หัวข้อ: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 24 มกราคม 2013, 10:22:PM จากฟากฟ้ามาถึงดินถิ่นมนุษย์ จากสมุทรถึงสุธาชีวาหมุน เป็นวงเวียนเปลี่ยนภาพบาปและบุญ นับเนื่องหนุนดั่งเดินทางไปกลางไพร ยังไม่ถึงบึงใหญ่ในป่าลึก อย่าเพิ่งนึกว่าน้ำนั้นมันจะใส เพียงผิวนอกหลอกหลอนซ่อนภายใน มหาภัยใหญ่ล้นอยู่ก้นบึง จริงๆคนที่ขอให้แปลไม่ใช่ผมหรอกนะครับ แต่มีผู้ขอให้แปลในกูรู http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=56743aac55b3e46a&table=%2Fguru%2F (http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=56743aac55b3e46a&table=%2Fguru%2F) ผมอ่านแล้วผมก็อยากรู้ว่า คุณคิดว่ากลอนบทนี้อ่านแล้วมันเข้าใจยากถึงขนาดต้องขอให้ช่วยแปลจริงๆเหรอ ถ้ามันเข้าใจยากขนาดนั้นจริงๆผมคงต้องปลงว่าอนิจจาภาษาไทยไปซะแล้ว แล้วแบบนี้ที่แต่งๆกันในบ้านกลอนไทยนี่คนที่ไม่ใช่นักกลอน จะอ่านรู้เรื่องมั้ยเนี่ยะ เพราะเห็นมีหลายบทที่ใช้ภาษาที่เข้าใจยากกว่านี้อีก ที่เอาลงให้อ่านนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกคนที่ถามหรอกนะครับ ก็แค่อยากสะท้อนให้ท่านนักกวีได้เห็นว่า ผู้อ่านของเราเป็นอย่างไร ที่เห็นแต่งๆ วาดลวดลายกันสุดฝีมืออยู่นั้นจริงๆแล้วผู้อ่านเขาเข้าใจหรือเปล่า..... เพราะขนาดบทนี้เขายังต้องขอให้แปล แสดงว่า ถ้าเป็นบทอื่นก็เป็นอันว่าเลิกคุยไปได้เลยemo_45 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: นัท ผู้ชายฯ รักในหลวง ที่ 25 มกราคม 2013, 08:47:AM จากมุมมองของข้าพเจ้า
กลอนสองบทนี้ บรรยายถึงบุคคลในเรื่องว่า ชาติก่อนเป็นเทพ แล้วทำผิดกฎสวรรค์ มาชาตินี้ต้องมาใช้กรรม ซึ่งเคราะห์กรรมใหญ่กำลังรอยู่เบื้องหน้า ไม่ทราบว่าผู้ใดแต่ง แต่เมื่อวิเคราะห์แล้ว ถือว่าฝีมือสุดยอด.... บทแรก แทรกคติ ว่าการกระทำใดๆ ไว้จะมีผลต่อภายภาคหน้า (ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว) บทสองเป็นความสุดยอด ของการเปรียบเทียบเปรียบเปรย บางวรรคมีแปดคำ บางวรรคมีเก้าคำ บางท่านถือว่าแบบนี้...เป็นกลอนตลาด ยังไม่ถึง บึ่ง(ใหญ่) ในป่าลึก บางตำรา ถือว่า(ใหญ่) เป็นเชิงสัมผัส กับคำว่าใส ซึ่งเป็นรูปแบบของกวีนิพนธ์ ที่จะเน้นเนื้อหาใจความ มากกว่าฉันทลักษณ์ จะว่าไป การวิเคราะห์วิจารณ์งานประพันธ์ เป็นเสน่ห์ อย่างหนึ่งของงานเขียน ยิ่งมีผู้ที่มีความรู้มากๆ มาวิจารณ์ ยิ่งได้อรรถรส และยิ่งมีความคิดเห็นหลากหลาย ยิ่งสนุก (ข้าพเจ้า มีความรู้เพียงน้อยนิด หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย ไว้ ณ ที่นี้) emo_126 emo_126 emo_126 emo_126 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 25 มกราคม 2013, 09:28:AM อุ๊ย ต๊าย ตาย ขอบคุณที่ยอมเสียสละเวลามาวิจารณ์ครับ ผู้ชายรักในหลวง emo_116 ส่วนที่ถามว่าใครแต่ง ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เป็นปัญหาการบ้านของเด็ก คิดว่าผู้แต่งคงไม่ธรรมดามังครับ ไม่งั้นครูคงไม่เอามาออกการบ้านหรอก emo_126 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 25 มกราคม 2013, 10:54:AM ที่บอกให้ช่วยแปล อาจจะให้แปลเป็นภาษาอังกฤษกระมัง ถ้าแปลไทยเป็นไทย ก็พอจะเข้าใจความหมายของผู้ประพันธ์ว่า น้ำฝนจากฟ้าตกลงมายังพื้นดิน น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นน้ำอมฤต เปรียบเหมือนชีวิตคนเราที่เปลี่ยนระหว่างบาปและบุญ อุปมาเหมือนเดินทางไปกลางป่า ยังไม่ถึงบึงใหญ่ที่อยู่กลางป่าลึก อย่าเพิ่งคิดว่าน้ำในบึงใหญ่นั้นจะใสสะอาด เป็นเพียงภาพลวงตาเรา เพราะมหาภัยอันน่ากลัวมีอยู่ก้นบึงนั้น หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 25 มกราคม 2013, 11:10:AM ที่บอกให้ช่วยแปล อาจจะให้แปลเป็นภาษาอังกฤษกระมัง ถ้าแปลไทยเป็นไทย ก็พอจะเข้าใจความหมายของผู้ประพันธ์ว่า น้ำฝนจากฟ้าตกลงมายังพื้นดิน น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นน้ำอมฤต เปรียบเหมือนชีวิตคนเราที่เปลี่ยนระหว่างบาปและบุญ อุปมาเหมือนเดินทางไปกลางป่า ยังไม่ถึงบึงใหญ่ที่อยู่กลางป่าลึก อย่าเพิ่งคิดว่าน้ำในบึงใหญ่นั้นจะใสสะอาด เป็นเพียงภาพลวงตาเรา เพราะมหาภัยอันน่ากลัวมีอยู่ก้นบึงนั้น โอ๊วววว ขอบคุณคุณ ดาว อาชาไนย มากครับ ทีแรกผมยังนึกว่า สุธา นี่เขาจะหมายถึงพสุธาเสียอีก แต่ดูท่าแล้วคำว่า สุธานี่คงจะหมายถึง สุธาวาส, ความบริสุทธิ์ ที่มักถูกนำไปเปรียบเป็นท้องฟ้า หรือชั้นฟ้า อย่างที่เราจะเคยเห็นในบทกลอนสุนทรภู่ที่ว่า" แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา" หากจะคิดไปก็คงจะเข้าเค้าตามที่คุณ ดาว อาชาไนยว่ามา ว่าจากน้ำทะเลเป็นน้ำอมฤต นั่นแหละครับ 5555 บทกวีนี่ตีความได้หลายหลากมากจริง emo_126 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 25 มกราคม 2013, 11:22:AM ผู้ประพันธ์อาจซ่อนความหมายไว้ว่า น้ำทะเลจะเปลี่ยนเป็นน้ำอมฤตได้อย่างไร บาปก็ไม่อาจเปลี่ยนเป็นบุญได้ น้ำในบึงใหญ่ในป่าลึก ก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน นี่เป็นการตีความหมายของผมนะครับ ไม่ทราบว่าตรงกับเจตนาของผู้แต่งหรือไม่ หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 25 มกราคม 2013, 04:37:PM emo_116 emo_116 emo_116 emo_20 รู้จักคน..รู้จักหน้า..ไม่รู้จักใจ emo_06 emo_50 ๐ก้อนหินที่ว่าหนักก็เพราะเรายกขึ้นมาถือ ไฟที่ว่าร้อนก็เพราะเราพาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ โลกที่ว่าวุ่นวายก็เพราะเราพาตัวเองเข้าไปแบก emo_30 นานาจิตตัง..เมื่อครั้งข้าพเจ้าเยือนเกาะกูด คนระยองกับคนจันทบุรีคุยกัน.. คุณอยู่ที่ไหน..ระยองฮิ..แล้วคุณละ..จันฮิ.. emo_26 emo_111 emo_111 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 25 มกราคม 2013, 06:59:PM oน้ำทะเลแถวเกาะกูดนั้นใสเป็นตาตั๊กแตนเลยเชียวแหละ
นี่ขนาดอยู่จ.ตราดมาสิบกว่าปียังเคยไปแค่ครั้งเดียวเอง ตอนนั้นเขาเชิญให้ไปเปิดที่ทำการกิ่งอำเภอ ขากลับยังได้แต่งนิราศไว้ด้วย ๐นิราศร้างเกาะกูดมาน่าใจหาย มิชมชื่นรื่นรมย์สมใจกาย แสนเสียดายดวงแดนแค้นกมล จำต้องจากพรากมานิราฯร้าง เหมือนเหินห่างหัวอกแทบตกหล่น ไปเที่ยวเกาะเลาะเลี้ยวเชี่ยวสายชล ทะเลวนน้ำลึกสุดตรึกตรอง เมื่อขาไปได้ชมไม่สมนึก ยังรู้สึกว่าใจไม่หายข้อง มิได้ชิมน้ำเค็มเหมือนน้ำคลอง คล้ายทำนองไม่ถึงเกาะเขาเยาะไย ต้นฉะบับมันหายไปนานมากแล้ว คงจะราวๆยี่สิบกว่าปีก็เลยจำได้แค่นี้แหละ เหตุเพราะว่าไม่ได้ไปเที่ยวแต่ไปร่วมงานกับเขาแล้วก็กลับเลย emo_85 emo_85 emo_85 emo_85 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 26 มกราคม 2013, 10:15:AM ชอบนิราศของคุณเขียนดีจัง โดยเฉพาะคำกลอนสุดท้ายที่ว่า "มิได้ชิมน้ำเค็มเหมือนน้ำคลอง คล้ายทำนองไม่ถึงเกาะเขาเยาะไย" ทำให้นึกถึงตัวเองไปมาหลายแห่ง แต่ไปไม่ถึงสักแห่ง ไม่ว่า สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศสซึ่งไปแป๊บเดียว เพียงขับรถจากสวิตเซอร์แลนด์ผ่านเขตแดนเข้าไปหน่อยเดียว เยอรมันก็เหมือนกัน แค่แวะที่สนามบินเพื่อเปลี่ยนเครื่องไปสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น อเมริกายิ่งไกลจนไปไม่ถึง น่าเสียดาย อายจัง emo_107 emo_107 emo_68 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 26 มกราคม 2013, 03:03:PM emo_60 emo_100 emo_20 ตายๆๆๆๆ+++ emo_50 เริ่มต้นกลอนสองบท.. สุดท้าย..ไปไกลถึง..เมกา.. emo_44..คาดว่า..คิดไปตั้งรกรากเป็นผู้ดีอังกฤษ.. emo_18 (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_012.gif) คุณ..Orain264,มือขวา ..ต่อสักหน่อยพอเป็นกษัย.. สปีดโบทวิ่งวนปนคลื่นโยก ลมแรงโบกเสียจนทนไม่ไหว น่านทะเลเร่ร่อนตะลอนไป ท่าเทียบเรืออ่าวใหญ่ใกล้สวนยาง แหงนมองฟ้าตาลายคล้ายเมาคลื่น กัดฟันกลืนยืนลี้พี่เลี้ยงห่าง คุยอวดเขาเข้าไว้ใจครวญคราง คงตายอย่างเขียดแน่แม่หญิงเอย ดวงตะวันยามเย็นเส้นขอบฟ้า เดินมุ่งหน้าหาผู้รู้เฉลย นำเที่ยวเกาะเลาะสวนล้วนคุ้นเคย ป้าติ๊ดเลยวางแผนแล่นล่องเรือ นำเรือหางตกปลาหาแหล่งหมึก ตอนแรกคึกนึกท้อพอบ่ายเบื่อ ขอซื้อจากตังเกเทปนเกลือ ไม่น่าเชื่อบอกใครได้คำชม รุ่งอีกวันหาเช่าเหมามอร์ไซด์ ป้าเป็นไกด์นำทางอย่างสุขสม คุยขบขันบรรเทิงเริงอารมณ์ รสนิยมเพื่อนห่างแตกต่างวัย emo_95 เที่ยวเกาะกูดประทับใจมาก..ได้เพื่อนต่างวัยมาคนหนึ่งชื่อป้าติ๊ด..เป็นสาวคานทอง สวนยางอยู่ติดกัน..ป้าติ๊ดคุยว่าในสวนเราอาจมีบ่อน้ำมันเพราะอยู่ในส่วนที่ ถูกสำรวจว่ามีแหล่งน้ำมันมากที่สุดในโลกป้าติ๊ดชวนข้าพเจ้าไปพักที่บ้าน และได้เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังมากมาย..คุณบัวทูนงอนข้าพเจ้าบ่นว่าข้าพเจ้า คิดและชอบทำแต่เรื่องแปลกๆที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน..ถ้าทำเยี่ยงคนอื่นข้าพเจ้า ก็ไม่ได้เพื่อนต่างวัย..ไม่ได้ไปตกหมึก..ไม่ได้ขับมอร์ไชด์เที่ยวไปรอบเกาะ.. ไม่ได้สัมผัสความเป็นอยู่ชีวิตคนบนเกาะที่แท้จริง..สุดท้ายไม่ได้ความทรงจำอะไรกลับมา.. ..จบ.. emo_116 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 26 มกราคม 2013, 11:24:PM งั้นคิดถูกแล้วครับที่เข้ามาบ้านกลอนไทย emo_45 เพราะจะได้เพื่อนหลายวัยมากกกกกกกกกกกก ตั้งแต่หนุ่มใหญ่ยันหนุ่มน้อย...... emo_95 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 27 มกราคม 2013, 10:47:AM (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT-FdDrAJIU7rg87wzl9eZbf0mzGc10wUTdZVC7X9ITM-2rAUy8EFCtQneeFw) emo_50 emo_50 emo_20 emo_20 emo_26 emo_26 มนุษย์..เป็นสัตว์สังคม ที่สวมหน้ากาก หัวโขน ปกปิดนิสัย ความจริงที่อยู่ในจิตใจของตนไว้ จะรับรู้ได้จากสังคมที่มีนิสัยเหมือนกันสามารถอยู่รวมกันเป็นกลุ่มได้ สังคมที่รวมกันนี้มีลักษณะนิสัย สวมหน้ากาก หัวโขนแบบไหน ..คนที่มีความรู้สึกนึกคิดและมีจุดหมายปลายทางที่แตกต่าง บางครั้งสังคมที่เห็นแก่ตัว..ต้องกีดกันจนไม่ให้อยู่ร่วมสังคม ตามความต้องการได้ ด้านจิตวิทยา คือ ความต้องการที่เกี่ยวกับจิตใจ เช่น ต้องการความรัก การปลุกปลอบใจเมื่อมีทุกข์หรือผิดหวัง ต้องการความรู้ ความสำเร็จ ความชื่นชมยินดี และชื่อเสียงเกียรติยศ ๐..หน้ากากที่เราสวมอาจไม่เหมือนของพวกเขา .. แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ..๐ ความอดทน ความเพียร ที่จะเรียกความสนใจให้พวกเขาแค่หันมามองเพียงหน้ากาก ยังแสนยาก ยิ่งถ้าจะให้เขาสวมหน้ากากอันใหม่คงเป็นไปไม่ได้ ..ทางเดียวที่เป็นไปได้คือ เปลี่ยนหน้ากากเยี่ยงพวกเขา แล้วอยู่ไปวันวัน อย่าคิดสร้างสรรค์อะไร .. จะพยายามแวะเข้ามาให้กำลังใจบ่อยบ่อยเจ้าค่ะ .. .. Good Luck Friends of different ages .. emo_118 emo_118 emo_118 หัวข้อ: Re: ช่วยแปลกลอนบทนี้ให้หน่อย เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 27 มกราคม 2013, 07:13:PM จากฟากฟ้ามาถึงดินถิ่นมนุษย์ จากสมุทรถึงสุธาชีวาหมุน เป็นวงเวียนเปลี่ยนภาพบาปและบุญ นับเนื่องหนุนดั่งเดินทางไปกลางไพร ยังไม่ถึงบึงใหญ่ในป่าลึก อย่าเพิ่งนึกว่าน้ำนั้นมันจะใส เพียงผิวนอกหลอกหลอนซ่อนภายใน มหาภัยใหญ่ล้นอยู่ก้นบึง จริงๆคนที่ขอให้แปลไม่ใช่ผมหรอกนะครับ แต่มีผู้ขอให้แปลในกูรู [url]http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=56743aac55b3e46a&table=%2Fguru%2F[/url] ([url]http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=56743aac55b3e46a&table=%2Fguru%2F[/url]) ผมอ่านแล้วผมก็อยากรู้ว่า คุณคิดว่ากลอนบทนี้อ่านแล้วมันเข้าใจยากถึงขนาดต้องขอให้ช่วยแปลจริงๆเหรอ ถ้ามันเข้าใจยากขนาดนั้นจริงๆผมคงต้องปลงว่าอนิจจาภาษาไทยไปซะแล้ว แล้วแบบนี้ที่แต่งๆกันในบ้านกลอนไทยนี่คนที่ไม่ใช่นักกลอน จะอ่านรู้เรื่องมั้ยเนี่ยะ เพราะเห็นมีหลายบทที่ใช้ภาษาที่เข้าใจยากกว่านี้อีก ที่เอาลงให้อ่านนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกคนที่ถามหรอกนะครับ ก็แค่อยากสะท้อนให้ท่านนักกวีได้เห็นว่า ผู้อ่านของเราเป็นอย่างไร ที่เห็นแต่งๆ วาดลวดลายกันสุดฝีมืออยู่นั้นจริงๆแล้วผู้อ่านเขาเข้าใจหรือเปล่า..... เพราะขนาดบทนี้เขายังต้องขอให้แปล แสดงว่า ถ้าเป็นบทอื่นก็เป็นอันว่าเลิกคุยไปได้เลยemo_45 คงจะหมายความว่า อย่าไว้ใจใคร เขาเปรียบไว้กับการเดินทางด้วย ชัดๆเลย เขาสื่อว่าจากสูงสุดถึงสามัญ หมายถึงสังคม เหมือนเดินทางอยู่กลางไพร คงจะพบหนองน้ำอีกที่แต่ไม่ใช่หนองที่กลางป่าลึกที่ใสสะอาดกว่า และบอกอีกว่า "มหาภัยใหญ่ล้นอยู่ก้นบึง" แสดงว่า สู้หนองที่กลางป่าไม่ได้ พิจรณาตรงๆนะครับ อย่าไว้ใจคนเพียงรูปพรรณสัญฐานครับ ดอกกระเจียว |