หัวข้อ: เรื่องสั้นชุด เนาทุ่ง ตอน เนาทุ่ง เริ่มหัวข้อโดย: กาญจนธโร ที่ 04 ธันวาคม 2011, 09:49:PM ขอเทอดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ด้วยวิถีพอเพียง ในรูปแบบเรื่องสั้น ชุด เนาทุ่ง ตอน เนาทุ่ง ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา ปภัสร์ ผู้ประพันธ์ เนาทุ่ง ทุ่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไม้ยืนต้นห่างๆแซมข้าวเขียวขจีในผืนนา แต่พอทอดตาออกไป ต้นไม้ที่เห็นยืนต้นห่างกันไกลๆก็กลายเป็นทิวไม้หนาทึบเมื่อยามมอง ข้าวกำลังตั้งท้อง รออีกเดือนกว่าๆก็จะถึงฤดูเก็บเกี่ยว ความของชาวนาไทย ตะวันคล้อยดวงใกล้จะลับทิวไม้ในอีกไม่นาน ฝูงนกกระยางบินลัดไปด้านเหนือทุ่ง ก้อนแหงนคอมองตามมันไปจนลับสายตา พ่อเคยบอกว่ามันกลับไปนอนป่าที่มันเคยนอนซึ่งอยู่ไกลออกไป พ่อเองก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าไกลแค่ไหน เพราะก้อนเคยถามแต่พ่อจะตอบแค่ว่า ไกลมาก แค่นั้น “รีบมาสิก้อน เดี๋ยวค่ำก่อนจะปักเบ็ดไม่ทันนะลูก”เสียงพ่อดังมาจากคันนา “ไปเดี๋ยวนี้จ้ะพ่อ” ก้อนตอบพ่อ ก่อนจะคว้ากระป๋องใส่ไส้เดือนที่ขุดจากข้างลอมฟางเก่ามาทำเป็นเหยื่อสำหรับเกี่ยวเบ็ด กับตะข้องขึ้นสะพายบ่า ก้อนหันไปมองแม่ที่นั่งนึ่งข้าวอยู่ใต้ถุนเถียงนา แม่ยิ้มแล้วบอกว่า “รีบไปเถอะ มัวชักช้าเดี๋ยวพ่อเขาจะเอ็ดให้ เดินนาก็ให้ระวังบ้างนะลูก” “จ้ะแม่”ก้อนรับคำแม่ ก่อนออกวิ่งตามพ่อไป ตั้งแต่ก้อนจำความได้ ช่วงข้าวตั้งท้อง ฝนชุก พ่อกับแม่จะพาก้อนกับไอ้แดงหมาน้อยที่เลี้ยงไว้ นางแหวนควายตัวเดียวของพ่อแล้วก็ไก่อีกไม่กี่ตัว มานอนที่นาทุกปี พ่อบอกว่างานนาเยอะบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านก็ไม่ได้มีสมบัติอะไรให้ห่วง สู้ออกมาอยู่เสียที่นาเลยดีกว่า ไม่ต้องเทียวเข้าเทียวออกให้เมื่อย เมื่อก่อน ก้อนก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ตอนนี้ก้อนพอจะเข้าใจแล้วว่า ที่พ่อหาเหตุผลให้แม่ยอมออกมาอยู่ที่นา เป็นเพราะห่วงแม่ที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนักมากกว่ากลัวจะเหนื่อย อยู่ใกล้กันเผื่อมีอะไรขึ้นมาจะได้ดูแลกันได้ทัน พ่อเดินปักเบ็ดไว้บนคันนาแล้วสางหญ้าที่เลื้อยคลุมน้ำออกเป็นวงกลมๆไว้สำหรับหย่อนเบ็ดลง ก้อนมีหน้าที่เดินเกี่ยวเหยื่อแล้วหย่อนเบ็ดตามพ่อไป เสียงไอ้ช่อนฮุบตั้กแตนข้างคันนาดังโผง ก้อนยิ้มแล้วตะโกนถามพ่อ “ไอ้ตัวนี้ท่าจะตัวใหญ่นะพ่อ” “รีบเกี่ยวเหยื่อไวไวเข้าสิ จะได้รู้ว่าตัวเล็กหรือตัวใหญ่ หึหึ!”พ่อตอบพร้อมกับหัวเราะอารมณ์ดี ก้อนได้ยินพ่อบอกกับแม่ว่า ปีนี้ข้าวงาม ต้นอวบใหญ่กว่าทุกปี ท่าจะได้ข้าวหลายเกวียนอยู่ แถมปลาในนาก็ชุม พ่อกับก้อนปักเบ็ดได้แบ่งขาย มีเงินให้ก้อนไปโรงเรียนทุกวัน ตั้งแต่ออกมาอยู่ที่นาพ่อไม่เคยให้แม่ทำงานนาเลย แม่มีหน้าที่นึ่งข้าวทำกับข้าว แรกๆเสื้อผ้าแม่ต้องแอบซัก เพราะพ่อห้าม พ่อบอกแม่ว่า จะซักเองทั้งหมด พอรู้ว่าแม่แอบซักผ้าพ่อก็บ่น แต่บ่อยเข้าก็คงคร้านจะพูด เดี๋ยวนี้ก้อนเลยไม่ได้ยินเสียงพ่อบ่นเรื่องแม่แอบซักเสื้อผ้าอีกเลย สุขภาพของแม่เริ่มดีขึ้น พักนี้แม่ไม่ค่อยไอเหมือนตอนที่อยู่ในหมู่บ้าน พ่อก็เลยหัวเราะบ่อยขึ้น เบ็ดหลังสุดท้ายถูกหย่อนลงน้ำไปแล้ว ก้อนเดินตามพ่อไปจนถึงสระน้ำเล็กๆที่พ่อขุดเองตรงปลายนาติดลำห้วยยาง พ่อถอดผ้าขาวม้าพันเอวออกวางไว้ขอบสระก่อนจะลงไปเก็บผักกระเฉดกับผักบุ้งยอดอวบสำหรับจิ้มน้ำพริกค่ำนี้ ก้อนถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วกระโดดตูมลงไปดำผุดดำว่ายเล่น “รีบอาบรีบขัดถูขี้ไคลซะให้เรียบร้อย จะได้รีบกลับ แม่เค้าคอยกินข้าวอยู่นะก้อน”เสียงพ่อบอก “จ้ะพ่อ”ก้อนรับคำพ่อ เกือบทุกวันหลังจากปักเบ็ดเสร็จ ถ้าไม่ค่ำจนเกินไปนัก พ่อจะพาก้อนมาเก็บผักและอาบน้ำที่สระนี่ ก่อนจะกลับเถียงนาเป็นประจำ พ่อบอกว่าช่วยผ่อนภาระ เรื่องตักน้ำใส่ตุ่มของแม่ให้เบาลงด้วย ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ยังคงทิ้งแสงไว้ให้มองเห็นได้อีกพักใหญ่ๆ ก้อนเดินตามหลังพ่อมาติดๆ ขากลับพ่อจะยกเบ็ดดูทุกหลัง ถ้าปลาติดเบ็ดก็ปลดเอาปลา ถ้าเหยื่อหมดพ่อก็จะเกี่ยวเหยื่อหย่อนเบ็ดลงไปใหม่ ก้อนกับพ่อถึงเถียงนาฟ้าก็มืดพอดี แม่มองดูตะข้องที่สะพายบ่าของก้อน แม่ยิ้มแล้วถาม “ได้มากี่ตัวหละ”พ่ออมยิ้มส่งกำผักให้แม่แล้วมองก้อน “ได้มาสามตัว มีแต่ตัวเกือบๆโลทั้งนั้นเลยจ้ะแม่”ก้อนตอบก่อนจะเอาปลาไปขังไว้ในตุ่ม ไว้ทำกับข้าวมื้อต่อไป หรือถ้ามีใครมาขอซื้อ แม่ก็จะเป็นคนจัดการ “ไปล้างไม้ล้างมือ แล้วมากินข้าวกัน วันนี้แม่ทำน้ำพริกปลาย่างของโปรดของก้อนเลยนะ” “กินเลยไม่ได้หรือจ้ะแม่”ก้อนถามแม่ แต่ที่ก้อนได้ยินแล้วทำให้หดคอห่อไหล่นั่นคือเสียงคราง”ฮือ”ยาวๆในคอของพ่อ แม่มองแล้วก็อมยิ้ม ก้อนรีบเลี่ยงไปล้างมือแล้วมานั่งลงข้างแม่ “พ่อคืนนี้ให้หนูไปยกเบ็ดด้วยคนนะ”ก้อนถาม “ไม่ต้องไปหรอก พรุ่งนี้ตื่นไปเรียนสายอีก”พ่อบอก ระยะทางจากนาไปโรงเรียนร่วมร่วมสองกิโลฯ แต่ไม่ได้ไกลเลยในความรู้สึกของก้อน “นะพ่อนะ ให้หนูไปด้วยนะหนูสัญญาว่าจะไม่ตื่นสาย จริงๆจ้ะพ่อ” “รีบกินข้าวเถอะน่า”พ่อตัดบท ก้อนเลยก้มหน้าก้มตากินข้าว กินได้นิดเดียวก็อิ่ม ลุกขึ้นไปกินน้ำที่นอกชานเถียงนา “ทำไมอิ่มเร็วนักหละลูก”แม่ถาม แต่ก้อนไม่ตอบ พ่อเพียงแต่มองตามหลังก้อนไม่พูดอะไร “ให้ลูกไปด้วยสักวัน คงไม่เป็นไรมั้งพ่อ”แม่ถามน้ำเสียงคะยั้นคะยอด้วยสงสารก้อนอยู่ในที “กินข้าว”พ่อพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบ แม่ก็เลยต้องเงียบตามพ่อ ข้าวมื้อเย็นผ่านไปแล้ว พ่อลงไปใต้ถุนเถียงนา สุมฟืนเพิ่มเข้ากองไฟที่หรี่ใกล้มอดเต็มที นอกจากให้แสงสว่าง สร้างความอบอุ่น แล้วยังเป็นการไล่ยุงด้วยควันไปในตัว ก้อนนอนหนุนตักแม่ ฟังแม่เล่านิทานเรื่องดาวลูกไก่ ก้อนจำไม่ได้ว่าแม่เล่านิทานเรื่องดาวลูกไก่ให้ฟังกี่ครั้งแล้ว แต่ก้อนจำได้เกือบทุกคำที่แม่เล่า โดยเฉพาะตอนที่ตาบอกกับยายว่าต้องเชือดแม่ไก่ทำกับข้าวไปถวายพระธุดงค์ แม่ไก่ได้ยินสองตา ยาย ปรึกษากันก็ยอมตายเพื่อตอบแทนบุญคุณของตา ยาย แต่ก็เป็นห่วงลูกๆที่ยังเล็กทั้งเจ็ดตัว ว่าจะไม่มีใครคอยปกป้องดูแลลำพังตากับยายก็ต้องออกไปไร่ไปนา ไหนจะมีเวลามาดูแลสักเท่าไหร่ จึงสั่งเสียกับลูกๆทั้งเจ็ด และกำชับกับลูกไก่พี่ตัวแรกว่า ต้องดูแลน้องๆให้ดี ให้คอยระวังพวกนกเหยี่ยว นกแร้งให้ดี เพราะนับแต่วันพรุ่งนี้ แม่ไก่จะไม่ได้อยู่ดูแลลูกไก่อีก บรรดาลูกไก่ได้ฟังแม่สั่งเสีย ต่างก็ร้องให้ จนรุ่งเช้ายายก่อไฟต้มน้ำ ข้างฝ่ายตาก็ไปจับแม่ไก่มาเชือดเสร็จตาโยนแม่ไก่ที่ยังเกร็งกระตุกอยู่ ไปกลางลานลูกไก่ทั้งเจ็ดตัวต่างก็พากันวิ่งวน รอบตัวแม่ไก่ พลางส่งเสียงร้องเจี้ยบ เจี้ยบ เหมือนจะปลุกให้แม่ฟื้นขึ้นมา เป็นที่น่าเวทนาแก่ตายายยิ่งนัก กระทั่งน้ำร้อนได้ที่ ยายก็มาคว้าร่างแม่ไก่ไปจุ่มลงหม้อ ลูกไก่มองเห็นก็พากันกระโดดเข้ากองไฟ ตายตามแม่ไก่ไป ด้วยอานิสงค์แห่งความกตัญญู ทำให้ลูกไก่ทั้งเจ็ดได้ไปเกิดเป็นดาวบนฟ้าทั้งเจ็ดดวง....................................................................................... มีต่อ... หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นชุด เนาทุ่ง ตอน เนาทุ่ง เริ่มหัวข้อโดย: กาญจนธโร ที่ 04 ธันวาคม 2011, 09:51:PM พ่อลุกขึ้นบอกให้ก้อนไปเตรียมตะข้องใส่ปลา กับไฟฉาย ก้อนฉีกยิ้มจนแก้แทบปริแล้วรีบกระวีกระวาดไปหยิบตะข้องมาสบายบ่า
“แม่ หยิบไฟฉายให้หนูหน่อยแม่”ก้อนตะโกนบอกแม่ เงียบไม่มีเสียงตอบ ก้อนคิดว่าแม่หลับไปแล้ว เลยเดินไปหยิบไฟฉายตรงข้างที่นอนเอง เหลือบตามองในที่นอน แม่ยังไม่ได้เข้ามานอน แล้วแม่ไปไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือก้อนเผลอหลับ ตอนแม่ลุกไปทำธุระก้อนเลยไม่รู้เรื่อง หันมาว่าจะถามพ่อ แต่พ่อก็ลงไปยืนคอยที่คันนาโน่นแล้ว จึงรีบก้าวยาวๆตามพ่อให้ทัน ก้อนกับพ่อมีไฟฉายคนละกระบอก แต่พ่อไม่ค่อยเปิดไฟ หน้าที่ส่องไฟเลยตกเป็นของก้อนโดยปริยายคืนนี้ได้ปลาสิบกว่าตัวแล้ว ล้วนแต่ตัวโตๆทั้งๆที่พ่อเพิ่งยกเบ็ดยังไม่ถึงครึ่งจากเบ็ดทั้งหมดสองร้อยห้าสิบหลัง “ส่องไฟดูตรงนี้สิก้อน”เสียงพ่อบอก ก้อนฉายไฟส่องตรงที่เคยปักเบ็ดเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้มองไม่เห็นคันเบ็ด เพราะปลาติดแล้วลากสายเบ็ดไปพันรอบกอข้าวเลยดึงคันเบ็ดจมลงอยู่ใต้น้ำ ขณะที่พ่อกำลังใช้มือควานหาคันเบ็ดอยู่ นั่นเองเสียงผิดปกติกังขึ้น ก้อนฉายไฟส่องไปตามเสียงที่ได้ยิน แล้วก็ต้องตกใจจนตัวชา เพราะสิ่งที่เห็นมันคืองูเห่าตัวเขื่องกำลังแผ่แม่เบี้ยชูคอในท่าพร้อมฉก อยู่ห่างพ่อไปไม่ถึงศอก ก้อนอยากตะโกนบอกพ่อแต่ไม่รู้สุ้มเสียงมันหายไปไหนหมด มือที่ถือไฟฉายกำแน่น ก้อนรู้สึกเหมือนว่าลมหายใจจะขาดห้วงเสียให้ได้ในเวลานั้น ตามองดูพ่อที่นั่งนิ่งไม่ขยับ มือพ่อยังถือคันเบ็ดที่ปลดสายพันรอบกอข้าวออกแล้วเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเต็มที เมื่อไม่เห็นคนขยับเขยื้อน งูเห่าก็ค่อยๆลดพังพาน และเริ่มยอบตัวลงช้าๆ ทว่า จู่จู่ไอ้ช่อนที่ติดเบ็ดกลับดิ้นจนน้ำกระเซ็น เสียงปลาดิ้นและน้ำที่กระเด็นมาถูกตัว ทำให้พ่อสะดุ้ง ก้อนมองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ได้ยินแต่เสียงพ่อร้องว่า”โอ๊ย!”แล้วงูเห่าตัวขนาดแขนทารกก็หายไปเห็นแต่พ่อที่ล้มลงบนคันนาพ่อใช้มือขวากุมต้นแขนอีกข้างเอาไว้บิดตัวไปมาด้วยปากก็ครางด้วยความเจ็บปวด ก้อนยืนตัวแข็งราวถูกสาปน้ำตาไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติ ในความพร่าเลือนเพราะสองตาถูกกลบด้วยน้ำจนเต็มเบ้า ก้อนมองเห็นพ่อเริ่มบิดตัวช้าลง เป็นเวลาพอสมควรทีเดียวกว่าก้อนจะตั้งสติได้ สิ่งเรียกหลังจากนั้นที่ก้อนทำก็คือตะโกนเรียกแม่จนสุดเสียง สองแขนน้อยๆของก้อนพยายามจะประคองให้พ่อลุกขึ้นนั่ง แต่ตัวพ่อหนักเหลือเกินความพยายามของก้อนไร้ผล มีเพียงเสียงของก้อนเท่านั้นที่ตะโกนเรียกแม่ไม่หยุด “แม่..ช่วยด้วยแม่..ช่วยพ่อด้วย พ่อถูกงูกัดแม่”เสียงของก้อนดังสะท้อนสะท้านไปทั้งทุ่ง...... “ก้อน..ก้อน..เป็นอะไรลูกก้อน”เสียงแม่นี่นา ก้อนได้ยินเสียงแม่ แม่มาช่วยพ่อแล้วแต่ทำไมมันมืดเหลือเกิน ก้อนพยายามลืมตาสองมือไขว่คว้า โผเข้ากอดแม่พลางระร่ำระลักบอกแม่ด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “เผาะ..เผาะ..พ่อ..ถูกหงุ..หงู..งูกัดหนะ..แหมะ..แหะ..แม่.ช่วยพ่อทิ..ทิ..ทีสิแม่ พ่อถูกหงุ..หงูกัด” “งูที่ไหนกันลูก..หือ..ไม่มีหรอก”แม่บอกพร้อมกับกอดก้อนเอาไว้ ใช้ฝ่ามือลูบหัวก้อนเบาๆไปมาพลางเช็ดน้ำตาให้ “เผาะ..เผาะ..พ่อ..ถุ..ถูกงูกัดจริงนะ..นะแม่ก้อนเหะ..เหะ..เห็น”ก้อนบอกยังไม่หายสะอื้น “เจ้าก้อนมันเป็นอะไรหละบัวเสียงดังลั่นทุ่งเลย..แล้วนี่ทำไมไม่จุดตะเกียงหละ”เสียงพ่อถามมาจากนอกชานเถียงนา ก้อนได้แต่ งง ก็พ่อถูกงูกัดนอนบิดอยู่บนคันนาแล้วพ่อลุกเดินกลับมาเถียงนา..เถียงนา แล้วนี่ก้อนมาอยู่บนเถียงนาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ ก้อนไม่เข้าใจ “สงสัยจะฝันร้ายนะพี่..ครางฮือๆแล้วก็ตะโกนเรียกให้บัวไปช่วยพี่ แกว่าพี่ถูกงูกัด”ก้อนเข้าใจก็ตอนที่แม่ตอบพ่อนี่เองว่าทำไมพ่อถึงเดินกลับมาไหว แล้วทำไมตัวก้อนถึงมาอยู่บนเถียงนาได้ เสียงพ่อเดินมาจุดตะเกียงหลังจากที่เอาปลาไปขังไว้ในตุ่มแล้ว แสงตะเกียงสว่างทาบใบหน้าของพ่อ ก้อนเพิ่งจะรู้ว่าพ่อเป็นคนที่น่ามองที่สุดในโลกก็คืนนี้นี่เอง พ่อเข้ามาในมุ้งใช้ฝ่ามือลูบหัวก้อนเบาๆ “ไม่ให้ไปยกเบ็ดด้วย ถึงกับเก็บเอามาฝันเลยหรือลูก..หือ”พ่อถามยิ้มๆก้อนก้มหน้าซบกับไหล่ของแม่ กลั้นก้อนสะอื้นในคอค่อยๆคลายไปแล้ว อยากถามพ่อเหลือเกินว่าพ่อได้ปลากี่ตัว แต่ก้อนกลับรู้สึกถึงความหนักของริมฝีปากละหนังตา แม่วางก้อนลงบนที่นอน อยากลืมตาแต่ลืมไม่ขึ้น ได้แต่นอนวาดภาพเอาว่าปลาที่พ่อได้มาจะต้องมีแต่ตัวโตโต แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้จะต้องรีบตื่นแต่เช้าให้ทันพ่อ จะได้ไปช่วยพ่อยกเบ็ดปลดปลา แล้วไม่นานก้อนก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลยจนกระทั่ง “ก้อน..ก้อน ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปเรียนสายนะ”เสียงพ่อนั่นเองที่กลับมาจากไปยกเบ็ดเช้ามา...... จบตอน ------------------------^o^----^o^---^o^---------------------------- |