หัวข้อ: O สิ้นวาสนา .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 13 มีนาคม 2014, 08:07:PM O และแล้วก็มองเห็นความเป็นจริง
ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง..เพียงร่างฝัน ปรากฎขึ้นเป็นโจทก์..ชี้โทษทัณฑ์ เพื่อสุมใส่โศกศัลย์..เข้าพันธนา O ถวิลถึงก็วิตกสะทกสะท้อน ฑิฆัมพร..เฝ้าแต่เหลียวแลหา ลอยเด่นกลางสรวงนั่น..คือจันทรา จนเกินมือเอื้อมหา..เพื่อคว้าดึง ! O เคว้งคว้างอยู่กลางคลื่นที่ตื่น..คลั่ง คลื่นเทวษที่ลึกดั่ง..เกินหยั่งถึง รอวิญญาณไร้สิทธิ์..ลงติดตรึง- อยู่ก้นบึ้งโศกศัลย์..ในบั้นปลาย O อีกครั้ง..และอีกครา-ความอาวรณ์- ต้องขาดตอนขาดช่วงจนล่วงหาย อีกครั้งที่อาลัยจากใจชาย- ต้องวอดวายล่มคา .. รูปปรารมภ์ O อีกครั้งที่ใจชาย..จะคล้ายว่า- ต้องโทษทัณฑ์ทรมาจนสาสม เมื่องามหนึ่งรูปละม่อมเคยจ่อมจม ต้องมาล่มลับหายกับสายกาล O รูปเอยรูปงามเยาว์..ดั่งเงาล้อม จากเผยรูปเห่กล่อมด้วยหอมหวาน ดลจริตส่งรับอยู่นับนาน กลับต้องลาญลบสิ้น..จากถิ่นทรวง O เสียเจ้า-เยาวรูป..ราวสูบสั่ง- จากเทพทวงเปล่งปลั่ง-คืนฝั่งสรวง มอบเปล่าเปลี่ยวสุมสั่ง..ใจทั้งดวง เป็นภาพลวงรองรับ..การลับ..ลา O จะมีหรือกาลหวนให้จวน-จบ แต่นี้ตราบผืนภพ..ดินกลบหน้า คงรอคอยเงียบเหงาให้เข้ามา- ฉุดลากอาดูรถวิล..ให้สิ้นลง O นี่หรือ-ปวดร้าว, เจ็บ..อันเหน็บหนาว ในทุกก้าวย่างรุดเหมือนสุดบ่ง นี่หรือ..ความขมขื่นที่ยืนยง คล้ายสืบส่งสมสั่ง..จนคั่งคา O จะเจ็บจำฝังไว้..เพื่อได้เห็น- ใจที่เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า เพื่อปลดปล่อยโทษทัณฑ์ให้บรรดา- ชายอื่นรอเยี่ยมหน้าด้วยสาใจ O เทพผู้กอปรฤทธีทั้งสี่โลก พึงอวยโศกครอบอก-จนหมกไหม้ เอื้อดวงจิตหลอมเหลวด้วยเปลวไฟ เผาผลาญให้มอดสิ้นทั้งจินตนา O จะเกิดดับกี่วัฏฏะวงรอบ ขอนบนอบด้วยเล่ห์เสน่หา ยอมให้เหยียบย่ำเล่นเหมือนเป็นมา ในทุกกาละภพที่พบกัน O อย่าได้คลายอาวรณ์ที่เคยมี ในทุกที่ทางเที่ยวจะเหลียว-หัน จะรอคอยย่ำเหยียบ..อย่างเงียบงัน รอเท้าเรียวเจ้านั้น..เหยียบ-หยันเทอญ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2011&date=08&group=11&gblog=318 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2011&date=08&group=11&gblog=318) หัวข้อ: Re: O สิ้นวาสนา .. O เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 13 มีนาคม 2014, 08:56:PM ……ขอเจดีย์ยอดหักเป็นสักขี …ถ้อยวจีเคยเอื้อนขานสานเราสอง …ด้วยดวงจิตกนิษฐตั้งหวังแนบครอง …ใช่ครรลองแห่งรวนเรเล่ห์อุบาย ……จวบจากนี้บุญกรรมกระทำร่วม …จนหลอมรวมร้อยวาทสวาสดิ์สาย …จง……สิ้นสุด….เจ้าตระบัดสัตยกลาย …ให้สลายไปกับวาร…………กาลเวลา หัวข้อ: Re: O สิ้นวาสนา .. O เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 14 มีนาคม 2014, 01:54:PM emo_116 emo_126 แสนสงสาร เจดีย์หัก หากรักล่ม ต้องตรอมตรม ขมเข็ด ห้ามเอ็ดหนา ถ้อยวจี ปรี่ย้ำ คร่ำครวญมา ไหวหวั่นว่า พาให้ ใจระแวง ขอเจดีย์ ไม่หัก เป็นสักขี คงจะดี กว่าเก่า ไม่เว้าแหว่ง รักเติมเต็ม เข้มข้น จนเช้าแลง มิเปลี่ยนแปลง ตลอด ยอดดวงใจ แม้บุญเกื้อ เนื้อหนัง หวังชิดแนบ กายกกแอบ เคล้าคลึง คะนึงไหว ขอทวยเทพ เทวา อ่าอำไพ ดลจิตให้ ได้ชื่น ทุกคืนวัน พันทอง ๑๔/๓/๕๗ emo_116 emo_126 หัวข้อ: Re: O สิ้นวาสนา .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 14 มีนาคม 2014, 03:33:PM ๐ เพียงเพื่อจะเลือนลับ...๐
-1- ๐ จาก-สองใจสบกันแต่วัน-เห็น วันนี้เส้นทางขนานตัดผ่านฝัน คล้ายชั่วยาม..ชื่นบานแห่งวานวัน คลี่โอบขวัญ-ก่อนลับเลือนกับลม ๐ ไร้ร่องรอย-เจ็บปวด, ความรวดร้าว ทุกเรื่องราวจำเพาะต่าง..เหมาะสม รอบด้านยัง-สดชื่น, ยังรื่นรมย์ คล้าย-ไม่เศร้ารันทม..ขื่นขมเลย -2- ๐ ร้างสิ้นเสียงออดอ้อน, ทอดถอนใจ หมดสิ้นข้อสงสัย-จะใคร่เอ่ย มอดดับแล้ว..แสงวิจิตร, ให้ชิดเชย จะล่วงเลยลับร้างจนห่างไกล ๐ คืนจังหวะมัวหมองทำนองฝน ผ่านฟากฟ้าอึงอล..ก่อนหล่นไหล หยาดน้ำเย็นหยดเนื้อ-ล้างเยื่อใย ล้าง..คราบไคลอาวรณ์ให้ผ่อนเบา ๐ ท่วงทำนองคร่ำครวญในส่วนฟ้า ฤๅเปรียบท่าทีครวญ..กำสรวลเศร้า รันทดด้วยอ้างว้าง-แต่ร้างเงา- ผู้ใฝ่เฝ้าจดจ่อ..มุ่งรอคอย ๐ และคล้ายโลกแหลกลง..ที่ตรงหน้า ทรมาโหมแล้ว...ใช่แผ่วค่อย เมื่อดวงวันสิ้นผกาย..ให้หมายรอย เตือนเศร้าสร้อย, ชอกช้ำ-เร่งทำนอง ๐ คล้ายคล้ายในอกทรวง...มา-กลวงเปล่า เมื่องามเงาตาเหมือน-คล้ายเลือนล่อง เงาในตาเคยระยับให้จับจอง เคยสาดส่องนำวิถี..แห่งชีวิต ๐ เหมือนสูญเสียตัวตน..ให้หม่นหมอง ขุ่น, ขัดข้อง-เหน็บหน่วงทั้งดวงจิต ดวงตาและดวงใจเคยใกล้ชิด มาจะบิดเบือนร้าง..จืดจางรอย ๐ สีเอย...สีสันในวันเก่า มาซีดซึมทึมเทา..จนเศร้าสร้อย ร้างสิ้นรูปใฝ่ฝัน..ให้มั่นคอย เหลือเงียบหงอยรุมประชิดทั้งจิตใจ -3- ๐ ควรมีหรือ..เงื่อนไข-เมื่อใจรัก เห็นแต่ควร-แน่นหนัก..รู้จักให้ เหมือนผ่าวผ่านสายน้ำ, ลมร่ำไอ ก่อระลอกระริกไหลอยู่ในยาม ๐ ดังสายน้ำหลากไปยากไหลกลับ ระลอกทับโถมรุดก็สุดห้าม เหมือนสุดคิดไขว่คว้า-พยายาม แต่เนตรวามวาบเชื้อ..สิ้นเยื่อใย ๐ เปลี่ยนได้หรือ-เยี่ยงไรจะได้เล่า? บิดร้อนเร่ากำสรด-เป็นสดใส ท่วงทีแห่งวันวานเมื่อผ่านไป ต้องยื้อฉุดเยี่ยงไร..จึงได้คืน -4- ๐ แม้นช่วงร้อนค่ำคืน..จำกลืนเก็บ ความหนาวเหน็บแทรกสู่..สุดรู้-ขืน ก็ควรแล้วชอกช้ำ..ให้กล้ำกลืน ควรว่าตื่นใจร่ำ..รู้อำลา ๐ จาก-สองใจสบกันแต่วันก่อน จนสุมซ่อนร่างเงา..ให้เฝ้าหา ชั่วแสงทอด..รูปนิมิตเคยติดตา กลับดูคล้ายกับว่า..ไม่เคยมี. |