หัวข้อ: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 23 มีนาคม 2012, 06:58:PM ชีวิต
กางเขนดงหลงป่ามาจากไหน ป่ามีภัยพรั่นพรึงจึงบินหนี หลงพลัดคู่อยู่เดียวเปลี่ยวชีวี หวังเภทภัยไม่มีที่ในเมือง โอ้เจ้านกผกผินช่างบินหลง คิดว่าคงปลอดภัยไม่มีเรื่อง ห่างเสียงปืนตื่นภัยให้ขุ่นเคือง หนีชีวิตปลิดเปลืองจากเรื่องร้าย รู้หรือไม่ภัยผจญทุกข์หนแห่ง มิมีแหล่งปลอดภัยดั่งใจหมาย ล้วนภัยรุมสุมภยันอันตราย ยื่นความตายลามลุกทุกชีวิต สู้ร้างลาป่ากว้างโอ้กางเขน บ่ายหน้าเบนสู่เมืองเป็นเรื่องผิด มีหรือรอดปลอดภัยไหนสักนิด พบวิกฤตน่าระย่อพอพอกัน ทุกวันนี้ที่ไหนปลอดภัยบ้าง ทุกก้าวย่างหวาดผวาความอาสัญ สามจังหวัดมัจจุราชตามฟาดฟัน มีหรือสุขทุกชีวันไม่พรั่นพรึง วันเนาว์ ยูเด็น *กวีกระวาด มติชน สุดสัปดาห์ 13-19 กรกฏาคม 2550 emo_107 emo_60 emo_107 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 23 มีนาคม 2012, 09:05:PM ป่านนี้อาจารย์วันเนาว์คงเกษียณอายุราชการไปแล้วมั้ง สมัยเรียนอาจารย์มีภาพประทับใจคือ เป็นสาวมั่น สวมต่างหูคู่เบ้อเริ่มไม่เกรงใจสาวน้อยทั้งหลายสักนิด วาจาฉะฉาน แถมงานกลอนไม่น้อยหน้าใคร "รอยทราย" ผลงานของอาจารย์เป็นตัวอย่างกลบทที่คุณงายพกติดตัว ย้ายบ้านกี่หนก็ไม่ยอมให้หาย นานๆ จะเห็นชื่ออาจารย์สักที ขอรำพึงรำพันถึงสักหน่อยเถอะ emo_107 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 23 มีนาคม 2012, 09:10:PM ป่านนี้อาจารย์วันเนาว์คงเกษียณอายุราชการไปแล้วมั้ง สมัยเรียนอาจารย์มีภาพประทับใจคือ เป็นสาวมั่น สวมต่างหูคู่เบ้อเริ่มไม่เกรงใจสาวน้อยทั้งหลายสักนิด วาจาฉะฉาน แถมงานกลอนไม่น้อยหน้าใคร "รอยทราย" ผลงานของอาจารย์เป็นตัวอย่างกลบทที่คุณงายพกติดตัว ย้ายบ้านกี่หนก็ไม่ยอมให้หาย นานๆ จะเห็นชื่ออาจารย์สักที ขอรำพึงรำพันถึงสักหน่อยเถอะ emo_107 ศิษย์เอกของอาจารย์วันเนาว์ คือคุณงายนี่เอง ยินดี ๆ emo_107 emo_60 emo_107 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 25 มีนาคม 2012, 05:17:PM รำพึงนกขมิ้น
เย็นย่ำค่ำแล้วนกขมิ้น หากินบินถึงไหนหนอ ไม่มีใครตั้งหวังรอ ไร้คู่คลอเคลียดายเดียว อาทิตย์ลาลับยอดไม้ ทอดถอนหัวใจดวงเปลี่ยว ว้าเหว่เอกาจริงเชียว อาศัยร่มเขียวใบบัง สายลมแผ่วเบาหนาวดึก รู้สึกแปลกใจหลายอย่าง เห็นความวุ่นวายรายทาง ผู้คนแวะค้างสัญจร อำนาจวาสนามาสู่ ได้ดูผู้คนรีบร้อน ทุ่งท่ามาพักแรมรอน ข้ามคืนก็จรจากไป คืนสู่ความเหงาเศร้าสร้อย ดั่งคอยความฝันวันใหม่ ผ่านมาแล้วร้างห่างไกล ทิ้งไว้ให้แล้งเหมือนเดิม ฯ กิ่งดาว เรื้องวาริธิ * กวีกระวาด 20-26 กรกฎาคม 2550 มติชนสุดสัปดาห์ emo_107 emo_60 emo_107 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 27 มีนาคม 2012, 06:44:PM ซึ่งเป็นความแตกต่างระหว่างฉันและเธอ
เธอกำลังนับวันเป็นบัณฑิต ฉันหมดสิทธิ์ดิ้นรนเป็นคนเก่า เธอมีฟ้าสีทองคอยส่องเงา ฉันมีฟ้าสีเทาอยู่เท่าเดิม เธออยู่สุขกับร่มของโดมได้ ฉันอยู่ใต้ต้นตะแบกเหมือนแรกเริ่ม เธอกำลังจะมีศักดิ์ศรีเติม ฉันก็เพิ่มศักดิ์ตนเป็นคนเลว เธออยู่ในสังคมความสมสุข ฉันทนทุกข์ในสังคมความล้มเหลว เธอพิสุทธิ์ผุดผ่องดุจทองเปลว ฉันตกเหวความช้ำรินน้ำตา เธออยู่กรุงได้ฟังเสียงสังคีต ฉันฟังหรีดเรไรอยู่ในป่า เธออยู่บนความหวานของมารยา ฉันก็บ้ากับความซื่ออย่างดื้อดึง เธอก้าวไปในเส้นทางความห่างเหิน ฉันกลับเดินตามสิทธิ์ความคิดถึง เธอไม่เคยเข้าใจฉันให้ซึ้ง ฉันเองจึงน้อยใจมิใช่เบา เธอกำลังนับวันเป็นบัณฑิต ฉันหมดสิทธิ์ดิ้นรนเป็นคนเก่า เธอมีฟ้าสีทองคอยส่องเงา ฉันมีฟ้าสีเทาอยู่เท่าเดิม ฯ วันที่ดอกไม้บาน ปล.ขออภัย ไม่แน่ใจนามจริงผู้แต่ง (ว่าชื่อ สรจิต หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะ) เป็นบทกวีของคนเดือนตุลา (2519) ปล.บทกลอนในกระทู้ล่าง ก็แต่งเลียนแบบกวีบทนี้แหละ ทุกท่าน กวีบทนี้เพราะกว่ามากมายหลายเท่า อริญชย์คงไม่อาจเทียบได้ ขอนำลงมาให้เพื่อน ๆ อ่านเพื่อศึกษาเป็นตัวอย่าง ณ โอกาสนี้เน้อ emo_107 emo_60 emo_107 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 10 เมษายน 2012, 08:43:PM ซึ่งเป็นความแตกต่างระหว่างฉันและเธอ เธอกำลังนับวันเป็นบัณฑิต ฉันหมดสิทธิ์ดิ้นรนเป็นคนเก่า (ฉันใช้สิทธิ์ต่างต่างอยู่อย่างเก่า) เธอมีฟ้าสีทองคอยส่องเงา ฉันมีฟ้าสีเทาอยู่เท่าเดิม เธออยู่สุขกับร่มของโดมได้ ฉันอยู่ใต้ต้นตะแบกเหมือนแรกเริ่ม เธอกำลังจะมีศักดิ์ศรีเติม ฉันก็เพิ่มศักดิ์ตนเป็นคนเลว เธออยู่ในสังคมความสมสุข ฉันทนทุกข์ในสังคมความล้มเหลว เธอพิสุทธิ์ผุดผ่องดุจทองเปลว ฉันตกเหวความช้ำรินน้ำตา (ฉันตกเหวความช้ำและน้ำตา) เธออยู่กรุงได้ฟังเสียงสังคีต ฉันฟังหรีดเรไรอยู่ในป่า เธออยู่บนความหวานของมารยา ฉันก็บ้ากับความซื่ออย่างดื้อดึง เธอก้าวไปในเส้นทางความห่างเหิน (เธออยู่บนเส้นทางความห่างเหิน) ฉันกลับเดินตามสิทธิ์ความคิดถึง เธอไม่เคยเข้าใจฉันให้ซึ้ง ฉันเองจึงน้อยใจมิใช่เบา เธอกำลังนับวันเป็นบัณฑิต ฉันหมดสิทธิ์ดิ้นรนเป็นคนเก่า (ฉันหมดสิทธิ์จะดิ้นรนเป็นคนเก่า) เธอมีฟ้าสีทองคอยส่องเงา ฉันมีฟ้าสีเทาอยู่เท่าเดิม ฯ วันที่ดอกไม้บาน ปล.ขออภัย ไม่แน่ใจนามจริงผู้แต่ง (ว่าชื่อ สรจิต หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะ) เป็นบทกวีของคนเดือนตุลา (2519) ปล.บทกลอนในกระทู้ล่าง ก็แต่งเลียนแบบกวีบทนี้แหละ ทุกท่าน กวีบทนี้เพราะกว่ามากมายหลายเท่า อริญชย์คงไม่อาจเทียบได้ ขอนำลงมาให้เพื่อน ๆ อ่านเพื่อศึกษาเป็นตัวอย่าง ณ โอกาสนี้เน้อ emo_107 emo_60 emo_107 ผู้แต่งกลอนบทนี้คือ สรจิตร สินยวง ครับ (ฉบับในมือผมมีบางจุดที่ต่างกัน เลยวงเล็บเป็นสีแดงไว้เปรียบเทียบครับ หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 10 เมษายน 2012, 10:30:PM ซึ่งเป็นความแตกต่างระหว่างฉันและเธอ เธอกำลังนับวันเป็นบัณฑิต ฉันหมดสิทธิ์ดิ้นรนเป็นคนเก่า (ฉันใช้สิทธิ์ต่างต่างอยู่อย่างเก่า) เธอมีฟ้าสีทองคอยส่องเงา ฉันมีฟ้าสีเทาอยู่เท่าเดิม เธออยู่สุขกับร่มของโดมได้ ฉันอยู่ใต้ต้นตะแบกเหมือนแรกเริ่ม เธอกำลังจะมีศักดิ์ศรีเติม ฉันก็เพิ่มศักดิ์ตนเป็นคนเลว เธออยู่ในสังคมความสมสุข ฉันทนทุกข์ในสังคมความล้มเหลว เธอพิสุทธิ์ผุดผ่องดุจทองเปลว ฉันตกเหวความช้ำรินน้ำตา (ฉันตกเหวความช้ำและน้ำตา) เธออยู่กรุงได้ฟังเสียงสังคีต ฉันฟังหรีดเรไรอยู่ในป่า เธออยู่บนความหวานของมารยา ฉันก็บ้ากับความซื่ออย่างดื้อดึง เธอก้าวไปในเส้นทางความห่างเหิน (เธออยู่บนเส้นทางความห่างเหิน) ฉันกลับเดินตามสิทธิ์ความคิดถึง เธอไม่เคยเข้าใจฉันให้ซึ้ง ฉันเองจึงน้อยใจมิใช่เบา เธอกำลังนับวันเป็นบัณฑิต ฉันหมดสิทธิ์ดิ้นรนเป็นคนเก่า (ฉันหมดสิทธิ์จะดิ้นรนเป็นคนเก่า) เธอมีฟ้าสีทองคอยส่องเงา ฉันมีฟ้าสีเทาอยู่เท่าเดิม ฯ วันที่ดอกไม้บาน ปล.ขออภัย ไม่แน่ใจนามจริงผู้แต่ง (ว่าชื่อ สรจิต หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะ) เป็นบทกวีของคนเดือนตุลา (2519) ปล.บทกลอนในกระทู้ล่าง ก็แต่งเลียนแบบกวีบทนี้แหละ ทุกท่าน กวีบทนี้เพราะกว่ามากมายหลายเท่า อริญชย์คงไม่อาจเทียบได้ ขอนำลงมาให้เพื่อน ๆ อ่านเพื่อศึกษาเป็นตัวอย่าง ณ โอกาสนี้เน้อ emo_107 emo_60 emo_107 ผู้แต่งกลอนบทนี้คือ สรจิตร สินยวง ครับ (ฉบับในมือผมมีบางจุดที่ต่างกัน เลยวงเล็บเป็นสีแดงไว้เปรียบเทียบครับ ผมท่องจำมาหลายปี เลยอาจพลาดพลั้ง ข้อมูลของ "คุณ/ท่านกามนิต" น่าจะถูกต้องมากกว่า ขอบคุณฮะ ที่นำมาเทียบเคียง emo_107 emo_60 emo_107 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 10 เมษายน 2012, 10:55:PM หากฉันคล้ายส้วมสร้างกำลังเอี่ยม เธอเท่าเทียมคนปวดขี้มิทนไหว แม้ฉันจะต้อยต่ำสักเพียงใด ก็เชิญสาแก่ใจอารมณ์เธอ ฉันรับได้ใช่ไหมที่เธอคิด แต่บางครั้งก็เบียนบิดใช่เพียงเผลอ เป็นตอไม้เสี้ยมแหลมเชียวนะเออ สุดแต่เธอใคร่ครวญและคำนึง ฉันอาจเป็นบางอย่างต่างๆสิ้น เมื่อโรยราราคินเธอนึกถึง เหมือนหมอนข้างขึ้นราเคยตราตรึง ที่เธอคอยบึ้งตึงในผ่านมา ฉันจะเป็นอะไรไม่สำคัญ ที่นอกจากเธอนั้นใฝ่ฝันหา เป็นทุกสิ่งในโลกนี้มีราคา ยังดีกว่าเป็นบางอย่างเธอหมางเมิน emo_54 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: ไร้นวล^^ ที่ 10 เมษายน 2012, 11:25:PM วรรณศิลป์สรจิตนั้น ชุษณะจัง
ยกสู่ปรมบัลลังก์ อัครแก้ว จวบสิ้นโลกิยะยัง อักขระเด่น ลักษณะสวนียะแพร้ว อริยะปลื้มอภิสมัย หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน เริ่มหัวข้อโดย: blackbear ที่ 10 เมษายน 2012, 11:26:PM ป่านนี้อาจารย์วันเนาว์คงเกษียณอายุราชการไปแล้วมั้ง สมัยเรียนอาจารย์มีภาพประทับใจคือ เป็นสาวมั่น สวมต่างหูคู่เบ้อเริ่มไม่เกรงใจสาวน้อยทั้งหลายสักนิด วาจาฉะฉาน แถมงานกลอนไม่น้อยหน้าใคร "รอยทราย" ผลงานของอาจารย์เป็นตัวอย่างกลบทที่คุณงายพกติดตัว ย้ายบ้านกี่หนก็ไม่ยอมให้หาย นานๆ จะเห็นชื่ออาจารย์สักที ขอรำพึงรำพันถึงสักหน่อยเถอะ emo_107 คารวะครูวันเนาว์เนาอักษร. สำนวนกลอนเคยสดับประทับจิต เดินตามรอยร้อยครรโลงโคลงโลกนิติ สุภาษิตพระร่วงห่วงจารึก ฉายบทกลอนสะท้อนธรรมชี้นำชาติ. สุขสะอาดสงบนิ่งยิ่งรู้สึก ยุวชนทั้งหลายได้สำนึก. รู้ฝนฝึกความดีมีในตน ช่อศรีตรังสะพรั่งบานทุกก้านกิ่ง. เป็นขวัญมิ่งแม่ครูอยู่ทุกหน ประดับรูสะมิแลแผ่มณฑล. ประทับบนใจศิษย์นิจนิรันดร์. ด้วยจิตคารวะในผลงาน ๑๐. เมษายน. ๒๕๕๕ หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน (กิ่งดาว เรื้องวาริธิ) เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 19 เมษายน 2012, 08:48:PM รำพึงนกขมิ้น
เย็นย่ำค่ำแล้วนกขมิ้น หากินบินถึงไหนหนอ ไม่มีใครตั้งหวังรอ ไร้คู่คลอเคลียดายเดียว อาทิตย์ลาลับยอดไม้ ทอดถอนหัวใจดวงเปลี่ยว ว้าเหว่เอกาจริงเชียว อาศัยร่มเขียวใบบัง สายลมแผ่วเบาหนาวดึก รู้สึกแปลกใจหลายอย่าง เห็นความวุ่นวายรายทาง ผู้คนแวะค้างสัญจร อำนาจวาสนามาสู่ ได้ดูผู้คนรีบร้อน ทุ่งท่ามาพักแรมรอน ข้ามคืนก็จรจากไป คืนสู่ความเหงาเศร้าสร้อย ดั่งคอยความฝันวันใหม่ ผ่านมาแล้วร้างห่างไกล ทิ้งไว้ให้แล้งเหมือนเดิม ฯ *กิ่งดาว เรื้องวาริธิ กวีกระวาด 20-26 กรกฎาคม 2550 มติชนสุดสัปดาห์ emo_107 emo_60 emo_107 หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน "ดื่มดาวกลางแดด" โดย "ภัสมะ" เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 29 เมษายน 2012, 09:45:PM (http://www.welovebook.com/BookImg/22/22006/22006_1.jpg)
ขอบคุณภาพหนังสือจาก อินเตอร์เน็ต คนจรเจ็บแผลหน่วงใครห่วงหา ถามไถ่ถึงดวงดาวคืนหนาวเหน็บ คนจรเจ็บแผลหน่วงใครห่วงหา ปันความรักเศษเสี้ยวเพียงเยียวยา เพื่อเติมไฟศรัทธาให้ร้อนแรง ช่วยปลอบโยนดวงใจอันไหวหวาด ขมขื่นขลาดลำเค็ญแอบเร้นแฝง ความมืดดุจคมมีดคอยกรีดแทง ท่ามยุคการเปลี่ยนแปลงระแวงกัน ออกร่อนเร่แรมรอนนครร้าง มืดทึบทางร้อยแยกช่างแปลกผัน เหมือนธุลีแห่งดินถวิลจันทร์ เฝ้ากรองกลั่นทอถักสลักคำ สักเพียงนิดค่าน้อยคือถ้อยวาด มิหมายมาดใครชิมได้อิ่มหนำ มิหวังรื่นในรสจนจดจำ เพียงชุ่มฉ่ำน้ำใจอันใสพราว ยื่นมือมาเถิดนักเดินทางผู้คว้างเร่ * ขอถ่ายเททุกข์ร้อนพักผ่อนหนาว จากห้วงแห่งกาลอันนานยาว ขอปวดร้าวแบ่งริ้วปลิดปลิวไป สบตาฉันเถิดมิตรสนิทนิ่ง ซึมซับสิ่งเลอค่าคลายล้าไหว ซบหน้ากับตักหนุนเอาอุ่นไอ ก่อนจากไกลอีกคราวอย่าร้าวลา ถามไถ่ถึงดวงดาวคืนหนาวเหน็บ คนจรเจ็บแผลหน่วงใครห่วงหา ปันความรักเศษเสี้ยวเพียงเยียวยา เพื่อเติมไฟศรัทธาให้ร้อนแรง ภัสมะ คัดมาจากหนังสือ “ดื่มดาวกลางแดด” หน้า 34-35 *ยื่นมือมาเถิดนักเดินทางผู้คว้างเร่ * (ท่อนนี้เขามีสิบคำ ตามหนังสือที่พิมพ์นะ) emo_107 emo_60 emo_84 emo_60 emo_107 http://www.youtube.com/watch?v=LLXKPg75F2U หัวข้อ: Re: ศึกษางานเขียนของท่าน:จิระนันท์ พิตรปรีชา "หมอบเพียบเลียบริมน้ำปริ่มฝั่ง" เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 13 พฤษภาคม 2012, 04:33:PM ห้วงคำนึง
หมอบพับเพียบเลียบริมน้ำปริ่มฝั่ง ตะแคงฟังนิยายเพลินจากเนินหญ้า ระบำมดคดเคี้ยวลับเคียวตา หยาดน้ำฟ้าลากลิ้งทิ้งใบบอน แมลงปอเกาะหินเลื่อมปิ่นรุ้ง ผีเสื้อพุ่งอวดแพรแผ่ปีกร่อน กิ้งกือหักความอายออกกรายกร กระรอกหย่อนลูกหว้าหยั่งท้าทาย เมื่อเอนพิงอิงพักหนุนตักหล้า แนบเงาฟ้าในน้ำเปี่ยมความหมาย ธรรมชาติวาดแต้มยังแย้มพราย และโลกส่ายกายหมุนด้วยคุ้นเคย เหม่อมองฟ้าสีฟ้ากว้างกว่ากว้าง คิ้วรุ้งค้างเนตรสูรย์มุ่นหมอกเสย แย้มเสี้ยวเมฆยิ้มแดดสีแสดเอย หัตถ์ลมเชยเผยแก้มแพลมยิ้มพลัน แล้วสบตากับเรา-เงาในน้ำ ไหลลำนำฉ่ำใจคล้ายเคลิ้มฝัน พิสุทธิ์ใสไล้หล้ารับตาวัน กล่อมดวงขวัญล่องลิบทิพยา เรามองโลกสดใสในวันนี้ ด้วยใจที่อ่อนวัยไร้เดียงสา ทุกสิ่งช่วยอวยสุขทุกเวลา หากวันหน้าเป็นอย่างไร...ไม่อาจรู้ จิระนันท์ พิตรปรีชา, ชัยพฤกษ์ มิถุนายน ๒๕๑๓ จาก หนังสือ ใบไม้ที่หายไป กวีนิพนธิ์แห่งชีวิตพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ สำนักพิมพ์แสงดาว ต.ค.๒๕๓๔ http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=7646.85;wap2 (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=7646.85;wap2) |