หัวข้อ: เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 23 กันยายน 2013, 07:45:PM เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา
จงสรรค์สร้างทางสายสู่ปลายฝัน ร่วมแบ่งปันถ้อยคำควรพร่ำหา เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา ย่อมมีค่ากว่าดาวที่พราวไกล ทิพย์อักษรเรียงร้อยทยอยส่ง ลิขิตแต้มบรรจงอย่างหลงใหล มุ่งสลักวรรคทองยึดครองใจ ทอแสงให้บทกลอนสุนทรธรรม บางทีอาจคิดเห็นประเด็นต่าง ขอดวงจินต์กระจ่างหลีกทางต่ำ หมายผดุงศรัทธาปัญญานำ ด้วยดื่มด่ำอรรถรสของบทกลอน ร่วมรู้รักสามัคคีฉันพี่น้อง เพื่อลานทองภิญโญสโมสร ดำรงอยู่คู่หล้าสถาพร เอื้ออาทรต่อกันนิรันดร์กาล!ฯ อริญชย์ ๒๓/๙/๒๕๕๖ emo_107 หัวข้อ: Re: เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 23 กันยายน 2013, 08:40:PM แผ่วสัมผัสสำเนียงส่งเสียงรับ
โสตประทับทำนองร้องประสาน ไหลระรินปิ่นกลอนฟ้อนเบิกบาน ท่องทบทานดื่มด่ำเคียงบำเรอ เนิ่นเนานานผ่านเลยไม่เคยคล้อง เรียงสนองอักขระที่เสนอ วันนี้พานประสบเพียงพบเจอ ขอละเมอเคียงข้างกลัวห่างกัน แต่วันเก่าเราสองประคองกาพย์ ทั้งซึ้งทราบที่สั่งสอนได้ผ่อนผัน ยังสำนึกตรึกตรองข้องทุกวัน เชิญชวนสรรสร้างกานท์สู่บ้านกลอนฯ เนิน จำราย หัวข้อ: Re: เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 23 กันยายน 2013, 09:42:PM emo_54 ๐หากเคยหอมดอมดมชมบุปผา เอมอุรารื่นจินต์กลิ่นเกสร เทียบมิเท่าเฉลาพรมเพราะรมย์กลอน คำขจรขจายเคลิ้มเติมเต็มชนม์ ๐จึงขอเคียงเพียงมิตรลิขิตแข คือคำแท้ธีรภาษณ์พิลาสผล เราจักร่วมระบิลบทสะกดมนตร์ กลั่นกลอนกลเกริกหล้านภาเพ็ญ ๐ใครสุขีที่ใดไม่อิจฉา ใครเฮฮาหนไหนไม่อยากเห็น ใครเขนยเชยเย้าทุกเช้าเย็น มิเปรียบเป็นเพื่อนปราชญ์ประกาศกานท์ ๐โชคใดเช่นเด่นล้ำกล้ำสยาม เผ่าพงศ์พราหมณ์เพียงไรเท่าไทยหวาน พรรณเพริศพริ้งฤๅเพียงเผดียงกานท์ เพราะพบพานเพื่อนพจน์จรดจันทร์ฯ emo_126 หัวข้อ: Re: เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 23 กันยายน 2013, 11:40:PM สะดุดเสียงลำนำคำน้องพี่
ดลฤดีอิ่มเอมเกษมสันต์ จึงถักทอชรรินพิณจำนรรจ์ เพื่อจะบรรยายเอ่ยเผยหทัย ผมก็หนึ่งผู้ภักดิ์รักอักษร เสพย์ติด "กลอนกาพย์" งามอร่ามใส อีก "โคลงฉันท์" แวววะวาบกำซาบใจ สุขที่ได้ก่น "ร่าย" สลายตรม ผิวะไร้เวลา, ภาระท้น เพียงได้ยล, ก็สนุกแสนสุขสม ปล่อยมโนลอยละล่องท่องอารมณ์ ก่อนจะก้มหน้ามุ่ยตะลุยกิจ ขอบพระคุณเทพไท้ทั่วไตรโลก ขอบคุณโชคอำนวยช่วยประสิทธิ์ ประสบแคว้นแดนกวี, มากมีมิตร เติมชีวิต...ให้ชื่นระรื่นจินต์ ศรีเปรื่อง ๒๓ ก.ย. ๒๕๕๖ หัวข้อ: Re: เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 24 กันยายน 2013, 12:48:AM ค่อยค่อยจับพับจีบเรียงกลีบถ้อย บรรจงร้อยเสียงร่ำจากคำถิ่น บ้างระบัดขัดเคี่ยวบ้างเชี่ยวชิน แต่หาเบ่งอวดบิน โอ่ระบำ หากไทยภาษณ์พงศ์กะโลงหรือโคลงค่าว เป็นรากยึดดินด้าว มาดึกด่ำ สาดใบแผ่ภาษาอารยธรรม ทิ้งถลำเทือกแถวแล้วไหนไทย แม้เพียงน้อยถ้อยถนิมก็อิ่มอก เขียนกนกกวัดวงให้หลงใหล จะแบ่งค่ายลายสือได้หรือไร อ่านแล้วจับที่ใจ จะรู้จริง แลไหนเปรียบเทียบมั่นปิยมิตร ที่สอนส่งเสริมวิสิฐกระแสสิ่ง กับฉุดถือยื้อร่วงด้วยท้วงติง คือบ้านพักหลักพิง วิหารพรหม ฯ พรายม่าน สันทราย ๒๔.๐๙.๕๖ หัวข้อ: Re: เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 24 กันยายน 2013, 11:18:AM (http://image.ohozaa.com/i/3ce/xYLBZ.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/gXc2) ยังอ่อนด้อย การเขียน ร่ำเรียนอยู่ ขอท่านผู้ รู้ความ ตามเหมาะสม ช่วยชี้แนะ หน่อยหนอ รอติชม จะระดม สติตั้ง ทั้งปัญญา กลอนล้ำเลิศ เฉิดฉาย หลากหลายรส อีกงามงด พจน์ถ้อย ไม่น้อยหน้า อยากมาต่อ แต่งเติม เสริมราคา แต่ไม่กล้า บังอาจ กลัวพลาดจัง อ่านกระทู้ ทีไร ใจเต้นตึก ในส่วนลึก นึกชม ภิรมย์หวัง ถึงเตาะแตะ ไต่เต้า เข้ารวงรัง เสียงระฆัง ไม่รัว มิกลัวแพ้ พันทอง ๒๔/๐๙/๕๖ ขอชื่นชมกลอนของทุกท่านเลยจ้า อ่านแล้วพริ้วจริงๆ ข้าน้อยนับถือ ๆ (http://image.ohozaa.com/i/3ce/xYLBZ.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/gXc2) หัวข้อ: Re: เพียงน้ำใจไหวแล้วในแววตา เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 24 กันยายน 2013, 04:11:PM ประดิษฐ์ประดอยลอยมาจากฟ้าไกล ประทับใจห่อนหน่ายได้สุขสม ประดับฐานกานท์เนาเกลาคำคม ประเทืองรมณ์รับรู้รินสู่ทรวง ห่างและหายไปนานจากบ้านนี้ ศักดิ์และศรีตรึงใจยังใหญ่หลวง ยกและยอจริงใจให้ทั้งปวง รักและหวงอย่าห่างคนทางนี้ เนิน จำราย |