หัวข้อ: คำเทศน์ของพระพยอม (เวอร์ชั่นมันส์ๆ...) สนุกๆ ได้แง่คิด เริ่มหัวข้อโดย: หนามเตย ที่ 21 เมษายน 2012, 03:12:AM ใส่บาตรวันเกิด
เหล้ากินเข้าไปแล้วก็ขาดสติ...มีเรื่องเล่า ว่า วันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง กลางคืนเลี้ยงฉลองร่ำสุรากันเต็มที่..เมาแประ..รุ่งเช้าอยากใส่บาตรทำบุญเอา ฤกษ์ ขณะตักข้าวจะใส่บาตร ด้วยความเมาทำข้าวหก หมาก็วิ่งกรูกันเข้ามาแย่งกันกินข้าว กัดกันเจี๊ยวจ้าวพันแข้งพันขาจนเดินไม่ได้.. ด้วยความโมโห..เงื้อเท้าเตะหมาเต็มแรง...หมามันก็หลบทัน แต่พระหลบไม่ทัน โดนหน้าแข้งเต็มๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ร่วมแย่งข้าวด้วยสักหน่อย ขณะใส่บาตร..รู้สึกว่ากับข้าวที่เตรียมไว้ ไม่พอดีกับพระ แกตะโกนเรียกหลานลั่นเลย.... "อีหนู เอาปลาทูมาอีกสององค์ วันนี้พระมาสี่ตัว..." เหล้ามันทำให้คนกิน..ไม่เป็นผู้เป็นคน..พูดผิด..คิดผิด ทำผิด แล้วยังจะกินมันอยู่อีกหรือ........ ??? ล้างแค้น... มือ ปืนเมืองเพชร...เมาแอ๋เข้ามาหาพระมันชูปืนขึ้น..แล้วเดินเป๋เข้ามา หลวงพี่ก็เลยโดดหลบเข้าข้างเสา เพราะพระก็เสียวเป็นเหมือนกัน... มันบอกว่า..หลวงพี่ต้องเป็นพยานให้ผมด้วย... ไอ้แคล้วมันฆ่าพ่อผมตาย..ผม ขอสาบานต่อหน้าพระว่า..ผมจะต้องล้างแค้นให้พ่อผมให้ได้... ถ้าผมฆ่าไอ้แคล้วไม่ได้..ชีวิตนี้นอนตาไม่หลับ หลวงพี่โผล่ออกมาจากเสา..แล้วบอกว่า..สาธุ..ขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วยที่คิด จะล้างแค้น คนทั้งศาลาหันมามองหน้าพระเป็นตาเดียว... โธ่...ก็มันถือปืนส่ายอยู่อย่างนั้นจะให้พระทำยังไง... น่าจะเห็นใจพระบ้างนะ....อาตมาก็พูดกับมือปืนต่อว่า.... ล้าง..หมายถึง..ทำให้สะอาด การล้างแค้นเป็นเรื่องดี เรามีความแค้น...แสดงว่า..ความแค้นมันมาเปื้อนจิตใจเรา.. การล้างแค้น...คือล้างที่จิตใจของเราให้สะอาด..ให้ความแค้นมันหมดไปจากใจ เรา... การไปยิงเขาตายอีก...เป็นการเพิ่มความแค้น.... ลูกหลานเขาก็ตามจะมายิงมาฆ่าเราอีก..วนเวียนอย่างนี้ไม่จบสิ้น การล้างแค้น..จึงเป็นการอโหสิกรรม..หมดเวรหมดกรรม อาตมาจึงขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วย...พูดเสร็จพระก็หลบไปยืนบังเสาไว้ พระไม่กลัวมันหรอก..แต่พระไม่ประมาท โสเภณีที่รัก วัน หนึ่งมีคนมานิมนต์ให้ไปเทศน์ให้โสเภณีฟัง ตั้งแต่บวชมา..เพิ่งจะเจอครั้งนี้แหละ...มันเทศน์ยากพิลึก พอไปถึงทุกคนมองพระเหมือนตัวประหลาด ...เข้ามาทำไมวะเนี่ย พอนั่งปุ๊บ..มองไปรอบๆ..ไม่มีใครสนใจสักคน.... คิดในใจว่า.. จะเอาสูตรไหนมาเทศน์สู้กับมันดีวะเนี่ย ..... ทำใจดีสู้เสือ..เริ่มต้นคำแรกว่า.... "สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง..".... ได้ผลแฮะ...ได้ผลดีเกินคาด ทุกคนหันมามอง ตั้งใจฟังหูผึ่งว่าพระจะพูดอะไรต่อ....ได้โอกาส..พระเลยปล่อยไม้เด็ดเลย สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง..ผู้ขายของเก่ากินโดยไม่ต้องลงทุน เมื่อน้องหญิงอยู่ที่บ้าน....คนทั่วไปจะเรียกน้องหญิงอย่างยกย่องว่า.. กุลสตรี...ยกย่องว่าเป็น เพศแม่แต่พอน้องหญิงมาอยู่ในสถานที่อย่างนี้ ความเป็นกุลสตรีความสูงส่งของเพศแม่มันถูกทำลายไป เขาเรียกน้องหญิงว่า...อีตัว.... เวลาเขาจะหาความสุขจากเรือนร่างเธอ.. เขามารับเธอไป..เขาไม่ได้พูดให้เกียรติเธอเลย... แทนที่เขาจะบอกว่า..มาเชิญเธอไป..เขากลับใช้คำว่า..หิ้วไป ใช้คำว่า..หิ้ว...เห็นเราเหมือนเป็ดเหมือนไก่..ไม่ให้เกียรติเราเลย... เราน่าจะกลับไปอยู่บ้าน...ใช้ชีวิตทำมาหากินเหมือนเดิม.. ถึงแม้จะไม่ร่ำรวยแต่เราก็อยู่อย่างมีเกียรติ... ทุกคนนั่งนิ่ง..ทำตาแดงๆ เป็นโอกาสดีของพระแล้วที่จะดึงเธอมาเป็นพวก..จึงสนทนาสอบถามเพื่อผ่อนคลาย บรรยากาศ น้องหญิงหลายคนสักตุ๊กแกไว้ที่ต้นแขน..สักทำไมหรือ.. อ๋อ..เวลาผู้ชายมาใช้บริการ..จะได้จับผู้ชายให้ติด...เพราะตุ๊กแกขามัน เหนียวเกาะแน่น..แกะไม่หลุด โอ..หลักการดี..อาตมาเลยแกล้งหยอกไปว่า... ตุ๊กแกมันเกาะแต่ผู้ชายอย่างเดียวหรือ...มันเกาะเอาซุปเปอร์โกโนเรียมาด้วย หรือเปล่า...... ทุกคนเงียบกริบ รอยยิ้มเริ่มหายไป...บรรยากาศชักไม่น่าลงทุนแล้ว.... อาตมาเลยถามต่อ....อ้าว..แล้วบางคนที่สักขอกับเคียวไว้ที่ต้นแขนล่ะ.... มีความหมายว่าอย่างไรก็เอาไว้เกี่ยวสตางค์จากกระเป๋าคนมาเที่ยวไง....... เออ..คนเรานี่มันโง่ดี..ถ้าสักขอกับเคียวแล้วมันเกี่ยวสตางค์ได้จริง... คนไทยทั้งประเทศไม่ต้องมัวเหนื่อยไปทำมาหากินหรอก...สักขอกับเคียวไห้เต็ม ตัวก็รวยแล้ว เทศน์รอบดึก มีอยู่รายการหนึ่ง เขาจัดงานหารายได้เข้ามัสยิด... นิมนต์พระพยอมมาช่วยเทศน์ดึงคนให้หน่อย..เพราะช่วงที่กำลังดังนี้ เทศน์ทีมีคนฟังเป็นหมื่น..พอประกาศชื่อพระพยอมคนสนใจมาก เขาจัดโปรมแกรมให้พระพูดตอนดึก 5 ทุ่ม พระก็อยากพูดเร็วๆ พูดเสร็จจะได้รีบกลับ... เขาบอกว่า..ไม่ได้..ถ้าท่านกลับ..คนก็กลับกันหมด.. หอยทอด โรตี..ไก่ย่าง..ยังขายไม่หมดเลย.. เดี๋ยวท่านรอให้ขาย หอยทอด โรตี ไก่ย่างหมดก่อน..ค่อยขึ้นเทศน์ กรรมของพระ...ไม่ควรดังเลยเรา.... เจ๊กหมดทุนเจ๊กหมดทุน..... มีชายคนหนึ่งอยู่สุไหงโกลก..ชื่ออาฮัง.. อาฮังหรือ..เจ๊กฮัง..ค้าขายขาดทุนปีเดียวสามสี่แสนบาท.... ไม่เป็นอันทำมาหากินเลย..พอขาดทุนสี่แสนก็มานั่งทำท่าเหมือนลิงป่วย..... หมดแรง..หมดอาลัยตายอยาก.... พูดพร่ำอยู่คำเดียวทั้งวัน...อั๊วขาดทุนหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว จนญาติๆระอา...ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหามมาส่งที่วัดสวนโมกข์... อาตมาอยู่สวนโมกข์ได้ 7 ปีพอดี ปรากฏว่า..มันก็มานั่งที่ตรงหินโค้ง...นั่งเป็นทุกข์ในท่าเจ๊กหมดทุนท่าเดิม... นั่งบ่น..อั๊วเจ๊งหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว........ อาจารย์พุทธทาสก็เลยเข้าไปถามว่า.... ฮัง...ลื้อขาดทุนแน่หรือ.... แน่ซิครับ...สี่แสนปีเดียวหมดเกลี้ยง..ผมขาดทุนย่อยยับหมดเลย.... คิดให้ดี...ขาดทุนจริงๆนะเหรอ.... จริงซิครับ...อย่ามาถามยั่วโทสะผมนะ...... อาจารย์พุทธทาสก็เลยถามต่อว่า...โยมอาฮัง... ที่ลื้อบ่นขาดทุน..ขาดทุนนี่..ลื้อเกิดมาลื้อมีทุนติดตัวมาเท่าไร....... วันที่ลื้อเกิดมานะ อาฮังนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง..เอ๊ะ..ใครมันจะไปดึงทุนออกมาจากท้องแม่ได้ในวันเกิดนะ พระนี่ถามอะไรแปลกๆ... อาฮังตอบว่า ..ไม่มี.. อาจารย์พุทธทาสท่านก็ถามต่อ...เดี๋ยวนี้หม้อหุงข้าวลื้อมีไหม... หม้อหุงข้าวมี.. เสื้อผัามีใส่ไหม... มี... บ้านมีอยู่ไหม...... มี... ถามอะไรต่อมิอะไร..มันก็ตอบว่า..มีๆๆ... อาจารย์พุทธทาสท่านจึงบอกว่า ..อาฮัง...ลื้อไม่ได้ขาดทุนหรอก เพียงแต่กำไรมันลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้น. ที่มา Mail transferts |