หัวข้อ: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 06 ธันวาคม 2012, 02:47:PM วันนี้ (6 ธ.ค.) สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถามต่อบทอาเศียรวาท
ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่ มีเนื้อความดังนี้ “วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง ลมแล้งในใจไห้โหยหาย ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร” ...แบบว่า....ใครแสดงความเห็น หักคะแนนด้วยกันคนล่ะสิบแต้มดีไหมครับ emo_94 ... ปล..เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับ แต่เกี่ยวกับบทกวี จึงเรียนมาขอความเป็นกลางในการตีความ (หากกระทู้นี้ สร้างความไม่สบายใจในอนาคต ขออนุญาตลบนะครับ) สาเหตุ... มีคำแปลแพร่กระจายในโลกออนไลน์ ในขณะนี้ ดังนี้... (มีคนแปลมา ถูกผิดไม่รู้ แต่ถ้าถูก นสพ.ฉบับนี้ ....แย่มาก ถ้าเขียนถวายพระพรแบบนี้.... วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง = เมื่อถึงคราวที่เรื่องราวทั้งหลายได้ยุติสงบลง ลมแล้งในใจให้โหยหาย = ความคับแค้นขุ่นข้องหมองใจทั้งหลายได้หมดสิ้นไป ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย = พวกรากหญ้าทั้งหลายต่างรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้ว ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา = เมื่อคนแดนไกลกำลังจะเดินทางเข้ามาอย่างผู้ชนะ วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน = เมื่อเบื้องบนเกิดมีปัญหาและมีแต่เรื่องราวไปในทางที่ไม่ดี(ตามความคิดของคนแต่ง) ลมร้อนเย็นเป็นปัญหา = สิ่งที่มีผลกระทบต่อสิ่งที่คนไทยรักล้วนมีแต่ความยุ่งยากทั้งจากภายนอกและภายใน พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำทั้งน้ำตา = คนทั่วไปต่างก็เดือดร้อนที่มาจากสิ่งที่คนไทยรัก ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร = ถ้าอย่างนั้นไม่มีสิ่งที่คนไทยรักเลยคงจะดีกว่านี้มั๊งดูเพิ่มเติม) หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 03:07:PM (คัดลอกมาบางส่วนจากเวป ผู้จัดการ เพื่อประกอบการพิจารณา หากไม่เหมาะสม กรุณาลบให้ด้วย)
......................................................ฯลฯ............................................. วันนี้ (6 ธ.ค.) เว็บไซต์มติชนออนไลน์ได้ออกคำชี้แจงกรณีอาเศียรวาท สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถาม ต่อบทอาเศียรวาท ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมาว่ามีความหมายอย่างไร มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่ มีเนื้อความดังนี้ “วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้งลมแล้งในใจไห้โหยหาย ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร” ต่อไปนี้ คือคำอธิบายจากผู้ประพันธ์บทอาเศียรวาทดังกล่าว “....อาเศียรวาทสองบทนี้ มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ ด้วยวิธีการเขียนบทกวีที่มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จึงใช้วันฟ้าสว่างกับวันฟ้ามืดครึ้ม วันฟ้าสว่างนั้นแม้แต่ลมแล้งในใจผู้คนที่โหยไห้ก็ยังหาย ข้าวกล้านาไร่ยังได้กลิ่นอายฝน ที่มุ่งหมายมาตกต้องตามฤดูกาลย่อมหมายถึงความสว่างในพระบรมเดชาเมตตาบารมี ที่ปกเกล้าพสกนิกรและทุกสรรพสิ่ง อันเนื่องมาจากพระวิริยะอุตสาหะเช่นฟ้าฝน ชลประทาน หรืออ่างเก็บน้ำอันยังประโยชน์สม่ำเสมอแก่ไร่นา ดังนั้น เมื่อมีวันมืดครึ้ม ซึ่งแม้แต่ธรรมชาติปัจจุบันเช่นที่เห็นกันก็ผันผวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นปัญหา จึงมีหรือที่จะไม่นึกฝันถึงวันฟ้าสว่าง วันที่กระจ่างแจ้งร่มเย็นอยู่ในพระบรมโพธิสมภาร ว่าดีอย่างไร ดีขนาดไหน คือความหมายซึ่งอธิบายได้ตามตัวอักษรทุกวรรคตอน” กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์ น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์ ลงชื่อ กองบรรณาธิการมติชน 6 ธันวาคม 2555 ........................................................ฯลฯ....................................... หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 06 ธันวาคม 2012, 03:13:PM emo_54 อรุณสวัสดิ์ประเทศไทยจ้า... ตื่นมาอ่านเจอเป็นบทแรกของวันนี้ อารมณ์บอกว่า เป็นกลอนถวายพระพรที่บ่งบอกจิต ของท่านผู้เขียน สื่อความหมายออกมา ทำให้ผู้อ่าน(คือรัตน์ค่ะ) นึกขึ้นมา ผู้เขียนไม่ค่อยจะเต็ม แต่ที่ยิ่งไม่เต็มกว่าคือ มติชน ค่ะ เอามาลงได้อย่างไร แล้วรัตน์จะสืบดูว่า ใครอนุมัติค่ะ ในฐานะ เป็นผู้อ่าน ขอบอกเลยว่า..ไม่สมควรเป็นกลอนถวายพระพรเลยค่ะ หากเขียนกลอนแบบถวายพระพรไม่เป็น เขียนไม่ออก ก็ไม่ต้องเขียนใช่มั้ยคะ? emo_27 เจ็บที่ใจนี้ค่ะ emo_30 รัตนาวดี ปล.ขอขอบคุณ คุณนะโมที่เอามาแบ่งปัน มากๆค่ะ emo_126 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 03:38:PM ความหมายมันคลุมเคลือครับ อ่านแล้วตีความไม่ออกว่าหมายความว่าอย่างไร มันคล้ายๆคนบ่นๆไป จะว่าแต่งเพื่อสรรเสริญหรือชื่นชมพระบารมีก็ไม่ใช่ จะว่าแต่งเพื่อถวายพระพร ก็ไม่ใช่อีก ดูๆไปแล้วก็คงมีนัยยะแอบแฝงตามที่มีผู้แปลมานั่นแหละครับ เป็นการพูดที่เหมือนไม่พูด คือพูดแบบยั้งๆ ให้ฟังดูคลุมเคลือตีความหมายไม่ออก emo_82 emo_62 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: แป้งน้ำ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 04:57:PM ขอวิจารณ์ในฐานะคนอ่านนะคะ . .. มันเหมือนเป็นการตัดพ้ออ่ะค่ะ . . อ่านแล้วแปลไม่ออกว่าอาเศียรวาทตรงไหน . .. emo_82 คงต้องขอความอนุเคราะห์จากท่านนักกลอนมือพระกาฬช่วยแปลความให้อ่านอีกรอบนึง . .. เอาแบบ แปลในฐานะคนเขียนกลอนไม่ใช่ในฐานะคนอ่านแบบแป้งอ่ะค่ะ . .ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ emo_126 (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_015.gif) (http://www.klonthaiclub.com) หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 06:03:PM ท่านมือขวาครับ ผมไปค้นความหมายมา คำนี้เป็นคำนามครับ หมายถึงคำอวยพร (เหมือน อาศิรพจน์, อาศิรพาท, อาศิรวจนะ). แต่เรื่องบทกลอนผมขอสงวนความเห็นครับ(พูดเหมือนนักการเมืองมากกกก) emo_85 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 06:06:PM ผมขอถอนคำพูดครับ emo_68 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 06 ธันวาคม 2012, 07:35:PM แปลออกมาได้ยังไงตามกระทู้ที่ตั้ง วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง ลมแล้งในใจให้โหยหาย เมื่อทุกอย่างสงบสุขไร้ปัญหา ความขุ่นข้องหมองใจใด ๆ หายสิ้น ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา การประกอบสัมมาชีพอาชีพใด ๆ ก็รุ่งเรืองก้าวหน้าได้ผลสมประสงค์ (ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา) วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนเย็นเป็นปัญหา แต่หากวันใดยังมีอุปสรรคปัญหาจากหมู่ชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย (เมฆคลุมเป็นกลุ่มก้อน) พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำทั้งน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร จะได้รู้เลยว่า ขาดความสงบสันติสุขทันที เดือดร้อนกันไปทั่ว (พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำทั้งน้ำตา ) สรุป..ประชาชนได้รับรู้ถึงเหตุและผลของการขาดความสงบสุขร่มเย็น หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 08:28:PM ขอมองค้อนน้องนะโมสักสามวงเถิดนะ emo_26 แถมหยิกอีกสองหนับ emo_45ที่ไปเอากระทู้ที่มีคนโพสท์อย่างนี้มาวาง ทำให้ชาวเราตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน น่าจะเอาความเห็นกลางๆมาวางหน่อยก็ไม่ได้ emo_56 แต่ผมเมื่อได้รับข่าวสารใดๆอันเนื่องมาจากการเมืองด้วยแล้ว ผมจะหายใจยาวๆลึกๆแล้วใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว พยายามหาแหล่ง ที่ไปที่มา ก็ลยได้คำตอบมาดังนี้ นะครับ วันนี้ (6 ธ.ค. 2555) นายฐากูร บุนปาน คอลัมนิสต์ ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ" มติชนวิเคราะห์" ในประเด็นเรื่องบทอาเศียรวาทของหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 5 ธ.ค. 2555 ที่ถูกแปลความไปต่างนานา ไกลเกินเจตนารมณ์ของผู้แต่งบทอาเศียรวาท นายฐากูร กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาว่าผู้ประพันธ์ได้ให้ความหมายในแง่ประชาชนร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งสื่อให้เห็นความรักระหว่างประชาชนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสำนวนโวหารในลักษณะนี้เป็นเอกลักษณ์ของผู้ประพันธ์ซึ่งได้แต่งบทอาเศียรวาท ให้แก่ นสพ.มติชนมา กว่า 30 ปี ด้วยเจตนาที่ดี นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าการที่ไม่เปิดเผยนามของผู้ประพันธ์เป็นเรื่องปกติ เพราะผู้ประพันธ์อยู่เลยจุดที่ต้องการชื่อเสียงเงินทองแล้ว และทุกปีก็ไม่มีการเอ่ยนามของผู้ประพันธ์แต่อย่างใด แต่ยืนยันได้ว่าหากรู้จักผู้ประพันธ์จะรู้ว่า ผู้ประพันธ์ไม่เคยมีพฤติกรรมหรือเจตนาที่จะแต่งบทอาเศียรวาทในทางที่ไม่ดี และฝากให้คุณผู้ชมให้รับข้อมูลข่าวสารด้วยใจที่ไม่อคติ ขอให้มองบทอาเศียรวาทนี้และแปลความหมายตามความเป็นจริงด้วย วันเดียวกัน"มติชน" ได้ออกคำชี้แจง กรณีบทอาเศียรวาท ในช่วงเช้าว่า สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถามต่อบทอาเศียรวาท ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมาว่ามีความหมายอย่างไร มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่ บทอาเศียรวาท มีเนื้อความดังนี้ วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง ลมแล้งในใจไห้โหยหาย ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร ต่อไปนี้ คือคำอธิบายจากผู้ประพันธ์บทอาเศียรวาทดังกล่าว "....อาเศียรวาทสองบทนี้ มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ ด้วยวิธีการเขียนบทกวีที่มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จึงใช้วันฟ้าสว่างกับวันฟ้ามืดครึ้ม วันฟ้าสว่างนั้นแม้แต่ลมแล้งในใจผู้คนที่โหยไห้ก็ยังหาย ข้าวกล้านาไร่ยังได้กลิ่นอายฝนที่มุ่งหมายมาตกต้องตามฤดูกาลย่อมหมายถึงความสว่างในพระบรมเดชาเมตตาบารมี ที่ปกเกล้าพสกนิกรและทุกสรรพสิ่ง อันเนื่องมาจากพระวิริยะอุตสาหะเช่นฟ้าฝน ชลประทาน หรืออ่างเก็บน้ำอันยังประโยชน์สม่ำเสมอแก่ไร่นา ดังนั้น เมื่อมีวันมืดครึ้ม ซึ่งแม้แต่ธรรมชาติปัจจุบันเช่นที่เห็นกันก็ผันผวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นปัญหา จึงมีหรือที่จะไม่นึกฝันถึงวันฟ้าสว่าง วันที่กระจ่างแจ้งร่มเย็นอยู่ในพระบรมโพธิสมภาร ว่าดีอย่างไร ดีขนาดไหน คือความหมายซึ่งอธิบายได้ตามตัวอักษรทุกวรรคตอน อนึ่ง ที่ยังมีข้อสงสัยต่อความหมายในบาทสุดท้าย ที่ว่า "ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร" นั้น หากติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ย่อมเห็นแล้วว่า ปัจจุบันมีปัญหามากมาย ที่ทำให้คนส่วนมากเดือดเนื้อร้อนใจ มีแต่คนส่วนมากเรียกร้องความสงบสุขในสังคม เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน เช่นนี้แล้ว ทำไมจึงจะไม่คิดถึงล่ะว่าวันที่ฟ้าสว่างกระจ่างแจ้งนั้นดีอย่างไร วันที่ธรรมชาติดำเนินไปอย่างถูกต้องเหมาะสมตามฤดูกาล ไร่นาประชาชนสมบูรณ์ วันที่พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาล ปราศจากฝุ่นละอองใดๆ มาแผ้วพาน" กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์ น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการมติชน 6 ธันวาคม 2555 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 06 ธันวาคม 2012, 09:06:PM ขอมองค้อนน้องนะโมสักสามวงเถิดนะ emo_26 แถมหยิกอีกสองหนับ emo_45ที่ไปเอากระทู้ที่มีคนโพสท์อย่างนี้มาวาง ทำให้ชาวเราตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน น่าจะเอาความเห็นกลางๆมาวางหน่อยก็ไม่ได้ emo_56 อย่าค้อน, อย่างอนเลยนะลุงครับ มันมีที่ไปที่มา พอดีมีนักกฎหมายกลุ่มหนึ่งเขาจะฟ้องหนังสื่อพิมพ์ฉบับนี้ อาจารย์ที่ มอ เลยเอาความมาถามนักศึกษากลุ่มวรรณศิลป์ว่าคิดเห็นอย่างไร กับสำนวนกลอน(แบบมาให้ช่วยตีความ) ข้าน้อยอ่านเขียนเป็นบ้างก็งูๆปลาๆ ไม่กล้าให้คำตอบ ก็เลยนำความมาถามท่านนักกลอนในเว๊บในฐานะเป็นผู้อ่านหรือเขียน ว่าเห็นบทกลอนนี้เป็นอย่างไร แน่นอน เชื่อได้ว่า มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องธรรมดา ความเห็นทั้งหมดก็จะทำเป็นรายงานเสนออาจารย์ต่อไป แบบว่า...ก็ประมาณนี้อ่ะครับ emo_126 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 09:54:PM ขอมองค้อนน้องนะโมสักสามวงเถิดนะ emo_26 แถมหยิกอีกสองหนับ emo_45ที่ไปเอากระทู้ที่มีคนโพสท์อย่างนี้มาวาง ทำให้ชาวเราตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน น่าจะเอาความเห็นกลางๆมาวางหน่อยก็ไม่ได้ emo_56 แต่ผมเมื่อได้รับข่าวสารใดๆอันเนื่องมาจากการเมืองด้วยแล้ว ผมจะหายใจยาวๆลึกๆแล้วใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว พยายามหาแหล่ง ที่ไปที่มา ก็ลยได้คำตอบมาดังนี้ นะครับ วันนี้ (6 ธ.ค. 2555) นายฐากูร บุนปาน คอลัมนิสต์ ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ" มติชนวิเคราะห์" ในประเด็นเรื่องบทอาเศียรวาทของหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 5 ธ.ค. 2555 ที่ถูกแปลความไปต่างนานา ไกลเกินเจตนารมณ์ของผู้แต่งบทอาเศียรวาท นายฐากูร กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาว่าผู้ประพันธ์ได้ให้ความหมายในแง่ประชาชนร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งสื่อให้เห็นความรักระหว่างประชาชนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสำนวนโวหารในลักษณะนี้เป็นเอกลักษณ์ของผู้ประพันธ์ซึ่งได้แต่งบทอาเศียรวาท ให้แก่ นสพ.มติชนมา กว่า 30 ปี ด้วยเจตนาที่ดี นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าการที่ไม่เปิดเผยนามของผู้ประพันธ์เป็นเรื่องปกติ เพราะผู้ประพันธ์อยู่เลยจุดที่ต้องการชื่อเสียงเงินทองแล้ว และทุกปีก็ไม่มีการเอ่ยนามของผู้ประพันธ์แต่อย่างใด แต่ยืนยันได้ว่าหากรู้จักผู้ประพันธ์จะรู้ว่า ผู้ประพันธ์ไม่เคยมีพฤติกรรมหรือเจตนาที่จะแต่งบทอาเศียรวาทในทางที่ไม่ดี และฝากให้คุณผู้ชมให้รับข้อมูลข่าวสารด้วยใจที่ไม่อคติ ขอให้มองบทอาเศียรวาทนี้และแปลความหมายตามความเป็นจริงด้วย วันเดียวกัน"มติชน" ได้ออกคำชี้แจง กรณีบทอาเศียรวาท ในช่วงเช้าว่า สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถามต่อบทอาเศียรวาท ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมาว่ามีความหมายอย่างไร มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่ บทอาเศียรวาท มีเนื้อความดังนี้ วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง ลมแล้งในใจไห้โหยหาย ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร ต่อไปนี้ คือคำอธิบายจากผู้ประพันธ์บทอาเศียรวาทดังกล่าว "....อาเศียรวาทสองบทนี้ มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ ด้วยวิธีการเขียนบทกวีที่มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จึงใช้วันฟ้าสว่างกับวันฟ้ามืดครึ้ม วันฟ้าสว่างนั้นแม้แต่ลมแล้งในใจผู้คนที่โหยไห้ก็ยังหาย ข้าวกล้านาไร่ยังได้กลิ่นอายฝนที่มุ่งหมายมาตกต้องตามฤดูกาลย่อมหมายถึงความสว่างในพระบรมเดชาเมตตาบารมี ที่ปกเกล้าพสกนิกรและทุกสรรพสิ่ง อันเนื่องมาจากพระวิริยะอุตสาหะเช่นฟ้าฝน ชลประทาน หรืออ่างเก็บน้ำอันยังประโยชน์สม่ำเสมอแก่ไร่นา ดังนั้น เมื่อมีวันมืดครึ้ม ซึ่งแม้แต่ธรรมชาติปัจจุบันเช่นที่เห็นกันก็ผันผวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นปัญหา จึงมีหรือที่จะไม่นึกฝันถึงวันฟ้าสว่าง วันที่กระจ่างแจ้งร่มเย็นอยู่ในพระบรมโพธิสมภาร ว่าดีอย่างไร ดีขนาดไหน คือความหมายซึ่งอธิบายได้ตามตัวอักษรทุกวรรคตอน อนึ่ง ที่ยังมีข้อสงสัยต่อความหมายในบาทสุดท้าย ที่ว่า "ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร" นั้น หากติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ย่อมเห็นแล้วว่า ปัจจุบันมีปัญหามากมาย ที่ทำให้คนส่วนมากเดือดเนื้อร้อนใจ มีแต่คนส่วนมากเรียกร้องความสงบสุขในสังคม เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน เช่นนี้แล้ว ทำไมจึงจะไม่คิดถึงล่ะว่าวันที่ฟ้าสว่างกระจ่างแจ้งนั้นดีอย่างไร วันที่ธรรมชาติดำเนินไปอย่างถูกต้องเหมาะสมตามฤดูกาล ไร่นาประชาชนสมบูรณ์ วันที่พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาล ปราศจากฝุ่นละอองใดๆ มาแผ้วพาน" กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์ น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการมติชน 6 ธันวาคม 2555 เป็นคำแก้ตัวของผู้เขียนที่ฟังไม่ขึ้นเอาเลยทีเดียว ถ้าบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"แล้วมีอักษรตัวไหนในบทกลอน ที่เอ่ยถึง"พระบรมเดชาเมตตาบารมี"บ้าง ? ไม่มีเอ่ยถึงเลยแม้สักตัวเดียว แล้วแบบนี้จะบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"ได้อย่างไร ฟังไม่ขึ้นครับ ความจริงแล้วกลอนบทนนี้จะไม่มีปัญหาให้ต้องคิดเลย ถ้าไม่มีสองวรรคนี้ "พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร" ถ้าจะให้ผมตีความตามความเข้าใจในคำที่เขาใช้ก็ต้องตีความว่า"เมื่อประชาชนยังมีแต่ความทุกข์ แล้วจะบอกว่าเป็นสุขได้อย่างไร" ผมว่า ความหมายมันน่าจะออกไปในทำนองนั้นนะ นี่ผมตีความตามความเข้าใจในภาษาที่เขาเขียนนะครับ มันเขียนพาให้เข้าใจไปในทำนองนั้น ปล.ถ้าจะมีการลบกระทู้และหักคะแนน ขอให้หักทุกคนนับตั้งแต่เจ้าของกระทู้ลงมาเลยนะครับ เพื่อความยุติธรรม อันนี้พูดไว้เผื่อว่าโดนหักนะ หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 07 ธันวาคม 2012, 01:27:AM ฮือฮืออย่าหักแต้ม เลยครับ
อุตส่าห์งดเสียงศัพท์ โสตด้วย ท่านนโมก็นะจับ ประเด็นเด่น ดุแล หาใช่เรื่องกล้วยกล้วย วิเคราะห์เค้นเข็ญใจ ใช่!ผมอยากบอกให้ ไทยเรา ทำสิ่งที่ทุเลา ชาติบ้าง คนละหัตถ์กล่อมเกลา กลอนกริ่ม ปล่อยเรื่องที่คั่งค้าง ผิว์ชี้เชาว์ชน สยามเฮยฯ (กระทู้นี้นอกเหนือการเรียนภาษาไทยของผม ขอสงวนความเห็นเช่นเดิมครับ จะหักคะแนนก็อย่าให้เหลือศูนย์แต้มนะครับท่านWM ผมอายเด็กๆที่ไปอวดเก่งสอนเค้า อิอิอิ) emo_85 emo_85 emo_45 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 07 ธันวาคม 2012, 01:44:AM ...ไม่ชอบครับ แต่....
ไม่ชอบก็อย่าไปซื้อ มาอ่านครับ ดูซิว่าจะเอาทุนมาจากไหน... หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 07 ธันวาคม 2012, 05:34:AM กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์ น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการมติชน 6 ธันวาคม 2555 ............................................................................ ความเห็นควบกับความรู้สึก ของผู้ที่อยู่ในฐานะผู้อ่าน(คือรัตน์ค่ะ) emo_54 ๑. กลอนบทนี้ เขียนถวายพระพรเพื่อให้ประชาชนทุกท่านได้อ่าน จึงเป็นบทคิดประพันธ์ที่พิเศษและสำหรับผู้พิเศษคือท่านในหลวงผู้ซึ่งเป็นสุดที่รักของพวกเรา ในการตั้งใจเขียนอาจจะคำนึงถึงภาษาสำหรับสามัญชนผู้อ่าน จึงไม่ใช้คำราชาศัพท์เลยที่คิดจะเขียนอวยพร แต่หากผู้เขียนจะชี้แจงว่า ได้คำนึงหลักการสื่อความหมายที่ต้องยึดเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการเขียน เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจในความรู้สึก ของท่านผู้เขียนและได้เคลิ้มตามไปด้วยนั้น บอกตรงๆว่า...ครั้งแรกที่รัตน์กำลังอ่านเคลิ้มนึกภาพไปด้วยจริงในขณะอ่าน แต่เพียงวรรคหักมุมจบมีความรู้สึกว่า...บาปมากค่ะ emo_06 ๒. แทนที่เป็นคำราชาศัพท์ ที่จะต้องช่ายกันแปลหาความหมายนั้น นี่คือหนังสือพิมพ์ที่บ่อยครั้งเขียนเป็นภาษาไทยตรงๆจริงๆ ส่วนมากเน้นความหมาย แบบกำปั้นทุบดิน จึงไม่ต้องแปลปรับความหมายของคำอีกหลายครั้งค่ะ emo_27 สรุปนะคะ...คือ ไม่สมควร, ไม่เหมาะสมที่ใช้เป็นกลอนถวายพระพรค่ะ เพราะ ไม่มีคำอวยพร หรือคำสรรเสริญพระบารมีแม้แต่คำเดียว! จากความรู้สึกรัตนาวดี ( ในฐานะผู้อ่านกลอนค่ะ) emo_126 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: --ณัชชา-- ที่ 07 ธันวาคม 2012, 07:59:AM เป็นคำแก้ตัวของผู้เขียนที่ฟังไม่ขึ้นเอาเลยทีเดียว ถ้าบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"แล้วมีอักษรตัวไหนในบทกลอน ที่เอ่ยถึง"พระบรมเดชาเมตตาบารมี"บ้าง ? ไม่มีเอ่ยถึงเลยแม้สักตัวเดียว แล้วแบบนี้จะบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"ได้อย่างไร ฟังไม่ขึ้นครับ ความจริงแล้วกลอนบทนนี้จะไม่มีปัญหาให้ต้องคิดเลย ถ้าไม่มีสองวรรคนี้ "พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร" ถ้าจะให้ผมตีความตามความเข้าใจในคำที่เขาใช้ก็ต้องตีความว่า"เมื่อประชาชนยังมีแต่ความทุกข์ แล้วจะบอกว่าเป็นสุขได้อย่างไร" ผมว่า ความหมายมันน่าจะออกไปในทำนองนั้นนะ นี่ผมตีความตามความเข้าใจในภาษาที่เขาเขียนนะครับ มันเขียนพาให้เข้าใจไปในทำนองนั้น ปล.ถ้าจะมีการลบกระทู้และหักคะแนน ขอให้หักทุกคนนับตั้งแต่เจ้าของกระทู้ลงมาเลยนะครับ เพื่อความยุติธรรม อันนี้พูดไว้เผื่อว่าโดนหักนะ ฮามาก... --ณัชชา-- emo_32 emo_32 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 07 ธันวาคม 2012, 09:41:AM ปล.ถ้าจะมีการลบกระทู้และหักคะแนน ขอให้หักทุกคนนับตั้งแต่เจ้าของกระทู้ลงมาเลยนะครับ เพื่อความยุติธรรม อันนี้พูดไว้เผื่อว่าโดนหักนะ emo_55 emo_20 ในฐานะคนอ่านกลอน.. ออกมาแสดงตัวยอมรับผิดชอบให้หักคะแนนเจ้าค่ะ ไม่ขอแก้ตัวใดๆ เพราะตัวเองรับรู้อยู่แก่ใจ คือความจริง.. ได้เข้ามาอ่านกลอน ในกระทู้นี้จริง ยินยอมให้หักคะแนนด้วยเจ้าค่ะ emo_26 ..กุสุมา.. emo_50 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: hort39 ที่ 07 ธันวาคม 2012, 09:59:AM กลอนบทนี้จะไม่มีปัญหาเลย ถ้าไม่ได้บอกว่าเป็นกลอน ถวายพระพร emo_126
หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: แป้งน้ำ ที่ 07 ธันวาคม 2012, 10:33:AM ...แบบว่า....ใครแสดงความเห็น หักคะแนนด้วยกันคนล่ะสิบแต้มดีไหมครับ emo_94 ... « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 1 ชั่วโมงที่แล้ว โดย บ้านกลอนไทย » . . เพิ่งมาบอกเนี่ยนะ !! . . emo_49 (http://dedmoroz.ru/upload/iblock/1a7/1a752909b9d932035558736eff6cd188.jpg) หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: คอนพูธน ที่ 07 ธันวาคม 2012, 11:05:AM (http://mw2.google.com/mw-panoramio/photos/small/41988754.jpg) คลุมเครือ ๏ พจีกระทบหวังเพื่อสะท้าน พิเศษไทย พิสูจน์เทอญ รักย่อมใจถึงใจ กล่าวแจ้ง ประพนธ์เสนอดั่งประสงค์ไฉน คลุมนั่น เครือเนอ ทลายศักดิ์กระแทกกระทำแสร้ง ลิขิตสร้างสะเทือนสรวง พิศุทธิ์นอ ๏ ลวงเสนอสลดสื่อฉะนี้ หลอกสนาน ตลอดนา เฉพาะกิจปราศอุดมการณ์ พวกเกื้อ อาศิรวาทขับเสมือนขาน ประจงขุ่น ควรฤๅ แสดงเช่นทุรลักษณ์เชื้อ เขย่าชั้นพิมานฉม ฉายแล คอนพูทน (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_191.gif) (http://www.klonthaiclub.com) หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 07 ธันวาคม 2012, 12:04:PM โชยสาบหยาบช้าสาไถย อุปมาอุปมัยแอบหมก จ้วงจาบปลาบปลื้มลืมนรก อาเศียรเสียดดกสีดำ ฯ พรายม่าน สันทราย ๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: greetha ที่ 07 ธันวาคม 2012, 02:33:PM สิ่งใดอ่านแล้วสื่อความหมายให้เข้าใจได้ ก็เข้าใจ สิ่งใดอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ทิ้งไปอย่าสนใจมันอีก จงรับรู้ในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ก็แล้วกัน ปวดหัว
เพราะฉะนั้น ผู้ใดต้องการสื่อความหมายในทางใด ก็โปรดให้เข้าประเด็นหลักจริงๆ อย่าคลุมเครือ อย่าจินตนาการเกินมนุษย์ปุถุชนแบบเราๆ เลย ขอร้องเถิด สาธุ สรุปคือ อวยพรก็ให้อวยพร อย่ามาแสดงปริศนาธรรม คนละงานกัน ชัดเจนมั๊ยครับ หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 07 ธันวาคม 2012, 04:35:PM ขอแสดงความเห็น ดังนี้ ๑.ตั้งชื่อไม่สัมพันธ์กับเนื้อหากลอน (คิดไม่ได้) ๒.แต่งกลอนไม่สัมพันธ์กับชื่อเรื่อง (คิดไม่ถึง) แค่นี้แหละไม่เห็นมีอะไร (ไม่คิด) ปันหยี emo_54 หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ.. เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 08 ธันวาคม 2012, 12:33:PM ขอบคุณทุกความเห็น ทั้งคนอ่านและคนเขียนนะครับ ขอปิดการแสดงความเห็นไว้แต่เพียงเท่านี้.. ข้อมูลทั้งหมดจะนำไปประมวลผลเพื่อดำเนินการต่อไป ขอบพระคุณมากๆครับ emo_126 |