หัวข้อ: มหาสงครามไตรทิพย์ เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 05 มีนาคม 2012, 12:45:AM มหาสงครามไตรทิพย์ สารบัญ ๑. นครธรรม์ ๒. นครยักษ์ - ต้นเหตุของสงคราม ๓. มหาสงครามไตรทิพย์ --------------------------------- นครธรรม์ สุริโยแย้มแสงแจ้งจำรัส ประกายชัดโชติช่วงสรวงสวรรค์ แหล่งเทเวศชาญศึกดึกดำบรรพ์ นครธรรม์ของเหล่าเทพเบาราณ กำแพงเมืองเรืองเพชรแซมเก็จแก้ว ตลอดแนวแน่นหนามหาสถาน ยามแสงส่องสะท้อนย้อนพิมาน จตุด้านเรืองรองยามต้องตา น้ำตกทิพย์ทางด้านอุดรทิศ นิรมิตความฝันให้หรรษา เพียงยลน้ำตกไหลในอุรา ดุจมัจฉาได้ธารสำราญใจ สังเกตถ้ำอำไพใกล้น้ำตก มีวิหคหลากสีร้องเสียงใส ชื่อ"นกฆาค"จากฟ้าสุราลัย เกาะไหวไหวเจื้อยแจ้วเจรจา ปากสีทองผ่องนวลชวนหลงใหล ขนเป็นไฟลุกเย็นเด่นสง่า ปกคลุมหนังหลากสีอัคคีทา คล้ายกิ้งก่าพรางตัวเมื่อกลัวตาย มีพราหมณ์หนุ่มอาศัยในกระท่อม ที่ห้อมล้อมด้วยไม้ใหญ่หลากหลาย รักสันโดษโปรดถ้ำรู้ทำนาย เทพมากมายพบปะเป็นประจำ เมื่อท้าวเทพอมรสีห์ราชครองหาว ทรงได้ยินเรื่องราวคราวระส่ำ ว่าพราหมณ์หนุ่มปราดเปรื่องเป็นเรื่องนำ ก็ทรงย้ำอำมาตย์ประกาศเชิญ มาประชุมชาวเทพทหารหาญ ว่าด้วยการสงครามให้พราหมณ์เหิน เข้านครธรรม์มุ่งกรุงเจริญ แก้ไขศึกคราเนิ่นมินานวัน พราหมณ์หนุ่มถึงทูลเกล้าฯท้าวทรงยศ บริบทนบน้อมท้าวจอมขวัญ ขอเดชะองค์เทพพระเสพธรรม์ พราหมณ์โง่งันเขลาพร้อมเข้าน้อมกาย มีอันใดฤๅท่านเรียกข้าเฝ้าฯ เล่นทำเอาอกสั่นทั้งขวัญหาย ข้ามิรู้สาเหตุต้นและปลาย ยอมถวายเศียรให้หากใคร่ปอง อย่าวิตกโศกเศร้าเจ้าพราหมณ์หนุ่ม ข้าซุ่มสุมกองกำลังฝั่งละสอง บูรพาเทพสวรรค์เกาทัณฑ์ทอง อีกหนึ่งกองทิศประจิมรอเจ้าคุม ข้าเล่นศึกครานี้ด้วยเหตุว่า ปรปักษ์ยักษาราชาทุ่ม สั่งพลเลวระยำนำประชุม ข้างในขุมโสโครกหวังครองเรา จึงเชิญเจ้าเข้าบุรินทร์ถิ่นเทพไท้ กำหราบไอ้ไพรียักษีเขลา พร้อมอำมาตย์ศาสตราศึกษาเอา ก่อนทิ้งเหย้าเข้าสู่การสงคราม หัวข้อ: มหาสงครามไตรทิพย์ ตอน นครยักษ์ เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 05 มีนาคม 2012, 02:04:AM นครยักษ์ ทะเลทรายดินแยกแตกระแหง ความแห้งแล้งปกคลุมขุมมีหนาม หินสีแดงอาเพศทั่วเขตคาม หากบุ่มบ่ามเข้าไปจักไร้ชนม์ ฟ้าสีแสดแผดจ้าเวลาค่ำ เปลี่ยนเป็นดำมืดมิดทุกทิศหน เมื่อกลางวันคล้ำหาวดาวมืดมน จักหมองหม่นอกทรุดดุจหอกแทง ไร้ต้นไม้ใบหญ้าสรรพสัตว์ กลิ่นคาวอัดเหม็นน่าขยักแขยง โครงกระดูกเน่าสิ้นข้างหินแดง ไร้แมลงสักตัวชั่วสิ้นดี จักหาธารน้ำไหลหากใคร่เห็น ก็คงเป็นภพอื่นมิใช่นี่ ทั่วทั้งแดนแผ่นดินถิ่นอัปรีย์ ฤๅจักมีดีได้สักนิดเดียว แต่ยังคงมีผู้อยู่อาศัย ถิ่นห่างไกลเกินคาดน่าหวาดเสียว นครยักษ์น่าขยาดผู้ปราดเปรียว มีแต่เขี้ยวไร้ฟันกระนั้นแล ประชาชนยักษ์นั้นเรียก"ตันนุก" ส่วนประมุของค์อธรรมเรียก"กำแข" สองชนชั้นเป็นผู้คอยดูแล เหมือนลูก,แม่รักใคร่ใจเดียวกัน วันหนึ่งนั้นตันนุกคนสนิท มิปกปิดกำแขแม่ยักษัน ว่า ณ ที่ เมืองหลวงปวงเทวัญ บนสวรรค์โสภาน่าภิรมย์ ทั้งมีน้ำตกทิพย์ยินเทพกล่าว อยู่บนหาวทางอุดรวิเศษสม สามารถแก้สิ่งร้ายให้น่าชม เพียงขึ้นพรหมดูน้ำก็ฉ่ำกาย จักได้เปลี่ยนเมืองหลวงเป็นสรวงใส เหล่าตันนุกชื่นใจจักไร้พ่าย จงเข้าตีสุราลัยให้วอดวาย แล้วมุ่งหมายน้ำตกในปกครอง เปลี่ยนจากความโสโครกเป็นผ่องศรี ด้วยเหตุนี้ว่ายอดควรฉลอง ฝึกตันนุกทุกค่ำให้ช่ำชอง แล้วตีกลองร้องศึกผนึกพล ยังมีสัตว์แปลกประหลาดมิคาดฝัน ชื่อนกฆาคกระนั้นอันน่าสน มันผิดเพี้ยนจากโลกมนุษย์คน นกมีขนเป็นไฟบรรลัยกันต์ แต่เป็นไฟเย็นยะเยือกเหมือนเทือกเขา ที่สูงเท่าเทียมฟ้าน่าสุขสันต์ นกประหลาดของเทพทวยราชัน ท้าวอมรสีห์ฯนั้นชั้นอัมพร ฝ่ายกำแขเห็นชอบจึงมอบสิทธิ์ ให้ตันนุกคนสนิทเฝ้าฝึกสอน เหล่าตันนุกทั้งหลายก่อนราญรอน สู่นครธรรมาสุราลัย หัวข้อ: มหาสงครามไตรทิพย์ ตอน มหาสงคราม (อวสาน) เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 05 มีนาคม 2012, 03:35:AM มหาสงครามไตรทิพย์ ย้อนขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเวหา ถึงเทวาพราหมณ์หนุ่มซุ่มแก้ไข จักคลายกลสงครามหวังห้ามภัย ดูจักไร้หนทางเหมือนอย่างเคย คิดในใจองค์เทพให้เราเฝ้า ทิศประจิมเมืองเก่าโอ้เราเอ๋ย หากละทิ้งปุระหรือละเลย คงต้องเกยเศียรไว้บนไม้ยาว จึงประดิษฐ์อุบายหวังกายรอด กลชั้นยอดปลอดภัยตนหายหนาว ดูตำราอ้างบ่วงกลดวงดาว เสนอท้าวเทพอมรสีห์ราชเรือง ขอเดชะองค์เทพผู้สูงส่ง ด้วยพระองค์เก่งกาจทั้งปราดเปรื่อง ข้าพเจ้านอนคิดอยู่เนืองเนือง จึงผูกเรื่องเบื้องหน้าว่ามีชัย จากตำราดาวฤกษ์เมื่อเบิกฟ้า เมื่อองค์เทพกล่าวท้าศัตรูไหน จักมิต้องอันตรายร้ายใดใด จงเชื่อใจตนเองอย่าเกรงกลัว ทรงรอดาวยามใกล้สุริยะ ถ้าทรงปะอาเพศฟ้าสลัว แต่ถ้าทรงมีชัยฟ้าไร้มัว จงแต่งตัวเยี่ยงแม่ทัพรับศัตรู ครั้นถึงครามหาทัพสรรพยักษา ณ เบื้องหน้านครธรรม์ลั่นกลองขู่ ทหารเทพพร้อมพรักก็พรั่งพรู เตรียมจักสู้กู้พักตร์จากยักษ์เลว องค์ท้าวเทพอมรสีห์ฯออกกล่าวท้า เรียกกำแขยักษามาจากเหว ชี้นิ้วด่ายืดอกเท้าสะเอว ให้ดูเปลวไฟรุกอย่างชุกโชน "อุเหม่เจ้ายักษ์โสโครกสกปรก ร่างซกมกเหม็นเน่าแต่งคล้ายโขน เขี้ยวเหนอะหนะหมองศรีมีแต่โคลน จักให้ข้าอ่อนโยนหรือรบกัน" "โถองค์ท้าวเทพอมรฯไท้มีชื่อ ดูกระเหี้ยนกระหือรือจะห้ำหั่น ข้ากำแข,ตันนุกจักปลุกควัน พร้อมฟาดฟันบั่นเศียรสั่งสอนซ้ำ" องค์ท้าวเทพถือกริชหวังปลิดชีพ กำแขหนีบป้องปัดซัดถลำ ได้จังหวะตระเตรียมพระแสงคลำ ก็ฟันย้ำพระพักตร์จักปลิดองค์ แต่ทรงหลบได้ทันประหวั่นเนื้อ หวังฆ่าเสือยักษ์ห่ามตามประสงค์ จึงพลาดท่ากระนั้นมิมั่นคง กำแขส่งวิญญาณสู่ชาญนคร เทพทหารชาญศึกเกิดนึกหวั่น ทั้งหมดพลันหลบหนียักษีก่อน เวลานั้นยังมิได้จักราญรอน ก็พ่ายแพ้ซ้ำซ้อนต้องจรไกล มิทันหนียักษ์หาญสังหารหมด น่าสลดหมดหวังเทพตักษัย เหลือพราหมณ์หนุ่มผู้เดียวเกือบเอี่ยวไฟ รอดมาได้ในที่สุดยุทธวิธี เพราะพราหมณ์นั้นคือยักษ์มิศักดิ์สูง เปรียบนกยูงแปลงเป็นกาหมดราศี เพื่อหวังได้ครองสรวงปวงธานี ชื่นชีวีตันนุกก็สุขใจ สั่งกำแขอ้างว่าเป็นกษัตริย์ แล้วเตรียมจัดทัพยักษ์อย่าสงสัย ข้าขึ้นฟ้ายุแหย่แพร่บรรลัย หวังเทพไหม้สูญยับดับวิญญาณ์ เมื่อทำตามแผนข้าในกระดาษ จักสามารถยึดสรวงห้วงหรรษา ถึงวันที่เราได้ชัยกลับมา จักเปลี่ยนหน้าประวัติหาวเท่านิรันดร์ ว่ามิมีเทพใดในพิภพ ผู้สยบคือยักษ์เจ้าสวรรค์ เป็นผู้ครองเมืองสวยด้วยชั่วกัลป์ คนจักฝันถึงข้าถ้าขอพร ...อวสาน... (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif) บัณฑิตเมืองสิงห์ |