พิมพ์หน้านี้ - กาลามสูตรกังขานิยฐาน ๑๐

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนธรรมะ+กลอนสอนใจ+กลอนธรรมชาติ+กลอนปรัชญา => ข้อความที่เริ่มโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 02 กรกฎาคม 2013, 06:09:AM



หัวข้อ: กาลามสูตรกังขานิยฐาน ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 02 กรกฎาคม 2013, 06:09:AM
เกิดอารมณ์อยากจะเขียนอะไร ๆ ที่มีสาระบ้าง  emo_85  emo_85 ลองดูนะครับ

(กาลามสูตรกังขานิยฐาน ๑๐ : มาณวกฉันท์ ๘)
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3 (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)

พุทธกถา                   กาละมะสูตร
การสุต Truth             ความคติใด
อย่าสติเขลา               เบาหฤทัย
เชื่อวทะใคร                โดยบมิทาน

จงพิเคราะห์ทวน           มวลพจะฟัง       
ตามทศกัง-                 ขานิยฐาน
พุทธดำรัส                  ตรัสตะบุราณ
หลักตริพิจารณ์             อัตถกถา

(๑. มา อนุสฺสวเนน - อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา)
หนึ่งมละหลง               ปลงกมลาศ
เชื่อพจนารถ                ด้วยเพราะนรา
อ้างวะสดับ                  รับมุลมา
จากพจนา                   เหล่านรชน

(๒. มา ปรมฺปราย - อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา)
สองวทะเก่า                เล่าตะบุราณ
ควรตริและทาน             อัตถยุบล
อย่าปฏิเสธ                 เหตุและผล
เชื่อบุพชน                  ปราศตริตรอง

(๓. มา อิติกิราย - อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ)
สามมละข่าว               กล่าวและสะพัด
อ่อนวจนัตถ์                ขาดมุลจอง
เพียงวทะลือ               ถือ ฤ ก็หมอง
ใช้สติกรอง                 กั้นขยะสาร

(๔. มา ปิฏกสมฺปทาเนน - อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา)
สี่คัมภีร์                     นี้ก็มิควร
ภักดิสำนวน               ทุกบทจาร
ใช่มัฆวา                    มาอวตาร
พลั้งพจมาน                ผิด ฤ ก็มี               

(๕. มา ตกฺกเหตุ - อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง)
ห้าผิวะจัก                   ตรรกะพินิจ
หากมุลผิด                  คลาศวิถี
อย่าจิตเคร่ง                 เร่งกรณี
ปิดบัญชี                     ด้วยเพราะทะนง

(๖. มา นยเหตุ - อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา)
หกอนุมาน                 การกะคะเน
เพียงกลเล่ห์              อาจจะมิตรง
บ้างก็เขยื้อน              เคลื่อนบ่มิคง
อย่าจิตปลง               ในวิเคราะห์ผล

(๗. มา อาการปริวิตกฺเกน - อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ)
เจ็ดคติเคย                เผย ณ อดีต
ใช่มรุขีด                   บ้างก็พิกล
เบี่ยงวิปริต                คิด ฤ ฉงน
ควรนรชน                เผื่อมนใน

(๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา - อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน)
แปดมละจิต              ทิฏฐิพิจารณ์
เพียงเฉพาะด้าน         ตรงกะหทัย
เชื่อทฤษฎี                ที่ดำริไว้
รั้นวินิจ์ฉัย                 ตามอุระตน

(๙. มา ภพฺพรูปตา - อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้)
เก้ามละเชื่อ                เนื้อพจน์วากย์
เพียงพิเคราะห์จาก        ลักษณะคน
ปราชญ์ ฤ ก็พลั้ง           ดังปุถุชน
สาระยุบล                    อาจจะมิควร

(๑๐. มา สมโณ โน ครูติ - อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา)                               
สิบมละเชื่อ                 เนื้อวทะครู
โดยบ่มิดู                    พจนกระบวน
คิดพิเคราะห์สาร            อ่านและก็ทวน
ตรองตริประมวล             พึ่งจะกระทำ

ศรีเปรื่อง
๒ ก.ค. ๒๕๕๖

ปล.

Truth (ทรูธ) = ความจริง
มละ = ละ, ทิ้ง
คติ = แบบอย่าง วิธี แนวทาง
กมลาศ = กมล (ใจ) + ศ เข้าลิลิต
อัตถ = เนื้อความ
ยุบล = ข้อความ, เรื่องราว
วจนัตถ์ = วจน (คำพูด) + อัตถ์ (เนื้อความ)
มุล จาก มูล = ๑. รากเหง้า  ๒. ทั้งหมด
ตะบุราณ จาก แต่โบราณ
มรุ = เทวดาพวกหนึ่ง
คลาศ = คลาด
บุพชน จาก บรรพชน