หัวข้อ: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 09 เมษายน 2012, 11:27:PM บางครั้งผมก็แต่งกลอนไม่ออก ได้แต่ตามอ่านงานของคนอื่น บางทีก็นั่งคัดลอกงานเก่า ๆ ของกวีที่นับถือ เผื่อเกิดแรงบันดาลใจได้บ้าง บางบทก็กระทบใจอยากนำมาให้มิตรรักแฟนกลอนได้อ่านบ้าง ก็นำมาลงในห้องรวบรวมบทกลอน,บทกวีกลอนจากที่อื่น (http://www.klonthaiclub.com/index.php?board=22.0) แต่ก็ประสบปัญหาว่าจะลงกระทู้ไหนดีระหว่าง
ด้วยจิตคารวะ (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=7646.0) กับ บทกวี...ที่ฉันชอบ (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=7748.0) เพื่อน ๆ เคยประสบปัญหานี้ไหมครับ คิดว่าคงมีหลายคนเชียวหละ เพราะผมเปิดย้อนหลังไปอ่านตั้งแต่ต้นกระทู้ อ่านทุกความเห็น ได้รับทราบรสนิยมกลอนของแต่ละคน แต่ก็สังเกตเห็นว่าบทกวีบางบท ได้รับความนิยม ถูกนำมาลงซ้ำในกระทู้เดิม หรือบางทีก็ลงทั้งสองกระทู้ ก็มี คิด ๆ ไปก็น่ามึนหัว ไม่ทราบว่าใครพอจะช่วยหน่อยได้ไหมครับ ว่าควรเลือกลงอย่างไรดีระหว่าง กระทู้ด้วยจิตคารวะ กับ กระทู้กวี...ที่ฉันชอบ ยิ้มเหงาวันงง ๆ ครับ emo_94 (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) (http://inthanon.sadoodta.com/scoop/data/upimages/3.jpg) หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 10 เมษายน 2012, 12:01:AM (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) (http://inthanon.sadoodta.com/scoop/data/upimages/3.jpg) ภาพนี้ยิ่งใกล้ดูเหมือนยิ่งไกล ยิ่งไกลก็ดูเหมือนยิ่งไกลเข้าไปอีก มีเมฆ หมอกคลุม บางช่วงก็สว่าง ตามแนวทางก็ลุ่มๆดอนๆ เปรียบเหมือนกราฟชีวิต เอิ๊กก (ไม่เกี่ยวกะบทประพันธ์ใดๆเลย) การลงบทประพันธ์ซ้ำในส่วนตัว ก็คิดว่าดีนะคะ คล้ายๆเป็นการทบทวนใหม่ในส่วนที่ชอบ หรืออยากเน้นย้ำความสำคัญ ส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระ หรือความบันเทิงก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล ฮา...ก็ว่าไปเรื่อยค่ะ ขอให้ทุกท่านหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ครับผ๊มemo_47 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 10 เมษายน 2012, 12:28:AM ร่ายกาพย์ไม่ถนัด ด้วยอ่อนหัดอาจพลัดหลง
ฟังครูหดหู่ปลง จึงบรรจงจรรโลงใจ ศิลป์ดีวจีนั้น มันปลุกปั้นโลกสดใส ครูช่วยสร่างโดยไว บ้านกลอนไทยคงงดงาม ช่วยวาดศาสตร์ชั้นเอก ช่วยปลุกเสกจนล้นหลาม ผมจักคอยติดตาม ทุกถ้อยความทุกโคลงกลอน ถ้านำกลอนเก่าอ้าง มาซ้ำบ้างดังกาลก่อน ถ้าเพื่อทวนคำสอน ท่านจงหย่อนได้ทุกมุม หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: เอ๊พ ที่ 10 เมษายน 2012, 07:18:AM แวะกระทู้”น้อมเคารพนพจิต”ก่อน ด้วยบทกลอนน้อยกว่ามาสร้างสรรค์ แล้วจึงรวมสรรพมุขคำจำนรรจ์ “บทกวีคัดสรรฉันชอบใจ” บอร์ดรวมแต่งกลอนของที่นี่ ผมเปิดคลิกนักกวีร่วมสมัย ได้บันเทิงเอิบอิ่มอรทัย เป็นครูใหญ่ชี้นำมิล้ำเลือน emo_106 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: บูรพาท่าพระจันทร์ ที่ 10 เมษายน 2012, 10:36:AM emo_89 คารวะปะปนระคนชอบ ใคร่รวมตอบมอบฤทัยให้เสมือน รักเพ็ญแขชะแง้ดาวพร้อมสาวเดือน เป็นคู่เตือนเพื่อนปองครองอุรา คงไม่มากหากใจใฝ่กระสัน ซ้ายโอบจันทร์ขวัญดาวเบื้องราวขวา เฝ้าประโลมโฉมฤทัยดุจนัยนา แนบสุดาพาคู่สองประคองนอน... emo_126 บูรพาท่าพระจันทร์ หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 10 เมษายน 2012, 10:55:AM ...เสมือนเพลง ฟังใหม่ ไม่ต้องเลือก อย่าทนเกลือก กลิ้งกรน บนใบหมอน จังหวะเล่น เต้นไป ไม่ต้องงอน เดี๋ยวก็มี ศรีสมร มาอ้อนอิง... ...ให้มีจิต รักใคร ใหม่ทุกครั้ง แต่ก็อย่า จริงจัง เพียงฟังหญิง ยามเธออ้อน ขอใจ ไว้พักพิง ไม่จำเป็น ต้องวิ่ง หนีทิ้งกานท์.. รัตนาวดี emo_60 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 12 เมษายน 2012, 05:05:PM (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) ([url]http://inthanon.sadoodta.com/scoop/data/upimages/3.jpg[/url]) ภาพนี้ยิ่งใกล้ดูเหมือนยิ่งไกล ยิ่งไกลก็ดูเหมือนยิ่งไกลเข้าไปอีก มีเมฆ หมอกคลุม บางช่วงก็สว่าง ตามแนวทางก็ลุ่มๆดอนๆ เปรียบเหมือนกราฟชีวิต เอิ๊กก (ไม่เกี่ยวกะบทประพันธ์ใดๆเลย) การลงบทประพันธ์ซ้ำในส่วนตัว ก็คิดว่าดีนะคะ คล้ายๆเป็นการทบทวนใหม่ในส่วนที่ชอบ หรืออยากเน้นย้ำความสำคัญ ส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระ หรือความบันเทิงก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล ฮา...ก็ว่าไปเรื่อยค่ะ ขอให้ทุกท่านหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ครับผ๊มemo_47 emo_126 ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ ภาพนี้ให้ความคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง จะไม่ลองแต่งกลอนบรรยายภาพสักบทหรือครับ? emo_85 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 12 เมษายน 2012, 05:12:PM ร่ายกาพย์ไม่ถนัด ด้วยอ่อนหัดอาจพลัดหลง ฟังครูหดหู่ปลง จึงบรรจงจรรโลงใจ ศิลป์ดีวจีนั้น มันปลุกปั้นโลกสดใส ครูช่วยสร่างโดยไว บ้านกลอนไทยคงงดงาม ช่วยวาดศาสตร์ชั้นเอก ช่วยปลุกเสกจนล้นหลาม ผมจักคอยติดตาม ทุกถ้อยความทุกโคลงกลอน ถ้านำกลอนเก่าอ้าง มาซ้ำบ้างดังกาลก่อน ถ้าเพื่อทวนคำสอน ท่านจงหย่อนได้ทุกมุม ยากกล่าวทุกคราวกลอน จะสุนทรหรือสุมทุม ยากเข็นประเด็นคุม ทุกเรื่องราวให้เรืองไร อ่านที่กวีท่าน ผู้ชำนาญเจียรนัย คารมที่เรียงราย ชวนกระตุ้นให้ต่อเติม ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น ... กาพย์น่ารัก ๆ เขียนได้ยาว ๆ แต่วันนี้กลับเขียนได้สั้น แหะๆ หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 12 เมษายน 2012, 05:15:PM แวะกระทู้”น้อมเคารพนพจิต”ก่อน ด้วยบทกลอนน้อยกว่ามาสร้างสรรค์ แล้วจึงรวมสรรพมุขคำจำนรรจ์ “บทกวีคัดสรรฉันชอบใจ” บอร์ดรวมแต่งกลอนของที่นี่ ผมเปิดคลิกนักกวีร่วมสมัย ได้บันเทิงเอิบอิ่มอรทัย เป็นครูใหญ่ชี้นำมิล้ำเลือน emo_106 เช่นเดียวกันกับผมนั่นแหละครับ พอจะจับกลอนดีให้ดีเพื่อน ต้องอ่านของเก่าเอามาเตือน ตนแต่งเหมือนตามเก่าพอเอาชัย บางทีก็อ่านกลอนของคนอื่น พอชุ่มชื่นกระตุ้นจิตพิสมัย จึงแต่งตามงามศรีก็ดีใจ มีครูใหญ่้ช้ำนำแก้คำกลอน emo_126 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 12 เมษายน 2012, 05:17:PM emo_89 คารวะปะปนระคนชอบ ใคร่รวมตอบมอบฤทัยให้เสมือน รักเพ็ญแขชะแง้ดาวพร้อมสาวเดือน เป็นคู่เตือนเพื่อนปองครองอุรา คงไม่มากหากใจใฝ่กระสัน ซ้ายโอบจันทร์ขวัญดาวเบื้องราวขวา เฝ้าประโลมโฉมฤทัยดุจนัยนา แนบสุดาพาคู่สองประคองนอน... emo_126 บูรพาท่าพระจันทร์ เป็นคำตอบที่ดีที่น่ารัก ผมก็จักนำไปใช้กับสมร ทั้งสองศรีมีเสน่ห์เล่ห์สุนทร จะแปะกลอนสองกระทู้ชื่นชูชม ขอบคุณครับ emo_100 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 12 เมษายน 2012, 05:21:PM ...เสมือนเพลง ฟังใหม่ ไม่ต้องเลือก อย่าทนเกลือก กลิ้งกรน บนใบหมอน จังหวะเล่น เต้นไป ไม่ต้องงอน เดี๋ยวก็มี ศรีสมร มาอ้อนอิง... ...ให้มีจิต รักใคร ใหม่ทุกครั้ง แต่ก็อย่า จริงจัง เพียงฟังหญิง ยามเธออ้อน ขอใจ ไว้พักพิง ไม่จำเป็น ต้องวิ่ง หนีทิ้งกานท์.. รัตนาวดี emo_60 ฟังเพลงใหม่ใจนึกต้องศึกษา มิใช่ว่าตามใจให้ฟุ้งซ่าน มิเช่นนั้นจะมิเป็นอันทำงาน เป็นงุ่นง่านใจตั้งฟังแต่เพลง ต้องหัดฟังเพลงเก่าเอาไว้บ้าง ได้ศึกษาแนวทางอันคลายเคร่ง ทั้งเก่าใหม่สลับกันสรรค์ครื้นเครง หน้าจะเด้งตึงเด๊ะเป็นเดะเลย emo_85 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 19 เมษายน 2012, 10:26:AM หลังสงกรานต์ อากาศยังร้อน ร้อนมาก ๆ เสียด้วย
ขี้เกียจแต่งกลอนเลยมานั่งบ่น ในบอร์ด (ต้องขออภัย) วันนี้มีเรื่องบ่น ๒ เรื่อง ๑. การลงเสียงท้ายวรรคของกลอนสุภาพ ผมเห็นเพื่อน ๆ แต่งกลอนกันหลากหลาย ตั้งแต่กลอนสุภาพ กลอนไม่สุภาพ กลอนปล่อย จนถึงกลอนเปล่า ก็ตามอ่านด้วยความสนใจ ในลีลาอันหลากหลาย มาสะดุดส่วนมากก็คือกลอนสุภาพ ที่ละเลยกันเรื่องเสียงท้ายวรรค ไม่รู้เป็นไง มันหงุดหงิดจนต้องบ่นออกมา ใครที่เขียนกลอนปล่อย กลอนเปล่า จนถึงกลอนไร้ฉันทลักษณ์ ผมรับได้นะ และเห็นว่าหลายคนแต่งได้ดีมากเสียด้วย โดยไม่ต้องยืนบนฉันทลักษณ์เก่า ๆ ก็แสดงอารมณ์กลอนออกมาได้ดี แต่คนที่เขียนกลอนสุภาพ ตามบังคับโบราณต่างหากที่ไม่ระมัดระวัง จนทำให้ดูด้อยกว่าคนเขียนกลอนเปล่าเสียอีก (ขออภัย เป็นความเห็นส่วนตัว) ตามตำราฉันทลักษณ์ และที่ได้รับความรู้จากนักกลอนชั้นครู เสียงท้ายวรรคกลอนสุภาพ (แบบอย่างบรมครูสุนทรภู่) ต้องเคร่งครัด ท้ายวรรคที่ ๑ (วรรคสดับ) ต้องเลงเสียงเต้น นั่นหมายถึงลงได้ทุกเสียง เว้นเสียงสามัญ (ปัจจุบันอนุโลมเสียงสามัญบ้าง แต่สมัยก่อนอนุญาตใช้แต่ในกลอน ๖ เท่านั้น) ท้ายวรรคที่ ๒ (วรรครับ) - ดีที่สุดคือเสียงจัตวา รองลงมาคือ เอก-โท ส่วนเสียงตรีและเสียงสามัญนี่ห้าม (บางคนอาจจะแย้งว่าเสียงตรีอนุโลมได้ ผมก็เห็นแต่ท่านอังคารที่เล่นเสียงตรี แต่ของท่านมันไม่ใช่กลอนสุภาพอย่างสุนทรภู่แล้ว...ใครที่ถือตามแบบบรมครูสุนทรภู่จะต้องไม่ใช้เสียงตรีเด็ดขาด!) ท้ายวรรคที่ ๓ (วรรครอง) - ดีที่สุดคือสามัญ รองลงมาคือตรี ส่วนเสียง เอก,โท,จัตวา นี่ห้ามเลย ท้ายวรรคที่ ๔ (วรรคส่ง) - ดี่ที่สุดคือสามัญ รองลงมาคือตรี ส่วนเสียง เอก,โท, จัตวา ห้าม (เช่นเดียวกับวรรรอง) ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นกลอน และครูเพรางายจะไม่กด Like (ฮา) ครูบาอาจารย์บางท่านระบุเลยว่า เขียนโคลงอย่าโกงเอก-โท เขียนฉันท์อย่าโกงครุ-ลหุ เขียนกาพย์อย่าโกงคำ เขียนกลอนอย่าโกงเสียงท้ายวรรค นั่นคือเสียงท้ายวรรคจะเป็นตัวชีวัดว่านี้คือกลอนหรือเป็นคำประพันธ์ประเภทอื่น เรื่องที่ ๒ คือ การผันเสียงวรรณยุกต์ และการใช้ไม้ตรี ตามที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าพยัญชนะไทยแบ่งเป็น ๓ หมู่ (ไตรยางศ์) คือ อักษรสูง มี ๑๑ ตัว ได้แก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห อักษรกลาง มี ๙ ตัว ได้แก่ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ อักษรต่ำ มี ๒๔ ตัว ได้แก่ ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ การผันเสียงวรรณยุก - อักษรกลาง คำเป็นจะผันได้ครบ ๕ เสียง เช่น กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า (พื้นเสียงเป็นสามัญ) ส่วนคำตาย ได้ ๔ เสียง เช่น กัด กั้ด กั๊ด กั๋ด (พื้นเสียงเป็นเสียงเอก) - อักษรสูง คำเป็น จะผันได้ ๓ เสียงเท่านั้น (พื้นเสียงเป็นเสียงจัตวา) เช่น ขา ข่า ข้า ส่วนคำตายได้ ๒ เสียงเท่านั้น (พื้นเสียงเป็นเสียงเอก) เช่น ขัด ขั้ด - อักษรต่ำ คำเป็น จะผันได้ ๓ เสียงเท่านั้น (พื้นเสียงเป็นสามัญ) เช่น คา ค่า ค้า ส่วนคำตายได้ ๒ เสียงเท่านั้น แบ่งเป็น คำตายเสียงยาว เช่น คาบ (เสียงโท) ค้าบ (เสียงตรี) และคำตายเสียงสั้น เช่น คะ (เสียงตรี) ค่ะ (เสียงโท) จะเห็นว่า -อักษรสูง และอักษรต่ำ จะใส่ไม้ตรี และ ไม้จัตวา ไม่ได้เลย -อักษรต่ำ มักมีรูปวรรณยุกต์ต่างกับเสียงวรรณยุกต์ คนไทยปัจจุบันมักเขียนผิดกันเป็นประจำ โดยเฉพาะเสียงตรี เช่น น๊อต ที่ถูกคือ น็อต, คลิ๊ก ที่ถูกคือ คลิก, โน๊ตบุ๊ค ที่ถูกคือ โน้ตบุ๊ค ฯลฯ เพราะละเลยเรื่องไตรยางศ์ไป นึกกันไปว่าเสียงตรีต้องใส่ไม้ตรีกันเสียหมด ทั้งที่ไม่ใช่เช่นนั้น จึงอยากจะฝากให้เพื่อน ๆ ได้ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทย ด้วยการใช้วรรณยุกต์อย่างถูกต้องกันนะครับ กลอนสุภาพพึงผันวรรณยุกต์ ให้สนุกถูกหลักสลักเสลา ใส่ไม้ตรีถูกเสียงให้เกลี้ยงเกลา อย่าได้เหมาหมดเกลี้ยงทุกเสียงเซาะ แม้นหาคำไม่ได้มิใช่บิด ใช้คำผิดภาษาไม่น่าเหมาะ เป็นนักกลอนอย่าให้ใครมาเยาะ ช่วยกันเสาะทางถูกปลูกดีเอย ฯ กามนิต - ๑๙ เม.ย.๕๕ emo_85 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 19 เมษายน 2012, 10:53:AM (http://sl.glitter-graphics.net/pub/250/250298hh6s5repug.gif) กลอนของแซมแต่งทีไร..ใช้ใจแต่ง ภาษาไทยไม่แข็งคนบ่นขรม แต่หลงรักกลกานท์จนซานซม ไร้คนชม...เขียนกลอน...นอนอ่านเอง emo_126 แซมค่ะ ภาษาไทยแซมก็ไม่เก่ง...คำครุ-ลหุ นี่ แซมไม่เข้าใจจริงๆ.. เขียนกลอนแต่ละครั้ง แซมต้องหลับตา แล้วใช้ใจฟังว่า ทำนองใช้ได้หรือเปล่า.. เพราะฉะนั้น ถ้าแซมผิดพลาด ช่วยแนะนำแซมด้วยนะคะ.. ♥ หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 19 เมษายน 2012, 11:23:AM ผู้รักกานท์สานใส่ด้วยใจรัก แม้อาจจักใส่ลงไม่ตรงเผง แต่จังหวะใสสดแห่งบทเพลง จะบรรเลงซ่านใจผู้ได้รับ ผมอ่านงานคุณแซมแล้ว ถือว่าเข้าขั้นมาตรฐาน ไม่เคยเห็นเล่นผิดเสียงเลยนะครับ คิดว่าจังหวะและเสียงกลอนคงก้องกังวาลในหัวใจ อย่างไม่มีใครมาบิดเบือนได้แล้ว ไม่เห็นต้องเป็นห่วงตรงไหนเลยครับ การสะกดคำผิด เป็นเรื่องธรรมดา ผมเองก็ผิดเป็นประจำ เพราะดูคอมพ์มาก ๆ แล้วตาลาย ... มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลายคน ส่งหลังไมค์มาช่วยแก้ไขให้เป็นประจำ ก็ขอขอบคุณ ณ ที่นี้ครับ (ผมผิดอย่างไรก็ทักท้วงได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ) ช่วยกันขัดช่วยกันเกลา บ้านกลอนไทยของพวกเราก็จะเป็นสำนักกลอนมาตรฐานในภายหน้าครับ (ว้าว อิอิ) emo_85 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 19 เมษายน 2012, 12:49:PM ขอชื่นชมคุณแซมว่าแจ่มแจ้ง กลอนแสดงงามนักสลักศรี แม้นอายว่าภาษาน้อยไม่ค่อยดี แต่กลอนนี้ที่อ่านสำราญใจ เห็นด้วยท่านกามนิตมิตรอักษร ว่าแต่งกลอนพริ้งเพราะเสนาะใส ต้องยึดทางท่านสร้างฉันทลักษณ์ไว้ บ้านกลอนไทยเพาะกวีให้ดีจริง หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 16 พฤษภาคม 2012, 08:48:PM ไม่รู้เป็นอะไร อารมณ์เขียนกลอนหายไปหมด ยิ่งเห็นกลอนสุภาพผิดเสียงท้ายวรรคยิ่งหมดอารมณ์ ตัวอย่าง
เขียนกลอนงามตามใจไม่สนคำ เขียนซ้ำซ้ำเรื่อยไปไม่สะทก คนมาอ่านผ่านเผือก็เหงื่อตก คนซกมกเขียนได้ไฉนหนอ ดูชื่อคนเขียนคะแนนกลอนก็มาก อยู่ก็นาน น่าจะผ่านตากลอนดี ๆ เป็นตัวอย่างมากมาย เขาไม่รู้หรือว่านี่มันลงเสียงท้ายวรรคผิดหมดเลย โบราณาจารย์ท่านคิดค้นมาหมดแล้วว่าเสียงไหนดีเสียงไหนไม่ดี ทำเหมือนไม่อยากเรียนรู้ คำ - เสียงสามัญท้ายวรรคสดับ ท่านว่าไม่นิยม ทก - เสียงตรีท้ายวรรครับ ท่านห้าม ตก - เสียงเอกท้ายวรรครอง ท่านห้าม หนอ - เสียงจัตวาท้ายวรรคส่ง ท่านห้าม ผิด ผิด ผิดหมด ! ไม่รู้จักแก้ไข หากอยากเขียนกลอนตามใจตนเอง ก็ไม่ต้องมาลากสัมผัสแบบสุนทรภู่ เขียนไปเลย ให้เห็นไปเลยว่าไม่เอาอย่างครูสุนทรภู่ เช่น ขีดเขียนอิสระสารสื่อตามอารมณ์ บ่มฝันวันฟ้ามีรุ้ง เพชรแท้ใช่พลอยหุง ก็ฉายฉาน แบบนั้นก็ว่าไป ไม่ตะขิดตะขวงใจเลย หากรู้จักแยกแยะ รู้จักเรียนรู้ วงการนักกลอนไทยจะไม่ถอยหลังเข้าคลองไปมากกว่านี้ ขอบ่นหน่อยเหอะ! emo_126 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: Prapacarn ❀ ที่ 16 พฤษภาคม 2012, 09:44:PM emo_85 โอ๊ะ โอ....... แซมเปล่าหว่า.... ถ้าเป็นแซมเขียนผิด เพื่อนๆ ช่วยบอกแซมด้วยนะคะ... แซมประกาศมาเลยค่ะ แซมยินดีรับฟังคำแนะนำเสมอ... ไม่อยากให้ น้องๆ หรือท่านที่รักในวรรณกรรมเรียนรู้ไปอย่างไม่ถูกทางค่ะ... (ขอบคุณพี่กามนิต emo_56) emo_126 emo_126 emo_126 แซม หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 05:40:PM อ่านพบคุณกามนิตเน้น การผันเสียงวรรณยุกต์ และการใช้ไม้ตรี จึงขอร่วมเสนอ (เพื่อนๆ Siampoetry ช่วยกันแต่งครับ) ด้วย สายศิลป์ค่ะ ....ขอบคุณครูที่ให้.................พื้นฐาน สอนแนะ บ่ รำคาญ.................สักน้อย ได้รู้รอบแตกฉาน....................สิ่งเหมาะ....ควรเฮย จึงคิดหาญแต่งถ้อย.................โจทย์สร้างรังสรรค์ ...."เชิ๊ต, โน๊ต" นั้นเขียนผิด.......แน่นอน วานท่านให้หลักสอน................ชัดแล้ อีกช่วย "ปลุกจิต" วอน..............สำนึก บากบั่นอย่ายอมแพ้..................ทุกผู้ใช้จริง หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 05:59:PM ขอโม้หน่อยครับ...ถ้าผมจะเขียนหนังสือแล้วใช้ชื่อหนังสือว่า"กวีนิพนธ์" สิ่งที่ผมจะเขียนก็คือ สุดยอดกวีแห่งจินตนาการครับ การจะรอให้มีอารมณ์ กลอนลักษณะแบบนั้นคงจะเรียกว่ากวีคงยากอยู่ครับ เพราะมากจากอารมณ์ ฮ่า ที่จะเรียกว่ากวีและก็สุดยอดเลยก็ต้องแนวปรัชญา แม้แต่ความรักก็ยังถือว่าเป็นปรัชญาครับ ลองจินตนาการถึงบทกวีที่คิดว่าสุดยอดดูสิครับแล้วก็เริ่มๆเขียนมันซะ เอาแบบทั้งสละสลวยในภาษา อ่านง่าย และมีประโยชน์ ขอบอก...ดอกกระเจียว หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 18 พฤษภาคม 2012, 12:09:AM ….ไม้ตรีรูปเจ็ด(๗)นี้…..……อาภัพ
เห็น “(ใช้)ผิด” เป็นปีนับ……สิบ(ปี) ได้ เคยหวังก่อนจักลับ…………..ลาโลก คงปรับคงแก้ใช้………………ถูกต้องภาษา หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 18 พฤษภาคม 2012, 06:32:AM ตอบคุณแซม...ไม่ใช่คุณแซมหรอกครับ ผมหมายถึงคนอื่นที่ผิดซ้ำซากไม่รู้จักปรับปรุงตัวเองต่างหากครับ ขี้เกียจหลังไมค์ไปบอกแล้ว เพราะเยอะเหลือเกิน เลยต้องมาบ่นแทน emo_85 ตอบคุณดอกกระเจียว...จะรออ่านจินต์กวีจาก "กวีนิพนธ์" ของคุณดอกกระเจียวครับ ออกเมื่อไหร่อย่าลืมส่งข่าวนะครับ ผมจะเหมา 10 เล่มครับ ตอบคุณ toshare...ดีใจที่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ รณณรงค์ใช้ได้ตรีให้ถูกต้อง ผมก็บ่นไปตามประสานั่นแหละครับ มานั่งคิดเหมือนกันว่าเพราะอะไร นั่งคุยกับหลาน ๆ ถึงรู้ว่าคนสมัยใหม่ไม่รู้จักอักษรต่ำ กลาง สูง จึงผันวรรณยุกต์ไม่เป็น พอผันไม่เป็นก็บอกไม่ได้ว่าอันไหนเสียงตรีที่ต้องใส่ไม้ตรี อันไหนไม่ต้องใส่ ที่เป็นปัญหาส่วนมาก็อักษรต่ำนั่นแหละครับ ริเป็นนักกลอนไม่รู้จักเสียงวรรณยุกต์ก็น่าอายนะครับ ... วันนี้พอหละ ขี้บ่นมากไปแล้ว ไม่แก่ซักกะหน่อย (ฮา) หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 11:12:PM วฤก ตอบ: 29/08/2006 11:47 pm
….ผันวรรณยุกต์ใช้……………ชื่อเอก…โทแล ลงอักษรต่ำเรข…………………รับรู้ ไม้ตรีจัตวาเสก…………………สวมอัก-..ขระพ่อ เพียงอักษรกลางผู้…………….ผ่านรู้พึงระวัง ฯ หัวข้อ: ลายแทง : การทำกาพย์ยานีให้ไพเราะ เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 28 พฤษภาคม 2012, 10:26:PM ลายแทง : การทำกาพย์ยานีให้ไพเราะ การจะทำให้กาพย์ยานีไพเราะนั้น คมทวน คันธนู (กวีซีไรต์ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จากผลงาน "นาฏกรรมบนลานกว้าง") ได้รจนาไว้ว่า... "ให้ลองสังเกตกลวิธีลีลาก่อน คือ ๏ พฤกษ์ไพรไสวพริ้ว วะไหวหวิวกับวันวาร เสียงขับส่งศัพท์ขาน คือสัตว์ส่ำซึ่งร่ำเสียง เริงเร้าเหนือเงาร่ม สำราญรมย์แลรายเรียง ร้องขานผสานเสียง ผสมคู่สมสู่คา ไม้ดอกพันลอกดวง ผลิผลพวงรำเพยพา ห้อมให้หัวใจหา และหอมให้หัวใจเห็น ชื่นฉ่ำถึงธรรมชาติ หลังน้ำหยาดละอองเย็น ชีพปวงลุล่วงเป็น ชีวิตบ่มเพาะสมบูรณ์ เหม่อมองแล้วหมองหม่น ทวีคนทวีคูณ โลกสวยพลันม้วยสูญ มิหอมหวานเช่นวานวัน ฯ นี่เป็นจังหวะและลีลาอันสมบูรณ์แบบเต็มสภาพแห่งกาพย์ยานีลีลาใหม่ เพราะ - ใช้สัมผัสในด้วยจังหวะกระโดดมิใช่สัมผัสในเคียง - มีเสียงจัตวาแทรกเกือบทุกวรรค โดยเฉพาะวรรคหลัก คือ วรรคที่ ๓ หรือ วรรคที่ ๔ ที่คำลงท้ายควรใช้เสียงสูง และพุ่งใช้เสียงสูงเสียงสั้น (คือเสียงที่ใช้ไม้หันอากาศคุม หรือสระอำที่น้ำเสียงกระชับกับคำที่ ๑ ของทุกวรรค คำที่ ๓ ของวรรคแรก และวรรคที่ ๓ และคำที่ ๔ ของวรรคที่ ๒ กับวรรคที่ ๔ พินิจดูดี ๆ นะครับ แล้วจะจับแจ้งจับใจมิใช่จับจด การเขียนบทกวีสิ่งต้องพึงมีสามสิ่งหรือ สิ่งสาม ได้แก่ "น้ำคำ" "น้ำความ" และ "น้ำเสียง" ซึ่งจะต้องเรียงรับประกับประกบกัน น้ำคำนั้นสร้างได้ด้วยการรู้จักเลือกพลังตัวอักษร อันจะทำให้กาพย์กลอนลื่นไหล, น้ำความก่อเกิดความประทับใจสร้างได้โดยรู้จักเลือกพลังความคิดอันให้ชีวิตชีวาและคุณค่าแก่ผลงาน, น้ำเสียงคือการผสานตัวบททั้งหมดให้ไพเราะเพราะพรายสร้างได้เมื่อรู้จักลีลาจังหวะฉันทลักษณ์นั้นๆ นั่นเอง แม้แต่งานเพลงหรือกลอนเปล่า ทั้งสามสิ่งจักต้องคลุกเคล้ามาร่วม มิฉะนั้นงานจะหลวมและหย่อนอรรถรสลง คงไม่ประหลาดใจว่าทำไมผมถึงเน้นเสียงจัตวาหนักหนา เพราะเสียงจัตวามีคลื่นเสียงเสนาะหูกว่าเสียงอื่น คลื่นเสียงนี้แทรกที่ไหนก็ได้ไม่จำกัด ณ แต่ละวรรค ด้วยคลื่นเสียงอื่นจักทำไม่ได้ เช่น การส่งท้ายโคลงสี่สุภาพ เสียงจัตวาจะจับใจเหนือเสียงสามัย อธิบายกันก็ดูจะยืดเยื้อ แต่เมื่อใดที่เราเขียนกวีได้ดังใจคิด และพิชิตการท้าทายสายฉันทลักษณ์ทั้งมวลไว้ถ้วนทั่ว หัวใจในการใช้เสียงจัตวามาแต่งแต้มแซมสอด จะต้องให้คุณตระกองกอดเสียงเสียงแนบแน่น และเข้าถึงแก่นแห่งการรำร่าย บอกลายแทงกาพย์ยานีแต่เพียงเท่านี้ หน้าที่ของคนเขียน คือ ต้องเพียรแสวงหาให้มากกว่าเดิม และรู้จักเพิ่มเติมรายละเอียด อันละเมียดละมุนสำหรับคนรุ่นต่อไป" นอกจากนี้กวีซีไรต์ยังย้ำว่าท้ายวรรคที่ ๒ ไม่ควรลงท้ายด้วยเสียงจัตวา และย้ำว่า "...ไม่น่าจะทำในกาพย์ยานีและฉันท์ที่มี ๔ วรรคเป็นหนึ่งบท แม้มิใช่กฎเกณฑ์แน่นเหนียว แต่จงเฉลียวใจคิดสักนิดหนึ่ง ถึงอย่างไรก็บั่นทอนความไพเราะลงจริงๆ ยิ่งลงด้วยเสียงเอกหรือโท ยิ่งจะเห็นช่องโหว่ยิ่งขึ้น" คัดมาจาก "วรรณวิเคราะห์: ตำนานฉันทลักษณ์กับหลักการใหม่" ของ คมทวน คันธนู มาฝากผู้สนใจ ใคร่พัฒนาฝีมือกาพย์ อันใดดีก็นำไปใช้ แล้วแต่ความต้องใจนะครับ กาบกล้วยกาบอ้อยกาบ- ไผ่ลำทาบโอบลำทอง โอบคลุมเพื่อคุ้มครอง ต้นอ่อนง้ำขึ้นลำงาม กลอนกาพย์ประกอบกาบ อันวะวาบวะวาววาม แต่งต้นก็งามตาม ประกายปลั่งกระทั่งปลาย emo_41 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 01 มิถุนายน 2012, 09:01:PM ขอแบ่งปันครับ อักษรกลาง………..โอ๊ะ ไก่แจ้ ฎเดิน ฏตกบ่อปลา…………*** อักษรกลางเท่านั้นใช้ไม้ตรี อักษรสูง…………..ฃ ขอฝากฉันศึกษาถิ่นฐานผู้สูญหาย คำลหุ……………..สระสั้นไม่มีตัวสะกด……………………..…นอกนั้น.....ครุ คำตาย…………….ลหุ + สะกดด้วยแม่ กก กด กบ……..…นอกนั้น.....คำเป็น การผัน………เสียง…………..สามัญ……..เอก………โท……..ตรี………จัตวา ……....……….……คำเป็น ……...อักษรกลาง……………..กา…………ก่า……….ก้า…….ก๊า……....ก๋า ……...อักษรสูง………………………….....ข่า……….ข้า……………..…..ขา ……...อักษรต่ำ………………..คา…………………....ค่า…….ค้า …..……...………….คำตาย (ลหุ + สะกดด้วยแม่ กก กด กบ) ……...อักษรกลาง………………………….กะ………….ก้ะ……...ก๊ะ.........ก๋ะ ……...อักษรสูง..........................ขะ.........ข้ะ ……อักษรต่ำ.…สระสั้น………........………....….ค่ะ………คะ…….…(ค๋ะ) – ไม่ใช้มานานแล้ว ……………...…….สระยาว…………….….........…คาก……..ค้าก…...(ค๋าก)– ไม่ใช้มานานแล้ว ตัวอย่าง …………………………………………………........….เนี่ยะ (น-อัษรต่ำ เอี่ยะ-สระสั้น, เสียงโท) …………………………………………………….........จ้ะ, ค่ะ = คำตอบรับ (เสียงโท) …………………………………………………………........………จ๊ะ, คะ=คำสงสัย,คำเชิญ (เสียงตรี) ………(ว-อัษรต่ำ แ-สระยาว คำตาย-แม่กบ)..............ชะแว้บ (เสียงตรี) จัดยากจริงๆ หากผิดพลาด ทักท้วงด้วยครับ หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 12 มิถุนายน 2012, 03:08:PM ขอบคุณที่ร่วมแบ่งปันความรู้ครับ การจำอักษรกลางเนี่ย ครูลิลลี่ สอนให้จำว่า "ไก่ จิก เด็ก ตาย (เฎ็ก) (ฏาย) บน ปาก โอ่ง" ครับ (เวลาอ่านต้องจีบปากจีบคอนิด ๆ นะเค่อะ แหะ ๆ ) emo_94 หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: toshare ที่ 12 มิถุนายน 2012, 05:34:PM สมัยเด็ก ผมท่องเป็น "ไก่ จิก ตูด เด็ก บน ปาก โอ่ง" (ขอโทษที่ไม่สุภาพ)
ต่อมาใช้ "ไก่ จิก เด็ก ตาย (เฎ็ก) (ฏาย) บน ปาก โอ่ง" แต่ทั้งสองแบบ เมื่อใช้สอนเด็ก มีผู้ปกครองตำหนิว่า ทำไมครูสอน ตูดๆ ตายๆ ให้เด็ก ผมจึงแต่งใหม่ และพบว่า เรามักใช้ ไมตรี ผิด จึงเน้นให้เห็นว่า ไม้ตรี คู่อักษรกลาง เท่านั้น จึงเป็น โอ๊ะ ไก่แจ้ ฎเดิน ฏตกบ่อปลา……………..*** อักษรกลางเท่านั้นใช้ไม้ตรี ขอบคุณ คุณกามนิตครับ และต้องขอบคุณที่ชอบแก้ปริศนา เลยส่งให้คิดอีก (เก่าๆ ก็ยังมีอีกนะครับ) หัวข้อ: Re: พักยก...ถกกลอน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 14 มิถุนายน 2012, 03:08:PM ผมมีเวลาเข้าเน็ตไม่มาก ไม่ได้อ่านทุกกระทู้ ต้องขออภัยด้วยครับ อยากให้ไขปริศนาข้อไหน ก็ PM มานะครับ emo_85 |