หัวข้อ: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: ไม่รู้ใจ ที่ 01 กันยายน 2011, 03:38:PM (http://add.ohzeed.com/images/28zzz11.jpg) มองตัวตนหนทางคล้ายว่างเปล่า ทุกข์สุขเศร้ามากแม้นหาแก่นสาร ใดฤๅค่าควรคุณเกื้อกูลการ ในเวิ้งวารผลิผลัดอนัตตา สรรพสิ่งจริงแท้ฤๅแลหลอก เย้ายวนหยอกยั่วยลให้ค้นหา ทุรนรานร้อนเร่าเผาวิญญา ปรารถนาคว้าไขว่อันใดฤๅ ไม่รู้ใจ (http://www.ohzeed.com/bar_090.gif) (http://www.ohzeed.com) หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: พิมพ์วาส ที่ 01 กันยายน 2011, 05:45:PM อันใดฤาความจริงที่หวนให้ ฤาความไซร้ประกาศก้องยลยิลเเห็น ฤาความใคร่แอบรักยิลยลเป็น ฤาประเด็นที่โจษเล่าขานกัน อันใดฤาความสุขที่ปรารถนา ฤาจะพามิทุกข์แลโศกสันต์ ฤาว่าสุขสมความทุกชีวัน ฤาว่าพลันอันใดใคร่ถามตัว ฤาอันใดกันแน่ใคร่อยากถาม ? emo_82 งงเองซะแล้วค่ะ หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: คันไถ ที่ 01 กันยายน 2011, 05:53:PM ([url]http://add.ohzeed.com/images/28zzz11.jpg[/url]) มองตัวตนหนทางคล้ายว่างเปล่า ทุกข์สุขเศร้ามากแม้นหาแก่นสาร ใดฤๅค่าควรคุณเกื้อกูลการ ในเวิ้งวารผลิผลัดอนัตตา สรรพสิ่งจริงแท้ฤๅแลหลอก เย้ายวนหยอกยั่วยลให้ค้นหา ทุรนรานร้อนเร่าเผาวิญญา ปรารถนาคว้าไขว่อันใดฤๅ ไม่รู้ใจ ([url]http://www.ohzeed.com/bar_090.gif[/url]) ([url]http://www.ohzeed.com[/url]) (http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/buddha-150.jpg) อันใดฤๅ ก็หาไม่ใช่ตัวตน ใยจะค้น ให้เคว้งคว้าง ลิงหลอกเจ้า เที่ยวยึดติดกายใจนี้ว่าเป็นเรา หลงมัวเมา ปรนเปรอ เหอลำพอง ดั่ง พุทธะ ท่านแปลว่า ผู้รู้ ล้ำเลิศครู ขี้แนวทาง ท่านสั่งสอน ศึกษาตน ว่างตัวตน พ้นหมายปอง มีครรลอง ท่านเดินนำ ให้เดินตาม ดั่งจะกล่าว ด้วยเรื่องราว หนทางนี้ มาช่วยชี้ กระทู้ต้น ให้งดงาม อริยมรรค แปด ทางดี มิมีทราม เชิญติดตาม อ่านข้างล่าง ดั่งแสดงมา (http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/NB112.gif) คันไถ ขอขอบคุณครับ http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/core_3.htm (http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/core_3.htm) มรรคมีองค์ 8 หรือทางสายกลาง อริยสัจจ์ข้อที่ 4 คือ หนทางที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์ (ทุกฺข-นิโรธคามินีปฎิปทา-อริยสจฺจ) หนทางสายนี้เรียกว่า "ทางสายกลาง (มชฺฌิมา ปฏิปทา) เพราะงดเว้นจากข้อปฏิบัติที่เอียงสุด 2 ประการ ข้อปฎิบัติเอียงสุดอย่างแรก ได้แก่ การแสวงหาความสุขด้วยกามสุข อันเป็นของต่ำทราม เป็นของธรรมดา ไม่เป็นประโยชน์ และเป็นทางปฏิบัติของสามัญชน ข้อปฎิบัติเอียงสุดอีกอย่างหนึ่ง คือการแสวงหาความสุขด้วยการทรมานตนเองให้เดือดร้อน ด้วยการบำเพ็ญทุกกรกิริยาในรูปแบบต่างๆ อันเป็นการทรมานร่างกาย เป็นสิ่งไม่มีค่า และเป็นสิ่งไม่มีประโยขน์ ในเบื้องแรกนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงทดลองปฏิบัติข้อปฏิบัติที่เอียงสุดทั้งสองประการนี้มาแล้ว ทรงพบว่าเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ จึงได้ทรงค้นพบทางสายกลางนี้ด้วยประสบการณ์ของพระองค์เอง ซึ่งเป็นทางที่ให้ทัศนะและปัญญาอันนำไปสู่ความสงบ ญาณ การตรัสรู้ และนิรวาณะ (พระนิพพาน) ทางสายกลางนี้โดยทั่วไปหมายถึง ทางมีองค์แปดประการอันประเสริฐ (อริยอฏฐคิกมคฺค) เพราะประกอบด้วยองค์ หรือส่วนประกอบ 8 ประการคือ 1. เห็นชอบ (สัมมาทิฏิฐิ) (ปัญญา) ได้แก่ ความรู้อริยสัจจ์ 4 หรือ เห็นไตรลักษณ์ หรือ รู้อกุศลและอกุศลมูลกับกุศลและกุศลมูล หรือเห็นปฏิจจสมุปบาท โดยการเข้าใจชอบหรือเห็นชอบนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ 1.1 ความเข้าใจคือความรู้ ความเป็นพหูสูตร ความมีสติปัญญา สามารถรอบรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งตามข้อมูลที่ได้มา ความเข้าใจประเภทนี้เรียกว่า "ตามรู้" (อนุโพธ) เป็นความเข้าใจที่ยังไม่ลึกซึ้ง 1.2 ส่วนความเข้าใจที่ลึกซึ้งซึ่งเรียกว่า"การรู้แจ้งแทงตลอด" (ปฏิเวธ) หมายถึงมองเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามสภาวะที่แท้จริง โดยไม่คำนึงถึงชื่อ และป้ายชื่อยี่ห้อของสิ่งนั้น การรู้แจ้งแทงตลอดนี้จะมีขึ้นได้ เมื่อจิตปราศจากอาสวะทั้งหลาย และได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ด้วยการปฏิบัติสมาธิเท่านั้น 2. ดำริชอบ (สัมมาสังกัปปะ) (ปัญญา) ได้แก่ ความตรึกที่เป็นกุศล ความนึกคิดที่ดีงาม กุศลวิตก 3 ประกอบด้วย 2.1 ความตรึกปลอดจากกาม ความนึกคิดในทางเสียสละ ไม่ติดในการปรบปรือสนองความอยากของตน 2.2 ความตรึกปลอดจากพยาบาท ความนึกคิดที่ประกอบด้วยเมตตา ไม่ขัดเคือง หรือ เพ่งมองในแง่ร้าย 2.3 ความตรึกปลอดจากการเบียดเบียนด้วยกรุณาไม่คิดร้าย หรือมุ่งทำลาย 3. เจรจาชอบ (สัมมาวาจา) (ศิล) ได้แก่ วจีสุจริต 4 ประกอบด้วย 3.1 ไม่พูดเท็จ 3.2 ไม่พูดส่อเสียด 3.3 ไม่พูดหยาบ 3.4 ไม่พูดเพ้อเจ้อ 4. กระทำชอบ (สัมมากัมมันตะ) (ศิล) ได้แก่ กายสุจริต 3 ประกอบด้วย 4.1 ไม่ฆ่าสัตว์ 4.2 ไม่ลักทรัพย์ 4.3 ไม่ประพฤติผิดในกาม 5. เลี้ยงชีพชอบ (สัมมาอาชีวะ) (ศิล) ได้แก่ เว้นมิจฉาชีพ ประกอบสัมมาชีพ 6. พยายามชอบ (สัมมาวายามะ) (สมาธิ) ได้แก่ สัมมัปปธาน 4 ประกอบด้วย 6.1 เพียรระวัง หรือเพียรปิดกั้น คือ เพียรระวังยับยั้งบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น 6.2 เพียรละ หรือเพียรกำจัด คือเพียรละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว 6.3 เพียรเจริญ หรือเพียรก่อให้เกิด คือ เพียรทำกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดมีขึ้น 6.4 เพียรรักษา คือ เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่น และให้เจริญยิ่งขึ้นไปจนไพบูลย์ 7. ระลึกชอบ (สัมมาสติ) (สมาธิ) ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 ประกอบด้วย 7.1 การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย 7.2 การตั้งสติกำหนดพิจาณาเวทนา 7.3 การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต 7.4 การตั้งสติพิจารณาธรรม (มีรายละเอียดเพิ่มเติมhttp://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/foundations_of_mindfulness.htm (http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/foundations_of_mindfulness.htm)) 8. ตั้งจิตมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ) (สมาธิ) ได้แก่ ฌาน 4 ประกอบด้วย (มีรายละเอียดเพิ่มเติมhttp://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/the_four_jhanas.htm (http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/the_four_jhanas.htm)) 1.ปฐมฌาณ 2.ทุติยฌาน 3.ตติยฌาน 4.จตุตถฌาณ (http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/NB112.gif) คันไถ หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 01 กันยายน 2011, 08:55:PM ข้าพเจ้าเข้าคว้าหาความสุข เพื่อพ้นทุกข์พ้นภัยเพราะใจหวัง แม้นสมมาดปรารถนาสักคราครั้ง ทรมานจากทุกขังคงจางไป ข้าพเจ้าเข้าคว้าหาความจริง เพื่อพบสิ่งแสนเลิศประเสริฐใส เป็นรางวัลพันผูกปลูกในใจ อนัตตาอาจคงไว้ใช้รอเจอ ข้าพเจ้าเข้าคว้าหามานาน เพื่อเพียงผ่านเพียงรู้อยู่เสมอ ข้าพเจ้าเฝ้าฝันแค่นั้นเกลอ อนิจจาข้าใฝ่เพ้ออันใดฤา เทวาซาตาน หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: กังวาน ที่ 01 กันยายน 2011, 10:09:PM อันใดฤาข้าฯสงสัยใจมนุษย์ จะสิ้นสุดโลภโกรธหลงและสงสาร ดีแต่ก่อต่อกรรมไม่ทำทาน คอยเผาผลาญเข่นฆ่าทำบ้าบอ แย่งตำแหน่งแข่งอำนาจขาดสัจจะ เห็นองค์พระเพียงธูปเทียนเบียดเบียนหนอ วันหนึ่งตายใครเล่าเขาจะรอ แล้วจะขอขึ้นสวรรค์อันใดฤา หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 02 กันยายน 2011, 03:01:AM (http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/buddha-150.jpg) ."อันใดฤๅ" คืออันนี้ หากไม่ทำดีในแดนดิน จะถวิลหวังแดนสวรรค์นั้นอย่าหมาย จากท่าน “คันไถ” (http://www.ohzeed.com/bar_024.gif) (http://www.ohzeed.com) หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: กาญจนธโร ที่ 02 กันยายน 2011, 04:36:AM (http://add.ohzeed.com/images/46zzz12.jpg) อันใดฤๅคือเลศเหตุแห่งภพ ยามเคี้ยวขบหวานล้วนแลหวนหอม อันใดเล่าเย้าชนให้ยลยอม กดกายค้อมยอบคลานบนลานกรรม อันใดฤๅคือเลิศประเสริฐสุด มวลมนุษย์ยุดมือยื้อถลำ อันใดหนอคลอคละครากระทำ แลตอกย้ำสำนึกรำลึกตรอง ท่ามวัตถุนิยมประสมอยาก ความมักมากลากทุกข์สุขสนอง ท่ามกระแสแลเปลือกกล่นเกลือกกอง มนุษย์ปองใดฤๅใว้ถือชม ปภัสร์ ๒ กันยายน ๒๕๕๔ หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: คันไถ ที่ 02 กันยายน 2011, 11:42:AM ([url]http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/buddha-150.jpg[/url]) ."อันใดฤๅ" ([url]http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/004.jpg[/url]) ผู้ขึ้นสวรรค์ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่าง ย่อมขึ้นสวรรค์ เหมือนถูกนำตัวไปวางไว้ ธรรม ๕ อย่างนั้น คือ :- ๑. ผู้เว้นจากการฆ่าสัตว์ ๒. ผู้เว้นจากการลักทรัพย์ ๓. ผู้เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๔. ผู้เว้นจากการพูดปด ๕. ผู้เว้นจากการตั้งอยู่ในความประมาทด้วยการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย คืออันนี้ หากไม่ทำดีในแดนดิน จะถวิลหวังแดนสวรรค์นั้นอย่าหมาย จากท่าน “คันไถ” ([url]http://www.ohzeed.com/bar_024.gif[/url]) ([url]http://www.ohzeed.com[/url]) ขอขอบคุณ. อ้างจาก..http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=22&A=3986&Z=3999 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=22&A=3986&Z=3999) (http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/NB112.gif) คันไถ หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: คันไถ ที่ 02 กันยายน 2011, 12:29:PM ([url]http://add.ohzeed.com/images/46zzz12.jpg[/url]) อันใดฤๅคือเลศเหตุแห่งภพ ยามเคี้ยวขบหวานล้วนแลหวนหอม อันใดเล่าเย้าชนให้ยลยอม กดกายค้อมยอบคลานบนลานกรรม อันใดฤๅคือเลิศประเสริฐสุด มวลมนุษย์ยุดมือยื้อถลำ อันใดหนอคลอคละครากระทำ แลตอกย้ำสำนึกรำลึกตรอง ท่ามวัตถุนิยมประสมอยาก ความมักมากลากทุกข์สุขสนอง ท่ามกระแสแลเปลือกกล่นเกลือกกอง มนุษย์ปองใดฤๅใว้ถือชม ปภัสร์ ๒ กันยายน ๒๕๕๔ วิสัจฉนา ปัญหา อันใดฤๅ ด้วยเหตุคือ อวิชา พาโง่เขลา (อวิชา=ความไม่รู้) ยึดกายใจ ด้วยสังขาร ว่าเป็นเรา ย่อมโศกเศร้า ร่ำไป ทุกรูปนาม อันใดฤๅ คือเลิศ ประเสริฐสุด มวลมนุษย์ ยุดมือ ยื้อถลำ วิสัจฉนา ปัญหาง่าย ใคร่ครวญจำ วิชา ล่ำ ความรู้ซึ้ง ถึงสัจจะ (วิชา= ความรู้, สัจจะ= ความจริง) โลภ โลภะ โทสะ โกรธ โมหะ หลง เหตุควรปลง ในหนทาง ดั่งพุทธะ แลตอกย้ำให้สำนึก รำลึกละ หากคลอคละครากระทำ ช้ำเบื้องปลาย ท่ามวัตถุนิยมประสมอยาก พลากดวงจิต ลากลงต่ำมิขาดสาย นำวัตถุ มาบำเรอ เหอด้วยกาย สิ่งที่หมาย มวลมนุษย์ สุขร่ำไป มนุษย์เราทุกรูปนาม ล้วนแสวงหาความสุข แต่ว่าการแสวงหานั้นจะถูกต้องดีงามหรือเปล่า ?? (http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/NB112.gif) คันไถ หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: กาญจนธโร ที่ 02 กันยายน 2011, 03:05:PM ([url]http://add.ohzeed.com/images/46zzz12.jpg[/url]) วิสัจฉนา ปัญหา อันใดฤๅ ด้วยเหตุคือ อวิชา พาโง่เขลา (อวิชา=ความไม่รู้) ยึดกายใจ ด้วยสังขาร ว่าเป็นเรา ย่อมโศกเศร้า ร่ำไป ทุกรูปนาม อันใดฤๅ คือเลิศ ประเสริฐสุด มวลมนุษย์ ยุดมือ ยื้อถลำ วิสัจฉนา ปัญหาง่าย ใคร่ครวญจำ วิชา ล่ำ ความรู้ซึ้ง ถึงสัจจะ (วิชา= ความรู้, สัจจะ= ความจริง) โลภ โลภะ โทสะ โกรธ โมหะ หลง เหตุควรปลง ในหนทาง ดั่งพุทธะ แลตอกย้ำให้สำนึก รำลึกละ หากคลอคละครากระทำ ช้ำเบื้องปลาย ท่ามวัตถุนิยมประสมอยาก พลากดวงจิต ลากลงต่ำมิขาดสาย นำวัตถุ มาบำเรอ เหอด้วยกาย สิ่งที่หมาย มวลมนุษย์ สุขร่ำไป มนุษย์เราทุกรูปนาม ล้วนแสวงหาความสุข แต่ว่าการแสวงหานั้นจะถูกต้องดีงามหรือเปล่า ?? ([url]http://i1224.photobucket.com/albums/ee364/be11sw/NB112.gif[/url]) คันไถ ท่านตอบดีคันไถท่านตอบดี เอ่ยวจีชี้ทางกระจ่างใส คุณพุทธะ ธรรมะ สังฆไตร นำขานไขให้เห็นว่าเย็นทรวง ตอบใด้ดีครับท่าน คันไถ แม้จะไม่ตรงใจซะทีเดียวนัก แต่ชอบมากครับท่าน หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 04 กันยายน 2011, 07:56:PM http://www.youtube.com/watch?v=Sltzlm7CvfY#noexternalembed&feature=related (http://www.youtube.com/watch?v=Sltzlm7CvfY#noexternalembed&feature=related) ขอบพระคุณ [HQ] แอนนิเมชั่น : บทเพลงแผ่เมตตา (Thai ver.) จาก youtube.com นำบทเพลงแผ่เมตตามาฝาก ไม่ทราบจะเข้ากับกระทู้หรือเปล่า แต่เพราะดีนะคะ emo_47 อันใดฤา ที่เราต่างขวนขวาย ต่างไขว่คว้าแทบตายเสมอเสมอ มีไหมสิ่งนั้นใครบ้างได้พบเจอ ช่วยชี้นำเสนอ ให้เห็นทาง หัวข้อ: Re: ..."อันใดฤๅ"... เริ่มหัวข้อโดย: กาญจนธโร ที่ 15 กันยายน 2011, 03:21:AM (http://add.ohzeed.com/images/46zzz12.jpg) ปุจฉา... อันใดฤๅคือเลศเหตุแห่งภพ ยามเคี้ยวขบหวานล้วนแลหวนหอม อันใดเล่าเย้าชนให้ยลยอม กดกายค้อมยอบคลานบนลานกรรม อันใดฤๅคือเลิศประเสริฐสุด มวลมนุษย์ยุดมือยื้อถลำ อันใดหนอคลอคละครากระทำ แลตอกย้ำสำนึกรำลึกตรอง ท่ามวัตถุนิยมประสมอยาก ความมักมากลากทุกข์สุขสนอง ท่ามกระแสแลเปลือกกล่นเกลือกกอง มนุษย์ปองใดฤๅใว้ถือชม ปภัสร์ ๒ กันยายน ๒๕๕๔ วิสัชนา ตัว"ตัณหา"พาจิตตามติดภพ วุ่นวนสบ"วัฏสงสาร"เวียนวารถม "นิวรณ์ห้า"เหตุชนยลอาจม กดจิตข่มซมซานบนลานเพรง "นฤพาน"ขานเลิศประเสริฐเหตุ แต่"กิเลส"ยื้อมนุษย์ยุดข่มเหง "สติมาปัญญา"พร้อมห้อมเชวง คะครื้นเครงดำริสติตน ท่ามสิ่งเร้าเย้ายวนชวนพินิจ จักเกลาจิตฤทธิ์ร้ายให้คลายผล จงกอบกำธรรมะสู่กมล ใช่แย่งยล"หลงอยาก"เพียงกากกรรม ตัณหา=ความทะยานอยากอยาก ความดิ้นรนใจ กิเลส=ความโลภ โกรธ หลง(โลภะ,โทสะ,โมหะ) ปฐมพุทธภาสิตคาถา(บางส่วน) อะเนกะชาติสังสารัง สันธาวิสสัง อะนิพพิสัง คะหะการัง คะเวสันโต ทุกขา ชาติ ปุนัปปุนัง เมื่อเรายังไม่พบญาน ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสังสารเป็นอเนกชาติแสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัณหาผู้สร้างภพ การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไปฯ นิวรณ์ห้าและกัมมัฏฐานสำหรับแก้ ๑.ความพอใจใฝ่ถึงด้วยอำนาจกิเลสกาม เรียกว่า กามฉันทะ แก้ด้วยเจริญอสุภกัมมัฏฐาน พิจารณาซากศพ หรือเจริญกายคตาสติ พิจารณา ร่างกายอันยัง ให้เป็นของน่าเกลียด ๒.ความงุ่นง่านด้วยกำลังโทสะ เรียกรวมว่า พยาบาท แก้ด้วยเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หัดจิตให้คิดในทางให้เกิดเมตตา ช่วยเหลือ เมื่อมีความสามารถ เกิดความพลอยยินดี ไม่ริษยา เกิดความปล่อยวาง หยุดใจที่คิดโกรธได้ ๓.ความท้อแท้ หรือคร้าน และความหดหู่ง่วงงุน เรียกว่า ถีนมิธะ แก้ด้วยเจริญอนุสติกัมมัฏฐานพิจารณาคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บ้าง พิจารณาความดีของตนบ้าง และมีแก่ใจหวนอุตสาหะ หรือทำอาโลกสัญญา กำหนดหมายแสงสว่าง ให้จิตสว่าง ๔.ความฟุ้งซ่าน หรือคิดพล่าน และความจืดจางเร็ว หรือ รำคาญ เรียกว่า อุทธัจจกุกกุจจะ แก้ด้วยเพ่งกสิณ กำหนดลมหายใจเข้าออก หัดผูกใจใว้ในอารมณ์เดียว หรือ เจริญมรณสติ อันจะทำให้ใจสงบด้วยสังเวช ๕.ความลังเลไม่ลงได้ เรียกว่า วิจิกิจฉา แก้ด้วยเจริญธาตุกัมมัฏฐาน หรือ วิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อกำหนดรู้สภาวธรรมที่เป็นอยู่ตามจริง อีกอย่างหนึ่ง ทำความกำหนดรู้จิตที่มีนิวรณ์ และนิวรณ์ที่มีในจิตกับโทษ เมื่อเกิดปัญญาความรู้จักนิวรณ์ และโทษของนิวรณ์ขึ้น นิวรณ์ก็จะสงบหายไป เนื้อหาเรื่องนิวรณ์ห้าและกัมมัฏฐานสำหรับแก้ คัดลอกจากหนังสือ "รวมธรรมะ" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พิมพ์พระราชทานเป็นพระราชานุสรณ์ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ วันที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙ ปภัสร์ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ |