พิมพ์หน้านี้ - จากห้วงของจินตนาการ

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนเหงา => ข้อความที่เริ่มโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 24 ตุลาคม 2011, 06:02:PM



หัวข้อ: จากห้วงของจินตนาการ
เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 24 ตุลาคม 2011, 06:02:PM
จากห้วงของจินตนาการ

หลบตะวันฉายส่องในห้องพัก
นั่งคิดถึงซึ้งรักสลักฝัน
แต่งเป็นกลอนอ้อนคำลำนำนั้น
กลัวแสงสุริยันมันแยงตา

ห้องสลัวลมแดดแผดไม่ถึง
เหมือนประหนึ่งใต้ดินถิ่นคนป่า
นั่งอยู่เงียบงันงกอกอุรา
ก็หวามไหวเชื่องช้าในอารมณ์

เมื่อก่อนเคยจับด้ามปากกาเขียน
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพิมพ์จิ้มสุขสม
บนเว็บไซต์ไฮเทคเด็กนิยม
ปันคารมร้อยกานท์บนลานกลอน

โทรทัศน์ตั้งไว้ไม่ได้เปิด
ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ใดซ่านหลอน
คงไม่รู้ถึงเหตุทั่วเขตย้อน
ข่าวทุกตอนถึงไหนไม่รู้เลย

มองเสื้อผ้าสีขาวบนราวผ้า
ถูกแขวนห้อยลงมามองชาเฉย
พาความเหงาเร้ารุมสุมอย่างเคย
เสื้อผ้าเอยนิ่งไยไม่ไหวติง

ความมืดมัวยามเย็นเป็นเช่นนี้
มันไม่มีแสงรอดปลอดทุกสิ่ง
เหลือแต่ตรงหน้านั้นมันช่วงชิง
แทรกกระจกจออิงเหมือนผิงไฟ

นักศึกษาคนอื่นกลับคืนถิ่น
คราวอุทกโหมกินสิ้นทรัพย์ไหล
เหลือเพียงเราหดหู่บ้านอยู่ไกล
จะกลับไปก็นานปานครึ่งวัน

จากเคยเดินทางสองชั่วโมงรถ
ต้องกำสรดหมดท่าธาราคั่น
จึงจำใจอยู่หอด้วยท้อตัน
ความคิดนั้นมันเบือนและเลือนราง

ช่างเงียบงันสั่นทรวงห้วงความคิด
เหมือนชีวิตขาดสุขทุกข์หมองหมาง
จึงนั่งแต่งกลอนไว้ไปพลางพลาง
อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยวตัวเดียวดาย

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

บัณฑิตเมืองสิงห์


หัวข้อ: Re: จากห้วงของจินตนาการ
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 24 ตุลาคม 2011, 09:55:PM
  emo_60   emo_60   emo_60

ไม่..ยอมรับข่าวสารที่ผ่านสื่อ
ใช่..ดึงดื้อเขียนกลอนซ่อนความหมาย
ปล่อย..ชีวิตนอนนั่งซังกะตาย
วาง..แนบบนวิมานทรายทลายลง

แต่..เหมือนถูกทารุณดุลพินิจ
มี..ความคิดติดหล่มที่จมหลง
บางอย่าง..ไม่อาจขืนให้ฝืนตรง
สังหรณ์ใจ..ว่าคงไม่ลงตัว

หา..ใครช่วยค่าหน่วยกิตที่ติดขัด
ตัวเอง..ตัดไม่ลงคงปวดหัว
ไม่..มีสิ่งตอบแทนให้พันพัว
เจอ..แล้วกลัวจินตนาการจะบานปลาย
 emo_100   emo_100   emo_100
 .... emo_85    emo_94 ....




หัวข้อ: Re: จากห้วงของจินตนาการ
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 24 ตุลาคม 2011, 11:31:PM
จากห้วงของจินตนาการ

หลบตะวันฉายส่องในห้องพัก
นั่งคิดถึงซึ้งรักสลักฝัน
แต่งเป็นกลอนอ้อนคำลำนำนั้น
กลัวแสงสุริยันมันแยงตา

ห้องสลัวลมแดดแผดไม่ถึง
เหมือนประหนึ่งใต้ดินถิ่นคนป่า
นั่งอยู่เงียบงันงกอกอุรา
ก็หวามไหวเชื่องช้าในอารมณ์

เมื่อก่อนเคยจับด้ามปากกาเขียน
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพิมพ์จิ้มสุขสม
บนเว็บไซต์ไฮเทคเด็กนิยม
ปันคารมร้อยกานท์บนลานกลอน

โทรทัศน์ตั้งไว้ไม่ได้เปิด
ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ใดซ่านหลอน
คงไม่รู้ถึงเหตุทั่วเขตย้อน
ข่าวทุกตอนถึงไหนไม่รู้เลย

มองเสื้อผ้าสีขาวบนราวผ้า
ถูกแขวนห้อยลงมามองชาเฉย
พาความเหงาเร้ารุมสุมอย่างเคย
เสื้อผ้าเอยนิ่งไยไม่ไหวติง

ความมืดมัวยามเย็นเป็นเช่นนี้
มันไม่มีแสงรอดปลอดทุกสิ่ง
เหลือแต่ตรงหน้านั้นมันช่วงชิง
แทรกกระจกจออิงเหมือนผิงไฟ

นักศึกษาคนอื่นกลับคืนถิ่น
คราวอุทกโหมกินสิ้นทรัพย์ไหล
เหลือเพียงเราหดหู่บ้านอยู่ไกล
จะกลับไปก็นานปานครึ่งวัน

จากเคยเดินทางสองชั่วโมงรถ
ต้องกำสรดหมดท่าธาราคั่น
จึงจำใจอยู่หอด้วยท้อตัน
ความคิดนั้นมันเบือนและเลือนราง

ช่างเงียบงันสั่นทรวงห้วงความคิด
เหมือนชีวิตขาดสุขทุกข์หมองหมาง
จึงนั่งแต่งกลอนไว้ไปพลางพลาง
อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยวตัวเดียวดาย

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

บัณฑิตเมืองสิงห์


บทกลอนครวญ ชวนนึก ลึกเป็นภาพ
อารมณ์ราบ อาบอวล ชวนชม้าย
ในโลกเงียบ  เพียบพรม เหงางมงาย
จินตนาการ กระจาย ช่างคล้ายคลึง

รัตนาวดี
emo_47