หัวข้อ: แรงธรรม เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 ธันวาคม 2012, 09:44:AM เฮ้
เรื่องแรกเริ่มเสริมสานยาวนานแล้ว............ไม่เห็นแววแห่งหนปลายต้นสาย เปลี่ยนทุกวันพันมุ่นให้วุ่นวาย..................คนมากมายมากเรื่องเนื่องแรงกรรม เรื่องคล้ายจบลบไปกลับไม่สิ้น.................ยังยลยินยื้อยุดให้สุดกล้ำ อวสานร้างสร้างใหม่อย่าได้ย้ำ.................ขอแรงธรรมขับเคลื่อนใว้เตือนตน แก้ไขครับ...ยากจังกลอนแปด หัวข้อ: Re: แรงธรรม เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 06 ธันวาคม 2012, 03:46:PM (http://www.watbanklong30.net/_files_school/26030145/data/26030145_0_20120117-160348.jpeg) ...แรงกรรมเก่า สนอง ครองไม่ถาม แรงธรรมตาม ช่วยคลุม ทั่วขุมขน แรงศักดิ์สิทธิ์ สนิทใจ ในทุกคน ให้สุขล้น กรรมมี ที่แรงธรรม... จากใจ รัตนาวดี emo_126 emo_116 emo_126 หัวข้อ: Re: แรงธรรม เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 19 ธันวาคม 2012, 09:39:AM เวลา พามาทิ้ง มิหยุดนิ่ง ห่างหายไป
ทุกเรื่อง ล้วนปล่อยไว้ สุดแต่ใคร กล้าเผชิญ เลือกเอง ด้วยเกลียดโกรธ รู้คุณโทษ ใครสรรเสริญ เพียงพอ ไม่ล้นเกิน ชีพตั้งต้น เราสืบเอง ปลายทาง เรารู้ได้ หากแต่ใจ กล้าหรือเกรง เชื่องช้้้า บ้างรีบเร่ง บนหนทาง ยากห้ามใจ ชั่งได้ ด้วยสติตั้ง แม้คราวยั้ง ยังไปไหว บ่มย้ำ เคยทำได้ วารีไหล ไม่เปล่าเปลือง หัวข้อ: Re: แรงธรรม เริ่มหัวข้อโดย: rit sriduang ที่ 19 ธันวาคม 2012, 03:47:PM ขอร่วมแจมด้วยกลอนที่เขียนไว้สำหรับช่วงออกพรรษาปี ๒๕๕๕ ครับ
ตักบาตร ๑.ข้าวมธุปายาสในถาดไม้ ระเหยไอรวยรินส่งกลิ่นหอม แม้เสื้อผ้าผู้คนจะหม่นมอม แต่ใจพร้อมสำหรับสดับธรรม น้ำนมโคข้นขาวต้มข้าวสุก เคล้าและคลุกผสานจนหวานฉ่ำ แม่โคเอ๋ยฟังข้าสักคราคำ ข้าจะนำใส่บาตรพระศาสดา เพราะพระองค์จะกลับจากโปรดสัตว์ จะนิวัติจากสวรรค์บนชั้นฟ้า หลังแสดงธรรมประทานพระมารดา อนุโมทนาเถิดแม่โค… ๒.ฟ้าเริ่มรุ่งลมเย็นพอเห็นแสง เห็นสีแดงบานคลี่ของยี่โถ ดวงตะวันโผล่พ้นจากต้นโพธิ์ เผยดวงโตรัศมีเป็นสีทอง จากดวงจิตข้าพเจ้าผู้เน่าเหม็น แม้จะเป็นดอกบัวอันมัวหมอง รอต้องแสงสุริยาฟ้าลำยอง กลีบจะผ่องส่งผลให้พ้นน้ำ ๓.แล้วถือถาดเดินเท้าแต่เช้าตรู่ สองเท้ารู้สภาวะขณะย่ำ เท้าที่เหยียบฝุ่นเถ้าย่อมเท้าดำ เป็นปริศนาธรรมให้คำนึง มิเคยพบองค์พระสมณะ ยินธรรมะจากมิตรเพียงนิดหนึ่ง ขอองค์พระผู้ก้าวจากดาวดึงส์ โปรดสัตว์ซึ่งรุ่มร้อนด้วยฟอนไฟ บางครั้งจิตจำรัสสงัดนิ่ง ก็สุขยิ่งเกินกว่าจะปราศรัย บางครั้งจิตขุ่นหยาบด้วยคราบไคล ก็ทุกข์ใจรวดร้าวเกินกล่าวคำ ๔.สังกัสสะ..นคราแห่งป่าปรก อุบาสกอุบาสิกาจึงคลาคล่ำ ด้วยปรารภถึงผลกุศลกรรม อุปถัมภ์พระศาสนาพุทธ จึงกลิ่นหอมกำจายมารายล้อม เป็นกลิ่นหอมของศีลบริสุทธิ์ มีปัญญาอันมุ่งหมายวิมุตติ เป็นมนุษย์ผู้หน่ายในว่ายเวียน เกิดกับชาวแคว้นนับแสนหมื่น ความแช่มชื่นแม้อับทั้งทรัพย์เหรียญ แต่จิตที่ถึงพร้อมด้วยความเพียร ดุจเปลวเทียนแสงสุกอันลุกโชน ทว่าจิตกลับเย็นและเป็นสุข จึงจางทุกข์ขุ่นมัวจากหัวโขน จากดวงจิตรุ่มร้อนก็อ่อนโยน จากเพลิงโพลนเคยเผาก็เบาบาง ๕.ฉับพลัน!..ฟ้าก็จ้าใส เกิดบันไดเงินและทองขึ้นสองข้าง บันไดแก้วทอดลงมาตรงกลาง ทวยเทพย่างจากสรรค์สองบันได ประนมหัตถ์สาธุการล้นลานฟ้า เทพธิดาปรายมือโปรยดอกไม้ ปรากฏแสงดั่งแก้วเจียรไน พระจอมไตรสรรเพชญเสด็จแล้ว ฉัพพรรณรังสีใสสว่าง พระเสด็จมากลางบันไดแก้ว ทั้งพรหมอินทร์ปิ่นฟ้าชฎาแวว สองทิวแถวประณตน้อมขึ้นพร้อมพลัน เมื่อหัตถาพระพุทธองค์ได้ทรงโบก ทรงเปิดโลกให้เห็นสรวงสวรรค์ แล้วทรงโบกหัตถาอีกคราครัน เปิดนรกโลกันตร์ในทันใด ทั้งสามโลกจึงเห็นกันเด่นชัด ท่ามเสียงสัตว์นรกผู้หมกไหม้ ไฟนรกร้อนฉ่าก็ราไฟ สัตว์ก้มไหว้พระโลกเชษฐ์น่าเวทนา ๖.ข้าพเจ้าจึงรู้ว่ามนุษย์ อยู่ในจุดเลือกไปจะซ้ายขวา เห็นสัจจริงในธรรมพระสัมมา เมื่อเห็นโลกเบื้องหน้าด้วยตาเนื้อ แหละดูซิ!..แสงม่านรัศมี ฉัพพรรณรังสีอันเหลือเชื่อ แต่เย็นกว่าน้ำค้างอันจางเจือ ข่มแสงเรื่อนางฟ้า เทวา พรหม ๗.เมื่อเสด็จทรงยืน ณ พื้นราบ ก็เลือนภาพสวรรค์อันสวยสม ภาพนรกหายวับไปกับลม เทพบังคมกราบไหว้ก่อนกายจาง สงฆ์สาวกอรหันต์นับพันหมื่น ต่างมายืนต่อแถวเป็นแนวหาง มีพระผู้ทรงธรรมทรงนำทาง ดำเนินย่างโปรดสัตว์ ณ บัดนั้น ๘.ข้าวมธุปายาสในถาดไม้ ถวายให้พระองค์ดำรงขันธ์ ทั้งสงฆ์ติดตามพระภควันต์ จะได้ฉันข้าวหอมโดยพร้อมเพรียง สาธุชนล้นเหลือทั้งเครือญาติ ร่วมตักบาตรพระและสำรวมเสียง มีข้าวตอกดอกไม้มารายเรียง อีกเครื่องเคียงคาวหวานในพานรอง ๙.เป็นปิติแห่งจิตข้าพเจ้า ผู้ต่างเหย้าต่างเรือนและเพื่อนพ้อง เกิดความสุขสงบใสหัวใจพอง ต่างพิศจ้องแต่ภาพพระมุนินทร์ ทรงสร้างบุญอธิษฐานมานานนับ กี่แสนกัป..พระผู้ทรงกสิณ ข้าพเจ้าและประชาผู้ราคิน เปื้อนเปรอะดินธุลีมากี่กัลป์ การใส่บาตรพระศาสดาในครานี้ มิหมายมีบุญได้ไอศวรรย์ ต่างมิหมายโภคทรัพย์นับอนันต์ ที่หมายนั้นสูงสุด…คือพุทธภูมิ…. ๒๕ เมษายน ๒๕๕๕ |