พิมพ์หน้านี้ - แค่หนึ่งเที่ยวโดยสาร การรถไฟ

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนแอบรัก => ข้อความที่เริ่มโดย: จ้อง เจรียงคำ ที่ 23 กันยายน 2011, 01:14:PM



หัวข้อ: แค่หนึ่งเที่ยวโดยสาร การรถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: จ้อง เจรียงคำ ที่ 23 กันยายน 2011, 01:14:PM


แค่หนึ่งเที่ยวโดยสารการรถไฟ

 
ตะวันลอยคล้อยหลบลงพลบค่ำ
ลาดิ่งดำขอบฟ้าลึกกว่าเห็น
รอนแสงลาลับล่วงแล้วช่วงเย็น
ฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมัวทั่วทั้งฟ้า

ริ้วลมแห่งเหมันต์หันหอบริ้ว
ระเรียงเรื่อยเฉื่อยฉิวโกรกผิวหน้า
รถด่วนดีเซลรางคนบางตา
เคลื่อนเทียบชานชาลาสถานี

อึกทึกผู้คนอลหม่าน
ผู้โดยสารจอแจแลหาที่
มองเลขหมายซ้ายทีบ้างขวาที
เดี๋ยวเดินชี้เดินเฉียด..สวนเบียดไป

ฉันเก็บของเข้าชั้นสัมภาระ
ก่อนจะผละเอนอิงพิงหัวไหล่
โยกปรับเบาะท้าวอาร์มตามชอบใจ
เมื่อยังอีกยาวไกล ถึงปลายทาง

ทอดสายตาอาลัย..ไปรอบรอบ
ทะลุกรอบกระจก..จอหน้าต่าง
แล้วเฉียบพลันทันใด..หัวใจคว้าง
พลันเสียงรถบดราง..เคลื่อนออกแล้ว

โอดลาภูมิลำเนา..เคล้าระทด
ได้กำหนดรถด่วนขบวนแถว
กวาดตามองท้องฟ้าทุ่งนาแนว
สุดจะซ่อนเร้นแววตาอาวรณ์


ชายผู้นั่งแถวท้าย..ฝั่งซ้ายสุด
ยังมิหยุดอิดออดทำทอดถอน
ขณะการพลัดพรากจำจากจร
กำลังเคลื่อนเลื่อนคลอนหมอนรถไฟ


ริ้วลมแห่งเหมันต์ประชันริ้ว
ระเรื่อยปลิวทิวทุ่งสะดุ้งไหว
คล้ายทุ่งโศกโบกลาเคล้าอาลัย
นวลจันทร์ไล้นวลนุ่มปลอบพุ่มพฤกษ์


รถด่วนขบวนเดิมเริ่มชะลอ
ระหว่างฉันเริ่มกรอ...ความรู้สึก
เก็บเอารอยอาลัยไว้เบื้องลึก
พินิจเสียงอึกทึกรายรอบรถ

เข้าสถานีสองของเส้นทาง
ตามเวลาตารางวางกำหนด
จากมืดมนปนเปลี่ยวทางเคี้ยวคด
ค่อยทยอยน้อยลด..จนหมดวับ


พลันจู่จู่ใจเปลี่ยวเสียวสะดุ้ง
สายตาพุ่งถลันหน้าหันขวับ
ลอบมองลอดหน้าต่างอย่างลับลับ
แอบซึมซับความสวยด้วยวาวตา

ระลอกลมระเรื่อยเอื่อยเอื่อยพัด
สยายผมสะบัดเผยชัดหน้า
ไฟหนุ่มโหมเปลวคุโชนอุรา
ครั้นจะคว้าเอื้อมสอย..ก็ลอยลม

เธอแหกออกนอกกรงกรอบวงเนตร
แสนสังเวชหัวใจอย่างไรข่ม
หวั่นไหวไปตามประสาห้วงอารมณ์
ทับแล้วถม..กลบทิ้ง..น่าชิงชัง


แล้วอึกทึก..อีกหน...ก็อลหม่าน
ผู้โดยสารใหม่มาหาที่นั่ง
ฉันเอนพักสายตาแต่หูฟัง
เบาะข้างดังเสียงเบียด ออดเอี๊ยดอ๊าด!

ข่มเปลือกตาให้ปิดสนิทแนบ
กลับยินเสียงกรอบแกรบของกระดาษ
ตาเริ่มคลี่หรี่มองเห็นซองการ์ด
ฟุ้งกลิ่นสาดโชยล้อมหอมจางจาง

แต่นั่นก็มิเท่าเห็นเจ้าของ
ผู้ถือซองชมพูนั่งอยู่ข้าง
ใจเตลิดเปิดอกแล่นตกราง
เทขบวนครวญครางอยู่ทางนี้

(แทบจะเปิดปากอ้า..เบิกตาค้าง
นะนั่น..นางโฉมตรู..เมื่อครู่นี้)


ชายผู้นั่งแถวท้ายฝั่งซ้ายสุด
แทบจะหลุดตกพนักตักเก้าอี้
แต่ทว่าทั้งห้วงดวงฤดี
หลุดไปที่พนักอ้อมตักเธอ

รางจะคดรถจะเคลื่อนเหมือนไม่ทราบ
มันหวิววาบสรรพางค์เหมือนอย่างเผลอ
ติดภวังค์ขังตรึง..เหมือนหนึ่งละเมอ
พาให้เซ่อลุกลนคนขี้อาย

จนวังเวงหนึ่งหย่อมย่านโหวกเหวก
ถูกเธอเสกเสียงแรกแทรกโดยง่าย
ละมุนเกินกว่าหูจะรู้คลาย
คำทักทายเพียงน้อยพร้อมรอยยิ้ม

ฉุดฉันดำดิ่งไปไกลกว่าลึก
เกินมโนสำนึกรู้สึกอิ่ม
เกรงฉันกลัวหัวอกสั่นตกริม
ขณะลิ้มพริ้มพรายสบสายตา

สิ้นสุดกิริยาทุกอากัป
นิ่งค้างรับจำนนผลประหม่า
ใจยังสั่นไหวรัวตัวยังชา
คล้ายเวลาหยุดลง.. ตรงสองเรา

รู้สึกตัวอีกครั้ง...ตั้งยิ้มรับ
พร้อมพร้อมกับเงยก้มเสยผมเผ้า
เปล่งเสียงทักแกมอายคล้ายแผ่วเบา
มือลูบเกาเปะปะเกะกะเกิน

นอกจากใจพ่ายแพ้แต่แรกพบ
ยังสยบอยู่ใต้ความอายเขิน
ที่แอบมาโดยไม่ได้เชื้อเชิญ
ทำเอาเปิ่นพาขันขำกันไป

แล้วกำแพงรู้สึกเมื่อสักครู่
เหมือนผุดบานประตูอยู่ใกล้ใกล้
หลังยิ้มขำเพียงนิดเผลอคิดไกล
แง้มประตูหัวใจไว้รับกัน

จากความสวยแปรค่าเป็นน่ารัก
ได้รู้จักแม้ช่วงเพียงสั้นสั้น
แต่เหมือนเยื่อใยถูกคล้องผูกพัน
หรืออาจฉันนั้นผิด...คิดฝ่ายเดียว

ว่าแววตาคราแรกคนแปลกหน้า
ช่วงเวลาถาโถมให้โน้มเหนี่ยว
เป็นเคยคุ้นอุ่นใสนัยน์ตาเรียว
แค่หนึ่งเที่ยวโดยสารการรถไฟ


หากล้อรถไต่รางสร้างระยะ
เราอาจสร้างพันธะด้วยการไต่-
สองเส้นรางละขั้วสองหัวใจ
ที่กำลังโยงใยสถานี

สองคนจากสองทางต่างที่มา
สบสายตาอาจสร้างโลกต่างสี
แต่คล้ายรวมเป็นโลกเดียวที่มี
ความพอดีผสมเหมือนกลมกลืน

คืนนี้ดาวโคจรมาก่อนเมฆ
แต่ดวงเอกเจิดจรัสกลางดาษดื่น
คือดาวที่โน้มต่ำของค่ำคืน
กลบดวงอื่นด้วยวาวดาวตาเธอ

จ้องแววดาวประกายยามฉายแสง
คล้ายดาวแฝงความในให้ไผลเผลอ
ใช่ไหมเยื่อใยนั้นที่ฉันเจอ
อยากชะเง้อถามดาวเกรงร้าวราน

กระทั่งดาวดวงเอกถูกเมฆกลบ
ซุกเข้าหลบเปลือกตาปิดประสาน
ฉันกลับไม่อาจเลิกยิ้มเบิกบาน
เมื่อไหล่ด้านขวาถูกเธอแนบซบ

จะให้ทำฉันใดเล่าใจเอ๋ย
แทบมิอาจนิ่งเฉยเสงี่ยมสงบ
ปรารถนาเอ่อริมปริ่มทำนบ
ก้มก็สบเธอเคียงเพียงเอื้อมมือ

เสียงบรรเลงเพลงสุขก็ปลุกเร้า
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ
ดังเหมาะเจาะซึ้งพาเคลิ้มตาปรือ
อยากยั้งยื้อเวลาให้ช้าลง

ช่วงเวลาแห่งห้วงหฤหรรษ์
หนึ่งราตรีแสนสั้นน่าพิศวง
เธอเอียงซบไหล่ฉันอย่างบรรจง
จากนี้คงแยกทางต่างคนต่างไป

ฉันเอียงแก้มแนบเคียงพูดเสียงคลอ
อยากติดต่อขอเบอร์ฯเธอได้ไหม
เธอดึงการ์ดแต่งงานจากด้านใน
จึงเข้าใจบางอย่างกระจ่างชัด

มันเหมือนสุขแล้วเศร้าเคล้าระคน
เหมือนปะปนคละแฝงเหมือนแย้งขัด
ปราสาททรายถูกคลื่นกลืนแล้วซัด
กร่อนแล้วกัดราบลาดเรียบหาดทราย

ถึงสถานีหน้าคงฟ้าสาง
มองดูรางรถไฟ...แล้วใจหาย
เราอาจได้พบกันวันสุดท้าย
เธอใกล้ถึงสุดสาย..ของปลายทาง

ฉันขอมองดวงตาประกายดาว
อีกสักคราวก่อนลาเมื่อฟ้าสาง
แสงสุรีย์แรกเยือนเหมือนดาวจาง
แล้วเลือนรางลับหายจากสายตา

ชายผู้นั่งฝั่งซ้ายแถวท้ายสุด
ค่อยค่อยทรุดตัวขดอย่างหมดท่า
เมื่อคนเคยนั่งข้างจากร้างลา
ไปต่อหน้ากับคนบนบัตรเชิญ

ครั้นจะตัดสัมพันธ์มันก็สาย
แม้รู้จักอีกฝ่ายคล้ายผิวเผิน
แต่หัวใจใยเยื่อก็เหลือเกิน
ยากจะเมินอาลัยของใจตน

พกดวงจิตอิดโรยลงโดยสาร
สิ้นสุดการสัญจรจากตอนต้น
แลเห็นใครหน้านิ่วยืนคิ้วชน
ถามแกมบ่นโทรไปก็ไม่รับ

ทำกระอักกระไอแสร้งใสซื่อ
แต่เอื้อมมือคลึงแนบแอบลูบจับ
รูปของเธอซ่อนอยู่รู้ลับลับ
ก่อนตอบเมียปุบปับ ว่าหลับเพลิน



~ ๒๓  กันยายน  ๒๕๕๔ ~
 

 emo_12 อ่านเล่นๆ นะครับไม่ได้เข้าบ้านกลอนเสียนาน
 ขออภัย หากยาวไป..


หัวข้อ: Re: แค่หนึ่งเที่ยวโดยสาร การรถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 23 กันยายน 2011, 06:49:PM
emo_25  emo_79  emo_25

ช่างงดงามหวามไหวอาลัยร่วม
ในบทสวมมาดแมนแสนขวยเขิน
สละไหล่ให้พิงหญิงเพลิดเพลิน
ก่อนจะเดินจากกัน..วันอาลัย..

เสียแต่ว่าอารมณ์ชมชื่นนี้
ก่อเกิดมีฝ่ายเดียวเปลี่ยวไฉน
เกิดกระสันฝันเฟื่องกระเดื่องไกล
ปล่อยหัวใจลอยล่อง...ตามน่องนาง

ถ้าไม่เห็นการ์ดแต่งคงแย่งซบ
ทำเกลื่อนกลบง่วงซึมปลื้มจนสาง
สถานีใดเธอลงคงไม่วาง
ติดตามอย่างเป็นเงาให้เขาลือ

อาจเป็นบุญเคยทำนำมาก่อน
ถึงลดทอนอาลัยใจไม่หือ
ไม่เช่นนั้น..เมียรู้..ดู..อื้อฮือ ! !
จ้อง..ตาปรือ ชื่อเปลี่ยน..เขียนว่า “จ๋อย”

..จ๋อย  เจรียงคำ..

 emo_126 แซว เล่น ๆ นะขอรับ emo_126

"บ้านริมโขง"

emo_47 emo_54 emo_26 emo_54 emo_47


หัวข้อ: Re: แค่หนึ่งเที่ยวโดยสาร การรถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 23 กันยายน 2011, 07:03:PM
emo_116  emo_116  emo_116

 emo_100  ขอชื่นชมตรงนี้เลยนะคะ..ว่าอ่านแล้วมีความสุขมาก   emo_94
อ่านไปก็คิดถึงตนเอง..ว่ากาลครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้..ได้โดยสารตู้นอนที่เป็นห้องส่วนตัว.ไปเชียงใหม่
แต่..รถไฟแล่นช้ามาก..หยุดบ่อยและนาน..ช่วงก่อนถึงลำปาง
กำหนดว่าถึงก่อน ๗ โมงเช้า...แต่(น่าเบื่อมาก)...ถึงเชียงใหม่ ๑๐ โมงกว่า
(ยังจะมา.บอกว่า..แถมให้ไม่คิดตังส์เพิ่ม)

อ่านกลอนท่านพี่อาร์ตี้..ช่วงแรกๆก็เห็นบรรยากาศ..ตอนข้าพเจ้าเดินเล่นไปตู้อื่นๆ
เปลี่ยนที่นั่งไปเรื่อยๆ ดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้องส่วนตัว
 emo_60 อ่านกลอนพี่ช่วงที่ขำมาก.ตอนสาวเจ้าหยิบการ์ดแต่งงานมาให้พี่ดู emo_60
เพราะข้าพเจ้าก็หยิบการ์ดแต่งงานออกมาอำบนรถไฟ.. emo_26 ว่าข้าพเจ้าเป็นเจ้าสาว
การที่รถไฟแล่นช้า.ทำให้ข้าพเจ้าพลาดการแต่งงาน
(ซึ่งมีดวงแต่งได้วันนั้น..วันเดียวในชีวิต)
และคนที่ดูแล..จัดการบนรถไฟเค้าก็ยินดีรับผิดชอบ..จะแต่งงานบนรถไฟกับข้าพเจ้าแทนให้
 emo_89 อธิบายให้ฝรั่งฟัง.. emo_26  ขำกันใหญ่  emo_45 สั่งข้าวมาทานกันสนุกสนาน  emo_89
"กลอนท่านพี่อาร์ตี้"..ทำให้นึกถึงบรรยากาศวันนั้น(บนรถไฟเที่ยวแรกในชีวิต)
คือนั่งเครื่อง.ขับรถไปบ่อยแล้ว.อยากลองตู้นอนรถไฟโดยสารบ้างค่ะ
ทั้งขำ...ทั้งเข็ดอ่ะ..ไม่เอาอีกแล้วววววววว

Music

(จริงๆไปงานแต่งงานนะจ๊ะ)


หัวข้อ: Re: แค่หนึ่งเที่ยวโดยสาร การรถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: ดาว อาชาไนย ที่ 23 กันยายน 2011, 10:20:PM
แล้วคุณ Music ตกลงให้ผู้ดูแลเขารับผิดชอบให้หรือเปล่าครับ

Dow archanai


หัวข้อ: Re: แค่หนึ่งเที่ยวโดยสาร การรถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 24 กันยายน 2011, 04:19:AM
แล้วคุณ Music ตกลงให้ผู้ดูแลเขารับผิดชอบให้หรือเปล่าครับ

Dow archanai

  emo_95
เป็นได้เพียง"เพื่อนเจ้าสาว"ในคราวก่อน
ยังขวัญอ่อนอยู่เลยมิเคยหา
ประสบการณ์เดินทางพรางเวลา
แม้นำพาให้พบต้องลบเลือน

หนุ่มรถไฟ.เรือเมลล์.ลิเก.ตำรวจ
ทั้งนายตรวจ.ไกด์.พระ.ละเขยื้อน
แค่รู้จักมักจี่..พี่พี่เตือน
อย่าแชเชือนหลงกลจะโดนลวง

"รถไฟนอนตู้ ๑๓"ในความร้าย
มีรถด่วนขบวนสุดท้าย..อีกหลายช่วง
แค่บังคับหยอกล้อเพื่อขอทวง
มิคิดควงทดแทนเป็นแฟนกัน

ขอเลือกอยู่พิทักษ์เพื่อ"รักโลก"
ไม่มีโชคสองเท้าดั่งเราฝัน
มิต้องรอคอยใครในชีวัน
มากดดันให้ชีวิต..เดินผิดทาง


(ตอบเป็นกลอนเลยนะคะ...แสดงว่าท่านดาวให้ความสนใจและตั้งใจอ่านจริงๆ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
 emo_116 emo_116 emo_116 emo_116 emo_116