หัวข้อ: ‘...ฤๅ.โลมเล้า?..’ เริ่มหัวข้อโดย: เมฆา... ที่ 26 มกราคม 2012, 08:26:PM (http://s16.postimage.org/d7a5v3ow5/fire.jpg) (http://postimage.org/) ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตครับ.. ‘..ฤๅ..โลมเล้า?..’ ๐ คีตะศัพท์จับใจเมื่อไขข้อง พยางค์ผ่องเพียงเพ็ญเป็นไฉน ฤาโลมเล้าตัณหามรรคาใจ ที่ตั้งไว้เพียงตัว..จนมัวเมา ๐ ประโคมแข่งแสงสูรย์สุรีย์หรือ นั่นคล้ายถือถาดทองมารองเขลา กลับสะท้อนก้อนตมในงมเงา อำพรางเถ้าธุลีแห่งชีวา ๐ เบียดบังบดงดงามอร่ามร่วง จะกล่อมทรวงก็สร้อยหงอยผวา กระนั้นฤๅยังพร่ำกระทำมา อวิชชาเกินปรับหรือกลับตัว ๐ ทุรนร้อนหลงเหลิงในเพลิงอับ ละเลงดับดวงแดแผลท่วมหัว อนิจจังวังวนคนขลาดกลัว แยกจักรบัวย่อมเบือนมิเหมือนคน ๐ จึงสลักคำคายละลายพจน์ บริบทเบือนบังอีกครั้งหน ก่อวิสัยนัยเน้นเช่นสากล ออกเที่ยวยลเสาะเยี่ยงเสียงพจี ๐ หมายเพียงศัพท์จับใจสิ้นไขข้อง มโนผ่องเพียงเพ็ญเป็นวิถี ถึงครานั้นคงสุขทุกราตรี กล่อมฤดีโลมเล้า..เลิกเมามัวฯ ////////////////////////// หัวข้อ: Re: ‘..ฤๅ..เฝ้าฝัน?..’ เริ่มหัวข้อโดย: เมฆา... ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2012, 02:48:PM (http://s10.postimage.org/7m64a44ux/image.jpg) (http://postimage.org/) ..ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตครับ.. ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ‘...ฤๅ..เฝ้าฝัน?..’ ๐ ครืนครืนครั่น ครั้นฟังเริ่มดังเรื่อย ฝนเม็ดเฉื่อยเริ่มชัด..บัดสลัว เมฆมวลดำคร่ำฟ้าช่างน่ากลัว พลัน!ก็รัวอิทธิฤทธิ์..มหิตทัณฑ์ ๐ คล้ายความหวังวังเวงละเลงอาบ ฝนแห่งบาปชโลมโคมสวรรค์ เปียกปอนทั่วทุกทิศ..มิดถึงจันทร์ ชุ่ม!แม้ฝันอันฝากฟากสุรีย์ ๐ จนเปื่อยยุ่ยผุยผงลงคลุกคละ ฝันระกะด้าวดิ้นทั้งกลิ่นสี อนาถเนื้อเหลือชมสมประดี เถ้าธุลีแห่งฝัน..อันเคยงาม ๐ แต่!มิวายเลิกหวังยังตั้งมั่น กอบซากฝันเศษเสียดเย้ยเหยียดหยาม มาปะต่อปะติดเหมือนอิฐราม สร้างนิยามอีกที ณ ที่ใจ ๐ จับบรรจงลงเชื่อมอาจเหลื่อมบ้าง ขาดไปข้างขอบคดก็ทดไว้ ฝันก่อโครงโหวงแหว่งค่อยแต่งไป เดี๋ยวคงได้อย่างคนึง..เพียรกลึงเกลา ๐ เพียงระลึกบนฐานด้วยมานชอบ อย่าประกอบโทสะอันจะเขลา สำทับใจปล่อยวาง..อย่างเคยเนา ฤๅ..จะเฝ้าแต่ฝัน!..จนฟั่นเฟือน.. //////////////////// หัวข้อ: Re: ‘...ฤๅ.ฟั่นเฟือน?..’ เริ่มหัวข้อโดย: เมฆา... ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2012, 05:05:PM (http://s17.postimage.org/s9qzjor5r/c43.jpg) (http://postimage.org/) ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตครับ. ‘...ฤๅ.ฟั่นเฟือน?..’ ๐ ยิ้มกับฝันวันฟ้าตั้งท่าฝน จิตลุกลนล่องลอยเห็นรอยเกลื่อน ศัพท์ประพนธ์หล่นครืนบนพื้นเรือน พร้อมกับเดือนดึงร่วงพวงพิรุณ ๐ ห้ามหัวเราะคงยากหากเผลอผัน แสงตะเกียงน้ำมันเริ่มปั่นหมุน ดาวแค่เอื้อมมือดึงก็ถึงคุณ หมึกแค่ฝุ่นหากกรอก็ถึงดาว ๐ ประกายแสงวับวับขยับวาด เป็นบทพาทย์ผังแผนแทนห้วงหาว จรดทุกคำย้ำชัดคัดเรื่องราว พร้อมลมหนาวแนบฝนหล่นหลังคา ๐ เสียงกระเถาะเปาะแปะและปกป้อง ยังขำก้องบวกขลาดหวาดผวา สองมือโอบรอบอกปรกนัยน์ตา เหมือนวิญญายื้อยุดหยุดหรือไป ๐ ครั้นสำนวนหวนโหยโชยนาสิก เกิดอยากพลิกอยากแพลงตะแคงใส่ หมึกจากฝุ่นจึงฟ่องร่องควันไฟ เขียนด้วยใจยิ้มเยาะหัวเราะตัว ๐ จึงตามต่อแต่งแต้มแซมบาทบท กลายเป็นคดลดลงยิ่งงงหัว ฤๅ..ฟอนเฟะฟั่นเฟือนเกลื้อนกลากกลัว จนกลิ้งกลั้วกลืนกลอน..กร่อนลงเกรียว... /////////////////////// หัวข้อ: Re: ‘..ฤๅ..เลื่อนลอย?..’ เริ่มหัวข้อโดย: เมฆา... ที่ 11 มีนาคม 2012, 12:50:PM (http://s18.postimage.org/5e9clmh0p/getphoto12.jpg) (http://postimage.org/) ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตครับ. ๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ‘..ฤๅ..เลื่อนลอย?..’ ๐ พนมกรอ้อนกรรมอย่าพร่ำหลอก มโนบอก กรอกตนจนหวาดเสียว อัตตาตะปะรูปเพียงวูบเดียว มันก็เปลี่ยวเปล่าเกินประเมินนัก ๐ ขยาดคำซ้ำซ้อนซุ่มซ่อนซุก มณีมุกหมกเม็ดล้นเกล็ดกลัก ร่วงลงกรูกราวกรอบหมอบชะงัก ยามประจักษ์แจ้งจิตอนิจจัง ๐ ครั้นฟ้าแลบแปลบปลาบฉายภาพเวิ้ง ตะเกียงเพลิงเร่งเพลงบรรเลงหวัง รากเหง้าเดิมเริ่มชื้นฟื้นกำลัง ก่อแผนผังครั้งใหม่ ณ ใจตน ๐ เริ่มจากอิฐก้อนอ่าน เป็นฐานราก รับให้มากจากแหล่งทุกแห่งหน คำวิจารย์หาญกล้าฝ่าผจญ แล้วปรับค้นเคี่ยวปรักอักษรา ๐ ค่อยค่อยคัดจัดวางสร้างประดิษฐ์ คำนิมิตรคิดคาดปรารถนา กานท์วลีดาวดึงส์ถึงนภา โน้มลงมาหาหมวด ฝังลวดลาย ๐ ดุจประหนึ่งตรึงกรอบขอบความคิด มิให้บิดบั่นทอนจนกร่อนหาย ฤๅ..เลื่อนลอยปล่อยทิ้งยิ่งละอาย ตก!ม้าตายแต่ต้น..จนลืมกลอน... /////////////////// หัวข้อ: Re: ‘..ฤๅ..ย่อยยับ?..’ เริ่มหัวข้อโดย: เมฆา... ที่ 01 เมษายน 2012, 12:59:PM (http://s13.postimage.org/oodqv0aon/DSC_1858e.jpg) (http://postimage.org/) ขอขอบคุณ ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตครับ. ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ‘..ฤๅ..ย่อยยับ?..’ ๐ ศัพท์ประดิษฐ์คิดค้นคล้ายกลแกล้ง จัดแสดงแย้งยัดขัดคำสอน เข้าใจเพียงตัวตนจนบางตอน มันโคลงคลอนเคลื่อนคลาดจากมาตรา ๐ เลือกคำนี้คำนั้นคั่นคำไหน จึงจักจ้องต้องใจเที่ยวไล่หา แม้นเลือกผิดเลือกพลั้งดั่งสัญญา เหมือนจักว่า..ย่อยยับในฉับพลัน ๐ พิษคำแผลงแสลงโสตโจทย์กระดิก แล่นกระซิกซึมทรวงจ้วงมหันต์ อกกระตุกลุกลี้ปรี่ประจัน จำเปลี่ยนผันควั่นปลดบทวลี ๐ ถั่งถาโถมโหมหวั่นกลั้นดวงจิต จวนหวุดหวิดผิดพ่ายแทบอายหนี ร้องระงมตรมมานซ่านฤดี กับมณีคำเขียนเจียนสิ้นลม ๐ แต่ก็ยึดแผนผังตั้งแกนก่อ แก่นกระพ้อกระพี้ที่ทับถม มาแต่ครั้งดรุณคุ้นอารมณ์ ผูกเป็นปมไต่เต้าเข้าลานคำ ๐ แม้นคราวนี้ฝนซาไม่หนาเม็ด วลีเด็ดครูพรมยังคมขำ ศัพท์ประดิษฐ์ผิดแผกแปลกกระทำ ให้รู้จำรู้จดเป็นบทวาง ๐ เมื่อสำนึกเกิดในหัวใจแป้ว คงไม่แคล้วหนาวสั่นตะวันสาง แสงตะเกียงหยุดหมุนฝุ่นควันจาง ศัพท์พยางค์ก็พลอย..ลอยลับเลือน //////////////////////// |