หัวข้อ: จบสิ้น ถวิลครวญ เริ่มหัวข้อโดย: อักษราวารี ที่ 22 พฤศจิกายน 2011, 01:03:AM (http://2.bp.blogspot.com/_2KmL1O4RHKU/TRW186yee2I/AAAAAAAAAA4/Z_60fhFd8dw/s1600/alone11.jpg) จำต้องร้าง ห่างเจ้า จึงเหงาหงอย ไร้ผู้คอย เคียงข้าง เส้นทางฝัน หวนคำนึง ถึงกาล ที่ผ่านวัน แต่ก่อนนั้น บ่งชี้ ว่ามีใจ มโนหวน ครวญหา ทุกคราค่ำ ฤดีย้ำ ยามตื่น สะอื้นไหว โลกหมองหม่น ป่นหล้า นภาลัย มิเรืองใส สดหวาน ดั่งวารเคย มันระทม ขมขื่น มิชื่นจิต จนชีวิต ช้ำฟก โอ้...อกเอ๋ย ความสุขสันต์ อันซ่าน ได้ผ่านเลย ฤ สรวงเย้ย หยันข้า ให้อาวรณ์ แม้นชีวิน สิ้นจบ ในภพนี้ แต่ฤดี มั่นรัก มิจักถอน จะข่มทรวง ล่วงก้าว ผ่านร้าวรอน คว้ารักก่อน เคยชื่น กลับคืนมา เจ้ารู้ไหม ใครเล่า ที่เฝ้าหวง สี่ห้องทรวง รอคอย ละห้อยหา หยดน้ำใส ไหลนอง คลั่งสองตา หวังเพียงว่า ความสรวล จะหวนคืน เหมือนสวรรค์ กลั่นสาป มาอาบเศร้า โลมสีเทา ทาบรัก ยากหักฝืน ขอทนเก็บ เหน็บช้ำ ด้วยกล้ำกลืน แล้วหยัดยืน ย่ำถิ่น ถวิลรอ เพลากาล ผ่านเลย มิเคยเห็น เช้าจรดเย็น ร่ำไร โอ้...ใจหนอ เสียงบรรเลง เพลงเศร้า มาเคล้าคลอ กมลท้อ ทุกข์ล้น ท่วมท้นทรวง แม้นชาติหน้า ข้าขอ ทนรอเจ้า จักคอยเฝ้า สุดสาย ที่ปลายสรวง หมายสลัก รักฝัน บนจันทร์ดวง ประทับห้วง หนเกลื่อน กลาดเดือนดาว หลายปีกาล ผ่านไป ยังไม่กลับ กระส่ายสับ ทุกค่ำ ระส่ำหนาว หนทางบอด มอดแล้ว ฝันแพรวพราว ก็ถึงคราว สิ้นแกร่ง หมดแรงเพียร จึงผูกเชือก เลือกสาน กับคานเสา แล้วขึงเคล้า คล้องคอ รอยต่อเศียร จบชีวิน สิ้นภักดิ์ ความรักเอียน พร้อมเปลวเทียน ที่ลับ เลือนดับลง... โดย วจีอัปสร (ปล.งานเก่าเก็บครับ) หัวข้อ: Re: จบสิ้น ถวิลครวญ เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 22 พฤศจิกายน 2011, 06:23:AM ...ความรู้สึก ลึกเป็น ซ่อนเร้นอยู่ ทรมานสู้ ร้อนรน ระคนหลง ไฟสุมทรวง ห่วงหา ถึงคราปลง รักอาจคง ลับหาย มิกรายคืน... ...หากภพหน้า ถ้ามี มาบรรเจิด จะรอเปิด กรุรัก ที่พักฟื้น ถนอมชั้น มั่นคง ลักษณ์ยงยืน มิกรายขื่น ชื่นสลัก รักนิรันดร์... ...แต่ภพนี้ มิเป็น เช่นคู่สร้าง เราจึงร้าง ต่างฝ่าย ดั่งคล้ายฝัน ใจยอมรับ กลับยอก เหมือนหลอกกัน ฤาสวรรค์ บ่ายเบี่ยง ลำเอียงไป... ...ไร้ความหวัง ครั้งนี้ นาทีกล่อม ใจจึงพร้อม หนีพ้น มิทนใฝ่ ยานอนหลับ กับน้ำ กลืนตามไป สิ้นแสงใส ไกวส่าย สลายลา... รัตนาวดี emo_126 หัวข้อ: Re: จบสิ้น ถวิลครวญ เริ่มหัวข้อโดย: ..กุสุมา.. ที่ 22 พฤศจิกายน 2011, 09:30:AM (http://www.larnbundit.com/120.jpg)
ถ้อยคนธรรม์ รำพัน วันหมองหม่น คล้ายดั่งคน ชีวิน สิ้นสลาย ฤดีปวด รวดร้าว แทบวางวาย เมื่อรักกลาย ลาร้าง ห่างดวงจินต์ ยามเมื่อรัก เคียงคู่ ไม่รู้ค่า เฉยเย็นชา ปล่อยไว้ ไม่ถวิล ทิ้งสิ้นไร้ ห่วงใย ใจยุพิน รักพังภิน ซีหนอ ขอลาตาย โถ..พ่อคุณ นมนาน พาลนึกได้ เขาหนีไกล ให้พ้น คนใจร้าย ขาดตัวเขา เศร้าลึก นึกเสียดาย เสือถอดลาย ซี้..เหลี้ว แจวพี่น้อง ..กุสุมา.. emo_111 emo_111 emo_87 หัวข้อ: Re: จบสิ้น ถวิลครวญ เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 22 พฤศจิกายน 2011, 02:08:PM (http://2.bp.blogspot.com/_2KmL1O4RHKU/TRW186yee2I/AAAAAAAAAA4/Z_60fhFd8dw/s1600/alone11.jpg) โดย วจีอัปสร (ปล.งานเก่าเก็บครับ) emo_79 ให้สงสัยใน “วจีอัปสร” นามกรอ้อนวางทางเป็นหญิง เหตุไฉนท้ายกระทู้ที่ดูจริง เห็นแล้วยิ่งเป็นชาย ลงท้าย “ครับ” หรือโลกเปลี่ยนเวียนไปผมไม่รู้ สตรีหมู่ใช้เสียงสำเนียงสับ ส่วนชายไทยหาญกล้ามาสำทับ ไม่เอา “ครับ” แต่เอา “ค่ะ” ใช่ม๊ะเธอ..? หากไม่อยากให้ผมต้องล้มหลัก จำเป็นนักต้องแจ้งแจงเสมอ ว่า “วจีอัปสร” กลอนละเมอ บอกซิเออ..ว่าเกลอฉี่..นี่นั่ง-ยืน ? ผมจะได้เปลี่ยนตามยามโลกกร่อย ยามชายน้อยกว่าหญิงสิ่งที่ฝืน คงสถานะเดิมไหมในค่ำคืน จะได้ตื่นบอกนาง..เปลี่ยนข้างกัน.. emo_26 "บ้านริมโขง" emo_60 หัวข้อ: Re: จบสิ้น ถวิลครวญ เริ่มหัวข้อโดย: อักษราวารี ที่ 22 พฤศจิกายน 2011, 05:28:PM ([url]http://2.bp.blogspot.com/_2KmL1O4RHKU/TRW186yee2I/AAAAAAAAAA4/Z_60fhFd8dw/s1600/alone11.jpg[/url]) โดย วจีอัปสร (ปล.งานเก่าเก็บครับ) emo_79 ให้สงสัยใน “วจีอัปสร” นามกรอ้อนวางทางเป็นหญิง เหตุไฉนท้ายกระทู้ที่ดูจริง เห็นแล้วยิ่งเป็นชาย ลงท้าย “ครับ” หรือโลกเปลี่ยนเวียนไปผมไม่รู้ สตรีหมู่ใช้เสียงสำเนียงสับ ส่วนชายไทยหาญกล้ามาสำทับ ไม่เอา “ครับ” แต่เอา “ค่ะ” ใช่ม๊ะเธอ..? หากไม่อยากให้ผมต้องล้มหลัก จำเป็นนักต้องแจ้งแจงเสมอ ว่า “วจีอัปสร” กลอนละเมอ บอกซิเออ..ว่าเกลอฉี่..นี่นั่ง-ยืน ? ผมจะได้เปลี่ยนตามยามโลกกร่อย ยามชายน้อยกว่าหญิงสิ่งที่ฝืน คงสถานะเดิมไหมในค่ำคืน จะได้ตื่นบอกนาง..เปลี่ยนข้างกัน.. emo_26 "บ้านริมโขง" emo_60 จริงจริงแล้ว เป็นชาย แต่หลายชื่อ ตอนนี้คือ “วจีอัปสร” กลอนสวรรค์ เปลี่ยนแปรไป ตามจิต คิดรำพัน เมื่อวานวัน ชื่อว่า เจ้า “วารี” สลับศาสตร์ ธาตุกลอน เมื่อตอนโกรธ เป็นจอมโหด เกรี้ยวกราด ดุจราชสีห์ นามนั้นหรือ ชื่อว่า “เพลิงราตรี” “มารกวี” ใช้บ้าง เป็นบางครา “และอักษร ธรณี” นี้มาใหม่ เพิ่มรสให้...หนักแน่น แกนภาษา รวมหมดแล้ว ก็จะมี สี่ฉายา ยืนยันว่า มิใช่ตุ๊ด มนุษย์เกย์ เขียนพวกกลอน อ่อนช้อย ไม่ค่อยถนัด เพราะชอบดัด สำนวน ให้สรวลเส เอาแค่พอ ไม่โดนโห่ ก็โอเค กลัวสาวเท หฤทัย ให้หมดดวง ๕๕๕ โดย อักษราวารี หัวข้อ: Re: จบสิ้น ถวิลครวญ เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2011, 06:36:PM ให้สงสัยใน “วจีอัปสร” นามกรอ้อนวางทางเป็นหญิง เหตุไฉนท้ายกระทู้ที่ดูจริง เห็นแล้วยิ่งเป็นชาย ลงท้าย “ครับ” หรือโลกเปลี่ยนเวียนไปผมไม่รู้ สตรีหมู่ใช้เสียงสำเนียงสับ ส่วนชายไทยหาญกล้ามาสำทับ ไม่เอา “ครับ” แต่เอา “ค่ะ” ใช่ม๊ะเธอ..? หากไม่อยากให้ผมต้องล้มหลัก จำเป็นนักต้องแจ้งแจงเสมอ ว่า “วจีอัปสร” กลอนละเมอ บอกซิเออ..ว่าเกลอฉี่..นี่นั่ง-ยืน ? ผมจะได้เปลี่ยนตามยามโลกกร่อย ยามชายน้อยกว่าหญิงสิ่งที่ฝืน คงสถานะเดิมไหมในค่ำคืน จะได้ตื่นบอกนาง..เปลี่ยนข้างกัน.. emo_26 "บ้านริมโขง" emo_60 เก็บกลอนเก่า เล่าใหม่ ใช่คงที่ บางวจี คะ.ครับ รับเธอ.ฉัน ก็เป็นคำ ธรรมดา เสียงสามัญ ที่ใช้กัน มากมี ทุกที่ไป emo_06 อัปสร อรองค์ นางทรงฟ้า งามเลิศกว่า ยอดหญิง มิ่งเมืองไหน หวานวาที มีมา ล้านนาไกล ทั้งเทศ.ไทย นิยม ชมบูชา emo_28 ยามทะลึ่ง ผึ่งผาย ชายยืนฉี่ แอบดูชี ฉี่นั่ง มิดังซ่า คราอกช้ำ น้ำขัง ฉี่หลังคา ยังดีกว่า โขงฉี่ รดที่นอน emo_26 เริ่มหญิงหงาย ชายคว่ำ รำเบื้องต้น บรรเลงบน โต๊ะตัน บรรจถรณ์ ตั่ง.โซฟา หน้าคอม จ่อมรานรอน ไปตามกลอน กามสู ของปู่จี emo_43 รพีกาญจน์ 59 |