O รูปเอยหวังอาจเอื้อม - - - โดยใจ รอเถิดรอความใน- - - - อกฟ้อง ขวากหนามมรรคาใด - - - มุ่งฝ่า เช้าค่ำจักพร่ำพร้อง - - - ผ่านถ้อยถวิลถึง ฯ O ล่องลอยผ่านฟากฟ้า - - - สู่ขวัญ ผู้ผ่านรังสีพรรณ - - - พิลาสให้ คำนึงแต่วงจันทร์ - - - จางรูป โอนอบอุ่นแอบไว้ - - - หว่างห้วงคะนึงหา ฯ O สุดรอคอยค่อยแย้ม - - - เยือนตา งามรูปงามลักขณา - - - นุชเจ้า ลอยรูปทุกอัสสา- - - - สะช่วง แม่เอย จิตย่อมถูกรุมเร้า - - - สุดรู้ขัดขืน ฯ O ใจเอยต่อแต่นี้ - - - นับนาน พิมพ์หนึ่งจักเบ่งบาน - - - บีบเค้น ชะลอรูปลงผลาญ - - - เผาอก จนสุดทางลอบเร้น - - - ล่วงพ้นพิสมัย ฯ O ข้ามโค้งฟ้าฝากถ้อย - - - ถวิลถึง ผ่านรูปพยางค์รำพึง - - - พจน์ไว้ เนตรสบอักษรตรึง- - - - ความติด จิตนา หวานจักหวานมาให้ - - - ห่วงละห้อยคอยเห็น ฯ O จำหลักในจิตล้วน - - - อาวรณ์ จักเหนี่ยวดึงถอดถอน - - - ยากแท้ ดั่งนทีสิทันดร - - - ดึงร่าง ลอยล่วงห้วงวัฏฏ์แม้ - - - มอดม้วยยังหมาย ฯ O งามเอยงามพักตร์พริ้ง - - - พรายตา สบเนตร, เลศนัยพา - - - เพ่ง-รู้ เหลือบ-สบ, หลบ-เส-คา - - - รูปอยู่ อกหนึ่ง, อาวรณ์ชู้ - - - ตื่น-รู้อภิรมย์ ฯ O รื่นรมย์กำเริบคล้อย - - - รอยคำ แต่รสพจนารถสัม- - - - ผัสพร้อง ธีระอภิวากย์บำ- - - - รุงรูป รูปที่ใจร่ำร้อง - - - รบเร้ารอคอย ฯ O แม้นห่างอย่าห่วงน้อย - - - คำนึง เพียงรูปพอตอกตรึง - - - ติดย้ำ ผ่อนเพียงแผ่วรำพึง - - - พร่ำคู่ ใจเอย แผ่วพร่ำอยู่ซ้อนซ้ำ - - - ตรู่เช้าตราบคืน ฯ O โอนฤทธิ์ออรูปให้ - - - ถวิลเห็น อกดั่งหยาดฝนเย็น - - - หยดแต้ม แต่ภาคอำไพเพ็ญ - - - เผยออก ใจยิ่งมาลย์แยกแย้ม - - - กลีบแย้มรอฝน ฯ O ฤๅทิพหนุนส่งให้ - - - เห็นงาม ย่อมจักสมพยายาม - - - เยี่ยงนั้น ตรึงอกแต่สบทราม - - - สวาดิรูป แก้วเนอ จักหลบเลี่ยงดื้อรั้น - - - ดั่งไร้แรงขืน ฯ O รุมรุมห้วงอกล้วน - - - อาลัย แต่ลับภาคปราศัย - - - สืบถ้อย ลำดับที่ความนัย - - - เนาอยู่ เฉกลำดับความร้อย - - - รับรู้เถิดสมร ฯ O คงสุดทางซ่อนแล้ว - - - รอยใจ จักเก็บกดอย่างไร - - - ยากรั้ง แต่เนตรบ่งเยื่อใย - - - ระยับผ่าน ผ่าวผ่านกี่คราวครั้ง - - - ทุกครั้งย่อมเผย ฯ O แรงสุดดินสมุทรฟ้า - - - รวมกัน ยังมิอาจพรากขวัญ - - - จากแก้ว เมื่อใจหนึ่งผูกพัน - - - เพียงหนึ่ง อาจพรากให้คลาดแคล้ว - - - แต่ม้วยมรณัง หัวข้อ: Re: O ชั่วฟ้าดินดับ .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 17 พฤษภาคม 2014, 11:10:AM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2013&date=06&group=5&gblog=42 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2013&date=06&group=5&gblog=42) O หอมกลิ่นบุปผชาติ .. O O พากย์กรองหมายกล่อมให้ - - - ห่วง, ถวิล คอยรสความหลั่งริน - - - รัดล้อม เพื่อโลกแวดล้อมภิน - - - ทนาล่ม สิ้นเฮย เพียงพี่เหลืออยู่พร้อม - - - รักพ้นพรรณนา ฯ O เจ้าเอย-ความออดอ้อน - - - อวลนัย แต่เมื่อความอ่อนไหว - - - แว่ว-รู้ จนโลกแตกดับไป - - - เป็นอื่น หวัง-จิตวิญญาณชู้ - - - อย่ารู้เลือนสลาย ฯ O พิมพ์ดวงเจ้าอ่อนด้อย - - - เดียงสา ตื่น, รับรู้รมยา - - - ยั่วเย้า ทุกข์โลกถูกล่มคา - - - แขขับ แสงแล เสียงคีต, เสียงวอนเว้า - - - แว่ว-สะท้านสะท้อนเสียง ฯ O อาวรณ์ไหวหวั่นชู้ - - - เชยขวัญ เหยียบโลกยอสรวงสวรรค์ - - - หล่นล้อม คีตครวญแผ่ว, แว่วบรร- - - - ลุโสต ครวญแผ่วนั้น-แผ่วพร้อม - - - ผัสสะสร้อยเดียงสา ฯ O เสียงเอยเสียงโอดอื้น - - - เอาทาร เพรียกสิทธิ์รสกุสุมาลย์ - - - มอบให้- ทรงสิทธิ์ครอบวิญญาณ - - - ให้สยบ ยอมเฮย สืบโลกทุกโลกไว้ - - - ยากเว้นวางถวิล ฯ O รูปองค์, ความออดอ้อน - - - อวลสมัย แววตื่นตอบอ่อนไหว - - - วาบเต้น เกสรารูปแฝงใบ - - - หอมกรุ่น นั้นนา ผึ้งภู่อาจ-ละเว้น - - - ยากเว้น .. คือเรียม ฯ O เรณูหอมรื่นล้อ - - - ริ้วลม หอมกว่า, เมื่อปรารมภ์ - - - รูปเจ้า ภู่ผึ้งตฤปหวาน, จม - - - จ่อมอยู่ หวานกว่า, ความวอนเว้า - - - กระซิบไว้ประโลมหวัง ฯ O ลมโรยคันธะรสแต้ม - - - ติดทรวง แล้ว-ย่อมเพียงสุดาดวง - - - เด่นหน้า ตรึงรูปติดใจหวง - - - หาอยู่ ช่วย-ดับดาวทั่วฟ้า - - - ร่วมฟื้นแรงฝัน ฯ O ศัพท์เสียงกระซิบเนื้อ - - - นัยความ นั้น-เปิดโลกคุกคาม - - - บีบเค้น เหนี่ยวใจจดจ่องาม - - - เงียบอยู่ วามทั่วแววตอบเต้น - - - อาจเร้นซ่อนหรือ ฯ O อบอวลคำเอ่ยอ้อน - - - ออดแสดง แผ่วกระซิบความแฝง - - - ฝากชู้ เยี่ยงหวานสุมาลย์แจรง - - - จรดหยาด ผึ้ง, ภู่, คน แต่รู้ - - - หลั่งน้ำใจสนอง ฯ O ปีกบางหรุบปีกล้อม - - - ละอองหวาน ตฤปรสกลางช่อมาลย์ - - - แมกไม้ อกอุ่น-อุ่นเนื้อคราญ - - - ครวญ-กล่อม แตะรูปตฤปรสให้ - - - ห่วงละห้อยคอยหา ฯ O ผาณิตเพรียกภู่น้อม - - - แนบพะนอ เมื่ออีกงามประหนึ่งรอ - - - รับรู้ อุ่นเนื้ออุ่นนวลลออ - - - อิงแอบ เผยรูปร่ำรอชู้ - - - ชิดเนื้อนวล .. ถนอม ฯ O หอมกรุ่นกลีบดอกเชื้อ - - - เชิญภมร แต่เมื่อเสียงเว้าวอน - - - แผ่ว-กระชั้น แยกฤา-สุมาลย์, สมร - - - หอม-อุ่น เสียง, อุ่น, หอม-ยามนั้น - - - ประณีตล้ำคำแถลง ฯ O แล้วเล่าหลังตฤปรู้- - - รสสุคนธ์ เบิกบทความอลวน - - - ว่อนล้อม แล้วเล่าจากอนุสน- - - - ธิรูป เพรียกจิตวิญญาณพร้อม - - - ปลีกพ้นนิพพิทา ฯ O แผ่วพลิ้วลมผ่านไล้ - - - โลมผกา ระริกรูปปีกภุมรา - - - ร่อนล้อม แผ่วเสียงออด, เพรียกนา - - - สิกรับ รสแม่ รับรสแห่งรูป, น้อม - - - แนบไว้รองถวิล ฯ O ศัพท์เสียงกระซิบอ้อน - - - อบอวล เหนี่ยวจิตวิญญาณครวญ - - - คร่ำชู้ เกสรรูปหอม, หวน - - - หาภู่ นั้นเนอ ผาณิตมาลย์ย่อมรู้ - - - เหนี่ยวรั้งรอยภิรมย์ ฯ O คันธรูปแย้มกลีบเชื้อ - - - เชิญภมร ลมแผ่วลูบเกสร - - - สั่นพลิ้ว ฉันทารูปเตรียบกร - - - กอดเกี่ยว ซ่านแผ่วเป็นริ้วริ้ว - - - รูป, เนื้อ-รอถนอม ฯ O กลีบช่อคันธรสช้อย - - - รอเชย พลิ้วผ่านลมรำเพย - - - แผ่วฟุ้ง เรียวรูปอ่อนเนื้อ, เกย - - - ก่ายอยู่ รอเหยียดก้าวเหยียบรุ้ง - - - รอบคุ้งขอบขันธ์ ฯ O แอบ-อุ่นนวลอ่อนน้อย - - - นงพะงา พิมพ์รูปรสตฤษณา - - - เหนี่ยวรั้ง- ให้โลกล่มลับคา - - - เสียงคร่ำ ครวญเนอ อย่างแผ่วเบาซ้ำครั้ง - - - ข่มละห้อยฤๅหาย ฯ O หอมเอยกลางแห่งห้วง - - - เสน่หา กลบรูปรสกุสุมา - - - มอดเชื้อ อวลกลิ่นกล่อมถึงนา- - - - สิก-รูป ให้รับรอง, โอบเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลนิรันดร์ |