หัวข้อ: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 มีนาคม 2013, 12:05:AM อันนี้เป็น ไฮกุ หรือ เซนริว
หรือไม่เป็นทั้งสองอย่าง(มั่ว) ... ... คำพูดมักมากไป ร้อนนี่ปีหน้ากว่านี้ไหม บอกตัวเองในใจ ... วอนท่านผู้รู้ ด้วยความนับถือ หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: ♥ กานต์ฑิตา ♥ ที่ 29 มีนาคม 2013, 06:34:AM ไฮกุ (Haiku) เป็นบทกวีญี่ปุ่น เป็นสุดยอดของบทกวีทั้งหลาย ซึ่งบทกวีอื่นมีความยาวมากน้อยต่างกัน และมีบังคับสัมผัสตามหลักฉันทลักษณ์ ทำให้บทกวีดังกล่าวไม่เหมาะกับการแสดงออกถึงปรากฏการณ์ ทางจิต-วิญญาณและความลึกซึ้งออกมาได้ เนื่องจากบทกวีได้ถูกบังคับยึดติดกับรูปแบบและข้อจำกัดตายตัว แต่บทกวีไฮกุได้ตัดทอนลงให้เหลือเพียงตัวอักษร ๓ วรรค ยาว ๕ - ๗ - ๕ รวมเป็นตัวอักษรเพียง ๑๗ ตัวเท่านั้น ไฮกุ มีพื้นฐานคือ เรียบง่าย และ ดั้งเดิม จึงไม่ยึดติดกับแบบแผน ไม่มีข้อจำกัด ไหลเรื่อยตามธรรมชาติ สั้นกระชับที่สุด ตรงที่สุด และเป็นไปอย่างฉับพลัน ตามสภาวะสัจจะล้วน ๆ เรียบง่ายและตรงความรู้สึก ออกมาจากใจของกวี โดยปราศจากอุปสรรคขวางกั้น แสดงความงาม ความเศร้า ความสงบ ความปิติ ความเก่าแก่ เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น ในวินาทีแห่งการสร้างสรรค์สิ่งอัศจรรย์ที่ไฮกุได้ถือกำเนิดขึ้น กลอนเซนริว คือ กลอนของญี่ปุ่นอย่างหนึ่ง พัฒนามาจากกลอนไฮกุ โครงสร้างในการแต่งกลอนเซนริวจะใช้คำวรรคละ 5 คำ 7 คำ และ 5 คำ เนื้อหา อาจจะเป็นเรื่องธรรมชาติ เรื่องใกล้ๆ ตัว หรือ เรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ***ยากที่แยกว่าคือ ไฮกุ หรือ เซนริว*** หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 29 มีนาคม 2013, 06:57:AM วรรคสุดท้ายหักมุม วรรคสองเกี่ยวพันกับวรรคแรก ธรรมชาติกับมนุษย์ ก้านกล้วย หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 มีนาคม 2013, 11:43:PM ไฮกุ (Haiku) เป็นบทกวีญี่ปุ่น เป็นสุดยอดของบทกวีทั้งหลาย ซึ่งบทกวีอื่นมีความยาวมากน้อยต่างกัน และมีบังคับสัมผัสตามหลักฉันทลักษณ์ ทำให้บทกวีดังกล่าวไม่เหมาะกับการแสดงออกถึงปรากฏการณ์ ทางจิต-วิญญาณและความลึกซึ้งออกมาได้ เนื่องจากบทกวีได้ถูกบังคับยึดติดกับรูปแบบและข้อจำกัดตายตัว แต่บทกวีไฮกุได้ตัดทอนลงให้เหลือเพียงตัวอักษร ๓ วรรค ยาว ๕ - ๗ - ๕ รวมเป็นตัวอักษรเพียง ๑๗ ตัวเท่านั้น ไฮกุ มีพื้นฐานคือ เรียบง่าย และ ดั้งเดิม จึงไม่ยึดติดกับแบบแผน ไม่มีข้อจำกัด ไหลเรื่อยตามธรรมชาติ สั้นกระชับที่สุด ตรงที่สุด และเป็นไปอย่างฉับพลัน ตามสภาวะสัจจะล้วน ๆ เรียบง่ายและตรงความรู้สึก ออกมาจากใจของกวี โดยปราศจากอุปสรรคขวางกั้น แสดงความงาม ความเศร้า ความสงบ ความปิติ ความเก่าแก่ เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น ในวินาทีแห่งการสร้างสรรค์สิ่งอัศจรรย์ที่ไฮกุได้ถือกำเนิดขึ้น กลอนเซนริว คือ กลอนของญี่ปุ่นอย่างหนึ่ง พัฒนามาจากกลอนไฮกุ โครงสร้างในการแต่งกลอนเซนริวจะใช้คำวรรคละ 5 คำ 7 คำ และ 5 คำ เนื้อหา อาจจะเป็นเรื่องธรรมชาติ เรื่องใกล้ๆ ตัว หรือ เรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ***ยากที่แยกว่าคือ ไฮกุ หรือ เซนริว*** ... ลมร้อนโชยเหมือนเรียบ ใบสดใบแห้งต่างไหวง่าย เหมือนกันอย่างลึกลับ ... กลอนยังเข้าใจยาก คนแ่ต่งจะแปลกก็คงไม่แปลก ขอบคุณครับ คุณ ♥ กานต์ฑิตา ♥... หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 มีนาคม 2013, 12:03:AM วรรคสุดท้ายหักมุม วรรคสองเกี่ยวพันกับวรรคแรก ธรรมชาติกับมนุษย์ ก้านกล้วย ... ก็อกแก็ก...ฟังแต่เสียง กลางดึกแสงไฟลอดประตู ไม่เห็นแต่ไม่หลับ ... โอ้...ง่ายจัง ช่างเข้าใจยาก ... ขอบคุณ...คุณก้านกล้วย อธิบายมาก คงเข้าใจยาก อย่าต่อ หักดีกว่า ... หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง(ประวัติ) เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 30 มีนาคม 2013, 05:21:PM ประวัติกลอนไฮไก เซ็นริว ๑.ไฮไกย่อมาจากคำว่า ไฮไกโนะ เร็งงะ โดยเป็นกลอนที่พัฒนามาจากเร็งงะ กลอนเร็งงะจะมีจำนวนพยางค์เป็น ๕๗๕๗๗ แต่ไฮไก จะตัดเหลือแค่ ๕๗๕ โดยจะเน้นความสนุกสนานบันเทิงเป็นหลัก ในช่วงแรกของสมัยเอโดะ กวีชื่อมะท์ซุนนะงะ เทะอิโตะกุ ได้เป็นผู้พัฒนาแยกกลอนไฮไกออกมาจากเร็งงะ เพื่อให้เป็นวรรณคดีของชาวบ้าน ต่อมาไฮไกสายดันริว ซึ่งนำโดยนิฌิยะมะ โซอิน ได้ทำให้เกิดไฮไก ในลักษณะที่เน้นความเป็นอิสระไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ พอเข้าสู่ยุคเก็นโระกุ (ช่วง ค.ศ.๑๖๘๘-๑๗๐๔) มะท์ซุโอะ บะโฌ ได้พัฒนาศิลปะกลอนไฮไกจนสมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่บะโฌเสียชีวิตไป ศิลปะการแต่งกลอนไฮไกก็เข้าสู่ยุคที่ตกต่ำลง มีกวีหลายคนที่พยายามจะรักษาศิลปะการแต่งกลอนไฮไกเอาไว้เช่น โยะซะ บุซน ซึ่งเป็นกวียุคเท็มเมะอิ (ช่วง ค.ศ.๑๗๘๑-๑๗๘๙) กลอนไฮไกนี้เมื่อเข้าสู่สมัยเมจิ กวีชื่อ มะซะโอะ กะฌิกิ ได้เปลี่ยนคำเรียกชื่อกลอนไฮไกใหม่เป็นกลอนไฮกุ ซึ่งยังเป็นคำเรียกที่ใช้กันมา จนถึงปัจจุบัน ๒.กลอนเซ็นริว เซ็นริวเป็นกลอนสั้นๆที่มีแค่ ๑๗ พยางค์(๗๕๗) เหมือนกับกลอนไฮไก แต่จะไม่ใช้กฎเกณฑ์ข้อบังคับแบบไฮไก ไม่ต้องมีคำแสดงฤดูกาล เน้นความรู้สึกสนุกสนานสามารถแสดงความคิดความรู้สึกได้อย่างอิสระ จึงมักมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์สังคม หรือใช้กล่าวถึงเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน ผู้ที่เป็นต้นคิดแต่งกลอนเซ็นริวก็คือ คะระอิ เซ็นริว ซึ่งชื่อของเขาก็ถูกนำมาใช้เรียกชื่อกลอนประเภทนี้ หนังสือรวมกลอนที่สำคัญของเขาได้แก่ ยะงะนิดะรุ ใน ค.ศ.๑๗๖๕ จากหนังสือประวัติวรรณคดีญี่ปุ่น โดย อรรถยา สุวรรณดา สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ป.ล.บังเอิญจำได้ว่า วันที่ ๒๕/๐๓/๒๕๕๖ เข้าห้องสมุดแล้วเจอหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ วันนี้ไปค้นเลยจดมาให้อ่าน หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 30 มีนาคม 2013, 05:31:PM บทกลอนสื่อความรู้สึก พื้นฐานวิถีชีวิตแต่ละชาติ ฉันชอบแต่งกลอนแปด ก้านกล้วย emo_54 หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 30 มีนาคม 2013, 06:12:PM บทกลอนสื่อความรู้สึก พื้นฐานวิถีชีวิตแต่ละชาติ ฉันชอบแต่งกลอนแปด ก้านกล้วย emo_54 รัตนาวดีก็ชอบแต่งกลอนแปดมากเหมือนกันค่ะ emo_116 emo_126 หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 30 มีนาคม 2013, 07:24:PM บทกลอนสื่อความรู้สึก พื้นฐานวิถีชีวิตแต่ละชาติ ฉันชอบแต่งกลอนแปด ก้านกล้วย emo_54 รัตนาวดีก็ชอบแต่งกลอนแปดมากเหมือนกันค่ะ emo_116 emo_126 ฉันชอบแต่งกลอนแปด ส่วนเธอก็ชอบแต่งกลอนแปด ฉันชอบเธอมากกว่า ก้านกล้วย emo_26 หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 30 มีนาคม 2013, 11:36:PM ...
โลกนี้มีต้นกล้วย เราโชคดีจึงมีก้านกล้วย ชิวิตดีขึ้นนะ ... ขอบคุณมากๆ อึดอัดมานาน วันนี้ดีขึ้นจริงๆ หัวข้อ: Re: อาจารย์ครับ...เซนริว...ไฮกุ...เป็นยังไง เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 04 เมษายน 2013, 03:22:AM บทกลอนสื่อความรู้สึก พื้นฐานวิถีชีวิตแต่ละชาติ ฉันชอบแต่งกลอนแปด ก้านกล้วย emo_54 รัตนาวดีก็ชอบแต่งกลอนแปดมากเหมือนกันค่ะ emo_116 emo_126 ฉันชอบแต่งกลอนแปด ส่วนเธอก็ชอบแต่งกลอนแปด ฉันชอบเธอมากกว่า ก้านกล้วย emo_26 ...ขอบคุณน้ำใจท่าน นึกกล่าวชื่นชอบตอบวาจา เกี้ยวพาใจอ่อนไหว รัตนาวดี emo_60 (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_179.gif) (http://www.klonthaiclub.com) |