หัวข้อ: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 24 เมษายน 2012, 10:59:PM แต่งทายปัญหาได้ไหมครับ คือปี ๒๐๐๖ ผมได้เข้า Siampoetry.com และเมื่อผมเสนอประเด็นความคิดนี้ เพื่อนๆ ตอบรับ ต่อมา Web ปิดไป น่าเสียดายครับ ผมจึง ขอเชิญชวนเพื่อนผู้ รักกลอน กานท์เฮย ขออย่า!เมินเฉยวอน ร่วมถ้อย ปริศนา แต่ง แนะ สอน ให้สนุก กันนา แก้โจทย์ลดเศร้าสร้อย หลีกพ้นหายเหงา ตัวอย่างครับ ตรัสรู้ พระพุทธองค์ตรัสรู้ ธรรมใด ระบุ “แก่น” แห่งหัวใจ ลึกซึ้ง “แจกแจง” เหมาะนำไป ปฏิบัติ เป็นเกราะกันมารทึ้ง อาจแกล้วกลางสกล ตัวอย่าง การตอบกันครับ โคลงสองสุภาพ ได้มาพบโจทย์ท้า จึงแต่งตอบมิช้า ร่วมด้วย "แบ่งปัน" ข้าฯฝันนานเนิ่นแล้ว มีเพื่อนมีเกลอแก้ว ถกถ้อยปัญญา ภาษาไทยเด่นล้ำ กาพย์อยู่ด้วยเราค้ำ ฝึกใช้แต่งเสมอ == เนื้อหาปรับเปลี่ยนบ้าง น่าทำ ข้าฯจึ่งขอแต่งคำ สนุกด้วย เชาว์_จริง_เล่นลิ้น_จำ โจทย์แบบ ใดฤๅ ถึงยากคงไม่ม้วย หมดสิ้นทางเฉลย ขอขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 25 เมษายน 2012, 12:58:AM งั้นนี่เลยเอ่ยเอื้อน คำถาม
สาวกองค์ท้ายตาม ตรัสรู้ เพ็ญเดือนหกเมื่อยาม จันทร์แจ่ม พระโลกนาถทรงกู้ โมหะให้ก่อนสายฯ ประมาณนี้ไหมครับ คำถาม ปล.ด้วยความคารวะในมิตรอักษรครับ หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 25 เมษายน 2012, 09:49:AM ......นมัสการพลันเพ่งด้วย.................ปริศนา ..."สุภัททะ"ซึ่งองค์พระพุทธา..............บวชให้ ...ปัจฉิมสงฆ์แห่งศาสดา....................ก่อนดับ...ขันธ์นา ...เพราะท่านคือเวไนย.......................สงบพร้อมเรียนธรรม สุภัททะ,(ปัจฉิมสาวก)สาวกที่พุทธองค์บวชให้องค์สุดท้าย ปัจฉิมสักขิสาวก (สาวกผู้ทันเห็นองค์สุดท้าย) ของ พระพุทธเจ้าเรียกสั้น ๆ ว่า ปัจฉิมสาวก เดิมเป็นพราหมณ์ ตระกูลใหญ่. ต่อมาออกบวชเป็นปริพาชก อยู่ในเมืองกุสินารา ในวันที่ พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน สุภัททปริพาชกได้ยินข่าว แล้วคิดว่า ตนมีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง อยากจะขอให้พระพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรม เพื่อแก้ข้อสงสัยนั้นเสียก่อนที่จะปรินิพพาน จึง เดินทางไปยังสาลวัน ตรงไปหาพระอานนท์ แจ้งความประสงค์ ขอเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระอานนท์ได้ห้ามไว้ เพราะเกรงว่า พระองค์เหน็ดเหนื่อยอยู่แล้ว จะเป็นการรบกวนให้ทรงลำบาก สุภัททปริพาชกก็คะยั้นคะยอจะขอเข้าเฝ้าให้ได้ พระอานนท์ก็ ยืนกรานห้ามอยู่ถึง ๓ วาระ จนพระผู้มีพระภาคทรงได้ยินเสียง โต้ตอบกันนั้น (ด้วยสุภัททะนั้นเป็นเวไนยของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เป็นเวไนยของพระสาวก สาวกทั้งหลายไม่อาจแนะนำ สุภัททะนั้นได้) จึงตรัสสั่งพระอานนท์ว่า สุภัททะมุ่งหาความรู้ มิใช่ประสงค์จะเบียดเบียนพระองค์ ขอให้ปล่อยให้เขาเข้าเฝ้าเถิด สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้าแล้วทูลถามว่า สมณพรามหณ์เจ้าลัทธิที่มี ชื่อเสียงทั้งหลาย คือ เหล่าครูทั้ง ๖ นั้น ล้วนได้ตรัสรู้จริงทั้งหมด ตามที่ตนปฏิญญา หรือได้ตรัสรู้เพียงบางท่านหรือไม่มีใครตรัส รู้จริงเลย พระพุทธเจ้าทรงห้ามเสียและตรัสว่าจะทรงแสดงธรรม คือ หลักการหรือหลักความจริงให้ฟัง แล้วตรัสว่า อริยมรรคมีองค์ ๘ หาไม่ได้ในธรรมวินัยใดสมณะ (คืออริยบุคคลทั้ง ๔) ก็หาไม่ได้ ในธรรมวินัยนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยใด สมณะ ก็หาได้ในธรรมวินัยนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยนี้ สมณะทั้ง ๔ จึงมีในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่น ๆ ว่างจากสมณะ และ ตรัสสรุปว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจาก พระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อจบพระธรรมเทศนา สุภัททปริพาชก เลื่อมใสทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธเจ้าตรัสสั่งพระอานนท์ ให้บวชสุภัททะในสำนักของพระองค์ โดยประทานพุทธานุญาต พิเศษให้ยกเว้นไม่ต้องอยู่ติตถิยปริวาส ท่านสุภัททะบวชแล้วไม่นาน (อรรถกถาว่าในวันนั้นเอง) ก็ได้บรรลุอรหัตตผล นับเป็นพุทธ ปัจฉิมสักขิสาวก(ปัจฉิมสาวก). บุรพกรรมของสุภัททะ ได้ยินว่า ในอดีตกาล สุภัททปริพชกนั้น เมื่อน้องชายให้ทานอัน เลิศถึง ๙ ครั้ง ในเพราะข้าวกล้าครั้งหนึ่ง, ไม่ปรารถนาเพื่อจะให้ ท้อถอยแล้ว ได้ให้ในกาลเป็นที่สุด. เพราะฉะนั้น จึงไม่ได้เพื่อจะเฝ้าพระศาสดา ทั้งในปฐมโพธิกาล ทั้งในมัชฌิมโพธิกาล, แต่ว่าในปัจฉิมโพธิกาล ในเวลาเป็นที่ ปรินิพพานแห่งพระศาสดา หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 25 เมษายน 2012, 10:37:AM อมฤตธรรมโปรดเปลื้อง ตัณหา
อภิฆาตอวิชชา หม่นไหม้ ทรงตรัสหยุดองคุลิมาล์ ทำบาป ด้วยพระธรรมนั้นไซร์ อยากให้เทศนาฯ หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 25 เมษายน 2012, 11:40:AM ...ถามบ้างนะคะ...... ......คือ..ราชินีจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ...เรืองอำนาจเหนือราชันย์คู่หมั้นหมาย ...ครองพาราดุจเมืองแมน..แดนทะเลทราย ...แต่.....สุดท้ายถูกเกลื่อนกลบ...ลบพระนาม หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 25 เมษายน 2012, 12:36:PM พระนางคลีโอพัตราน่าจะใช่ เพราะพระทัยเข้มแข็งน่าเกรงขาม แต่ตัณหาพาชีวิตหลงผิดตาม วรกายงามหากเหี้ยมโหดโดนโทษทัณฑ์ หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 25 เมษายน 2012, 01:56:PM ......"ฮัทเชปซุท"....ขัตติยาฟาโรห์อิตถี ...มนัสวีเปรื่องปราดทั้งศาสตร์และ...ศิลป ...ยุคสมัยน้อยศึกบุก...รุกแผ่นดิน ...ด้วยเทพินเชี่ยวปรีชา..เหนือกว่า...........ชาย ฟาโรห์หญิง ฮัตเชปซุต (Hatshepsut ) สตรีผู้ทรงอำนาจคนแรกแห่งโลกโบราณ ราชินีฮัตเชปซุต (Hatshepsut ):ทรงครองราชย์ในปีที่1505 - 1484 ก่อน ค.ศ.พระนางฮัตเชปซุตเป็นพระราชธิดาของฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 1 กับพระราชินีอาโมซิสโดยพระนามฮัตเชปซุต มีความหมายว่า " ยอดขัตติยา " เนื่องจากราชินีอาโมซิสไม่มีพระโอรส ดังนั้นสิทธิในราชบัลลังก์จึงตกอยู่กับโอรสของทุตโมซิสที่ 1 กับพระชายารองที่ชื่อ มุทโนเฟรท (Mutnofret) และในปีที่ 1519 ก่อน ค.ศ. ก็ทรงขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 2 โดยอภิเษกกับเจ้าหญิงฮัตเชปซุต ซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดา ตามประเพณีของอียิปต์เพื่อรัหษาสายเลือดอันบริสุทธิ์ของพระราชวงศ์ ทุตโมซิสที่2 เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอและไม่มีความสามารถในการรบหรือการปกครองเท่าพระบิดา อำนาจในการบริหารงานจึงตกอยู่ในมือราชินีอันที่จริงนั้นพระนาสงฮัตเชปซุตก็เคยช่วยพระบิดา บริหารราชกิจมา บ้างตั้งแต่ยังเป็นเจ้าหญิงหลังจากครองราชย์เพียง14 ปี ฟาโรห์ทุตโมซิสที่2 ก็สวรรคตโดยไม่มีโอรส กับพระนางฮัตเชปซุต มีเพียงพระธิดา คือเจ้าหญิงเนเฟอร์รูเร(Neferure)เท่านั้น ฟาโรห์ทุตโมซิสที่2ทรงมีโอรสกับพระชายารองที่ชื่อ ไอซิส อีกหนึ่งองค์คือ เจ้าชายทุตโมซิส เนื่องจากเจ้าชายทุตโมซิสยังทรงพระเยาว์มาก ดังนั้นพระนางฮัตเชปซุตผู้มีศักดิ์เป็นป้าจึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทน และหลังจากกุมอำนาจได้หลายปีด้วยความทะเยอทะยานพระนางจึงตัดสิน พระทัยขึ้นเป็นฟาโรห์ปกครองอียิปต์ในที่สุด พระนางได้ประกาศองค์เป็นธิดาผู้เป็นที่รักของสุริยเทพอามอน - รา เพื่อสร้างความชอบธรรมในการครองบัลลังก์ นอกจากนี้พระนางยังทรงสร้างเสาโอบีลิคส์ซึ่งเป็นแท่งหินสูงสามสิบเนตรมียอดหุ้มด้วย เงินผสมทองคำและสลักเรื่องราวของพระนางลงไป นอกจากนี้เวลาปรากฏองค์ต่อหน้าสาธารณชนพระนางจะสวมเครื่องทรงของบุรุษ และมีเคราปลอมสวมอยู่ทำให้รูปสลักของพระนางมีเคราเหมือน ผู้ชาย ตลอดรัชสมัยของฮัตเชปซุตแผ่นดินอียิปต์สงบร่มเย็นมีเพียงสงครามย่อยๆในนูเบียและคาบสมุทรไซนายอย่างละครั้งเท่านั้น ในยุคนี้ได้ชื่อว่าเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองทางการค้าและศิลปะ พระนางได้ส่งกองเรือไปสำราจดินแดนพันต์ (Punt) ซึ่งอยู่ตอนในของอาฟริกาและนำสินค้ามีค่าต่างๆกลับมาสู่อียิปต์ พระนางฮัตเชปซุตมีเสนาบดีคู่พระทัยชื่อว่าเซเนมุท(Senemut) ซึ่งเป็นผู้ดูแล เจ้าหญิงเนเฟอร์รูเร และเชื่อกันว่าเป็นชู้รักของพระนางอีกด้วย เซเนมุทเป็นสถาปนิกที่มีความสามารถและเป้นผู้ออกแบบสิ่งก่อสร้างในรัชสมัยนี้รวม ทั้งมหาวิหารเดียร์-เอล-บาห์รี ที่งดงามไม่แพ้มหาวิหารอาบูซิมเบล พระนางฮัตเชปซุตยังดูแลเจ้าชายทุตโมซิสเป็นอย่างดีและเมื่อเจ้าชายเจริญวัยขึ้น พระนางก็ได้แต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพอีกด้วยและแล้วในปีที่22 ของการครองราชย์ ฟาโรห์ฮัตเชปซุตก็หายสาปสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์อย่างลึกลับ รวมทั้งเซเนมุทเสนาบดีคู่พระทัย โดยไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น กับทั้งสอง บางทีทั้งคู่อาจถูกกำจัดไปโดยฝ่ายของทุตโมซิสที่3 ซึ่งกำลังเรืองอำนาจหรือไม่เช่นนั้นพระนางก็อาจสละราชสมบัติและหนีไปกับเซเนมุทก็เป็นได้ หลักฐานและบันทึกเกี่ยวกับพระนางถูกทำลาย จนแทบไม่มีอะไรเหลือ โดยฟาโรห์ทุตโมซิสที่3 ซึ่งไม่พอพระทัยที่ต้องทรงอยู่ในอำนาจของพระนางมาเป็นเวลานาน อ้างอิงจากwww2.se-ed.net By Herodotus หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 27 เมษายน 2012, 11:10:AM โอ้ ตัวข้ายังขัดข้อง สงสัย
คำตอบ คือผู้ใด แน่แท้ “ไร้เงา” โปรดแจงไข ให้กระจ่าง เถิดนา ประเด็นถกมิชัดแล้ อ่านแล้วยังงง(งงๆ) สาวกองค์สุดท้าย แห่งเพ็ญ (เดือน)หกนา คือสิ่งคือประเด็น คับข้อง อีกประสงค์ใคร่ขอเป็น เกณฑ์หลัก “ตรวจสอบ – อ้างอิง” ต้อง ชัดแจ้ง – (ขอ)ขอบคุณ หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 27 เมษายน 2012, 11:15:AM ขอโทษครับ
คุณ "ไร้นาม" งงๆ ไปหน่อย เลยผิดพลาดไปเปลี่ยนนาม ส่งแล้วไม่รู้วิธีลบ ขอโทษอีกครั้งครับ หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 27 เมษายน 2012, 02:29:PM กิเลสขุ่นขาดขึ้ง ฉับพลัน
พระสุภัททะบรร- จบแจ้ง จิตจดจ่อพระธรรม์ พระโลก- นาถนอ โลภโกรธหลงมลายแล้ง บวชท้ายเทศนาฯ ไม่ว่าหรอกหากพลั้ง เรียกผิด เพียงชื่อเชื้อเชิญมิตร ร่วมร้อย ร่วมสานร่วมลิขิต โคลงกาพย์ กลอนนา ร่วมสดับสลักสถิตถ้อย ถักร้อยรอยศิลป์ emo_85 emo_85 emo_126 emo_126 หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: averahontu ที่ 28 เมษายน 2012, 10:31:AM ตั้งปัญหามาทายสนุกสนาน
แต่ตำนานบางเรื่องยังสงสัย ปี ๒๕๐๖ ที่เมืองไทย มีอินเตอร์เน็ตไฉนเราไม่รู้ จึงขอถามสองข้อขอคำไข พ.ศ.ไหนมีเน็ตครับคุณปู่ ไทยมีเว็บ พ.ศ.ไหนครับคุณครู ขอถามดูอย่างนี้ได้ไหมเอย emo_51 หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 28 เมษายน 2012, 03:05:PM (คศ) 90 โลกได้ท่อง อินเตอร์ เน็ตนา
(คศ) 96 ไทยมิเผลอ ร่วมใช้ ดีใจที่ท่านเจอ ข้อผิด ท้วงทักอีกเย้าให้ แสบซึ้งทรวงหนอ ขอโทษยิ่งที่ข้าฯ ขาดระวัง สารสื่อผิดอย่างจัง ยากแก้ (คศ) 2006 พบพลัง ผองเพื่อน กวีนา อุ้มโอบอารีแล้ สุขแท้ ขอบคุณ ขอบคุณผองเพื่อน siampoetry.com หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 16 มิถุนายน 2012, 10:42:PM .........................เกริ่นนำ
ร่ายสุภาพ ข้าฯ ประสงค์ทำหนังสือ......ชื่อ “ร้อยกรองประลองคิด” จิตจึงหวังเพื่อนช่วย..........แลด้วยความเอื้อเฟื้อ รักช่วยเหลือของกวี...........ณ ที่นี้...ขอบคุณ ท่านเจือจุนตอบโจทย์........ยังประโยชน์สืบสาน กลอนกานท์ภาษาไทย.......ขจรไกลรุ่งเรือง ประเทืองด้วยความรู้..........ศาสตร์ศิลป์สู้เขาได้ แม้คำไขจักเป็น...............อย่างที่เห็น...กาพย์กลอน ท่านมิถอนกำลังใจ ด้วยเชื่อในเมตตา.............บ้างข้าฯ แต่งแปลงใหม่ ขอเพื่อนให้อนุญาต...........ปรับเขียนวาดจัดทรง เหมาะสมตรงหลักเกณฑ์......แต่มิเจนจัดแล้ หวังเพื่อนแนะ ติ แก้...........สื่อให้อร่ามแท้...งามเฮย หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 17 มิถุนายน 2012, 08:44:PM ...........................คำชี้แจง
ร่ายสุภาพ ....หนังสือนี้อาจประหลาด........ผิดคาดจากเคยเห็น ด้วยจำเป็นให้ “คิด”...............จึงซ่อนปิดคำเฉลย มิให้เผยโดยง่าย อีกหวังขยายแนวร่วม...............เป็นแหล่งรวมคนขยัน ผู้พิถีพิถัน “คิด-ทำ”................แม้ตรากตรำงานหนัก ก็มิพักย่อท้อ.........................มุ่งมั่นก่อกรรมดี ตระหนักศักดิ์ศรีแห่ง “ฅน” บังเกิดผล “คิดเป็น”................จิตสว่างเห็นมรรคแท้ พ้นยึด “ตัวตน” แล้..................สุขได้สงบเสมอ หัวข้อ: Re: ร้อยกรอง ประลองคิด เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 11 กันยายน 2013, 04:12:PM ในที่สุดก็ครบ ๑๐๐๐ ขอบคุณเพื่อนทุกคนครับ
....คราครั้งเข้าสู่บ้าน.............กลอนไทย แรกเริ่มปุจฉาไป...................ใคร่รู้ ปริศนาอนุญาตไหม..............วานบอก จักร่ายเปิดประลองผู้.............ว่างเว้นฝึกสมอง ....เชิญลองแนวใหม่ให้..........คึกคัก แสดงแจ่มปัญญาประจักษ์......ทุกด้าน ทั้งศิลป์ศาสตร์ทราบหลัก.......แกนแก่น ร่วมสนุกถกรับ-ค้าน...............เปิดกว้างพร้อมฟัง ....พลังปัญญาพรักพร้อม........ธรรมา แน่!เปลี่ยนหล้าโลกา............เลิศล้ำ แสงสูรย์ส่องอวิชชา..............พลันดับ ลุกระจ่างในธรรมค้ำ..............ทุกผู้ประสบสันต์ |