หัวข้อ: ๐สตรีที่อัปลักษณ์ในประวัติศาสตร์จีน๐ เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 20 พฤศจิกายน 2011, 12:26:PM ๐สตรีอัปลักษณ์๐
๐หนังก็หนา* ตาก็โบ๋* “นางโม๋หมู่” แต่เป็นผู้มีคุณธรรมอันสูงส่ง สติปัญญาเลอล้ำช่วยดำรง ได้เคียงองค์จักรพรรดิประวัติมี ๐ดั้งก็หัก* ตาก็ตี่* “จง หลี ชุน” แต่มีทุนคือปัญญาเสริมราศี กราบทูลบอกแนวทางได้อย่างดี ฮ่องเต้ฉีจึงคว้าเอามาครอง ๐ปากก็เบี้ยว* ผมยุ่งเหยิง* “นางเมิ่งกวง” ชายทั้งปวงหนีหาย ไม่หมายจ้อง แต่นางมีคุณธรรม ไม่ลำพอง “เหลียงหง” ปอง นางนี้เพราะดีนาง “หย่วนเจียหนี่” สุดจะอัปลักษณ์ แต่ยึดหลักธรรมไว้ อยู่ไม่ห่าง ด้วยความดี มีน้ำใจ อยู่ไม่จาง สุดท้ายทาง “สวี่หยิน” ก็ยินดี! ฯ อริญชย์ ๒๐/๑๑/๒๕๕๔ *เป็นเพียงจินตนาการของการแต่งบทกลอน แต่สรุปก็คือ "ขี้เหร่" นั่นเองจ้ะ ประวัติศาสตร์จีน: สตรีที่อัปลักษณ์ในประวัติศาสตร์จีน Submitted by chinesewang on Sat, 04/23/2011 - 19:39 ประวัติศาสตร์จีน: สตรีที่อัปลักษณ์ในประวัติศาสตร์จีน 中国历史:历史上的四大丑女 โม๋หมู่嫫母(Mómǔ) ในอดีตกาลประมาณ5,000ปีในสมัยองค์จักรพรรดิหวงตี้มีสตรีคนหนึ่งนามว่าโม๋หมู่嫫母(Mómǔ)และเป็นถึงนางสนมอันดับสี่ของจักรพรรดิหวงตี้ ตามคำเล่าลือว่ากันว่าโม๋หมู่มีหน้าตาอัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่เพราะเหตุใดนางจึงเป็นถึงสนมขององค์จักรพรรดิได้ อันที่จริงแล้วเป็นเพราะโม๋หมู่เป็นคนที่ประพฤติตัวดีมีคุณธรรมสูงส่ง สติปัญญาหลักแหลมและถือเป็นแบบอย่างของสตรีที่ดีนั่นเอง โดยจะให้การอบรมสั่งสอนด้านจริยธรรมและการประพฤติปฏิบัติตนให้แก่สตรีทั้งหลาย อีกทั้งยังเป็นผู้คิดค้นการเลี้ยงไหมและการทักผ้าไหมแทนเครื่องนุ่งห่มที่ทำมาจากพืชต่างๆอีกด้วย จนได้รับฉายานามว่า “เซียนฉานกูเหนียง” “先蚕姑娘”(Xiān Cán Gūniáng) จง หลีชุน锺离春(Zhōng Líchūn) มีสำนวนจีนที่ว่า貌似无盐(mào sì wú yán)ซึ่งใช้อุปมาถึงผู้หญิงที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ สำนวนดังกล่าวมีที่มาจากการที่จง หลีชุน锺离春(Zhōng Líchūn)เป็นหญิงหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งเกิดที่อำเภอ无盐(Wúyán) รัฐฉี齐国(Qíguó) ในสมัยจั้นกว๋อ战国(Zhànguó)นั่นเอง บิดาของจง หลีชุนเคยรับราชการทหารในสังกัดรัฐฉี ดังนั้นจึงได้ฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวแก่จง หลีชุน และบุตรทั้งหลาย จนมีความชำนาญและสามารถป้องกันตัวได้ดี และด้วยการที่จง หลีชุนเป็นผู้ที่มีความรักและห่วงใยต่อการบริหารประเทศชาติ จึงยอมไม่ได้ที่จะเห็นรัฐฉีของตนถูกรุกรานจากรัฐอื่น ซึ่งในช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่ประชาชนตกยากแสนเข็ญ ระบบการเมืองการปกครองล้มเหลว ฮ่องเต้แห่งรัฐฉีไม่เอาใจใส่ต่อกิจของบ้านเมือง จง หลีชุนจึงได้ลักลอบเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้เพื่อกราบทูลสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในขั้นวิกฤต และขอให้ฮ่องเต้ให้ทรงแก้ไขปรับปรุงโดยด่วน ซึ่งในเวลาต่อมาฮ่องเต้ทรงได้ให้จง หลีชุนช่วยเหลือพระองค์และแต่งตั้งให้เป็นไทเฮาในเวลาต่อมา เมิ่งกวง孟光(Mèng Guāng) เมิ่งกวง孟光(Mèng Guāng)เกิดในสมัยฮั่นตะวันออก มีรูปอวบอ้วนและผิวดำ บรรดาแม่สื่อก็พยายามแนะนำบุรุษที่ดีให้ แต่เมิ่งกวงกลับเพิกเฉยและกล่าวว่าชีวิตนี้จะไม่ยอมแต่งงานกับใครนอกจาก เหลียงหง梁鸿(liáng hóng)ผู้เดียวเท่านั้น และเป็นเรื่องขบขันของผู้ที่ทราบเรื่องนี้ เหลียงหงเป็นผู้ที่มีความรู้ บุคคลิกสง่าผ่าเผย เป็นที่ชื่นชมของเหล่าสตรีทั่วไป บรรดาพ่อแม่ที่มีชาติตระกูลต่างก็อยากมาได้เป็นลูกเขยแทบทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าเหลียงหงจะมีความรู้ความสามารถแต่ก็ไม่สนใจที่จะรับราชการแต่อย่างใด และสิ่งที่เหลือเชื่อก็คือการที่เหลียงหงตัดสินใจแต่งงานกับเมิ่งกวง เพราะได้เห็นถึงความมีคุณธรรมและการปฏิบัติตนที่ดีของเมิ่งกวงนั่นเอง หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานก็ได้ไปตั้งถิ่นฐานที่อู๋ตี้吴地(wú dì)ซึ่งปัจจุบันคือเมืองซูโจว ทั้งสองครองรักด้วยการให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน ว่ากันว่าเมิ่งกวงจะเตรียมอาหารให้เหลียงหงทุกเช้า และเมื่อเลิกงานกลับถึงบ้านเมิ่งกวงก็จะจัดเตรียมอาหารและประคองจานข้าวสองมือยกสูงระดับคิ้วยื่นให้แก่เหลียงหง จนภายหลังเป็นสำนวนที่ว่า举案齐眉(jǔ àn qí méi) ซึ่งใช้ในการอุปมาถึงสามีภรรยาที่รักและให้เกียรติซึ่งกันและกัน หย่วนเจียหนี่阮家女(Ruǎn Jiā Nǚ) ว่ากันว่าหย่วนเจียหนี่阮家女(Ruǎn Jiā Nǚ)เป็นสตรีที่มีหน้าตาอัปลักษณ์มากที่สุด เกิดในสมัยจิ้นตะวันออกหรือตงจิ้น มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในวันแต่งงานของหย่วนเจียหนี่ ฝ่ายเจ้าบ่าวที่มีนามว่าสวี่หยิน许允(xǔ yǔn)เป็นบุคคคลที่มีชื่อเสียงขณะนั้น หลังจากที่ทำพิธีแต่งงานต่างๆเสร็จสิ้นก็จะเป็นการส่งเข้าเรือนหอ ในระหว่างที่สวี่หยินเปิดผ้าคลุมหน้านั้นก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อได้เห็นหน้าตาอันอัปลักษณ์ของหย่วนเจียหนี่ โดยวิ่งหนีออกจากห้องหอ ทางญาติๆต่างก็ช่วยกับปลอบประโลมและกล่าวกับสวี่หยินว่า อย่าดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกของหย่วนเจียหนี่ จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการประพฤติตัวและการมีความรู้เป็นสำคัญ และเมื่อสวี่หยินกลับเข้าไปในห้องหออีกครั้งก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ขณะนั้นทางหย่วนเจีย หนี่จึงได้กล่าวขึ้นว่าผู้หญิงที่ดีจะต้องมีพร้อม4ประการ อันตัวข้านั้นขาดเพียงหนึ่งสิ่งนั่นก็คือความสวยงาม ส่วนตัวท่านละที่เป็นถึงบัณฑิตซึ่งจะต้องยึดปฏิบัติหลักคุณธรรมบัณฑิต100ประการ ท่านปฏิบัติอยู่หรือไม่ ทางสวี่หยินตอบอย่างไม่ลังเลว่า ข้านั้นยึดปฏิบัติครบทุกประการ หย่วนเจียหนี่จึงได้ตอบกลับว่า ตามที่ข้าทราบนั้นจะต้องให้ความสำคัญเรื่องความมีคุณธรรมเป็นสิ่งแรกไม่ใช่รึ แต่สิ่งที่ข้าเห็นในตอนนี้นั้นกลับไม่เป็นดั่งเช่นที่พูด สวี่หยินรู้สึกว่าหย่วนเจียหนี่คงไม่ใช่สตรีธรรมดาจึงได้ยอมอยู่กินฉันสามีภรรยา และภายหลังจึงได้ค้นพบความมีคุณธรรมของหย่วนเจียหนี่และครองรักกันจนแก่จนเถ้า Tags: บทความรู้จีน ประวัติศาสตร์จีน http://www.chinesebkk.com/chinese-article/china-history/ugly-women-in-chinese-history (http://www.chinesebkk.com/chinese-article/china-history/ugly-women-in-chinese-history) หัวข้อ: Re: ๐สตรีที่อัปลักษณ์ในประวัติศาสตร์จีน๐ เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 20 พฤศจิกายน 2011, 01:30:PM ......เป็นความรู้..ดื่มด่ำ....แสนล้ำค่า ...เคยนำพาแต่..พธู...ผู้เลอโฉม ...มิเคยยิน...เรื่องเหล่านี้ที่ประโคม ...จึงนบโน้ม...ด้วยคำชอบ...ว่า..ขอบคุณ ......เป็นเรื่องใหม่มาก...กับชีวิตที่ยาวนานกับประวัติศาสตร์ที่สนใจ...ขอบคุณค่ะ...... หัวข้อ: Re: ๐สตรีที่อัปลักษณ์ในประวัติศาสตร์จีน๐ เริ่มหัวข้อโดย: พี.พูนสุข ที่ 20 พฤศจิกายน 2011, 02:16:PM คิดว่าอ่าน มามากมาย อายขนาด รู้ว่าขาด ภูมิรู้ อยู่หลายขุม อริญชย์ เปิดกะลา มาหลายมุม ทุกเรื่องคุ้ม ลุ่มลึก ผลึกงาม... emo_126 ..Peepoonsuk.. (http://image.ohozaa.com/i/db1/PMtND.gif) (http://image.ohozaa.com/view/pmtk) หัวข้อ: Re: ๐สตรีที่อัปลักษณ์ในประวัติศาสตร์จีน๐ เริ่มหัวข้อโดย: อริญชย์ ที่ 20 พฤศจิกายน 2011, 03:06:PM คิดว่าอ่าน มามากมาย อายขนาด รู้ว่าขาด ภูมิรู้ อยู่หลายขุม อริญชย์ เปิดกะลา มาหลายมุม ทุกเรื่องคุ้ม ลุ่มลึก ผลึกงาม... emo_126 ..Peepoonsuk.. ([url]http://image.ohozaa.com/i/db1/PMtND.gif[/url]) ([url]http://image.ohozaa.com/view/pmtk[/url]) ขอบคุณ คุณครู/อาจารย์ Peepoonsuk อริญชย์ เคยอ่านเจอน่ะฮะ ไม่ได้มีความรู้มากมายอะไรนัก ก็เลยเอามาฝาก เรื่องกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ ก็คงยังต้องขอความรู้จาก คุณครู/อาจารย์ Peepoonsuk และคณาจารย์นักกวีหลาย ๆ ท่านในบอร์ดนี้อยู่จ้ะ เพียงแต่ข้าน้อยอาจจะคิดต่างบ้าง(คือไม่จนมุมว่าจะแต่งอะไร) อ่านแล้วชอบก็แต่งเลย แต่อาจไม่เพราะนัก คล้ายกับที่นี้เป็นแหล่งให้ข้าน้อยได้ศึกษาความรู้เพิ่มเติมไปด้วยอีกทาง จากเดิมที่เคยแต่งแต่กลอนสั้น หักมุม ตอนนี้ก็ออกจากกะลาบ้างแล้วเช่นกัน แต่บางทีก็ยังคิดถึงกะลา ก็กลับไปเขียนกลอนสั้นอีกทีก็ยังมี(กลอนสั้นเน้นความรู้ง่าย ๆ) เพราะเคยอยู่กะลา(กลอนสั้น)มานานฮะ ขอขอบคุณ คุณครู/อาจารย์ Peepoonsuk สียะตรา และทุกท่านฮะ ที่ให้ความเมตตาด้วยดีตลอดมา emo_126 emo_47 emo_126 |