หัวข้อ: อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: choy ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2013, 10:57:AM อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สรรพสิ่งในใดล้วน 'อนิจจัง' เวียนวงกงล้อธาร 'ทุกขัง' 'อนัตตา' จึงแท้สัจจ์แน่จีรัง มายาโลกย์ล้วน, ปั้นเสกสาไถย สรรพสิ่งวนว่ายกงสังสารวัฏ สรรพสัตว์ล้วนมี 'เกิด' รูปขัย แน่แท้ยิ่งมี 'แก่' แปรรูปกาย แน่แท้ใน 'เจ็บ' และ 'ตาย' ธรรมดา สภาวะ 'ศีล' คือปกติในอยู่เป็น เพียร 'สมาธิ' จึงผ่อนเห็นทุกขา มโนตื่นรู้แจ้งด้วย 'ปัญญา' ห่มอัตตาจึงห่มทุกข์เข็ญ อายตนะสัมผัสโลกหกทวาร 'โสตะ' สัททะรู้ 'ตา' ดูรู้เช่น ผัสสะ 'นาสิก' และ 'ชิวหา' ลิ้มรสรู้เป็น 'กาย' ตื่น 'มโน' เห็น ความจริง รูปรสเสียงกลิ่นนั้น, จิตปรุง หมายรู้นัยยะแห่งสรรพสิ่ง สรรพสภาวะดังอยู่เห็นใช่แท้จริง สมมติสัจจ์ ใช่ปรมัตถ์ สรรพสิ่งในโลกล้วน 'อนิจจัง' อย่างมแบก 'ทุกขัง' ร้อยรัด 'อนัตตา' จึงจริงแท้ยั้งสัจจ์ ว่ายกงสังสารวัฏ ฤาพ้นทุกข์ไฉนฯ Choy 5 ก.พ. 56 สุรินทร์ หัวข้อ: Re: อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2013, 11:53:AM ทุกสิ่งเป็น"อนิจจัง"ดังพระสอน มิแน่นอนเที่ยงแท้แปรเปลี่ยนได้ อันความรักจักห้ามปรามอย่างไร สายเยื่อใยก็มักยากจักปราม แรกพบ"สัมผัสตา"พาหวั่นไหว "สัมผัสใจ"ใจรักสุดหักห้าม ปล่อยอารมณ์เลื่อนลอยคล้อยไปตาม สุขเมื่อยามกอดรัด"สัมผัสกาย" เข้าสูหลัก"ปฎิจจสมุปบาท" ด้วยอำนาย"ผัสสะ"พากระหาย ก่อให้เกิด"เวทะนา"มาวุ่นวาย แล้วกลับกลายเป็น"ตัณหา อุปาทาน" ปองยึดมั่นเปรียบราวดาวรักฟ้า เสน่หารุมร้อนอ้อนคำหวาน พิศวาสรุมเร้าเผาดวงมาน ยากต่อต้านลืมเลือนเหมือนเฉยเมย เพราะพ่ายตัว"อนัตตา"มาเป็นเหตุ เกินขอบเขตห้ามได้โอ้ใจเอ๋ย ไม่ใช่"ตัวตน"ใครอย่างใดเลย จึงเช่นเคยหลงรักหักไม่ลง ดาว อาชาไนย |