หัวข้อ: ในคืนเหงา เริ่มหัวข้อโดย: sitang ที่ 07 กันยายน 2011, 11:56:AM ๐หากฉันนี้ยังคงมีความหมาย
ข้างข้างกายก็คงมีเธออยู่ และวันนี้ที่ฉันนั้นรับรู้ คือยืนอยู่เดียวดายในอาดูร ๐เงียบจนเหงาหนาวเหน็บเจ็บจนร้าว หลากเรื่องราวรักเราเหลือเป็นศูนย์ ยิ่งค่ำคืนกล้ำกลืนทวีคูณ เพราะว่าบุญถูกสาปด้วยบาปบัง ๐แหงนมองฟ้าดาราอยู่เป็นร้อย ดั่งเรียงร้อยถ้อยคำภาษาขลัง เป็นกวีที่ร้างลางรักพัง และกลบฝังในหัวใจให้อาวรณ์ ๐ข้างกายมีเพียงเงาอยู่เป็นเพื่อน คอยย้ำเตือนความเศร้าไม่เบาถอน อยากข่มตาหลับใจให้เข้านอน แต่ก็ร้อนรำพึงถึงเพียงเธอ ๐อนิจจาถ้าเสียสติสิ้น ในชีวินใบ้บ้าละเมอเพ้อ บอดนัยตาหูดับเสียงพร่าเบลอ คงจะเจอสุขบ้างเพียงบางเบา ๐แต่เสียดายที่ฉันระลึกรู้ จึงต้องอยู่ซมเซาอย่างเหงาเหงา และน้ำตากับอดีตคำว่าเรา ที่มีเขาและเธอได้ใช้แทน ๐เข้าใจแล้วความหมายของฉันนี้ ทั้งร้ายดีสุขเศร้าอาลัยแสน เกลียดสุดเกลียดร่ำไห้หทัยแค้น แต่ก็แสนดีใจที่จากลา ๐ยินดีด้วยคนดีที่มีสุข ไร้ความทุกข์บนทางเสน่หา เห็นเขานั้นรักเธอปานแก้วตา ก็รู้ว่าฉันคงต้องห่างไกล ๐แต่แค้นนักอยากฆ่าเสียให้สิ้น โอ้ยุพินวันเก่าเก่าเราอยู่ไหน ที่ผ่านมากานดาทำทำไม เพราะอะไรรักแล้วจึงร่ำลา ๐เย็นยะเยือกเยียบใจหทัยร้าว เหงาเหงาหนาวหฤทัยเป็นหนักหนา เคยบอกรักกลับกลายเป็นบอกลา อนิจจาค่ำนี้จึงเดียวดาย สิตางศุ์ ๐๗๐๙๒๕๕๔ หัวข้อ: Re: ในคืนเหงา เริ่มหัวข้อโดย: Music ที่ 07 กันยายน 2011, 06:35:PM ในคืนเหงา ๐หากฉันนี้ยังคงมีความหมาย ข้างข้างกายก็คงมีเธออยู่ และวันนี้ที่ฉันนั้นรับรู้ คือยืนอยู่เดียวดายในอาดูร ๐เงียบจนเหงาหนาวเหน็บเจ็บจนร้าว หลากเรื่องราวรักเราเหลือเป็นศูนย์ ยิ่งค่ำคืนกล้ำกลืนทวีคูณ เพราะว่าบุญถูกสาปด้วยบาปบัง ๐แหงนมองฟ้าดาราอยู่เป็นร้อย ดั่งเรียงร้อยถ้อยคำภาษาขลัง เป็นกวีที่ร้างลางรักพัง และกลบฝังในหัวใจให้อาวรณ์ ๐ข้างกายมีเพียงเงาอยู่เป็นเพื่อน คอยย้ำเตือนความเศร้าไม่เบาถอน อยากข่มตาหลับใจให้เข้านอน แต่ก็ร้อนรำพึงถึงเพียงเธอ ๐อนิจจาถ้าเสียสติสิ้น ในชีวินใบ้บ้าละเมอเพ้อ บอดนัยตาหูดับเสียงพร่าเบลอ คงจะเจอสุขบ้างเพียงบางเบา ๐แต่เสียดายที่ฉันระลึกรู้ จึงต้องอยู่ซมเซาอย่างเหงาเหงา และน้ำตากับอดีตคำว่าเรา ที่มีเขาและเธอได้ใช้แทน ๐เข้าใจแล้วความหมายของฉันนี้ ทั้งร้ายดีสุขเศร้าอาลัยแสน เกลียดสุดเกลียดร่ำไห้หทัยแค้น แต่ก็แสนดีใจที่จากลา ๐ยินดีด้วยคนดีที่มีสุข ไร้ความทุกข์บนทางเสน่หา เห็นเขานั้นรักเธอปานแก้วตา ก็รู้ว่าฉันคงต้องห่างไกล ๐แต่แค้นนักอยากฆ่าเสียให้สิ้น โอ้ยุพินวันเก่าเก่าเราอยู่ไหน ที่ผ่านมากานดาทำทำไม เพราะอะไรรักแล้วจึงร่ำลา ๐เย็นยะเยือกเยียบใจหทัยร้าว เหงาเหงาหนาวหฤทัยเป็นหนักหนา เคยบอกรักกลับกลายเป็นบอกลา อนิจจาค่ำนี้จึงเดียวดาย สิตางศุ์ ๐๗๐๙๒๕๕๔ ปรารถนาซึ่งกันเหมือนควันหลง เป็นผุยผงอย่าตาม..หาความหมาย แม้นฟ้าดินผูกเชื่อมมิเสื่อมคลาย ก็กลับกลายเป็นเศร้าถ้าเข้าใจ ศักดินาฐานันดร...ณ ตอนนั้น ที่กางกั้นรักสานไม่หวานใส เมื่อผู้ใหญ่สองฝั่งสั่งให้ไกล ยากมีใครขัดคำ..เป็นจำเลย ทุกวันคืนหลีกลี้เหมือนขี้ขลาด จึงไม่อาจบอกลาหนีมาเฉย แว่วแต่คำอ่อนละมุมที่คุ้นเคย อย่าเปรียบเปรยต่อว่า"ไม่กล้ารอ" ในค่ำคืนแห่งเหงาที่เราฝัน ความแปรผันเกิดขึ้นไม่ชื่นหนอ การซ้ำเติมเพิ่มทุกข์จนจุกคอ ช่วยเยินยอ..ขอความแกร่งมาแบ่งปัน มิได้เกิดมาเพื่อกัน..ในวันใช่ ทำร้ายได้กี่หน?..ที่ทนฝัน เพลงที่เราร่ำไห้..คงคล้ายกัน ไม่ผูกพันเพียงพอ... "อย่ารอเลย" (ขอบคุณนะคะ...กลอนคุณสร้างบรรยากาศให้มากมาย..ก่ายกองจริงๆ) http://www.youtube.com/watch?v=rL0NkrP7cEI&feature=related |