หัวข้อ: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: muneenoi ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 12:27:AM โอ้ยามดึก นึกหวั่น กระสันจิต ความมืดมิด ปิดทาง อย่างคนเหงา มองรอบข้าง ว่างเว้น เห็นเพียงเงา คล้ายตัวเรา เศร้าหมอง มองราตรี ฟังจิ้งหรีด กรีดเสียง สำเนียงเพราะ น้ำค้างเผาะ เหยาะดัง สังคีตสี แว่วเสียงลม พรมพลิ้ว หวิวฤดี เหมือนนารี ร้องสั่ง มายังชาย รอเวลา พาล่วง ห้วงความมืด จะขอยืด อกขึง มาผึ่งผาย อรุณรุ่ง พุ่งแสง มีแรงกาย จะไว้ลาย ชาติบุรุษ หยุดร้าวรอน "มุนีน้อย" emo_111 หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 07:26:AM emo_111 ยิ่งมืดมัวทั่วหล้าท้องฟ้าคล้ำ ยิ่งระกำช้ำดวงแดยามแลหมอน ไร้ดาวเดือนเพื่อนเรียงแนบเคียงนอน สุดจะวอนอ้อนหาความปรานี จะอ้อนฟ้าพาจันทร์พลันแสงส่อง ขอเก็จก่องมองประโลมแทนโฉมศรี ร้องร้องไปไม่เมตตาคำพาที สิ้นสนใจใยดีวลีเรา เงียบสงัดรัตติกาลคืบคลานครอบ ยิ่งช้ำบอบรอบเรียงมีเพียงเหงา พร้อมใจเหม่อเพ้อวิโยคโศกซึมเซา ครวญเบาเบาเศร้าโหยใกล้โรยรา โอ้อุษาน่าสงสัยจะได้เห็น ช่างยากเย็นเข็ญใจในวาสนา มีเพียงกายหายสิ้นซึ่งวิญญาณ์ พร้อมไคลคลาราตรีฟ้าสีดำ... --บูรพาฯ-- emo_126 หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: ดารกะ ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 08:33:AM emo_45 ยามราตรี นี้ฝนหล่นปรายโปรย รู้สึกโรยโหยอ่อนนอนมิหนำ นอกหน้าต่างพร่างหม่นฝนตกพรำ มือควานคลำขยำผ้ามาห่มนอน จิตกระหวัดลัดเลาะเดาะหวามไหว นึกไปไกลได้แนบแอบอกซ่อน ไออุ่นชายไล้ลูบจูบเว้าวอน พอถึงตอนสำคัญดั๊นหลับไป emo_06 ก้อย หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 08:49:AM emo_79 มาช่วยต่อขออ้อนยามนอนฝัน พาแจ่มจันทร์นั้นเพลินขึ้นเนินไศล ลมรำเพยเชยชื่นระรื่นใจ หอมเนื้อในไออวลน้องนวลปราง แสนเสียดายสายสวาทมาขาดหาย แดดกระจายพรายพลัดมาขัดขวาง สว่างไสวให้ประจักษ์คัคนางค์ จำติดค้างร้างคลาดสวาทครวญ... emo_33 --บูรพาฯ-- emo_126 หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: ปู่ริน ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 10:26:AM นั่งริมคลองมองเวิ้งว้างเมื่อนางจาก เจ้าลำบากแปรเปลี่ยนไปไม่คิดหวน พี่หยิบขลุ่ยมาบรรเลงเพลงนางครวญ จิตปั่นป่วนเป่าเล่นมิเป็นความ เฝ้าครุ่นคิดสับสนเพราะหม่นหมอง ใจเรียกร้องด้วยข้องเกี่ยวเที่ยวไต่ถาม ออกสืบเสาะแสวงหาน้องนงราม ทั่วเขตคามสวนสามพรานนานแรมปี พี่นั่งเศร้าเฝ้ามองไปใจสะท้อน เริ่มรุ่มร้อนเสียหลักไร้ศักดิ์ศรี น้ำตาตกอกกลัดหนองช้ำหลายที ยามราตรี..มามืดมน..ลิ้นคนลวง ริน ดอนบูรพา ๔ ก.ค.๕๖ หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: กังวาน ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 11:05:AM (http://ts4.mm.bing.net/th?id=H.4917029932892683&pid=15.1) กาแฟวางข้างกายหมายหยิบยื่น คิดถึงชื่นเคยใกล้กลับไม่ห่วง คนเคยรักภักดิ์ใจทำไมลวง คิดถึงดวงสุดาเกินกว่าทน ข้างนอกดาวพราวฟ้าแต่ว่าฉัน อกหนาวสั่นอยู่ข้างในใจทุกหน "ฉันรักเธอ"เพ้อออกบอกทุกคน หนีไม่พ้นถูกเธอหลอกมาบอกลา ราตรีเหงาเฉาจิตยังคิดถึง คนเคยซึ้งร่วมสุขหมดทุกข์หา กาแฟดื่มลืมโลกโศกโสกา อนิจจาอยากจะเมา...กินเหล้าไม่เป็น ---กังวาน--- หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 11:41:AM emo_116 emo_126 ดื่มกาแฟ แก่ไป ใจมันสั่น แค่สูดควัน พลันขื่น แถมตื่นเต้น โรคหัวใจ กำเริบ เปิบไม่เป็น ยืนลำเค็ญ เข็ญใจ ไม่คุ้นชิน ดื่มกาแฟ แพ้ทาง กั้นขวางจิต ดื่มเพียงนิด ผิดขม ระทมสิ้น หากเปรียบไป อนุบาล ผลาญชีวิน เตาะแตะริน ร่ำร้อง หมองดวงแด ราตรีเหงา เงาฝน บนท้องฟ้า ทะมึนมา คราคร่ำ จำใจแย่ นั่งดื่มเหล้า คนเดียว ขาดเหลียวแล ซดเพียวเพียว เมาแปร๋ แย่เลยเรา พันทอง ๓/๐๗/๕๖ emo_116 emo_126 หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: koyoteeii ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 01:25:PM โอ้ยามดึก นึกหวั่น กระสันจิต ความมืดมิด ปิดทาง อย่างคนเหงา มองรอบข้าง ว่างเว้น เห็นเพียงเงา คล้ายตัวเรา เศร้าหมอง มองราตรี ฟังจิ้งหรีด กรีดเสียง สำเนียงเพราะ น้ำค้างเผาะ เหยาะดัง สังคีตสี แว่วเสียงลม พรมพลิ้ว หวิวฤดี เหมือนนารี ร้องสั่ง มายังชาย รอเวลา พาล่วง ห้วงความมืด จะขอยืด อกขึง มาผึ่งผาย อรุณรุ่ง พุ่งแสง มีแรงกาย จะไว้ลาย ชาติบุรุษ หยุดร้าวรอน "มุนีน้อย" emo_111 อ่านแล้วช่างฟินไรเช่นนี้เนี่ย emo_107 หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 04:14:PM emo_116 emo_126 ดื่มกาแฟ แก่ไป ใจมันสั่น แค่สูดควัน พลันขื่น แถมตื่นเต้น โรคหัวใจ กำเริบ เปิบไม่เป็น ยืนลำเค็ญ เข็ญใจ ไม่คุ้นชิน ดื่มกาแฟ แพ้ทาง กั้นขวางจิต ดื่มเพียงนิด ผิดขม ระทมสิ้น หากเปรียบไป อนุบาล ผลาญชีวิน เตาะแตะริน ร่ำร้อง หมองดวงแด ราตรีเหงา เงาฝน บนท้องฟ้า ทะมึนมา คราคร่ำ จำใจแย่ นั่งดื่มเหล้า คนเดียว ขาดเหลียวแล ซดเพียวเพียว เมาแปร๋ แย่เลยเรา พันทอง ๓/๐๗/๕๖ emo_116 emo_126 (อ้างแล้ว) ดื่มชีวาส ผสมโค้ก กล่อมรสชาติ น้ำแข็งขาด แถมไกล ร้านเซเว่น ขัดเคืองแท้ ไม่เตรียม แต่ตอนเย็น ฝืนลำเค็ญ กระดกดื่ม เดี๋ยวคุ้นชิน ชีวาสลิตร รสละมุน ละเมียดจิบ โซดาสิบ หายลิบ น้ำแข็งสิ้น หากเปรียบไป ป.เอก เมรัยกิน ช่ำชองริน มือสั่น ประคองแจ นิศาเหงา เทาเมฆ เปื้อนเค้าฝน ทมิฬครึ้ม เมฆหม่น ปรกปุยแผ่ นั่งซดเหล้า เปล่าเดียว เปลี่ยวดวงแด น้ำแข็งหมด ใช่แย่ โค้กยังมีฯ 55555ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สนอง เสาทอง ๔/๐๗/๕๖ หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: ดารกะ ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 04:21:PM emo_79 มาช่วยต่อขออ้อนยามนอนฝัน พาแจ่มจันทร์นั้นเพลินขึ้นเนินไศล ลมรำเพยเชยชื่นระรื่นใจ หอมเนื้อในไออวลน้องนวลปราง แสนเสียดายสายสวาทมาขาดหาย แดดกระจายพรายพลัดมาขัดขวาง สว่างไสวให้ประจักษ์คัคนางค์ จำติดค้างร้างคลาดสวาทครวญ... emo_33 --บูรพาฯ-- emo_126 emo_12 เป็นไปได้ใคร่เชิญมาเดินใกล้ จะอิงอุ่นหนุนไหล่ให้ใจป่วน พาลงห้วยขึ้นเขาคอยเย้ายวน รถไฟด่วนตีลังกาอย่าช้านัก จะไปไหวหรืออยู่คุณปู่จ๋า emo_26 ดูทางท่าล้าเพลียเกรงเสียหลัก มิทันตั้งขบวนกลัวด่วนพัก ทำยึกยักเมื่อไหร่ได้เจอดี emo_12 emo_05 ก้อย หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 04:37:PM (อ้างแล้ว) ดื่มชีวาส ผสมโค้ก กล่อมรสชาติ น้ำแข็งขาด แถมไกล ร้านเซเว่น ขัดเคืองแท้ ไม่เตรียม แต่ตอนเย็น ฝืนลำเค็ญ กระดกดื่ม เดี๋ยวคุ้นชิน ชีวาสลิตร รสละมุน ละเมียดจิบ โซดาสิบ หายลิบ น้ำแข็งสิ้น หากเปรียบไป ป.เอก เมรัยกิน ช่ำชองริน มือสั่น ประคองแจ นิศาเหงา เทาเมฆ เปื้อนเค้าฝน ทมิฬครึ้ม เมฆหม่น ปรกปุยแผ่ นั่งซดเหล้า เปล่าเดียว เปลี่ยวดวงแด น้ำแข็งหมด ใช่แย่ โค้กยังมีฯ 55555ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สนอง เสาทอง ๔/๐๗/๕๖ emo_116 emo_126 เหล้าอะไร ได้ดื่ม ปลื้มใจแท้ ชีวาสแปร กระแช่เล็ง เจ๋งจริงพี่ ฤๅเหล้าขาว ยามตังค์หมด รสชาดดี ยิ่งดื่มฟรี สุดยอด จอดไม่แจว ดื่มสาเก เซซัด หัววัดพื้น กว่าจะฟื้น ข้ามวัน ฉันใจแป้ว เป็นเหล้าไทย ได้ไหมหนอ ขอเปลี่ยนแนว สาโทแจ๋ว แถวบ้าน หวานชวนชิม พันทอง emo_126 emo_126 หัวข้อ: Re: ราตรีที่วังเวง... เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 07:56:PM เหงาราตรีคลี่ผ่านตำนานรัก ยินประจักษ์เสียงเคาะเสนาะขิม เคยประคองน้องนางอยู่ริมริม ใต้ระเบียงข้างประจิมรับตะวัน อัสดงลงภูนกกู่ร้อง บอกเราสองปิดหับประทับขวัญ กระท่อมน้อยกลางป่าฟ้าอรัญ ฟังรำพันเสียงไพรเสียงใดครวญ ครวญคำว่าล้าเฉยพี่เคยไหม ร้างแรมไกลคำนึงประหนึ่งหวน ถึงแรมแรมร้างร้างยังค้างนวล กลิ่นอบอวลรู้รับประทับใจ มาบัดนี้รู้ห่างจำจางจาก ไม่รู้ฝากคำว่าพูดจาไหน มีแต่คำย้ำว่ากลางป่าไพร มีแต่ใจย้ำว่าข้าคอยนาง เทพเทวาฟ้าดินครบสิ้นสรวง โปรดได้ล่วงรู้ชัดอย่าขัดขวาง ตัวข้าน้อยย้ำว่ารอท่านาง ท้าวเปิดทางเถิดหนาตัวข้ารอ เนิน จำราย |