หัวข้อ: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 26 ธันวาคม 2011, 12:28:PM ลานสัประยุทธ์ เมื่อลานโล่งโรงรถเริ่มอุตลุด เปลี่ยนเป็นลานสัประยุทธ์ แต่ย่ำรุ่ง มีสาลิกาหัวกร่อนเคยร่อนกรุง เป็นหัวหน้านังนุง ผงคลุ้งคลี เรื่องเริ่มกรุ่นขุ่นกันแต่วันก่อน เสียงแซ่ซัดสะบัดซ้อน บ่อนปาล์มสี ถิ่นเคยเฝ้าเขาไฟบนไหล่ปลี มีเจ้าสร้อยคีรี เข้ารี่ซ้ำ เหตุต่างหมายมุ่งจานอาหารหมา ซึ่งเหลือคาเม็ดครือแต่มื้อค่ำ รสตับบดเนื้อบุบน้ำซุปดำ คุ้มกว่าก่ำแกลบเกลือกกระเดือกกลืน สร้อยคีรีมีพวกตามอีกสามหน่อ ที่ปีกคล้ำดำข้อชื่อซอฝืน เพราะเสียงแหบแสบฝาดเหมือนกวาดฟืน แต่ชอบโก่งโย่งยืน อยู่ยับยับ อีกสองนางเจ้าเนื้อใส่เสื้อกั๊ก ชื่อปองสม ส้มหมัก ขยักขยับ แต่เร็วรี่ผีไล่กว่าใครนับ พรวดเดียววับสลับทึ้งไปครึ่งชาม ส่วนหัวกร่อนเห็นกรายแถวปลายทุ่ง เป็นนักเลงเก่งฟุ้งให้คุ้งขาม เคยฟัดกับกะยางหว่างแคคราม กับคู่ตามรุ่นน้องอีกสองตัว ยังกางเขนปีกขาวอีกสองเขือ แต่ไม่เชื่อเรื่องชิงเศษทิ้งถั่ว รักสงบหลบแนวอยู่แถวครัว จู๋จิ้วจิ้วหวิวระรัวแต่สางลา เช้าวันนั้นวันใสเริ่มไอหนาว เสียงโคล้ง ! เคล้ง ! เฉ่งฉาว ราวฟ้าผ่า ตามด้วยผั่วะพึ่บพั่บเผียะพับพา ชามข้าวหมาคะมำคว่ำกระจาย เจ้าหัวกร่อนหรือเกรงนักเลงก้อย นกเขาไฟเศษฝอย เดี๋ยว..สร้อยหาย กางปีกหราอ้าปากหวังฝากลาย นกกะยางรุ่นยาย ยังพ่ายเยิน แต่ลืมว่าปีกใหญ่ใช้อากาศ อันมิอาจฟาดดินให้บินเหิน มันปวกเปียกป้อแป้เป็นแย้เดิน ดูเก้งก้างกางเกิน กะก็องกอย ผิดเจ้าสร้อยคีรีที่ตัวเล็ก แต่ใจเหล็กผิดเหล่าทั้งเข้า-ถอย โฉบบินจิกพลิกพลัดสะบัดลอย เจ้าซอฝืนก็คอยเก็บรอยยำ ฝ่ายลูกน้องสองตัวเจ้าหัวกร่อน บินไปซ่อนคอนมะขามแต่ชามคว่ำ สมจริงจริง สมคงได้ใช้ประจำ ถ้าอิ่มหนำน้องได้ งาน..ไม่เอา แม่ปองสมส้มหมักนักหาเหตุ ยังสังเกตการณ์อยู่ประตูเสา ร้องอืดอืดอู้อู้เหมือนดูเบา ว่าเอี้ยงเจ้าเขลาแท้แพ้แบเบอร์ รูปมวยคงลงความเป็นตามคาด เจ้าหัวกร่อนผู้ฉกาจ แต่อาจเผลอ ต้องบินหนีนกน้อยไม่ค่อยเจอ ดูร่าเร่อกระเชอรั่วรีบตัวเอียง สร้อยคีรีซอฝืนหรือยืนย่าม พาพวกตามตบตัดตวัดเฉวียง จนหายลับเลยกลุ่มต้นพุมเรียง เหลือแว่วเสียงเพียงปลายสอดสายลม แล้วลานลองของข้อก็สงบ มีแต่เสียงเหมือนสบอารมณ์สม จิ๋วจิ๋วจู้กู่เช่นกางเขนชม มีเม็ดกลมถ่มคายได้หลายเม็ด ฯ พรายม่าน สันทราย ๒๖.๑๒.๕๔ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 04 มกราคม 2012, 09:19:PM จุฬารำลึก ๑ ข้าวสุกเหลืองหมดลานไปนานแล้ว ลมเหนือแว่วแผ่วหวิวพลิ้วใบไผ่ กาสะลองแต้มขาวให้ราวไพร นึกถึงให้ นึกหาจุฬาลำพอง ๒ เคยทาบฟ้าท้าห่มลมเกี่ยวข้าว เสียงหง่างหง่าวกร้าวเกียรติเหยียดผยอง กับปักเป้าปราดเปรียวเฉี่ยวคะนอง ล้อกังหันหัวคลองทั้งสองเลา ๓ จึงอยากปลุกกระดาษสีเป็นชีวิต ร่างลิขิตรวมขันธ์ถึงวันเก่า เพียงตา กรีดมีดขวางแต่บางเบา ไผ่ก็กลมเกลี้ยงเกลา เหมือนเข้ากลึง ๔ เลือกสีสุกซอเก่าที่เปราปล้อง ยาวสักสองวาศอกพอปอกถึง มะตูมดิบต้นใหญ่ใต้ตองตึง มะเกลือครึ่งแก่ห่ามสักสามกำ ๕ ด้ายสมอทอใหม่ฝ้าย-ไนล่อน ยางรักอ่อนค่อนข้นลนไฟต่ำ กระดาษแก้วทอง-ชาด ตลาดชำ ใบลานพึ่งอ้ายคำต่างตำบล ๖ จุฬาใหญ่สูงออกเจ็ดศอกครึ่ง ไม้อกถึงนิ้วเฉียดกระเบียดฝน แก้อ่อนเสี้ยนเปลี่ยนไล่ด้วยไฟลน ชุบน้ำมันน้ำมนต์ ประกลประกาย ๗ จนผิวเคลือบเหลืองคล้ำระกำคลี่ เนื้อเป็นสีทรายขลับดังตับหวาย เหลี่ยมบนอวบรวบเสี้ยวลู่เรียวปลาย แต่หัวท้ายโน้มทานต้องต้านมือ ๘ ไม้ปีกคู่ตัดคร่าวราวไม้อก ยาวสี่ศอกเศษตกเผื่อยกถือ กลางเหลาไล่ปลายอ่อนร่อนกระพือ ให้โค้งครือตรง-คลี่ทั้งสี่ทาง ๙ คู่ขากบสั้นกว่าสักห้านิ้ว ปลายข้างอ่อนผ่อนผิวเรียวคิ้วถ่าง แข็งเหลือปีกซีกข่มพอกลมบาง ให้สมมาตรวาดวาง อย่างละเวง ๑๐ เหลาสะนูสู้ขนงชิ้นส่งท้าย ยาวเท่าปีกโค้งปลายรับสายเร่ง แล้วชิ้นโครงก็ครบจบเลบง พรุ่งนี้เพลงช่างพรายจะร่ายรำ ฯ พรายม่าน สันทราย ๔ มกร์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 09 มกราคม 2012, 01:28:PM จอมว่าวฤาชื่อแล้ง จากพงดงไผ่ปล้อง ลำเปลา เพียรขูดรูดขัดเกลา เกลื่อนแง่ง วิชาจากตาเรา ไยเหือด จอมว่าวฤาชื่อแล้ง หน่ายร้างรณปะรำ ๐ มะเกลือเหลือยางโกรก ต้องตำโยกโขลกขยำ ยางได้ไคลสีดำ ชำป่านชุ่มจุ่มกระชับ ๐ ไม้อกยกแบ่งออก สามส่วนลอกศอกสลับ หมายในให้พอนับ สิบสองศัพท์ปรับถึงปลาย ๐ หมายสี่คลี่ปลีซีก ทาบไม้ปีกหลีกปมป่าย เชือกไขว้ไพล่ประทาย ผิวลายแบนแอ่นลู่บาง ๐ หมายแปดปีกล่างปรับ ผิวไม้รับกับขึงขวาง มัดรึงกึ่งข้อกลาง วางระดับกับสายตา ๐ ขากบทบทับดึง หมายหกครึ่งตรึงซ้ายขวา คาดเค้นเป็นขื่อคา ท่าประกับรับประกัน ๐ กางผ่านก้านปีกหลบ ทั้งสองสบเสมอสัน กว้างแคบแนบประจัน มั่นสมมาตรศาสตร์สมมอง ๐ เชือกเข้าตะกรุดเบ็ด รัดปลายเสร็จแสกเป็นสอง ดึงคับจับประคอง คล้องปีกบนร่นแหลมใบ ๐ ปลายล่างจับขากบ โค้งโก่งครบจบวงไข ทิ้งปลายชายรำไร ไว้ผูกพู่ดูเป็นพวง ๐ ผูกปีกปลายมัดเช่น ให้กลมเล่นเป็นว่าวหลวง อย่าแหลมเรียวทะลวง เหมือนป่วงแร้งแกล้งมาลง ๐ เชือกพู่คู่ปลายปรบ เหมือนขากบสบประสงค์ ด้ายสักถักบรรจง คงก้านแหย่งทแยงยืน ๐ เมื่อโครงรัตน์จุฬา เสร็จสมค่าสง่าผืน วิชาตาก็คืน กลับฟื้นฟากฝากฟ้าฟอง ฯ พรายม่าน สันทราย ๙ มกร์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 11 มกราคม 2012, 01:35:PM เหลียวมาอึ้งทึ่งเสียว เหลียวมาอึ้ง
กลอนซึ้งซึ้งซึมซาบอาบอวลศิลป์ เขียดน้อยน้อยคอยอ่านงานกวินทร์ ปาดนิดหน่อยรอยราคินคงบ่คา มาชื่นชมครับ กามนิต ๑๑ ม.ค.๕๕ emo_89 หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 12 มกราคม 2012, 01:48:PM จุฬาระทึก .......... ขอบคุณนามกามนิตที่มิตรชอบ จะเขียดปาดหรือปอบยอบผญา ก็เขียนเผื่อใครคะนึงถึงเวลา อันพรางพร่าค่าบุหลันบนครรลอง ........ แม้เพียงกรอบครอบโก่งบนโครงครบ ยังสวยสบสมท่าจุฬาผยอง ลองนึกภาพอาบชาดแต้มตาดทอง ตัดแสงครองฟ้าครามคงงามลักษณ์ กระดาษสีคลี่แสดทั้งแปดพับ วางสลับจับซ้อนซ่อนสลัก ยางมะตูมตัดเสี้ยวนั้นเหนียวนัก เหลาไม้ควักตักป้ายขอบลายรด ต่อให้แผ่นใหญ่พรมสมมนัส ปูขนัดปัถวีด้วยสีสด แล้วทาบโครงโปร่งใสใส่ยงยศ เจียนโค้งคดปลดขีดด้วยมีดลิด .ให้แหลือรอบขอบล้ำแต่จำเพาะ แต่เพียงเหมาะเลาะกลับพอพับปิด ทากาวใส่ไล่เรียงแต่เพียงนิด รีดประชิดติดไต่หุ้มไม้มุด ตัดลูกปลาปิดป่ายด้ายกระแซะ ประดับแปะสีพ้องเป็นทองผุด กับพู่ริ้วพลิ้วคลี่อีกสี่ชุด เป็นพุ่มพุดบุษบันกระพั่นพัด อีกกลมกรองรองด้ายสายซุงซับ ปิดประกับรับเสวียนเคียนกระหวัด สายซุงสาวยาวออกสี่ศอกวัด แล้วควั่นรัดมัดอ้อมก็พร้อมรบ ตัดไม้หมอนรับสะนูคู่ประทะ สวมปลายหยอดรักสะ เค้นประกบ มัดใบลานคันเรียวเกี่ยวกระทบ ให้อ้อมหลบคมขัดกัดทะลุ เชือกผูกคันลองเหวี่ยงให้เสียงชัด กังวานจัดกระจ่างเข้มเต็มประจุ ให้สูงต่ำไหลรินเป็นสินธุ แต่โชนคุดุเถลิงดั่งเพลิงพริบ แล้วมัดคันหลังคอแต่พอคับ ให้โค้งขับปีกกลมสวยคมกริบ ดั่งไกรลาสลางไรอยู่ไกลลิบ จุฬาทิพย์ก็พร้อมลั่นวันระทึก ฯ พรายม่าน สันทราย ๑๒ มกร์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: ไม่รู้ใจ ที่ 17 มกราคม 2012, 10:40:PM (http://upic.me/i/a7/lampang01a.jpg) (http://upic.me/show/32192921) พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง เมลืองรองทองอร่ามงามวิจิตร เพียงพินิจสถิตค่าศรัทธาขวัญ ลำปางหลวงพระธาตุเนาแต่เก่าบรรพ์ จอมปิงนั้นมั่นอยู่คู่นคร พิลาศล้ำธรรมศิลป์กวินสร้าง สู่หนทางสว่างใสในคำสอน เป็นที่พึ่งอิ่มบุญอุ่นอาทร ดับทุกข์ร้อนผ่อนร้ายมลายทรวง ไม่รู้ใจ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 18 มกราคม 2012, 02:28:AM จุฬาระวี โผทาบกฤษฎากับอากาศ น้าวสุบรรณนภาราช จากสรวง ส่ายคว้างคว้ากั้นตะวันดวง ห้าวคึกถึกท่วงทำนองเพลง สอดสีระวีส่ง ลงหล้า ดุจจะบังสุริยากุมเหง สะนูขับสะบั้นสะบัด บรรเลง ละเวงร้องก้องกร้าวกังวานวาง ลูกปลาว่ายปลายเกล็ดระยิบย่อง เหลือบทองดั่งตะเพียนเวียนหาง วะวิบวับดับคณะสุรางคนางค์ สร้อยสังวาลซีดจาง รุจิระจม แดงชาดราวเพลิงจะพรั่นภพ ขับขบครามขำให้จำข่ม พู่ไสวไกวช่อเข้าล้อลม เหมือนจะพรมพร่างเพชรเก็จอมร นั่นหรือคือจุฬาที่ฟ้าขาน อันจรุงบุราณแต่กาลก่อน บนลืมไร้รากรับจะจับคอน ยังสวยงามข้ามนิวรณ์ นวัตกรรม ฯ พรายม่าน สันทราย ๑๘ มกร์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: ไม่รู้ใจ ที่ 18 มกราคม 2012, 10:19:PM (http://upic.me/i/2q/stars53a.jpg) (http://upic.me/show/32221128) ครึ้มเขาเงาป่าใต้ฟ้าคราม แดดไล้ลามผุดผาดพิลาสล้ำ ลมระบัดพลิ้วส่ายร่ายลำนำ เริงระบำยอดหญ้าวนาลี แมลงปอร่อนเอื่อยระเรื่อยผ่าน บุปผาบานลานปรุงทุ่งวิถี ผีเสื้อลิ้มชิมรสสดมาลี ท่ามขจีฤดีสมรมย์สราญ ไม่รู้ใจ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 19 มกราคม 2012, 12:57:PM ใต้ฟ้าคราม
ฟ้าเสกเมฆพลุ้ยเป็นปุยฟ้า นุ่มเนียนจินตนาโอ่อ่าฝัน แสงละมุนอุ่นห้วงดวงตาวัน เฉิดฉันท์ฉลองหล้าชื่นตาชม เขียวไม้ใบหญ้าแต้มตาตื่น ผาดผิวริ้วรื่นมารุตห่ม ยะเยือกมาเยือนอีกแล้วลม หวีดขรมหวิวแหวกแทรกสำเนียง เสียงซึ้งเคยซ่านแต่กาลเก่า เสียงเร้าเร่งนัยน์ไปตามเสียง จึงเห็นเด่นฟ้ามาเผดียง แจ้งเจรียงเจ้าจุฬาร่าเริงลม กามนิต ๑๙ ม.ค.๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: ไม่รู้ใจ ที่ 20 มกราคม 2012, 04:51:PM (http://upic.me/i/tk/lampang13s.jpg) (http://upic.me/show/32267551) ในม่านหมอก ม่านหมอกมัวสลัวลางกลางแนวป่า จินตนาบังเกิดเพริดสุขสม รออุษาฉานฉายพรายภิรมย์ นั่งชื่นชมจมจ่อมกล่อมภวังค์ คือครึ้มเขาเงาป่าใต้ฟ้ากว้าง คือเทียบวางบางยามของความหลัง คือห้วงฝันหล่อเลี้ยงเพียงประทัง ให้ใจยังหยัดยืนผ่านคืนวัน ไม่รู้ใจ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 26 มกราคม 2012, 09:49:AM หมอก-น้ำค้าง โรยรินเรื่อยริ้วพรายพริ้วรื่น ฉ่ำชื้นหมอกฉมพรมผืนหญ้า เผยเกล็ดเม็ดวาวสกาวตา เริงร่ารอรับกับอรุณ ระริกเต้นเย็นแต้มแย้มตฤณตื่น เรียวยื่นหยาดย้อยร้อยยวงหยุ่น โลกเผยลานผิวริ้วละมุน ทองทาบอาบอุ่นภิรมย์ชม สถิตอยู่ครู่ยามก่อนยามสาย สถิตงายแต้มงามตามเหมาะสม เพียงน้อยร้อยโลกคลายโศกตรม เพียงนี้ก็อุดมในแดดวง กามนิต ๒๖ ม.ค.๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: ไม่รู้ใจ ที่ 27 มกราคม 2012, 12:41:PM (http://upic.me/i/99/lampang10s.jpg) (http://upic.me/show/32452438) อุษาสางหมอกคลายขจายอุ่น อาบละมุนโลมหล้าทาบทาสรวง เอื่อยเอื่อยโชยลมหวนครวญคำทวง ถึงยามล่วงห่วงหาสัญญาเตือน ตะวันคล้อยลอยชายจนบ่ายค่ำ หาลำนำคำใครที่ใดเหมือน แม้นดื่มด่ำกำซาบเพียงภาพเลือน มิเช่นเยือนชิดชื่นระรื่นเนา ไม่รู้ใจ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 29 มกราคม 2012, 11:10:PM กานแก้ว ๑ ๑. นพมาศ หอพักใหม่หมาดหมาดซอยกาดเหลือง อยู่ลึกเลยตลาดร้านสมชานเมือง เงียบสงบหลบเรื่อง เปลืองเหล้าโรง อยู่ริมทางริมธารข้ามลานวัด ด้านหน้าจัดแบ่งจองเป็นสองโถง เครื่องซักผ้าวางรายสายระโยง เหลือหนึ่งโล่งให้เช่าเอาเข้าคลัง ๒. วัดน้อย วัดบนรอยพุกามจากความหลัง กับโบสถ์เล็กบันฉลุเริ่มผุพัง นาคขนดขดรั้ง บั้งฉาบรา แต่โพธิ์ใหญ่ครึ้มต้านสังสารวัฏ ยังยืนหยัดพยานย่ำธรรมคาถา กำแพงแก้วกรำขาวเป็นคราวครา ที่ผ่านทาทับถม หลายสมภาร ๓. ลานข่อย ลานปูนร่อนกร่อนร่อยรอยประสาน เป็นลานว่างหน้าวัดเผื่อจัดงาน ตั้งโรงคั่วครัวทานส่งผ่านบุญ ที่มุมลานด้านข้างลำรางน้อย มีต้นข่อยเดี่ยวครึ้มยืนซึมฝุ่น กับม้านั่งตีระแนงทแยงดุน สีขาวขุ่นรุ่นคร่ำเท่ากำแพง (ยังมีต่อ) พรายม่าน สันทราย ๒๙ มกร์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 29 มกราคม 2012, 11:39:PM กานแก้ว ๒ ๔ ธนากร มานพอ่อนหน้าหนุ่มจากชุมแสง อยู่ปีห้าสถาปัตย์กะรัตแรง เตรียมจัดแจงแต่งค่าปริญญานิพนธ์ ได้ห้องล่างขวางโล่งเป็นโถงกว้าง สะดวกวางตั้งกองไม่ต้องขน ทั้งโต๊ะแคบแบบไม้ใส่เครื่องบน งานสืบค้นปนขยุ้มเวียงกุมกาม ๕.ละแวกใกล้ พอเลยไปเกือบพ้นต้นมะขาม มีร้านชำช่วยชีวีบะหมี่ชาม กับอีกสามหลังซึ่งมุงตึงตอง ซุ้มพวงแสดแผดพลังนั่นหลังแรก ส่วนส้มแขกแคฝรั่งเป็นหลังสอง ได้ยินว่าจ๊ะหมู่เป็นคู่ดอง ทำไร่เผือกเลือกร่อง อยู่คลองใน หลังสุดท้ายชายครัวติดรั้วหอ ราตรีพุ่มสุมยอเป็นกอใหญ่ ตำลึงเถาคลุมทั่วทั้งครัวไฟ เหมือนบ้านร้างรำไรไร้ชีวิน เห็นร้านชำว่าบ้านอุ๊ยกานแก้ว อยู่แต่เริ่มวางแถววัดแนวถิ่น เคยได้ผัวรังวัดจัดที่ดิน แต่หายสิ้นเสร็จสรง สาววงซอ (ยังมีต่อ) พรายม่าน สันทราย ๒๙ มกร์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 30 มกราคม 2012, 09:19:AM กานแก้ว ๓ ๖. ฝนยามย่ำค่ำวันเสาร์ โปรยเม็ดเบาบางราวลมหนาวขอ ยังไม่ทุ่มมืดทาฟ้าสีมอ แสงไฟล้อฝนเกล็ดเป็นเม็ดพราว ธนากรมุงานแก้ตั้งแต่บ่าย เพิ่งจะหายคลายผ่อนก็ตอนหนาว กับคืนฉ่ำค่ำพลบฟ้ากลบดาว ราตรีขาวราวรินโชยกลิ่นจาง และอย่างที่ระแวงไว้ว่าใครจ้อง ที่โคนข่อยรอยส่อง จากแสงสาง เห็นสาวหนึ่งผินหน้ามารางราง ใครหนออยากตากว่าง กลางฝนพรำ แต่สงสัยไม่ค้างเกินขวางขืน เธอลูกยืนค้อมหัวก้มตัวต่ำ ก้าวยาวยาวข้ามพ้นถนนดำ มาหยุดเคียงเสาค้ำ หลังคาเครือ เขาเพ่งมองหน้าอิ่มแล้วยิ้มให้ ตากลมใสสีครามนั้นงามเหลือ ผมมวยมุ่นปักหมิ่นปิ่นมะเกลือ เหมือนสาวเหนือหลุดสมัยในวังเวียง คล้ายความจำเคลื่อนคลาดจะขาดข้าม ว่าเธอถามถึงทางหว่างเฉวียง จะกลับบ้านที่ร้านวัดอยู่ถัดเรียง เลยลองเสี่ยงเข้ามาตามหาดู (ยังมีต่อ) พรายม่าน สันทราย ๓๐ มกร์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2012, 02:53:PM กานแก้ว ๔ จะมีใครไหนงงจนหลงบ้าน หรือเนิ่นนานผ่านเฟื่องในเมืองหรู เลยลืมทุ่งลืมหนองลืมคลองคู อย่างที่รู้ที่เห็นเขาเป็นกัน แต่ตาซื่อหรือใช่คนใจแตก ที่ยอมแลกใจล่วงในบ่วงฝัน คงเหตุอื่นอันอาจขวางคาดทัณฑ์ ที่เปลี่ยนผันวันพ่ายเป็นหลายปี จึงบอกเธอถามคนเฒ่าเขาคงรู้ อย่างป้าชูร้านชำประคำศรี พี่มาใหม่ไม่ครบจบเดือนดี อย่างพอมีที่ลำดับก็นับคน รอยยิ้มเย็นเร้นจางกลบว่างหวัง หรือตาเศร้านั่นกระมังที่ยังหม่น คำเมืองตอบขอบคุณเครือระคน ก่อนก้าวพ้นเพิงค้ำสู่ค่ำคืน ๗. วันอาทิตย์ค้างคณะประชุมน้อง งานยังค้างอยู่ที่ห้องก็ต้องฝืน เพื่อศรัทธาโซตัสอันหยัดยืน ธรรมเนียมผืนภราดรกระฉ่อนเรือง ลืมสาวมุ่นมวยพเยียเสียสนิท จนบ่ายจันทร์วันติดตลาดเหลือง พอผ่านโค้งลานข่อยคอยชำเลือง ภาพคืนนั้นก็ไหลเนื่องสู่คำนึง (ยังมีต่อ) พรายม่าน สันทราย ๓ กุมภ์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 10:50:AM กานแก้ว ๕ ๘.บนถนนใกล้ราตรีซุ้ม มีคนยืนชุมนุมอยู่กลุ่มหนึ่ง พยักพเยิดพึมพำเหมือนรำพึง เอ็นดูซึ่งดายเดียวเหมือนเดี่ยวดาว อุ๊ยกานแก้ว ตายแต่เสาร์ ราวบ่ายสี่ ป้าชูประคำศรีส่งข่าว วันนี้จะเคลื่อนศพไปชั่วคราว แกคงหนาวเหลืออนาถไร้ญาติโยม ตาอินต๊ะจะไปขอรากยอป่า มาเข้ายาหม้อหลักกับผักโขม ตะแคงคว่ำแคร่เคียงตะเกียงโคม คือร่างซีดเปียกโทรม เป็นซังเซา ที่แปลกคือเมื่อวานวันอาทิตย์ แต่ฝนปิดฟ้านั่นค่ำวันเสาร์ แหละเพียงฝอยปรอยลมพรมเบาเบา พอรุ่งเช้าก็เข้าแดดแผดระยับ เรื่องประหลาดวาดหวั่นไม่ทันครบ ขบวนศพปรบเท้าเข้าขยับ ไร้ปราสาทคาดทองมารองรับ แขกก็นับจับได้คนใกล้เคียง พี่สายคำน้ำลือคนถือรูป กระถางธูปเหลืองลายอ้ายเสวียง โลงได้หนานบ้านบนสี่คนเรียง ครูบาเขียงคลี่ปลายสายสิญจน์เคียน (ยังมีต่อ) พรายม่าน สันทราย ๑๓ กุมภ์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 11:08:AM กานแก้ว ๖ (ส่งท้าย) ๙. สะท้านแล้วสะท้อนไห้นะใจเอ๋ย แม้ไม่เคยพบกันก่อนวันเปลี่ยน แต่เรื่องราวข่าวล้นยังวนเวียน ขอส่งเทียนสุดท้ายปลายวิทูร เถิดขอสร้างกุศลด้วยคนหนึ่ง กับร่างซึ่งหมดเศร้าเงาอสูร ไม่มีแต้มน้ำตาวันอาดูร ไร้ญาติพงศ์วงศ์ประยูรเกื้อกูลแล้ว แต่พอใกล้ได้เห็นกลับเย็นวูบ นั่นหรือรูปอุ๊ยที่ขานว่ากานแก้ว ถึงกระจกแสงจับอยู่วับแวว มุ่นมวยผมหรือจะแล้วจากลบเลือน คือสาวน้อยคือคนคืนฝนบ่า เกินคลับคล้ายคลับคลายิ่งกว่าเหมือน ยิ่งรอยยิ้มรอยโศกโลกสะเทือน ราวจะเคลื่อนเดือนฟ้าลงมาดิน ขบวนผ่านลานข่อยจนคล้อยห่าง เหลือควันธูปจางจางกับสางกลิ่น เสียงใบโพธิ์พัดไหวจนได้ยิน กับเย็นเยือกเกลือกกิน ธนากร ฯ พรายม่าน สันทราย ๑๓ กุมภ์ ๕๕ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: ยามพระอาทิตย์อัสดง ที่ 08 มีนาคม 2012, 10:18:PM (http://3.bp.blogspot.com/-3gDXym53YZk/T1jMsGUPJnI/AAAAAAAABRo/lkzibiYdFIc/s320/Lan+Barber+9.bmp) ในครึ้มเขาเงาป่าใต้ฟ้าคราม แมกไม้งามท่ามกลางทางภูผา หมอกเบาบางจางคลุ้งฟุ้งนภา สุดปลายฟ้าพายล-ดลฤดี แสงทอทาบอาบหล้าทิวากร ประภัสสรย้อนตัดจรัสศรี เทือกทิวป่าคราชมรมณีย์ ร่ายวจีชี้ชัดระบัดใบ ท้องฟ้าครามอร่ามตาพากระจ่าง ส่องเป็นทางต่างลอดหว่างยอดไม้ กระทบพื้นผืนหญ้าพนาไพร ซ่านทรวงในให้หวนครวญกวี พระอาทิตย์อัสดง ขอขอบคุณภาพสวยงามจาก Mr. Lan Barber (Thanks for your photo) Google + หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: juan chumpol ที่ 19 มีนาคม 2012, 04:32:PM emo_47 emo_45 emo_20 emo_51 emo_32 emo_26 emo_28 emo_17 emo_33 emo_18 emo_30 emo_29 emo_05 emo_06 emo_40 emo_10 emo_06
http://www.youtube.com/watch?v=AR2sRpae8Nw#noexternalembed (http://www.youtube.com/watch?v=AR2sRpae8Nw#noexternalembed) หมู่บ้านช้างชั่งใหญ่โตโอ่โถง พื้นที่โล่งโขลงช้างโชว์ความสามารถ ร่มรื่นชื่นคืนสู่ธรรมชาติ เรียนเชิญใช้โอกาสพลาดไม่ได้ ฝ่ายต้อนรับกระฉับกระเฉงพร้อม ยินดีน้อมพร้อมรับขับสู้สบาย บริการขานรับขยับง่าย ชี้แนะนำทำให้ในทุกสิ่ง มีโชว์ช้างบ่างลิงกลิ้งสนุก บ้างขำจุกลิงหลอกหยอกขำกลิ้ง สารพัดจัดแสดงแต่งกายจริง เก่งไม่หยิ่งหลอกเล่นเห็นหลายรอบ หัวข้อ: Re: ครึ้มเขา..เงาป่า..ใต้ฟ้าคราม เริ่มหัวข้อโดย: กามนิต ที่ 30 พฤษภาคม 2012, 11:51:AM เหม่อมองป่าคอนกรีตอันซีดเศร้า ระริกเร่าไอแดดที่แผดผ่าน นั่งในห้องกล่องเหลี่ยมเหงียมอาการ ง่วนกับงานงกเงิ่นแลกเงินตรา ทุกเช้าเย็นเป็นมดกระถดก้าว ทิวแถวยาวทางเทียวราวเรียวป่า ยัดทะนานกันในรถไฟฟ้า เทียวไปมาทุกผู้ดูเดียวดาย อยู่ห้องแคบแออัดบ้านจัดสรร ผ่อนนับกัลป์รำไรไร้จุดหมาย เป็นที่ซุกหัวนอนพอผ่อนคลาย ถึงสบายหากแห้งกว่าแล้งดอย เป็นมดเมืองเรืองล่องในกล่องเหลี่ยม ใจแห้งเกรียมกว่าเหงากลางเศร้าหงอย ฝันเห็นป่าพนาไพรใจรอคอย พักร้อนหน่อยปีนี้จะรี่ไป จะชมป่าชื่นปอดและปลดปล่อย จะขึ้นดอยเยี่ยมดูยอดภูได้ จะลุยคลองน้ำคล่องคะครึกไคล จะสูดไออ้อยอิ่งทิ้งเหงาเอย กามนิต, ๓๐ พ.ค.๕๕ emo_85 |