พิมพ์หน้านี้ - ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => ห้องนั่งเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 06 ธันวาคม 2012, 02:47:PM



หัวข้อ: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 06 ธันวาคม 2012, 02:47:PM
วันนี้ (6 ธ.ค.) สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถามต่อบทอาเศียรวาท
ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่ มีเนื้อความดังนี้
       
       “วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง     ลมแล้งในใจไห้โหยหาย
       ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา
       วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา
       พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร”

...แบบว่า....ใครแสดงความเห็น หักคะแนนด้วยกันคนล่ะสิบแต้มดีไหมครับ   emo_94
...


ปล..เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับ
แต่เกี่ยวกับบทกวี จึงเรียนมาขอความเป็นกลางในการตีความ
(หากกระทู้นี้ สร้างความไม่สบายใจในอนาคต ขออนุญาตลบนะครับ)

สาเหตุ...
มีคำแปลแพร่กระจายในโลกออนไลน์ ในขณะนี้
ดังนี้...

(มีคนแปลมา ถูกผิดไม่รู้ แต่ถ้าถูก นสพ.ฉบับนี้ ....แย่มาก
ถ้าเขียนถวายพระพรแบบนี้....

วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง = เมื่อถึงคราวที่เรื่องราวทั้งหลายได้ยุติสงบลง
ลมแล้งในใจให้โหยหาย = ความคับแค้นขุ่นข้องหมองใจทั้งหลายได้หมดสิ้นไป
ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย = พวกรากหญ้าทั้งหลายต่างรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้ว
ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา = เมื่อคนแดนไกลกำลังจะเดินทางเข้ามาอย่างผู้ชนะ
วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน = เมื่อเบื้องบนเกิดมีปัญหาและมีแต่เรื่องราวไปในทางที่ไม่ดี(ตามความคิดของคนแต่ง)
ลมร้อนเย็นเป็นปัญหา = สิ่งที่มีผลกระทบต่อสิ่งที่คนไทยรักล้วนมีแต่ความยุ่งยากทั้งจากภายนอกและภายใน
พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำทั้งน้ำตา = คนทั่วไปต่างก็เดือดร้อนที่มาจากสิ่งที่คนไทยรัก
ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร = ถ้าอย่างนั้นไม่มีสิ่งที่คนไทยรักเลยคงจะดีกว่านี้มั๊งดูเพิ่มเติม)


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 03:07:PM
(คัดลอกมาบางส่วนจากเวป ผู้จัดการ เพื่อประกอบการพิจารณา หากไม่เหมาะสม กรุณาลบให้ด้วย)
......................................................ฯลฯ.............................................       
       
วันนี้ (6 ธ.ค.) เว็บไซต์มติชนออนไลน์ได้ออกคำชี้แจงกรณีอาเศียรวาท สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถาม
ต่อบทอาเศียรวาท ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมาว่ามีความหมายอย่างไร
มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่ มีเนื้อความดังนี้
       
       “วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้งลมแล้งในใจไห้โหยหาย
       ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา
       วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา
       พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร”

       
       ต่อไปนี้ คือคำอธิบายจากผู้ประพันธ์บทอาเศียรวาทดังกล่าว
       
       “....อาเศียรวาทสองบทนี้ มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ
       
       ด้วยวิธีการเขียนบทกวีที่มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จึงใช้วันฟ้าสว่างกับวันฟ้ามืดครึ้ม
       
       วันฟ้าสว่างนั้นแม้แต่ลมแล้งในใจผู้คนที่โหยไห้ก็ยังหาย ข้าวกล้านาไร่ยังได้กลิ่นอายฝน
ที่มุ่งหมายมาตกต้องตามฤดูกาลย่อมหมายถึงความสว่างในพระบรมเดชาเมตตาบารมี
ที่ปกเกล้าพสกนิกรและทุกสรรพสิ่ง อันเนื่องมาจากพระวิริยะอุตสาหะเช่นฟ้าฝน ชลประทาน
หรืออ่างเก็บน้ำอันยังประโยชน์สม่ำเสมอแก่ไร่นา
       
       ดังนั้น เมื่อมีวันมืดครึ้ม ซึ่งแม้แต่ธรรมชาติปัจจุบันเช่นที่เห็นกันก็ผันผวน
เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นปัญหา
       
       จึงมีหรือที่จะไม่นึกฝันถึงวันฟ้าสว่าง วันที่กระจ่างแจ้งร่มเย็นอยู่ในพระบรมโพธิสมภาร
 ว่าดีอย่างไร ดีขนาดไหน คือความหมายซึ่งอธิบายได้ตามตัวอักษรทุกวรรคตอน”
       
       กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์
 น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์

ลงชื่อ กองบรรณาธิการมติชน
6 ธันวาคม 2555

       
........................................................ฯลฯ.......................................   
 


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 06 ธันวาคม 2012, 03:13:PM

 emo_54 อรุณสวัสดิ์ประเทศไทยจ้า...

ตื่นมาอ่านเจอเป็นบทแรกของวันนี้ อารมณ์บอกว่า
เป็นกลอนถวายพระพรที่บ่งบอกจิต ของท่านผู้เขียน สื่อความหมายออกมา
ทำให้ผู้อ่าน(คือรัตน์ค่ะ) นึกขึ้นมา ผู้เขียนไม่ค่อยจะเต็ม แต่ที่ยิ่งไม่เต็มกว่าคือ มติชน ค่ะ
เอามาลงได้อย่างไร แล้วรัตน์จะสืบดูว่า ใครอนุมัติค่ะ ในฐานะ เป็นผู้อ่าน

ขอบอกเลยว่า..ไม่สมควรเป็นกลอนถวายพระพรเลยค่ะ  หากเขียนกลอนแบบถวายพระพรไม่เป็น เขียนไม่ออก ก็ไม่ต้องเขียนใช่มั้ยคะ? emo_27

เจ็บที่ใจนี้ค่ะ emo_30

รัตนาวดี
ปล.ขอขอบคุณ คุณนะโมที่เอามาแบ่งปัน มากๆค่ะ emo_126


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 03:38:PM


ความหมายมันคลุมเคลือครับ  อ่านแล้วตีความไม่ออกว่าหมายความว่าอย่างไร
มันคล้ายๆคนบ่นๆไป  จะว่าแต่งเพื่อสรรเสริญหรือชื่นชมพระบารมีก็ไม่ใช่   จะว่าแต่งเพื่อถวายพระพร ก็ไม่ใช่อีก
ดูๆไปแล้วก็คงมีนัยยะแอบแฝงตามที่มีผู้แปลมานั่นแหละครับ  เป็นการพูดที่เหมือนไม่พูด คือพูดแบบยั้งๆ ให้ฟังดูคลุมเคลือตีความหมายไม่ออก


 emo_82     emo_62






หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: แป้งน้ำ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 04:57:PM
ขอวิจารณ์ในฐานะคนอ่านนะคะ . ..  มันเหมือนเป็นการตัดพ้ออ่ะค่ะ . . อ่านแล้วแปลไม่ออกว่าอาเศียรวาทตรงไหน . ..  emo_82 
 คงต้องขอความอนุเคราะห์จากท่านนักกลอนมือพระกาฬช่วยแปลความให้อ่านอีกรอบนึง . ..
เอาแบบ แปลในฐานะคนเขียนกลอนไม่ใช่ในฐานะคนอ่านแบบแป้งอ่ะค่ะ . .ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้

emo_126
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_015.gif) (http://www.klonthaiclub.com)


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 06:03:PM

ท่านมือขวาครับ ผมไปค้นความหมายมา คำนี้เป็นคำนามครับ หมายถึงคำอวยพร (เหมือน อาศิรพจน์, อาศิรพาท, อาศิรวจนะ).

แต่เรื่องบทกลอนผมขอสงวนความเห็นครับ(พูดเหมือนนักการเมืองมากกกก) emo_85



หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 06:06:PM


ผมขอถอนคำพูดครับ

 emo_68


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 06 ธันวาคม 2012, 07:35:PM
แปลออกมาได้ยังไงตามกระทู้ที่ตั้ง

วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง  ลมแล้งในใจให้โหยหาย
เมื่อทุกอย่างสงบสุขไร้ปัญหา ความขุ่นข้องหมองใจใด ๆ หายสิ้น

ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย   ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา
การประกอบสัมมาชีพอาชีพใด ๆ ก็รุ่งเรืองก้าวหน้าได้ผลสมประสงค์ (ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา)

วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน  ลมร้อนเย็นเป็นปัญหา
แต่หากวันใดยังมีอุปสรรคปัญหาจากหมู่ชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย (เมฆคลุมเป็นกลุ่มก้อน)

พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำทั้งน้ำตา  ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร
จะได้รู้เลยว่า ขาดความสงบสันติสุขทันที เดือดร้อนกันไปทั่ว (พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำทั้งน้ำตา )

สรุป..ประชาชนได้รับรู้ถึงเหตุและผลของการขาดความสงบสุขร่มเย็น


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 08:28:PM


ขอมองค้อนน้องนะโมสักสามวงเถิดนะ  emo_26 แถมหยิกอีกสองหนับ  emo_45ที่ไปเอากระทู้ที่มีคนโพสท์อย่างนี้มาวาง ทำให้ชาวเราตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน น่าจะเอาความเห็นกลางๆมาวางหน่อยก็ไม่ได้ emo_56

แต่ผมเมื่อได้รับข่าวสารใดๆอันเนื่องมาจากการเมืองด้วยแล้ว ผมจะหายใจยาวๆลึกๆแล้วใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว พยายามหาแหล่ง ที่ไปที่มา ก็ลยได้คำตอบมาดังนี้ นะครับ


วันนี้ (6 ธ.ค. 2555) นายฐากูร บุนปาน  คอลัมนิสต์  ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ" มติชนวิเคราะห์" ในประเด็นเรื่องบทอาเศียรวาทของหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 5 ธ.ค. 2555 ที่ถูกแปลความไปต่างนานา ไกลเกินเจตนารมณ์ของผู้แต่งบทอาเศียรวาท

 นายฐากูร กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาว่าผู้ประพันธ์ได้ให้ความหมายในแง่ประชาชนร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งสื่อให้เห็นความรักระหว่างประชาชนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสำนวนโวหารในลักษณะนี้เป็นเอกลักษณ์ของผู้ประพันธ์ซึ่งได้แต่งบทอาเศียรวาท ให้แก่ นสพ.มติชนมา กว่า 30 ปี ด้วยเจตนาที่ดี

 นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าการที่ไม่เปิดเผยนามของผู้ประพันธ์เป็นเรื่องปกติ เพราะผู้ประพันธ์อยู่เลยจุดที่ต้องการชื่อเสียงเงินทองแล้ว และทุกปีก็ไม่มีการเอ่ยนามของผู้ประพันธ์แต่อย่างใด แต่ยืนยันได้ว่าหากรู้จักผู้ประพันธ์จะรู้ว่า ผู้ประพันธ์ไม่เคยมีพฤติกรรมหรือเจตนาที่จะแต่งบทอาเศียรวาทในทางที่ไม่ดี และฝากให้คุณผู้ชมให้รับข้อมูลข่าวสารด้วยใจที่ไม่อคติ ขอให้มองบทอาเศียรวาทนี้และแปลความหมายตามความเป็นจริงด้วย

 วันเดียวกัน"มติชน" ได้ออกคำชี้แจง กรณีบทอาเศียรวาท ในช่วงเช้าว่า

 สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถามต่อบทอาเศียรวาท ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมาว่ามีความหมายอย่างไร มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่

บทอาเศียรวาท มีเนื้อความดังนี้


วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง     ลมแล้งในใจไห้โหยหาย
ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย       ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา
วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน   ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา
พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา     ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร

 ต่อไปนี้ คือคำอธิบายจากผู้ประพันธ์บทอาเศียรวาทดังกล่าว

"....อาเศียรวาทสองบทนี้ มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ  ด้วยวิธีการเขียนบทกวีที่มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จึงใช้วันฟ้าสว่างกับวันฟ้ามืดครึ้ม วันฟ้าสว่างนั้นแม้แต่ลมแล้งในใจผู้คนที่โหยไห้ก็ยังหาย ข้าวกล้านาไร่ยังได้กลิ่นอายฝนที่มุ่งหมายมาตกต้องตามฤดูกาลย่อมหมายถึงความสว่างในพระบรมเดชาเมตตาบารมี ที่ปกเกล้าพสกนิกรและทุกสรรพสิ่ง อันเนื่องมาจากพระวิริยะอุตสาหะเช่นฟ้าฝน ชลประทาน หรืออ่างเก็บน้ำอันยังประโยชน์สม่ำเสมอแก่ไร่นา

ดังนั้น เมื่อมีวันมืดครึ้ม ซึ่งแม้แต่ธรรมชาติปัจจุบันเช่นที่เห็นกันก็ผันผวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นปัญหา จึงมีหรือที่จะไม่นึกฝันถึงวันฟ้าสว่าง วันที่กระจ่างแจ้งร่มเย็นอยู่ในพระบรมโพธิสมภาร ว่าดีอย่างไร ดีขนาดไหน คือความหมายซึ่งอธิบายได้ตามตัวอักษรทุกวรรคตอน

 อนึ่ง ที่ยังมีข้อสงสัยต่อความหมายในบาทสุดท้าย ที่ว่า "ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร" นั้น หากติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ย่อมเห็นแล้วว่า ปัจจุบันมีปัญหามากมาย ที่ทำให้คนส่วนมากเดือดเนื้อร้อนใจ มีแต่คนส่วนมากเรียกร้องความสงบสุขในสังคม เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน

เช่นนี้แล้ว ทำไมจึงจะไม่คิดถึงล่ะว่าวันที่ฟ้าสว่างกระจ่างแจ้งนั้นดีอย่างไร วันที่ธรรมชาติดำเนินไปอย่างถูกต้องเหมาะสมตามฤดูกาล ไร่นาประชาชนสมบูรณ์ วันที่พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาล ปราศจากฝุ่นละอองใดๆ มาแผ้วพาน"

กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์ น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์



 
กองบรรณาธิการมติชน
6 ธันวาคม 2555


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 06 ธันวาคม 2012, 09:06:PM


ขอมองค้อนน้องนะโมสักสามวงเถิดนะ  emo_26 แถมหยิกอีกสองหนับ  emo_45ที่ไปเอากระทู้ที่มีคนโพสท์อย่างนี้มาวาง ทำให้ชาวเราตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน น่าจะเอาความเห็นกลางๆมาวางหน่อยก็ไม่ได้ emo_56



อย่าค้อน, อย่างอนเลยนะลุงครับ
มันมีที่ไปที่มา พอดีมีนักกฎหมายกลุ่มหนึ่งเขาจะฟ้องหนังสื่อพิมพ์ฉบับนี้
อาจารย์ที่ มอ เลยเอาความมาถามนักศึกษากลุ่มวรรณศิลป์ว่าคิดเห็นอย่างไร กับสำนวนกลอน(แบบมาให้ช่วยตีความ)

ข้าน้อยอ่านเขียนเป็นบ้างก็งูๆปลาๆ ไม่กล้าให้คำตอบ
ก็เลยนำความมาถามท่านนักกลอนในเว๊บในฐานะเป็นผู้อ่านหรือเขียน ว่าเห็นบทกลอนนี้เป็นอย่างไร

แน่นอน เชื่อได้ว่า มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องธรรมดา
ความเห็นทั้งหมดก็จะทำเป็นรายงานเสนออาจารย์ต่อไป

แบบว่า...ก็ประมาณนี้อ่ะครับ

  emo_126



หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: พยัญเสมอ ที่ 06 ธันวาคม 2012, 09:54:PM


ขอมองค้อนน้องนะโมสักสามวงเถิดนะ  emo_26 แถมหยิกอีกสองหนับ  emo_45ที่ไปเอากระทู้ที่มีคนโพสท์อย่างนี้มาวาง ทำให้ชาวเราตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน น่าจะเอาความเห็นกลางๆมาวางหน่อยก็ไม่ได้ emo_56

แต่ผมเมื่อได้รับข่าวสารใดๆอันเนื่องมาจากการเมืองด้วยแล้ว ผมจะหายใจยาวๆลึกๆแล้วใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว พยายามหาแหล่ง ที่ไปที่มา ก็ลยได้คำตอบมาดังนี้ นะครับ


วันนี้ (6 ธ.ค. 2555) นายฐากูร บุนปาน  คอลัมนิสต์  ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ" มติชนวิเคราะห์" ในประเด็นเรื่องบทอาเศียรวาทของหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 5 ธ.ค. 2555 ที่ถูกแปลความไปต่างนานา ไกลเกินเจตนารมณ์ของผู้แต่งบทอาเศียรวาท

 นายฐากูร กล่าวตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาว่าผู้ประพันธ์ได้ให้ความหมายในแง่ประชาชนร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งสื่อให้เห็นความรักระหว่างประชาชนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสำนวนโวหารในลักษณะนี้เป็นเอกลักษณ์ของผู้ประพันธ์ซึ่งได้แต่งบทอาเศียรวาท ให้แก่ นสพ.มติชนมา กว่า 30 ปี ด้วยเจตนาที่ดี

 นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าการที่ไม่เปิดเผยนามของผู้ประพันธ์เป็นเรื่องปกติ เพราะผู้ประพันธ์อยู่เลยจุดที่ต้องการชื่อเสียงเงินทองแล้ว และทุกปีก็ไม่มีการเอ่ยนามของผู้ประพันธ์แต่อย่างใด แต่ยืนยันได้ว่าหากรู้จักผู้ประพันธ์จะรู้ว่า ผู้ประพันธ์ไม่เคยมีพฤติกรรมหรือเจตนาที่จะแต่งบทอาเศียรวาทในทางที่ไม่ดี และฝากให้คุณผู้ชมให้รับข้อมูลข่าวสารด้วยใจที่ไม่อคติ ขอให้มองบทอาเศียรวาทนี้และแปลความหมายตามความเป็นจริงด้วย

 วันเดียวกัน"มติชน" ได้ออกคำชี้แจง กรณีบทอาเศียรวาท ในช่วงเช้าว่า

 สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งคำถามต่อบทอาเศียรวาท ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมาว่ามีความหมายอย่างไร มีความกำกวมไม่เหมาะสมหรือไม่

บทอาเศียรวาท มีเนื้อความดังนี้


วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง     ลมแล้งในใจไห้โหยหาย
ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย       ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา
วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน   ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา
พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา     ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร

 ต่อไปนี้ คือคำอธิบายจากผู้ประพันธ์บทอาเศียรวาทดังกล่าว

"....อาเศียรวาทสองบทนี้ มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ  ด้วยวิธีการเขียนบทกวีที่มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ จึงใช้วันฟ้าสว่างกับวันฟ้ามืดครึ้ม วันฟ้าสว่างนั้นแม้แต่ลมแล้งในใจผู้คนที่โหยไห้ก็ยังหาย ข้าวกล้านาไร่ยังได้กลิ่นอายฝนที่มุ่งหมายมาตกต้องตามฤดูกาลย่อมหมายถึงความสว่างในพระบรมเดชาเมตตาบารมี ที่ปกเกล้าพสกนิกรและทุกสรรพสิ่ง อันเนื่องมาจากพระวิริยะอุตสาหะเช่นฟ้าฝน ชลประทาน หรืออ่างเก็บน้ำอันยังประโยชน์สม่ำเสมอแก่ไร่นา

ดังนั้น เมื่อมีวันมืดครึ้ม ซึ่งแม้แต่ธรรมชาติปัจจุบันเช่นที่เห็นกันก็ผันผวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นเป็นปัญหา จึงมีหรือที่จะไม่นึกฝันถึงวันฟ้าสว่าง วันที่กระจ่างแจ้งร่มเย็นอยู่ในพระบรมโพธิสมภาร ว่าดีอย่างไร ดีขนาดไหน คือความหมายซึ่งอธิบายได้ตามตัวอักษรทุกวรรคตอน

 อนึ่ง ที่ยังมีข้อสงสัยต่อความหมายในบาทสุดท้าย ที่ว่า "ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร" นั้น หากติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ย่อมเห็นแล้วว่า ปัจจุบันมีปัญหามากมาย ที่ทำให้คนส่วนมากเดือดเนื้อร้อนใจ มีแต่คนส่วนมากเรียกร้องความสงบสุขในสังคม เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน

เช่นนี้แล้ว ทำไมจึงจะไม่คิดถึงล่ะว่าวันที่ฟ้าสว่างกระจ่างแจ้งนั้นดีอย่างไร วันที่ธรรมชาติดำเนินไปอย่างถูกต้องเหมาะสมตามฤดูกาล ไร่นาประชาชนสมบูรณ์ วันที่พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาล ปราศจากฝุ่นละอองใดๆ มาแผ้วพาน"

กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์ น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์



 
กองบรรณาธิการมติชน
6 ธันวาคม 2555





เป็นคำแก้ตัวของผู้เขียนที่ฟังไม่ขึ้นเอาเลยทีเดียว  ถ้าบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"แล้วมีอักษรตัวไหนในบทกลอน
ที่เอ่ยถึง"พระบรมเดชาเมตตาบารมี"บ้าง ?  ไม่มีเอ่ยถึงเลยแม้สักตัวเดียว  แล้วแบบนี้จะบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"ได้อย่างไร  ฟังไม่ขึ้นครับ
                      ความจริงแล้วกลอนบทนนี้จะไม่มีปัญหาให้ต้องคิดเลย ถ้าไม่มีสองวรรคนี้

"พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา     ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร"

ถ้าจะให้ผมตีความตามความเข้าใจในคำที่เขาใช้ก็ต้องตีความว่า"เมื่อประชาชนยังมีแต่ความทุกข์ แล้วจะบอกว่าเป็นสุขได้อย่างไร"
ผมว่า ความหมายมันน่าจะออกไปในทำนองนั้นนะ  นี่ผมตีความตามความเข้าใจในภาษาที่เขาเขียนนะครับ  มันเขียนพาให้เข้าใจไปในทำนองนั้น


ปล.ถ้าจะมีการลบกระทู้และหักคะแนน ขอให้หักทุกคนนับตั้งแต่เจ้าของกระทู้ลงมาเลยนะครับ เพื่อความยุติธรรม  อันนี้พูดไว้เผื่อว่าโดนหักนะ








หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 07 ธันวาคม 2012, 01:27:AM
ฮือฮืออย่าหักแต้ม          เลยครับ
อุตส่าห์งดเสียงศัพท์        โสตด้วย
ท่านนโมก็นะจับ            ประเด็นเด่น  ดุแล
หาใช่เรื่องกล้วยกล้วย      วิเคราะห์เค้นเข็ญใจ

ใช่!ผมอยากบอกให้        ไทยเรา
ทำสิ่งที่ทุเลา               ชาติบ้าง
คนละหัตถ์กล่อมเกลา      กลอนกริ่ม
ปล่อยเรื่องที่คั่งค้าง        ผิว์ชี้เชาว์ชน  สยามเฮยฯ

(กระทู้นี้นอกเหนือการเรียนภาษาไทยของผม ขอสงวนความเห็นเช่นเดิมครับ จะหักคะแนนก็อย่าให้เหลือศูนย์แต้มนะครับท่านWM ผมอายเด็กๆที่ไปอวดเก่งสอนเค้า อิอิอิ) emo_85 emo_85 emo_45


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 07 ธันวาคม 2012, 01:44:AM
  ...ไม่ชอบครับ แต่....

ไม่ชอบก็อย่าไปซื้อ มาอ่านครับ

 ดูซิว่าจะเอาทุนมาจากไหน...



หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 07 ธันวาคม 2012, 05:34:AM

กองบรรณาธิการหวังว่า คำอธิบายความหมาย สัญลักษณ์ และเจตนาของผู้ประพันธ์ น่าจะสร้างความกระจ่างและทำให้เกิดการตีความที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของผู้ประพันธ์



 
กองบรรณาธิการมติชน
6 ธันวาคม 2555  


............................................................................


ความเห็นควบกับความรู้สึก ของผู้ที่อยู่ในฐานะผู้อ่าน(คือรัตน์ค่ะ) emo_54


๑.  กลอนบทนี้ เขียนถวายพระพรเพื่อให้ประชาชนทุกท่านได้อ่าน จึงเป็นบทคิดประพันธ์ที่พิเศษและสำหรับผู้พิเศษคือท่านในหลวงผู้ซึ่งเป็นสุดที่รักของพวกเรา

ในการตั้งใจเขียนอาจจะคำนึงถึงภาษาสำหรับสามัญชนผู้อ่าน จึงไม่ใช้คำราชาศัพท์เลยที่คิดจะเขียนอวยพร

แต่หากผู้เขียนจะชี้แจงว่า ได้คำนึงหลักการสื่อความหมายที่ต้องยึดเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการเขียน เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจในความรู้สึก
     
ของท่านผู้เขียนและได้เคลิ้มตามไปด้วยนั้น  บอกตรงๆว่า...ครั้งแรกที่รัตน์กำลังอ่านเคลิ้มนึกภาพไปด้วยจริงในขณะอ่าน

แต่เพียงวรรคหักมุมจบมีความรู้สึกว่า...บาปมากค่ะ  emo_06

๒. แทนที่เป็นคำราชาศัพท์ ที่จะต้องช่ายกันแปลหาความหมายนั้น นี่คือหนังสือพิมพ์ที่บ่อยครั้งเขียนเป็นภาษาไทยตรงๆจริงๆ

ส่วนมากเน้นความหมาย แบบกำปั้นทุบดิน  จึงไม่ต้องแปลปรับความหมายของคำอีกหลายครั้งค่ะ emo_27


สรุปนะคะ...คือ  ไม่สมควร, ไม่เหมาะสมที่ใช้เป็นกลอนถวายพระพรค่ะ  เพราะ ไม่มีคำอวยพร หรือคำสรรเสริญพระบารมีแม้แต่คำเดียว!

จากความรู้สึกรัตนาวดี ( ในฐานะผู้อ่านกลอนค่ะ)

 emo_126


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านและเขียนกลอน...ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: --ณัชชา-- ที่ 07 ธันวาคม 2012, 07:59:AM

เป็นคำแก้ตัวของผู้เขียนที่ฟังไม่ขึ้นเอาเลยทีเดียว  ถ้าบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"แล้วมีอักษรตัวไหนในบทกลอน
ที่เอ่ยถึง"พระบรมเดชาเมตตาบารมี"บ้าง ?  ไม่มีเอ่ยถึงเลยแม้สักตัวเดียว  แล้วแบบนี้จะบอกว่า"มีความหมายตรงตามตัวอักษรทุกประการ"ได้อย่างไร  ฟังไม่ขึ้นครับ
                      ความจริงแล้วกลอนบทนนี้จะไม่มีปัญหาให้ต้องคิดเลย ถ้าไม่มีสองวรรคนี้

"พฤกษ์พุ่มชอุ่มช้ำท่วมน้ำตา     ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร"

ถ้าจะให้ผมตีความตามความเข้าใจในคำที่เขาใช้ก็ต้องตีความว่า"เมื่อประชาชนยังมีแต่ความทุกข์ แล้วจะบอกว่าเป็นสุขได้อย่างไร"
ผมว่า ความหมายมันน่าจะออกไปในทำนองนั้นนะ  นี่ผมตีความตามความเข้าใจในภาษาที่เขาเขียนนะครับ  มันเขียนพาให้เข้าใจไปในทำนองนั้น


ปล.ถ้าจะมีการลบกระทู้และหักคะแนน ขอให้หักทุกคนนับตั้งแต่เจ้าของกระทู้ลงมาเลยนะครับ เพื่อความยุติธรรม  อันนี้พูดไว้เผื่อว่าโดนหักนะ



ฮามาก...

--ณัชชา--

 emo_32 emo_32





หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 07 ธันวาคม 2012, 09:41:AM

ปล.ถ้าจะมีการลบกระทู้และหักคะแนน ขอให้หักทุกคนนับตั้งแต่เจ้าของกระทู้ลงมาเลยนะครับ เพื่อความยุติธรรม  อันนี้พูดไว้เผื่อว่าโดนหักนะ  emo_55

 emo_20 ในฐานะคนอ่านกลอน.. ออกมาแสดงตัวยอมรับผิดชอบให้หักคะแนนเจ้าค่ะ
ไม่ขอแก้ตัวใดๆ เพราะตัวเองรับรู้อยู่แก่ใจ  คือความจริง.. ได้เข้ามาอ่านกลอน
ในกระทู้นี้จริง ยินยอมให้หักคะแนนด้วยเจ้าค่ะ  emo_26
..กุสุมา.. emo_50


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: hort39 ที่ 07 ธันวาคม 2012, 09:59:AM
กลอนบทนี้จะไม่มีปัญหาเลย ถ้าไม่ได้บอกว่าเป็นกลอน ถวายพระพร  emo_126


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: แป้งน้ำ ที่ 07 ธันวาคม 2012, 10:33:AM
...แบบว่า....ใครแสดงความเห็น หักคะแนนด้วยกันคนล่ะสิบแต้มดีไหมครับ   emo_94
...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 1 ชั่วโมงที่แล้ว โดย บ้านกลอนไทย »


                   . . เพิ่งมาบอกเนี่ยนะ !! . . emo_49
(http://dedmoroz.ru/upload/iblock/1a7/1a752909b9d932035558736eff6cd188.jpg)



หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: คอนพูธน ที่ 07 ธันวาคม 2012, 11:05:AM
(http://mw2.google.com/mw-panoramio/photos/small/41988754.jpg)
คลุมเครือ
๏ พจีกระทบหวังเพื่อสะท้าน                   พิเศษไทย  พิสูจน์เทอญ
รักย่อมใจถึงใจ                                                            กล่าวแจ้ง
ประพนธ์เสนอดั่งประสงค์ไฉน                           คลุมนั่น  เครือเนอ
ทลายศักดิ์กระแทกกระทำแสร้ง   ลิขิตสร้างสะเทือนสรวง  พิศุทธิ์นอ

๏ ลวงเสนอสลดสื่อฉะนี้                             หลอกสนาน  ตลอดนา
เฉพาะกิจปราศอุดมการณ์                                              พวกเกื้อ
อาศิรวาทขับเสมือนขาน                                   ประจงขุ่น  ควรฤๅ
แสดงเช่นทุรลักษณ์เชื้อ                         เขย่าชั้นพิมานฉม  ฉายแล
                                                                คอนพูทน
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_191.gif) (http://www.klonthaiclub.com)


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 07 ธันวาคม 2012, 12:04:PM

โชยสาบหยาบช้าสาไถย
อุปมาอุปมัยแอบหมก
จ้วงจาบปลาบปลื้มลืมนรก
อาเศียรเสียดดกสีดำ ฯ


พรายม่าน
สันทราย
๗ ธันวาคม ๒๕๕๕


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: greetha ที่ 07 ธันวาคม 2012, 02:33:PM
สิ่งใดอ่านแล้วสื่อความหมายให้เข้าใจได้ ก็เข้าใจ สิ่งใดอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ทิ้งไปอย่าสนใจมันอีก จงรับรู้ในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ก็แล้วกัน ปวดหัว
เพราะฉะนั้น ผู้ใดต้องการสื่อความหมายในทางใด ก็โปรดให้เข้าประเด็นหลักจริงๆ อย่าคลุมเครือ อย่าจินตนาการเกินมนุษย์ปุถุชนแบบเราๆ เลย ขอร้องเถิด สาธุ สรุปคือ อวยพรก็ให้อวยพร อย่ามาแสดงปริศนาธรรม คนละงานกัน ชัดเจนมั๊ยครับ


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 07 ธันวาคม 2012, 04:35:PM

ขอแสดงความเห็น ดังนี้

๑.ตั้งชื่อไม่สัมพันธ์กับเนื้อหากลอน (คิดไม่ได้)
๒.แต่งกลอนไม่สัมพันธ์กับชื่อเรื่อง (คิดไม่ถึง)

แค่นี้แหละไม่เห็นมีอะไร (ไม่คิด)

ปันหยี emo_54


หัวข้อ: Re: ในฐานะคนอ่านหรือเขียนกลอน..ขอความเห็นเกี่ยวกับบทกลอนสำนวนนี้ด้วยครับ..
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 08 ธันวาคม 2012, 12:33:PM

ขอบคุณทุกความเห็น ทั้งคนอ่านและคนเขียนนะครับ
ขอปิดการแสดงความเห็นไว้แต่เพียงเท่านี้..


ข้อมูลทั้งหมดจะนำไปประมวลผลเพื่อดำเนินการต่อไป
ขอบพระคุณมากๆครับ

  emo_126