หัวข้อ: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: ดาวระดา ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 12:21:PM ฟ้าเสกสรรค์สายัณห์สวัสดิ์หวาน ณ ริมธารบ้านป่าหนอหน้าฝน ดูแดดสายผายผ่านเกิดกาลกล มองสายชลวนวกกอกกกวน หอยขมเกาะเลาะริมดูอิ่มหนัก ถึงได้ปักหลักเลนดูเป็นส่วน ธรรมชาติพาดก่ายไว้หลายมวล ขับขบวนชวนชูน่าดูเชียว ดงหญ้าแพรกแหวกทรายยืดสายเส้น ยื่นยอดเอนเส้นยาวราวด้ายเขียว ถูกกระแสน้ำพัดโอ้ผลัดเกลียว รากยังเหนี่ยวเกี่ยวกลืนในผืนทราย มองกอกกรกหนอเป็นกอใหญ่ ที่เรียวใบแมงปอล้อแดดสาย ปีกสองข้างบางสมโต้ลมปราย ช่างหาญกล้าท้าทายสายลมแรง จึงใช้พจน์บทกลอนสะท้อนภาพ ระเริงราบโรยรินก่อนสิ้นแสง แดดสายส่องห้องภาพฉาบสำแดง อิทธิพลแดดแสร้งเข้าแฝงตัว ดูเดชแดดแผดพอลอออุ่น เหมือนเจิมจุนดุลยภาพอิ่มอาบทั่ว ไม่เลือกเส้นเว้นสันส่องพันพัว ไม่เลือกขั้วเลือกข้างอย่างใจคน ดาวระดา หัวข้อ: Re: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: D ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 01:49:PM (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTa1QufQ8Wg__3Fq_013vZ3To2cE6NThZmycGwpHLg3PLkrk-6SkQ) แสงรพี คลี่ผ่าน หว่านโอบทั่ว ที่สลัว คืนแจ้ง ทุกแห่งหน ความหมองมัว กลับกลาย หายบัดดล คอยเปรอปรน เติมแต่ง แห่งโลกงาม ใบสีเขียว เรียวสม เริ่มบ่มผลิ เกิดก่อปริ ออกอ่อน อ้อนไหวหวาม ผลประโยชน์ เกิดแก่ แม้ทุกนาม คือนิยาม ความแท้ มิแปรปรวน เปรียบดั่งคน อ่อนแอ พ่ายแพ้จิต เพียงสักนิด เมตตา พานึกหวน ปลอบประโลม โอบเอื้อ เกื้อเชื้อชวน ทุกข์ทั้งมวล เบาบาง เจือจางพลัน "ดิน" (http://i204.photobucket.com/albums/bb86/Au2007/cute%20heart/20070206012516467.gif) หัวข้อ: Re: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 03:19:PM ละอองเส้นแสงสีสุรีย์ฉาน หักเหผ่านหยดน้ำนำสีสัน เกิดแฝดแสงแบ่งเส้นเจ็ดสีครัน เป็นโค้งเคียวเรียวพลันหลั่นกันมา นั่นคือรุ้งลออคลอฝนเคล้า แสงแดดเพลาเข้าม่านลานเวหา แม้แดดสายก็พรายสวยด้วยหยาดฟ้า จุติมาพาชื่นฉ่ำในทรวง ดุจธิดาเทวามาสรรค์สร้าง ความสะอางต่างภพบรรจบสรวง ให้ผองชนม่วนชื่นดื่นแดดวง ชมรุ้งรวงแห่งห้วงนภางาม หัวข้อ: Re: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 04:02:PM ระยิบระยับวับวามยามแสงส่อง ดุจสุหร่ายสายละอองมองไหวหวาม สายฝนโรยโปรยมาอุษายาม คลุมเขตคามหยามหยันตะวันแดง ยามแล้งร้อนอ้อนชลให้ฝนช่วย ชีพจะม้วยด้วยอาทิตย์ฤทธาแสง พอเหมันต์พลันฉะอ้อนความร้อนแรง เลิกคิดแหนงแคลงหน่ายสายสุรีย์ ความพอดีมีไหมนะใจหนอ ไม่เคยพอขอไร้ทุกข์มากสุขศรี ทั้งหนาวร้อนวอนขอไม่พอดี มนุษย์นี้สุดลำบากยากเอาใจ... emo_126 " บูรพ์ " หัวข้อ: Re: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: panthong.kh ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 04:26:PM ฟ้าเสกสรรค์สายัณห์สวัสดิ์หวาน ณ ริมธารบ้านป่าหนอหน้าฝน ดูแดดสายผายผ่านเกิดกาลกล มองสายชลวนวกกอกกกวน หอยขมเกาะเลาะริมดูอิ่มหนัก ถึงได้ปักหลักเลนดูเป็นส่วน ธรรมชาติพาดก่ายไว้หลายมวล ขับขบวนชวนชูน่าดูเชียว ดงหญ้าแพรกแหวกทรายยืดสายเส้น ยื่นยอดเอนเส้นยาวราวด้ายเขียว ถูกกระแสน้ำพัดโอ้ผลัดเกลียว รากยังเหนี่ยวเกี่ยวกลืนในผืนทราย มองกอกกรกหนอเป็นกอใหญ่ ที่เรียวใบแมงปอล้อแดดสาย ปีกสองข้างบางสมโต้ลมปราย ช่างหาญกล้าท้าทายสายลมแรง จึงใช้พจน์บทกลอนสะท้อนภาพ ระเริงราบโรยรินก่อนสิ้นแสง แดดสายส่องห้องภาพฉาบสำแดง อิทธิพลแดดแสร้งเข้าแฝงตัว ดูเดชแดดแผดพอลอออุ่น เหมือนเจิมจุนดุลยภาพอิ่มอาบทั่ว ไม่เลือกเส้นเว้นสันส่องพันพัว ไม่เลือกขั้วเลือกข้างอย่างใจคน ดาวระดา (http://image.ohozaa.com/i/5c6/BBQXJw.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/wcuWlNjk4NDZREz9) สายฝนพรำ ฉ่ำมา กอหญ้าเขียว ข้าวใบเรียว เคียวโง้ง โค้งสับสน เห็นแพงพวย ทอดยอด สอดปะปน ละอองฝน โดนไอแดด แผดเผามา มองสายชล ล้นหลั่ง พนังแตก คล้ายหญ้าแพรก แทรกขึ้น ยืนจังก้า ชูช่อชื่น แซมต้อยติ่ง ยิ่งงามตา แมลงปอ บินถลา คว้าดมดอม แสงแดดอ่อน ตอนเช้า ดูเข้าท่า เดินเยาะย่าง มองหา ว่ากลิ่นหอม กระดังงา ริมรั้ว กลัวใจตรอม จึงไม่ยอม เอื้อมเด็ด ด้วยเข็ดทรวง (http://image.ohozaa.com/i/0ab/EATr7F.png) (http://image.ohozaa.com/view2/w8hBktKWu4I3RcFy) หัวข้อ: Re: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 22 กรกฎาคม 2012, 07:30:PM แดดสายออกดอกสวย ไอหอมรวยอวลผืนผ้า หยาดน้ำหยดดวงลา ด้วยแดดไล่ให้ลอยลม แดดอาบให้ผ้าอุ่น หอมละมุนคุ้นนิยม ผ้าอายพ่ายอารมณ์ จุมพิตแดดเด็ดรักดอม ผ้าไหวเมื่อแดดลา ด่วนลับฟ้ามิถนอม ราตรีคลี่วงล้อม อกประหวั่นแสนพรั่นพรึง แรงมือดึงจากราว ใจผ้าสาวเหมือนขาดผึง แดดหลบลบรักซึ้ง ถึงรักไปก็ไร้รัก emo_48 หัวข้อ: Re: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: พิมพ์วาส ที่ 22 กรกฎาคม 2012, 08:43:PM (http://www.naxza.com/hosting/topicimg/42.jpg) เช้าสายหมอกหยอกเอิ้นสะเทิ้นรูป ไล้บางจูบลูบเรียวเสี้ยวจันทร์ฉาย เริ่มลบเลือนเคลื่อนห่างจันทร์ย่างกราย ห่มแสงเทาเดียวดายด้วยปลายฟ้า ฉันยิ้มกริ่มอิ่มเอมเทียนเล่มน้อย ที่ค่อยค่อยร่อยแสงแรงเจิดจ้า น้ำตาเทียนเจียนหลั่งประดังลา กับเหล่าดวงดาราล่ำลากัน ในภวังค์หวังกลบลบรอยเศร้า เห็นเพียงเหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายนั่น ใครคนหนึ่งซึ่งล้นเหงาท้นอัน- น่าประหวั่นสั่นขั้วจากหัวใจ ฉันอยากขอรออยู่ดูเขาก่อน ไม่อยากรอนจรจากพรากไปไหน แต่เช้าแล้วแผ่วแสงแดดแจ้งไกล ฉันคงต้องขอไปจากในนี้ ฝันอันหงอยสร้อยหม่นระคนหมอง คิดถึงใครนั่งร้องด้วยหมองศรี อันว่าสินิทราจากราตรี น้ำตาคงไหลหรี่ล้นปรี่ลง นั่นเป็นเพียงเสียงใจจากในฝัน จะถึงวันอันสดใสให้เริงหลง แสงแดดเช้าเบาอุ่นละมุนคง- สาดส่องตรงหน้าต่างอย่างเมื่อวาน นาฬิกา... เริงร้องร่าว่าตื่นคืนวันผ่าน อย่าอุดอู้หน้ายู่ยี่อย่างนี้นาน รีบจัดการอาบน้ำและแต่งตัว ฉันรอรับกับวันใหม่อย่างนี้แหละ ทุกสิ่งแปะประจำไม่ทำมั่ว ฉันก็เป็นเช่นฉันฉันไม่มัว ไม่มีความสลัวหรือมัวมน แมลงปอล่อลมชมแสงสาย ดอกไม้ยิ้มปริ่มพราย สายลมขน- กลิ่นหอมหอมอ้อมลานบ้านแวะวน กับหนึ่งคนคือฉันมอบยิ้มอันงาม... ฉันนั้นยิ้มของฉันด้วยหวั่นไหว ชมความงามด้วยใจอยากไต่ถาม ฉันเป็นอย่างนี้ของฉันอยู่ทุกยาม รับแสงแดดอร่ามคร้ามสายของวัน หัวข้อ: Re: แดดสาย เริ่มหัวข้อโดย: พิมพ์วาส ที่ 23 กรกฎาคม 2012, 07:58:PM แดดสาย : กับการบีบบังคับ
แมลงปอล่อลมชมทิวไม้ ที่เอนไหวไกลลู่เมื่อครู่นี้ รอสายัณห์พลันอาบฉาบราตรี ฟังวลีคีตาอิ่มอารมณ์ คำหวาน ซาบซ่าน ผ่านลม เพียงพรม เชยชิดชม แล้วก็ผ่านไป... ดาราย่ำค่ำแล้วงามแพร้วส่อง วาดละอองทองทาชีวาใฝ่ แสนเสนาะเพราะพริ้งหริ่งเรไร ดังก้องไพรใสเสียงเจรียงเพรง โดนบีบบังคับ เหมือนกับขาดอากาศตาย โดยโดนข่มเหง ไม่อยากได้ยินเสียงเพราะที่บรรเลง มันวังเวงอย่างไรไม่รู้ ๑ ค่ำ ๒ มืด ๓ หมดแสง ๔ ไม่เหลืออะไรในใจ รออรุณอุ่นแสงทองแจ้งสาด บรรจงวาดวิวแดดสีแสดหรู งามนักหนากว่าสิ่งใดได้ชมดู เพราะเราอยู่อย่างจิตคิดว่างาม.. หนูว่านะกลอนของเราหน่ะ ที่เราเขียนก็เป็นกลอยของเราแต่มันขึ้นอยู่กับว่าที่เราเขียนเราเขียนขึ้นมาโดยที่เราจะสื่ออะไรกลอนของหนูอาจจะสื่ออะไรได้โจ่งแจ้ง อ่านปุ๊บก็รู้ปั๊บดูเหมือนจะสวยแต่พอดีความมันออกมามันไม่ได้สื่ออะไรเลยมันเหมือนความว่างเปล่าในแก้วหน่ะค่ะ แต่ถ้าหนูเขียนแล้วหนูรู้ว่าหนูเขียนเพื่อสื่ออะไรหรือเขียนด้วยความประทับใจอะไรหรือ! เขียนด้วยความรู้สึกคิดถึงใคร อะไร อย่างไร กลอนที่หนูเขียนนี้ก็จะออกมาสมบูรณ์ กลอนที่คิดว่ากลอนอย่างไรคือกลอนของหนูหรือ หนูว่ากลอนที่ "ไม่มีแก่นสาร" นี่แหละเป็นกลอนของหนู แต่ละบทที่เขียนถ้าหากไม่มีเรื่องประกอบอะไรเลยหนูว่านะกลอนของหนูก็เหมือนกลอนที่ว่างเปล่าในความสมบูรณ์แบบของแผนผั่ง ที่หนูจะบอกนั้นหมายถึง กลอนของหนูที่ไม่ว่าจะเขียนออกมาใช้ภาษาละมุนละเมียดสักเพียงไรงามสักเพียงไรแต่มันก็'ว่างเปล่า' เพราะไม่รู้เหมือนกันแหละว่าจะสื่ออกมาเพื่ออะไร? เอาเป็นว่ากลอนของหนูถ้าไม่คิดอะไรมากนึกจะเขียนก็เขียนก็คือ กลอนที่สื่อความหมายไม่โจ่งแจ้งหรือ กลอนที่ว่างเปล่าไม่มีความหมายอะไรแต่มันอยู่ในกรอบฉันทลักษณ์เท่านั้นเองแหละ ไม่ต้องสงสัยนะคะ ว่ากลอนหนูเป็นอย่างไร ^^ |