หัวข้อ: สังคมนักกลอน เริ่มหัวข้อโดย: saknun ที่ 28 มีนาคม 2013, 09:21:AM สังคมนักกลอน ณ ตอนนี้ดี ผูกพันไมตรี กวีสร้างสรรค์ หลากหลายร้อยพจน์ บางบทอัศจรรย์ ถักถ้อยจำนรรจ์ ยึดมั่นกันมา นักเขียนสร้างชื่อ ระบือก้องไกล ร้อยคำพร่ำไว้ ยิ่งใหญ่ทั่วหล้า เรียงร่ายวลี มากมีจิตตา แบ่งปันเวลา เรียกหาทุกคน จัดเป็นสังคม นิยมจรดจาร หลายบทของกานท์ ล้วนผ่านฝึกฝน คิดเพื่อทำดี ศักดิ์ศรีในตน กวีส่งผล เลิศล้นแพรวพราว อนุรักษ์ถิ่น ไม่สิ้นภาษา ร้อยปีล่วงมา สรรหาว่ากล่าว ช่วยเชิดชูเกียรติ ละเมียดใสวาว แก่เฒ่าหนุ่มสาว ดำขาวต่อกลอน หัวข้อ: Re: สังคมนักกลอน เริ่มหัวข้อโดย: ...เป็ดน้ำ... ที่ 28 มีนาคม 2013, 09:50:PM เมื่อว่างเว้นเห็นทางก็สร้างสรรค์ จับพู่กันลงสลักเป็นอักษร ต่างอารมณ์ต่างคำทำสุนทร ทั้งอาวรป้อนหวานซาบซ่านใจ ต้องคอยนึกหาวจีคำที่เพราะ ให้มั่นเหมาะแก่กานท์มาขานไข ใครชื่นชมเพราะดีดั่งมีชัย ด้วยกรองกลั่นจากฤทัยมาให้ชม emo_85 emo_85 emo_85 หัวข้อ: Re: สังคมนักกลอน เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 29 มีนาคม 2013, 12:06:AM (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_179.gif) (http://www.klonthaiclub.com) ๐เส้นเกศาเสาวลักษณ์ศักดิ์สยาม เนตรคู่งามแง้มเงื่อนเรือนสุขสม ปากเปล่งเสียงสำเนียงเผดียงรมย์ เป็นพจน์คมควบกล้ำคือคำไทย ๐เสียงสรวลเสเฮฮาภาษามิตร วาทย์ลิขิตรจนาน้อมปราศรัย พากย์พจีหนึ่งนี้วลีไทย จึงจับใจจดจ่อออเซาะกลอน ๐บางครั้งขื่นขมคำด้วยต่ำขั้น อายประชันเช่นศัพท์อัปสร คิดวิเคราะห์เสนาะน้ำคำบวร ก็กระท่่อนกระแท่นทัศน์เพราะขัดคำ ๐กลอนตะกุกตะกักกร่อยประดอยดื่น กลับครึกครื้นครึกโครมโถมถลำ ผิดสำนวนผวนเผาะดูเดาะดำ ก็พึมพำพิมพ์เผยเอื้อนเอ่ยไทย ๐ด้วยเงางมก้มมองเมื่อส่องน้ำ สะท้อนย้ำยศสยามอร่ามใส บริภัณฑ์บริษัทสังกัดไทย แล้วไฉนกลอนกล่อมจะปลอมแปลง (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_179.gif) (http://www.klonthaiclub.com) |