พิมพ์หน้านี้ - "...เคยชิน..."

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนวิงวอน+กลอนอ้อนวอน => ข้อความที่เริ่มโดย: ภู กวินท์ ที่ 19 ตุลาคม 2011, 11:16:PM



หัวข้อ: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: ภู กวินท์ ที่ 19 ตุลาคม 2011, 11:16:PM


(http://img.zuzaa.com/image.php?id=30F6_4E9EF6D0&jpg)

เคยชิน

...................

ยังแต่ความอาลัยในเสียงโศก
สลักโลกตามรางระหว่างค่ำ
พักพิงแววสายตามาประจำ
พอชุ่มฉ่ำสายฝน, หม่นนที

คุ้นเคยกับไอดินกลิ่นน้ำเน่า
กระจกเก่ากลางแจ้งต้องแสงสี
ความเจ็บปวดรวดร้าวหนาวธุลี
แผ่รังสีชีวิต, อิสรา

ซึมซับความรู้สึกเมื่อนึกย้อน
ตะวันก่อนอ่อนแสงเรี่ยวแรงหา
ตะวันนี้สว่างไม่สร่างซา
ร่วงโรยราสลาย, เกลื่อนรายทาง

ไม่มีความพอดีที่เหยียบย่ำ
กล่าวอ้างคำพบเห็นเป็นตัวอย่าง
ไล่จับภาพ คราบเงาที่เขาวาง
โดยทั้งรู้ว่าห่าง, แตกต่างเอง

เหมือนความฝันละเมอหลงเพ้อเจ้อ
ตื่นมาเจอเมื่อวานที่บานเบ่ง
ยังสมมุติกับตัวไม่กลัวเกรง
ยิ่งเปล่าเปลี่ยวคว้างเคว้ง, เมื่อเพลงดัง

ไม่มีสิ่งสูงสุดเมื่อหยุดดิ้น
มีแต่ความเคยชินที่รินหลั่ง
ไม่มีแม้ตัวตนบนภวังค์
มีแต่หวังแล้งแล้ง, รอแห้งตาย!

………………….

 emo_62


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 20 ตุลาคม 2011, 12:18:AM


สว่างเคลื่อน เลื่อนลา มืดมาปิด   
สะอึดจิต คิดมั่ว ฝันรั่วร้าย
สงบใจ ใฝ่ระงับ จนกลับกลาย 
เรื่องทั้งหลาย คลายคล้อย จนลอยเลือน

ในที่สุด หยุดนิ่ง อุ่นอิงแอบ 
ซบหน้าแนบ แบบซม อารมณ์เชือน
ทุกสิ่งเริ่ม เสริมจบ ให้พบเตือน 
ความปล่าวเปลี่ยว เทียวเยือน เป็นเพื่อนคลุม 

รัตนาวดี
 emo_79


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 20 ตุลาคม 2011, 02:15:AM


"ความเคยชิน"ยินชื่อนั่นคือใช่
อยากทุ่มใส่ไฟฟองเอากองสุม
เพราะมันเก่าเกินกว่าจะคว้ากุม
อยู่ในมุมมืดมาจนชาชิน

หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็นเพื่อน
วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น
เหลือเพียงเราเฝ้าแขตาแลดิน
ไม่นานสิ้นแสงใสจะไปตาม


(http://www.qzub.com/bar_002.gif) (http://www.qzub.com)

แบบว่า....ก็ไม่รู้สิครับ แต่ก็ตามนั้นแหละ..

   emo_30
 


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: a moth ที่ 20 ตุลาคม 2011, 03:32:AM

(http://news.mthai.com/wp-content/uploads/loneliness1.jpg)

(http://www.qzub.com/bar_022.gif) (http://www.qzub.com)

คงเป็นแค่ดาวดวงที่ล่วงลับ
ให้คนนับเพลินตา - ก่อนฟ้าอร่าม
และเป็นเพียงเศษเถ้าธุลีงาม
ให้คนถามย้อนถึง..ซึ่งเลือนราง

มิอาจหยัดเคียงลมห่มแดดเช้า
ก็เคลื่อนเงาลุกไหม้ - ให้แสงสว่าง
นาที - ผีพุ่งไต้ ชัดฉายทาง-
กระนั้น!..บางสายตาเหมือนว่าชิน!.


(http://www.qzub.com/bar_022.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 20 ตุลาคม 2011, 03:33:AM

"ความเคยชิน"ยินชื่อนั่นคือใช่
อยากทุ่มใส่ไฟฟองเอากองสุม
เพราะมันเก่าเกินกว่าจะคว้ากุม
อยู่ในมุมมืดมาจนชาชิน

หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็นเพื่อน
วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น
เหลือเพียงเราเฝ้าแขตาแลดิน
ไม่นานสิ้นแสงใสจะไปตาม


(http://www.qzub.com/bar_002.gif) (http://www.qzub.com)

แบบว่า....ก็ไม่รู้สิครับ แต่ก็ตามนั้นแหละ..

   emo_30
 

"อยู่ในมุม มืดมา จนชาชิน"  
ครั้นพอยิน จินตนา ผวาหวาม  
กลัวถึงแดร็กร์ คูล่าร์ ผู้บ้ากาม
ฮักลวนลาม ตามลูบ สูบเลือดกิน  

อุ๊ย!!ขอโทษ โปรดพี่ Moderator  
รัตน์แค่ขอ ต่อเนื่อง เป็นเรื่อง(ตง)ฉิน
อย่าลงโทษ โกรธน้อง สมองบิน  
เดี๋ยวไม่สิ้น แสงส่อง มิต้องตาม  

รัตนาวดี
 emo_126

ฮิๆๆแบบขำๆค่ะพี่จ๋า



หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: ช่วงนี้ไม่ว่าง ที่ 20 ตุลาคม 2011, 08:52:AM


"ความเคยชิน"ยินชื่อนั่นคือใช่
อยากทุ่มใส่ไฟฟองเอากองสุม
เพราะมันเก่าเกินกว่าจะคว้ากุม
อยู่ในมุมมืดมาจนชาชิน

หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็นเพื่อน
วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น
เหลือเพียงเราเฝ้าแขตาแลดิน
ไม่นานสิ้นแสงใสจะไปตาม


([url]http://www.qzub.com/bar_002.gif[/url]) ([url]http://www.qzub.com[/url])

แบบว่า....ก็ไม่รู้สิครับ แต่ก็ตามนั้นแหละ..

   emo_30
 



   ก่อนอื่นเลยต้องขออนุญาตท่าน ทำ มะดา ในฐานะเจ้าของกระทู้  กับ ท่าน บ้านกลอนไทย ในฐานะเจ้าของกลอน
ที่ผมจะต้องขออนุญาตเพื่อ ติ-ชม บทกลอนของท่านบ้านกลอนไทย สักเล็กน้อย  ว่าอันที่จริงนับแต่ผมเข้าเว็บนี้มา มีไม่บ่อยครั้งนัก
ที่จะได้อ่านกลอนของท่านบ้านกลอนไทย  ดังนั้นนั่นจึงอีกแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้ผมใคร่จะได้ยลฝีมือของท่านบ้านกลอนไทย
ซึ่งก็นับว่าไม่ผิดหวัง ในเมื่อนานๆทีมาโชว์ฝีมือย่อมจะมีดีมาอวดกัน.......ซึ่งผมจะได้เขียนไปเป็นข้อๆว่ากลอนนี้มีดีอะไร  ทำไม
ถึงต้อง ติ-ชม วิจารณ์ด้วย
   ๑.  กลอนนี้นำเอาลูกเล่นคือ กลบทอักษรสามช่วงมาใส่ในวรรคสดับทั้งสองบททำให้กลอนมีความสะดุดหูสะดุดใจ
ซึ่งการนำเอากลบทมาประยุกต์ใส่ในบทกลนั้นทำให้กลอนมีความโดดเด่นเป็นพิเศษกว่ากลอนทั่วไป
   ๒. ในกลอนรับและกลอนส่งนั้นมีการเล่นอักษร เช่น "มุมมืดมา"  "เลือนลับลา" ซึ่งการเล่นอักษรแต่ไม่มากไปจนเสียความ
นี้เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของกลอน(คือใส่ได้เท่าที่โอกาสจะอำนวยแต่ไม่ฝืนมากจนเกินไปจนผิดธรรมชาติเรียกว่ใส่แต่พอดีหรือใส่
ตามจังหวะและโอกาส)
   ๓. มีสัมผัสครบ ที่ใดที่ไม่มีสัมผัสสระก็จะพบว่ามีการสัมผัสอักษรอยู่ด้วย(เรียกว่ายังคงไว้ลายความเก๋าอยู่)
   ๔. ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือย  คือใช้คำได้คุ้มค่าแต่ละคำแต่ละประโยคนั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายที่ไพเราะจับใจทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น"หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็เพื่อน" เพียงแค่วรรคนี้วรรคเดียวก็อธิบายความได้หลายอย่าง เฉพาะคำว่า "หลายดาวผ่อง"
ก็กินความว่า  ดวงดาวไม่ใช่ดวงเดียวแต่ทว่าเป็นหลายดวงมีรัศมีผ่องใส  จะเห็นว่าเพียงสามคำเท่านั้นก็สื่อความหมายได้กว้างขวาง
คำต่อมาคือ  "ส่องเพ็ญ"  อาจหมายความว่า ส่องประกายเต็มดวง หรือส่องแสงคู่กับดวงจันทร์เต็มดวงก็ได้อีก คำว่า "อยู่เป็นเพื่อน"
อาจสื่อความหมายว่าอยู่เป็นเพื่อนดวงจันทร์หรืออยู่เป็นเพื่อนคน(ผู้แต่งกลอน)ก็ได้ทั้งสองทาง  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเพียงแค่คำ ๘ คำ
เท่านั้นแต่กลับกินความหมายที่กว้างขวางลึกซึ้ง
   นอกจากนี้ก็คือวรรคต่อมา "วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น"  ตรงนี้ก็อีก  คำว่า"วันนี้" บอกให้ทราบว่าเป็นเวลาปัจจุบันไม่ใช่
เมื่อวานหรือวันไหน ส่วนคำว่า"เลือนลับลา"ก็คือการจากไป  มองไม่เห็นอีกต่อไป  มองไม่เห็นเหมือนเคย แล้วยังเป็นการเล่นอักษร
อีกด้วย  ส่วนคำว่า"จากฟ้าถิ่น"  นั้นบอกให้ทราบว่า จากท้องฟ้าซึ่งเป็นถิ่นที่ดาวเคยอาศัยอยู่  นอกจากจะรับสัมผัสแล้วยังแฝงด้วย
ความหมายที่ครอบคลุมทั้งหมด  นอกจากนี้แล้วในวรรคถัดๆมาหรือวรรคอื่นล้วนแล้วแต่มีความหมายในตัวทั้งสิ้น
   ๕. มีการส่งสัมผัสจากคำที่ ๕  ไปยังคำที่ ๗  ทุกวรรคตลอดทั้งสองบท  ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวผมก็ชอบที่จะส่งสัมผัส
จากคำที่ ๕  ไปลงคำที่ ๗  อยู่ด้วย(แต่ส่วนมากมันจะทำไม่ได้ครบทุกวรรค)ทั้งนี้เป็นความชอบส่วนตัว
   ๖. กลอนนี้เลือกลงท้ายวรรคแรกด้วยเสียงโททั้งคู่(อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวของผมแม้ว่าในการแต่งกลอนทั่วๆไป
ผมจะไม่ค่อยมีโอกาสลงท้ายด้วยเสียงนี้นักก็ตาม)
   ๗. กลอนนี้ดีทางด้านภาษา  กระชับ ได้ใจความ  ถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์ของกลอนแปดและไม่ยาวยืดเยื้อจนเกินไป
(ความนิยมส่วนตัวอีกที่นิยมกลอนสั้นเพราะกลอนยาวผมขี้เกียจอ่าน  ไม่ได้หมายความว่ากลอนยาวไม่ดี)
   สรูปแล้ว กลอนนี้เป็นที่รวมของข้อดีหลายๆอย่างเท่าที่ผมพอจะนึกได้ หรืออาจจะมีข้อดีอื่นๆแต่ผมไม่ทราบก็เป็นได้
ผิดถูกยังไงผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

                                 ช่วงนี้ไม่ว่าง
                              ๒๐  ตุลาคม  ๒๕๕๔
   







หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: ♥หทัยกาญจน์♥ ที่ 20 ตุลาคม 2011, 10:52:AM

เคยชิน

...................

ยังแต่ความอาลัยในเสียงโศก
สลักโลกตามรางระหว่างค่ำ
พักพิงแววสายตามาประจำ
พอชุ่มฉ่ำสายฝน, หม่นนที

คุ้นเคยกับไอดินกลิ่นน้ำเน่า
กระจกเก่ากลางแจ้งต้องแสงสี
ความเจ็บปวดรวดร้าวหนาวธุลี
แผ่รังสีชีวิต, อิสรา

ซึมซับความรู้สึกเมื่อนึกย้อน
ตะวันก่อนอ่อนแสงเรี่ยวแรงหา
ตะวันนี้สว่างไม่สร่างซา
ร่วงโรยราสลาย, เกลื่อนรายทาง

ไม่มีความพอดีที่เหยียบย่ำ
กล่าวอ้างคำพบเห็นเป็นตัวอย่าง
ไล่จับภาพ คราบเงาที่เขาวาง
โดยทั้งรู้ว่าห่าง, แตกต่างเอง

เหมือนความฝันละเมอหลงเพ้อเจ้อ
ตื่นมาเจอเมื่อวานที่บานเบ่ง
ยังสมมุติกับตัวไม่กลัวเกรง
ยิ่งเปล่าเปลี่ยวคว้างเคว้ง, เมื่อเพลงดัง

ไม่มีสิ่งสูงสุดเมื่อหยุดดิ้น
มีแต่ความเคยชินที่รินหลั่ง
ไม่มีแม้ตัวตนบนภวังค์
มีแต่หวังแล้งแล้ง, รอแห้งตาย!

ทำ มะ ดา

………………….
 emo_62

ความเคยชินรินหลั่งหวังแล้งแล้ง
ไม่มีแสงส่องถนนบนทางสาย
ไม่มีแม้แต่ตัวหัวเคียงกาย
ต่างถูกกลืนกล่นหายคล้ายโลกมน

มันพิลึกนึกพร่ำซ้ำจะกล่าว
เปรียบดวงดาวพราวพร่างกระจ่างหน
กับชีวิตจิตมนุษย์ดุจคำ“คน”
มีเพียงตนต่างบทกฎครรลอง

อันดารานภาท้องฟ้ากว้าง
ส่องสว่างไสวใสผุดผ่อง
อยู่ที่สูงจูงใจใครต่างมอง
แต่มนุษย์สุดซ้ำสองต้องเดินดิน

เพียงเดินดินดิ้นร้นค้นจุดหมาย
กับชีวิตจิตหายมลายสิ้น
มีเส้นสายเน้นขีดกรีดชีวิน
ต่างต้องชินเชยชาพาเดินตาม

พร้อมกับหวังพลังสั่งแรงกล้า
ที่ใครใคร่ใฝ่หาน่าเกรงขาม
ล้วนตรากตรำทำไปในทุกยาม
เปรียบกับความเคยชินสิ้นฤดี

หากสิทธิเสรีภาพตราบเทียมเท่า
ขอเป็นตัวของตัวเราเฝ้าวิถี
ขอเดินตามความฝันที่ฉันมี
สมกับที่เกิดเป็นคนชนพื้นดิน

หทัยกาญจน์
ปล. ขออนุญาตต่อนะคะ พี่ทำมะดา
 emo_126


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: ภู กวินท์ ที่ 20 ตุลาคม 2011, 05:02:PM


"ความเคยชิน"ยินชื่อนั่นคือใช่
อยากทุ่มใส่ไฟฟองเอากองสุม
เพราะมันเก่าเกินกว่าจะคว้ากุม
อยู่ในมุมมืดมาจนชาชิน

หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็นเพื่อน
วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น
เหลือเพียงเราเฝ้าแขตาแลดิน
ไม่นานสิ้นแสงใสจะไปตาม


([url]http://www.qzub.com/bar_002.gif[/url]) ([url]http://www.qzub.com[/url])

แบบว่า....ก็ไม่รู้สิครับ แต่ก็ตามนั้นแหละ..

   emo_30
 



   ก่อนอื่นเลยต้องขออนุญาตท่าน ทำ มะดา ในฐานะเจ้าของกระทู้  กับ ท่าน บ้านกลอนไทย ในฐานะเจ้าของกลอน
ที่ผมจะต้องขออนุญาตเพื่อ ติ-ชม บทกลอนของท่านบ้านกลอนไทย สักเล็กน้อย  ว่าอันที่จริงนับแต่ผมเข้าเว็บนี้มา มีไม่บ่อยครั้งนัก
ที่จะได้อ่านกลอนของท่านบ้านกลอนไทย  ดังนั้นนั่นจึงอีกแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้ผมใคร่จะได้ยลฝีมือของท่านบ้านกลอนไทย
ซึ่งก็นับว่าไม่ผิดหวัง ในเมื่อนานๆทีมาโชว์ฝีมือย่อมจะมีดีมาอวดกัน.......ซึ่งผมจะได้เขียนไปเป็นข้อๆว่ากลอนนี้มีดีอะไร  ทำไม
ถึงต้อง ติ-ชม วิจารณ์ด้วย
   ๑.  กลอนนี้นำเอาลูกเล่นคือ กลบทอักษรสามช่วงมาใส่ในวรรคสดับทั้งสองบททำให้กลอนมีความสะดุดหูสะดุดใจ
ซึ่งการนำเอากลบทมาประยุกต์ใส่ในบทกลนั้นทำให้กลอนมีความโดดเด่นเป็นพิเศษกว่ากลอนทั่วไป
   ๒. ในกลอนรับและกลอนส่งนั้นมีการเล่นอักษร เช่น "มุมมืดมา"  "เลือนลับลา" ซึ่งการเล่นอักษรแต่ไม่มากไปจนเสียความ
นี้เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของกลอน(คือใส่ได้เท่าที่โอกาสจะอำนวยแต่ไม่ฝืนมากจนเกินไปจนผิดธรรมชาติเรียกว่ใส่แต่พอดีหรือใส่
ตามจังหวะและโอกาส)
   ๓. มีสัมผัสครบ ที่ใดที่ไม่มีสัมผัสสระก็จะพบว่ามีการสัมผัสอักษรอยู่ด้วย(เรียกว่ายังคงไว้ลายความเก๋าอยู่)
   ๔. ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือย  คือใช้คำได้คุ้มค่าแต่ละคำแต่ละประโยคนั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายที่ไพเราะจับใจทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น"หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็เพื่อน" เพียงแค่วรรคนี้วรรคเดียวก็อธิบายความได้หลายอย่าง เฉพาะคำว่า "หลายดาวผ่อง"
ก็กินความว่า  ดวงดาวไม่ใช่ดวงเดียวแต่ทว่าเป็นหลายดวงมีรัศมีผ่องใส  จะเห็นว่าเพียงสามคำเท่านั้นก็สื่อความหมายได้กว้างขวาง
คำต่อมาคือ  "ส่องเพ็ญ"  อาจหมายความว่า ส่องประกายเต็มดวง หรือส่องแสงคู่กับดวงจันทร์เต็มดวงก็ได้อีก คำว่า "อยู่เป็นเพื่อน"
อาจสื่อความหมายว่าอยู่เป็นเพื่อนดวงจันทร์หรืออยู่เป็นเพื่อนคน(ผู้แต่งกลอน)ก็ได้ทั้งสองทาง  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเพียงแค่คำ ๘ คำ
เท่านั้นแต่กลับกินความหมายที่กว้างขวางลึกซึ้ง
   นอกจากนี้ก็คือวรรคต่อมา "วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น"  ตรงนี้ก็อีก  คำว่า"วันนี้" บอกให้ทราบว่าเป็นเวลาปัจจุบันไม่ใช่
เมื่อวานหรือวันไหน ส่วนคำว่า"เลือนลับลา"ก็คือการจากไป  มองไม่เห็นอีกต่อไป  มองไม่เห็นเหมือนเคย แล้วยังเป็นการเล่นอักษร
อีกด้วย  ส่วนคำว่า"จากฟ้าถิ่น"  นั้นบอกให้ทราบว่า จากท้องฟ้าซึ่งเป็นถิ่นที่ดาวเคยอาศัยอยู่  นอกจากจะรับสัมผัสแล้วยังแฝงด้วย
ความหมายที่ครอบคลุมทั้งหมด  นอกจากนี้แล้วในวรรคถัดๆมาหรือวรรคอื่นล้วนแล้วแต่มีความหมายในตัวทั้งสิ้น
   ๕. มีการส่งสัมผัสจากคำที่ ๕  ไปยังคำที่ ๗  ทุกวรรคตลอดทั้งสองบท  ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวผมก็ชอบที่จะส่งสัมผัส
จากคำที่ ๕  ไปลงคำที่ ๗  อยู่ด้วย(แต่ส่วนมากมันจะทำไม่ได้ครบทุกวรรค)ทั้งนี้เป็นความชอบส่วนตัว
   ๖. กลอนนี้เลือกลงท้ายวรรคแรกด้วยเสียงโททั้งคู่(อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวของผมแม้ว่าในการแต่งกลอนทั่วๆไป
ผมจะไม่ค่อยมีโอกาสลงท้ายด้วยเสียงนี้นักก็ตาม)
   ๗. กลอนนี้ดีทางด้านภาษา  กระชับ ได้ใจความ  ถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์ของกลอนแปดและไม่ยาวยืดเยื้อจนเกินไป
(ความนิยมส่วนตัวอีกที่นิยมกลอนสั้นเพราะกลอนยาวผมขี้เกียจอ่าน  ไม่ได้หมายความว่ากลอนยาวไม่ดี)
   สรูปแล้ว กลอนนี้เป็นที่รวมของข้อดีหลายๆอย่างเท่าที่ผมพอจะนึกได้ หรืออาจจะมีข้อดีอื่นๆแต่ผมไม่ทราบก็เป็นได้
ผิดถูกยังไงผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

                                 ช่วงนี้ไม่ว่าง
                              ๒๐  ตุลาคม  ๒๕๕๔
   










....ตามที่ท่าน "ช่วงนี้ไม่ว่าง" กล่าวมานั่นแหล่ะครับ นานๆมาที ไม่เคยทำให้ผิดหวังสำหรับ ท่าน"บ้านกลอนไทย" หรือ "นะโม" หนุ่มหล่อ ของเรานี่เอง ...มาบ่อยๆสิ หลายคนเขาคิดถึง...ติดตามผลงานอยู่เสมอ....

....ส่วนท่าน "ช่วงนี้ไม่ว่าง" (ไม่รู้ว่าช่วงไหนว่างมั่ง หุหุ)...ได้แจกแจงมาโดยละเอียดนั้น นับว่าดีเลยทีเดียว ได้ความรู้มากมายท่าน เป็นประโยชน์ในการแต่งกลอน ของข้าพเจ้า และอีกหลายๆคนเลยทีเดียว ขอบคุณท่านมาก!...


....ด้วยจิตคารวะ

....ทำ มะดา...

 emo_126


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 21 ตุลาคม 2011, 09:37:PM


"ความเคยชิน"ยินชื่อนั่นคือใช่
อยากทุ่มใส่ไฟฟองเอากองสุม
เพราะมันเก่าเกินกว่าจะคว้ากุม
อยู่ในมุมมืดมาจนชาชิน

หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็นเพื่อน
วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น
เหลือเพียงเราเฝ้าแขตาแลดิน
ไม่นานสิ้นแสงใสจะไปตาม


([url]http://www.qzub.com/bar_002.gif[/url]) ([url]http://www.qzub.com[/url])

แบบว่า....ก็ไม่รู้สิครับ แต่ก็ตามนั้นแหละ..

   emo_30
 



   ก่อนอื่นเลยต้องขออนุญาตท่าน ทำ มะดา ในฐานะเจ้าของกระทู้  กับ ท่าน บ้านกลอนไทย ในฐานะเจ้าของกลอน
ที่ผมจะต้องขออนุญาตเพื่อ ติ-ชม บทกลอนของท่านบ้านกลอนไทย สักเล็กน้อย  ว่าอันที่จริงนับแต่ผมเข้าเว็บนี้มา มีไม่บ่อยครั้งนัก
ที่จะได้อ่านกลอนของท่านบ้านกลอนไทย  ดังนั้นนั่นจึงอีกแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้ผมใคร่จะได้ยลฝีมือของท่านบ้านกลอนไทย
ซึ่งก็นับว่าไม่ผิดหวัง ในเมื่อนานๆทีมาโชว์ฝีมือย่อมจะมีดีมาอวดกัน.......ซึ่งผมจะได้เขียนไปเป็นข้อๆว่ากลอนนี้มีดีอะไร  ทำไม
ถึงต้อง ติ-ชม วิจารณ์ด้วย
   ๑.  กลอนนี้นำเอาลูกเล่นคือ กลบทอักษรสามช่วงมาใส่ในวรรคสดับทั้งสองบททำให้กลอนมีความสะดุดหูสะดุดใจ
ซึ่งการนำเอากลบทมาประยุกต์ใส่ในบทกลนั้นทำให้กลอนมีความโดดเด่นเป็นพิเศษกว่ากลอนทั่วไป
   ๒. ในกลอนรับและกลอนส่งนั้นมีการเล่นอักษร เช่น "มุมมืดมา"  "เลือนลับลา" ซึ่งการเล่นอักษรแต่ไม่มากไปจนเสียความ
นี้เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของกลอน(คือใส่ได้เท่าที่โอกาสจะอำนวยแต่ไม่ฝืนมากจนเกินไปจนผิดธรรมชาติเรียกว่ใส่แต่พอดีหรือใส่
ตามจังหวะและโอกาส)
   ๓. มีสัมผัสครบ ที่ใดที่ไม่มีสัมผัสสระก็จะพบว่ามีการสัมผัสอักษรอยู่ด้วย(เรียกว่ายังคงไว้ลายความเก๋าอยู่)
   ๔. ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือย  คือใช้คำได้คุ้มค่าแต่ละคำแต่ละประโยคนั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายที่ไพเราะจับใจทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น"หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็เพื่อน" เพียงแค่วรรคนี้วรรคเดียวก็อธิบายความได้หลายอย่าง เฉพาะคำว่า "หลายดาวผ่อง"
ก็กินความว่า  ดวงดาวไม่ใช่ดวงเดียวแต่ทว่าเป็นหลายดวงมีรัศมีผ่องใส  จะเห็นว่าเพียงสามคำเท่านั้นก็สื่อความหมายได้กว้างขวาง
คำต่อมาคือ  "ส่องเพ็ญ"  อาจหมายความว่า ส่องประกายเต็มดวง หรือส่องแสงคู่กับดวงจันทร์เต็มดวงก็ได้อีก คำว่า "อยู่เป็นเพื่อน"
อาจสื่อความหมายว่าอยู่เป็นเพื่อนดวงจันทร์หรืออยู่เป็นเพื่อนคน(ผู้แต่งกลอน)ก็ได้ทั้งสองทาง  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเพียงแค่คำ ๘ คำ
เท่านั้นแต่กลับกินความหมายที่กว้างขวางลึกซึ้ง
   นอกจากนี้ก็คือวรรคต่อมา "วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น"  ตรงนี้ก็อีก  คำว่า"วันนี้" บอกให้ทราบว่าเป็นเวลาปัจจุบันไม่ใช่
เมื่อวานหรือวันไหน ส่วนคำว่า"เลือนลับลา"ก็คือการจากไป  มองไม่เห็นอีกต่อไป  มองไม่เห็นเหมือนเคย แล้วยังเป็นการเล่นอักษร
อีกด้วย  ส่วนคำว่า"จากฟ้าถิ่น"  นั้นบอกให้ทราบว่า จากท้องฟ้าซึ่งเป็นถิ่นที่ดาวเคยอาศัยอยู่  นอกจากจะรับสัมผัสแล้วยังแฝงด้วย
ความหมายที่ครอบคลุมทั้งหมด  นอกจากนี้แล้วในวรรคถัดๆมาหรือวรรคอื่นล้วนแล้วแต่มีความหมายในตัวทั้งสิ้น
   ๕. มีการส่งสัมผัสจากคำที่ ๕  ไปยังคำที่ ๗  ทุกวรรคตลอดทั้งสองบท  ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวผมก็ชอบที่จะส่งสัมผัส
จากคำที่ ๕  ไปลงคำที่ ๗  อยู่ด้วย(แต่ส่วนมากมันจะทำไม่ได้ครบทุกวรรค)ทั้งนี้เป็นความชอบส่วนตัว
   ๖. กลอนนี้เลือกลงท้ายวรรคแรกด้วยเสียงโททั้งคู่(อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวของผมแม้ว่าในการแต่งกลอนทั่วๆไป
ผมจะไม่ค่อยมีโอกาสลงท้ายด้วยเสียงนี้นักก็ตาม)
   ๗. กลอนนี้ดีทางด้านภาษา  กระชับ ได้ใจความ  ถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์ของกลอนแปดและไม่ยาวยืดเยื้อจนเกินไป
(ความนิยมส่วนตัวอีกที่นิยมกลอนสั้นเพราะกลอนยาวผมขี้เกียจอ่าน  ไม่ได้หมายความว่ากลอนยาวไม่ดี)
   สรูปแล้ว กลอนนี้เป็นที่รวมของข้อดีหลายๆอย่างเท่าที่ผมพอจะนึกได้ หรืออาจจะมีข้อดีอื่นๆแต่ผมไม่ทราบก็เป็นได้
ผิดถูกยังไงผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

                                 ช่วงนี้ไม่ว่าง
                              ๒๐  ตุลาคม  ๒๕๕๔
   








๏ กล่อมกลอนกล บนบาน ไหว้วานเวท
สำแดงเดช ดึงดูด ทุกสูตรสรรค์
หัวหมูพร้อม น้อมพราย เซ่นหลายพัน
ให้กลอนผันผวนเสียง สำเนียงดี

๏ คำจึงดู เด่นดาว ถึงคราวเชื่อม
กะพริบเพื่อม เลื่อมฉาย เพราะพรายผี
แต่งเองบ้าง ล้างลักษมณ์ ศักดิ์กวี
ไร้ตราตีตำแหน่ง ยศแห่งกลอน

๏ เจ็ดวิจารณ์ งานมา ว่าวิจิตร
สวยวิสิฐ วิทยา วิชาสอน
ดุจวิทู ครูเทศ วิเศษพร
เขียนวิวรณ์วรรคไว้ วิจัยจาร

๏ ขอบคุณท่าน ที่ทวน ประมวลเทพ
ให้ได้เสพย์ สุขสู่ เมื่อดูสาร
ตำรากลอนก่อนเก่า ยังเขลากานท์
ขอไหว้วาน ท่านชี้...วจีจินต์


(http://www.qzub.com/bar_002.gif) (http://www.qzub.com)

แบบว่า...มิกล้ารับหรอกครับท่าน ผู้น้อยยังอ่อนหัดนัก...
ขอบคุณครับ..


   emo_126


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 21 ตุลาคม 2011, 09:59:PM

"ความเคยชิน"ยินชื่อนั่นคือใช่
อยากทุ่มใส่ไฟฟองเอากองสุม
เพราะมันเก่าเกินกว่าจะคว้ากุม
อยู่ในมุมมืดมาจนชาชิน

หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็นเพื่อน
วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น
เหลือเพียงเราเฝ้าแขตาแลดิน
ไม่นานสิ้นแสงใสจะไปตาม


([url]http://www.qzub.com/bar_002.gif[/url]) ([url]http://www.qzub.com[/url])

แบบว่า....ก็ไม่รู้สิครับ แต่ก็ตามนั้นแหละ..

   emo_30
 

"อยู่ในมุม มืดมา จนชาชิน"  
ครั้นพอยิน จินตนา ผวาหวาม  
กลัวถึงแดร็กร์ คูล่าร์ ผู้บ้ากาม
ฮักลวนลาม ตามลูบ สูบเลือดกิน  

อุ๊ย!!ขอโทษ โปรดพี่ Moderator  
รัตน์แค่ขอ ต่อเนื่อง เป็นเรื่อง(ตง)ฉิน
อย่าลงโทษ โกรธน้อง สมองบิน  
เดี๋ยวไม่สิ้น แสงส่อง มิต้องตาม  

รัตนาวดี
 emo_126

ฮิๆๆแบบขำๆค่ะพี่จ๋า



๏ "แดร็กร์คูล่าร์ บ้ากาม" เป็นนามใหม่
แหม!เติมไข่ ใส่สี วจีศิลป์
แต่โดนใจ นัยแจง คำแห่งจินต์
จะได้บินโบยไป หาใจตัว

๏ จะเลือกกัด สัดส่วน เนื้อนวลนิ่ม
ค่อยค่อยชิม ยิ้มเยาะ กะเทาะหัว
"รัตน์"คนแรก แจกเขี้ยว อย่าเสียวกลัว
พึงกินวัว,กินหมู...อิ่มอยู่เลย



(http://www.qzub.com/bar_002.gif) (http://www.qzub.com)

แบบว่า...ประมาณนั้นแหละครับ....แบร่ๆ..
..


    emo_26



หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 21 ตุลาคม 2011, 10:20:PM



....ตามที่ท่าน "ช่วงนี้ไม่ว่าง" กล่าวมานั่นแหล่ะครับ นานๆมาที ไม่เคยทำให้ผิดหวังสำหรับ ท่าน"บ้านกลอนไทย" หรือ "นะโม" หนุ่มหล่อ ของเรานี่เอง ...มาบ่อยๆสิ หลายคนเขาคิดถึง...ติดตามผลงานอยู่เสมอ....
....ส่วนท่าน "ช่วงนี้ไม่ว่าง" (ไม่รู้ว่าช่วงไหนว่างมั่ง หุหุ)...ได้แจกแจงมาโดยละเอียดนั้น นับว่าดีเลยทีเดียว ได้ความรู้มากมายท่าน เป็นประโยชน์ในการแต่งกลอน ของข้าพเจ้า และอีกหลายๆคนเลยทีเดียว ขอบคุณท่านมาก!...


....ด้วยจิตคารวะ

....ทำ มะดา...

 emo_126


๏ "ทามะดำ" ทำด้อย กลบรอยเด่น
เมื่อก่อนเล่น เช่นชาว แห่งหาวหงส์
กระพือปีก หลีกล้อ ลออองค์
หนึ่งในวงศ์ วรรณศิลป์ กวินไทย

๏ ทอดทิ้งฟ้า หน้าหนาว เมื่อคราวนั้น
ความผูกพัน วันคืน เคยชื่นไหม
ทิ้งให้น้อง หมองหม่น น้ำหล่นนัยน์
เปลี่ยนแปลงไปเป็นว่า...."ทามะดำ"



(http://www.qzub.com/bar_002.gif) (http://www.qzub.com)

แบบว่า...อย่าเนียน,อย่าเนียน..รู้หรอกน่า...แบร่ๆ..
..


     emo_57


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 21 ตุลาคม 2011, 11:47:PM


๏ "แดร็กร์คูล่าร์ บ้ากาม" เป็นนามใหม่
แหม!เติมไข่ ใส่สี วจีศิลป์
แต่โดนใจ นัยแจง คำแห่งจินต์
จะได้บินโบยไป หาใจตัว

๏ จะเลือกกัด สัดส่วน เนื้อนวลนิ่ม
ค่อยค่อยชิม ยิ้มเยาะ กะเทาะหัว
"รัตน์"คนแรก แจกเขี้ยว อย่าเสียวกลัว
พึงกินวัว,กินหมู...อิ่มอยู่เลย



(http://www.qzub.com/bar_002.gif) (http://www.qzub.com)

แบบว่า...ประมาณนั้นแหละครับ....แบร่ๆ..
..


    emo_26


ฤามีมนตร์ ดลจิต ตราติดตรึง
ลงกลางบึง หนึ่งหทัย จักใคร่เผย
แดร็กร์คูล่าร์ มาล่อ เขี้ยวหล่อเลย
คอยทรามเชย เปรยปรอบ เริ่มชอบใจ

ยามเดือนเพ็ญ เป็นทิวา ราตรีมืด
หนังพังผืด ยืดรอ เอียงคอให้
เลือดลิ้นลุ้น อุ่นเขี้ยว โอ้..เสียวไป
จินตนา พาไว้  หวั่นไหวกลัว   

รัตนาวดี emo_79

ฮู...Hooo....


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ 22 ตุลาคม 2011, 10:06:PM

ฤามีมนตร์ ดลจิต ตราติดตรึง
ลงกลางบึง หนึ่งหทัย จักใคร่เผย
แดร็กร์คูล่าร์ มาล่อ เขี้ยวหล่อเลย
คอยทรามเชย เปรยปรอบ เริ่มชอบใจ

ยามเดือนเพ็ญ เป็นทิวา ราตรีมืด
หนังพังผืด ยืดรอ เอียงคอให้
เลือดลิ้นลุ้น อุ่นเขี้ยว โอ้..เสียวไป
จินตนา พาไว้  หวั่นไหวกลัว   

รัตนาวดี emo_79

ฮู...Hooo....
"แดร็กร์กูลาร์ บ้ากาม" นามอสูร
ยองหละปูน ฟ้ามาร ขานกันทั่ว
รูปหล่อล่ำ จำศีล กินนมวัว
เดี๋ยวนี้มั่ว ดูดเลือด เหือดแห้งกาย

เจาะสาวไทย วัยมัน พันธุ์ฝรั่ง
ยามคลุ้มคลั่ง ตาปรือ มือสยาย
รวบหัวลง องค์เอว เขวเท้าปลาย
อันตราย จับได้ ต้องใส่กรง

บรื๋อ...

รพีกาญจน์ 59


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 22 ตุลาคม 2011, 11:32:PM


"แดร็กร์กูลาร์ บ้ากาม" นามอสูร
ยองหละปูน ฟ้ามาร ขานกันทั่ว
รูปหล่อล่ำ จำศีล กินนมวัว
เดี๋ยวนี้มั่ว ดูดเลือด เหือดแห้งกาย

เจาะสาวไทย วัยมัน พันธุ์ฝรั่ง
ยามคลุ้มคลั่ง ตาปรือ มือสยาย
รวบหัวลง องค์เอว เขวเท้าปลาย
อันตราย จับได้ ต้องใส่กรง

บรื๋อ...

รพีกาญจน์ 59

ยามทิวา มาเยือน เริ่มเกลื่อนทั่ว 
หลับหวั่นกลัว มั่วหม่น ขนหัวหลง
หทัยกาญจน์ คลานหมอบ ปลอบทะนง 
รัตน์นั้นคง คิวแรก ถูกแดกครวญ

พระเจ้าปลง ส่งพ่อ หมอรพีฯให้ 
อบอุ่นไอ ไวว่อง คลี่คล่องสวน
รัตนา กราบเท้า เจ้าคุณชวน   
ช่วยนางนวล ด่วนผจญ ต้องพ้นภัย 

รัตนาวดี
emo_44
มาทันก่อนรัตน์ถูกแดก..ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: ♥หทัยกาญจน์♥ ที่ 23 ตุลาคม 2011, 09:43:AM
ยามทิวา มาเยือน เริ่มเกลื่อนทั่ว 
หลับหวั่นกลัว มั่วหม่น ขนหัวหลง
หทัยกาญจน์ คลานหมอบ ปลอบทะนง 
รัตน์นั้นคง คิวแรก ถูกแดกครวญ

พระเจ้าปลง ส่งพ่อ หมอรพีฯให้ 
อบอุ่นไอ ไวว่อง คลี่คล่องสวน
รัตนา กราบเท้า เจ้าคุณชวน  
ช่วยนางนวล ด่วนผจญ ต้องพ้นภัย 

รัตนาวดี
emo_44
มาทันก่อนรัตน์ถูกแดก..ขอบคุณค่ะ

(http://www.qzub.com/bar_170.gif) (http://www.qzub.com)

หทัยฯนอน อ่อนล้า มิกล้าแกร่ง
จะไปดูด เลือดแดง แทงคนไหน
หรือดูดคอ พ่อหมอ รพีฯไป
หรือดูดใคร ดีคะ? รัตนาวดี

หากให้เลือก เกลือกลิ้ง จริง “บัณฑิตฯ”(เมืองสิงห์)
เพราะดวงจิต แจ้งโกรธ โทษหนักนี้
ที่ต่อกลอน อ้อนมั่วมั่ว รั่วทุกที
ขอฆ่าก่อน สอนแล้วตี  ดีไหมเอย...

หทัยกาญจน์
(http://www.qzub.com/bar_170.gif) (http://www.qzub.com)


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 23 ตุลาคม 2011, 08:44:PM
หทัยฯนอน อ่อนล้า มิกล้าแกร่ง
จะไปดูด เลือดแดง แทงคนไหน
หรือดูดคอ พ่อหมอ รพีฯไป
หรือดูดใคร ดีคะ? รัตนาวดี

หากให้เลือก เกลือกลิ้ง จริง “บัณฑิตฯ”(เมืองสิงห์)
เพราะดวงจิต แจ้งโกรธ โทษหนักนี้
ที่ต่อกลอน อ้อนมั่วมั่ว รั่วทุกที
ขอฆ่าก่อน สอนแล้วตี  ดีไหมเอย...

หทัยกาญจน์

จะเล่นบี้ตีก้นคนวิปริต
หรือโรคจิตคิดหนีดีพี่เอ๋ย
บัณฑิตกลัวแล้วจ้าอย่าฆ่าเลย
ไม่อยากจะโดนเสยระเหยไป

สอนอย่างเดียวอย่าตีดีกว่านะ
ถึงอมพระปากเก็บเจ็บรู้ไหม
ผิวพรรณอ่อนอย่างบัณฑิตผิดอะไร
เราหน้าใสเลยอิจฉาใช่ไหมเธอ?

 emo_45

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

บัณฑิตเมืองสิงห์


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 24 ตุลาคม 2011, 12:22:AM

นอนไม่หลับ จับสั่น คราครั่นคิด 
ดลดวงจิต ผลิตไป เรื่องใหญ่เพ้อ
ยังมีสาว หนาวเสียว รอเขี้ยวเจอ
หลายสิบหัว ชัวร์เผลอ บำเรอโลม 

ตอนเดือนเพ็ญ เป็นยาม ต้องหามแขก 
คุณพี่แดร็กฯ แสกเสวย อยากเชยโฉม
รัตน์อยากเป็น เพ็ญแรก ที่แจกโจม
จะคอยโหม โถมกระหน่ำ ให้หนำใจ

อีกหนึ่งจิต คิดห่วง ต้องทวงหา
พี่แดร็กฯขา..อยากรู้ ว่าอยู่ไหน
ผิวพรรณอ่อน อย่างบัณฑิต คิดอะไร
หน้าก็ใส ใช่อิจฉา ไม่ว่ากัน

รัตนาวดี
 emo_111
เลือดก็คงจะอร่อยกว่าเราน้ะ emo_26


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 24 ตุลาคม 2011, 12:40:AM
พี่แดร็กฯนั้นชอบพิศโลหิตหญิง
สีแดงฝาดปราศทิ้งสิ่งมัวหมอง
พอแลน้ำเลือดไหลหัวใจปอง
ว่าจะต้องครองเลือด "รัตนาวดี"

เลือดเรานั้นไม่อร่อยอย่างที่คิด
มันติดพิษร้ายแรงแขยงนี่
เป็นเลือดดำขลับข้นหม่นชีวี
เลือดบัณฑิตผิดสีไม่ดีเลย

 emo_06

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

บัณฑิตเมืองสิงห์


หัวข้อ: Re: "...เคยชิน..."
เริ่มหัวข้อโดย: รัตนาวดี ที่ 24 ตุลาคม 2011, 02:14:AM
พี่แดร็กฯนั้นชอบพิศโลหิตหญิง
สีแดงฝาดปราศทิ้งสิ่งมัวหมอง
พอแลน้ำเลือดไหลหัวใจปอง
ว่าจะต้องครองเลือด "รัตนาวดี"

เลือดเรานั้นไม่อร่อยอย่างที่คิด
มันติดพิษร้ายแรงแขยงนี่
เป็นเลือดดำขลับข้นหม่นชีวี
เลือดบัณฑิตผิดสีไม่ดีเลย

 emo_06

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

บัณฑิตเมืองสิงห์

ตำนานเก่า เล่ามา มิน่าแปลก 
พงเผ่าแดร็กฯ แยกเขี้ยว ล่อเสียวเผย
ชอบโลหิต ผิดจำแนก มิแปลกเปรย 
ส่วนมากเคย เชยชุ่ม ลิ้มนุ่มนวล 

รู้ไหมว่า รัตน์วดี นี้ขยัน
ทุกวันปั่น น้ำกระเทียม เพื่อเตรียมล้วน
ผสมดื่ม ลืมสุข คลานคลุกครวญ
รอพี่แดร็กฯ แจกตรวน อาจชวนใจ

รัตนาวดี
 emo_20