พิมพ์หน้านี้ - มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => เรื่องทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: ดอกกระเจียว ที่ 26 มิถุนายน 2011, 05:26:PM



หัวข้อ: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 26 มิถุนายน 2011, 05:26:PM




เพลงยาวนี้เขียนได้สิบกว่าปีแล้วตอนอายุยี่สิบต้นๆ ใช้เวลาในการเขียน 3 ชั่วโมง



                                                  ก่อนจะจากกันไปในวันนี้
ได้คบหาหนึ่งเดือนดั่งเหมือนปี           รักไมตรีน้ำใจในทุกคน
จึงเขียนความตามใจอาลัยมิตร           หวั่นเหมือนคิดไม่มัธยัสเลยขัดสน
จะซื้อของส่งฝากก็ยากจน                จำทุกข์ทนเขียนคำมาร่ำไร
ตามประสามาแต่ไรเพราะใจรัก           ก็นานนักเมื่อว่างเว้นเป็นนิสัย
ใครได้อ่านสาล์นเรื่องอย่าเคืองใจ       ยิ้มละไมเป็นสุขเสียทุกราย
ที่เคยคิดงอนแง่แต่เมื่อก่อน               ขอผัดผ่อนลงเถิดนะเฉิดฉาย
จะว่ารักก็หักใจอย่าได้อาย                จงผ่อนคลายลงบ้างความหมางเมิน



เป็นมนุษย์สุดดีคือมียศ                    พอปรากฏให้ชนชั้นเขาสรรเสริญ
ถ้าสิ้นเนื้อประดาตัวกลัวแต่เมิน           ไม่เชื้อเชิญชักนำช่วยบำรุง
อย่างตัวพี่ที่ไร้คนคำนับ                    ทั้งสินทรัพย์ก็ยากไร้จะใส่ถุง
พวกเผ่าพงษ์วงศาพวกป้าลุง             ไม่มีสุงสิงด้วยช่วยดูแล
คราวตกยากบากหน้าพึ่งซึ่งพี่น้อง       หาเพื่อนพ้องพอมีดีแต่แม่
เมื่อยากเย็นเข็ญใจได้ดูแล                ยามท้อแท้ผิดหวังยังตักเตือน
ยามห่างแม่มาไกลได้รู้จัก                 แน่นตระหนักคบหาเกินกว่าเพือน
ทั้งหญิงชายหลายหน้ามาแรมเดือน     จะจากเหมือนอาลัยหลังหลั่งน้ำตา
ต่อไปนี้ถ้าไม่มีพวกเจ้าแล้ว               เหมือนคลาดแคล้วตกประดาษวาสนา
อันความดีพี่สู้แต่บูชา                      ถึงจะลาร้างกันไปแสนไกล
พี่ห่วงแต่พวกเจ้าเอาแต่โกรธ            คนชื่ดโรจน์ปากไม่ดีเสียนิสัย
ก็เคยมีทีพาลรำคาญใจ                   ไม่ได้หมายกลั่นแกล้งยุแยงเลย
พูดลวนลามเพียงแต่ต้องลองฉลาด    แม้นประมาทผิดพลั้งฟังเฉลย
อย่าเอาแต่งอนเง้าเถิดเจ้าเอย           อย่าเฉยเมยพี่จะสั่งจงฟังคำ



ทั้ง-ปิ-เป้า-นาค-ออนและน้องโอ๋        ต่างแต่โตเพราะนามทั้งงามขำ
คนชื่อโรจน์ไม่เคยขรึมชอบพึมพำ      เช่นคำร่ำหยิบยกตลกกลอน
ก็ด้วยรักบทกวีดั่งชีวิต                    คอยลิขิตขีดเส้น้ป็นอักษร
ร้อยคำความตามวิสัยใจรักกลอน       มาเว้าวอนชื่นชมคารมครวญ



อันว่าปินั้นงามนามเสนาะ                ชอบเฉาเลาะเนื้อนวลล้วนสงวน
จะเขียนแต่คมคมพอสมควร             วานเนื้อนวลอย่าง้องอนวอนแต่ฟัง
เจ้านั้นงามความหมายให้ชายชอบ      พี่เคยลอบเอ่ยปากจะฝากฝัง
ไฉนแล้วแก้วใจก็ไม่ฟัง                  ถึงตึงตังโกรธขึ้งทำบึ้งตึง
หรือว่าพี่จนทรัพย์สินสิ้นเงินบาท       คอก็ขาดสร้อยคล้องทองสลึง
ทั้งนิสัยแต่ไรซะชอบทะลึ่ง              เธอถึงบึ้งเบี้ยวบูดสุละอา
แต่อย่างไรพี่ได้เคยเอ่ยว่ารัก            นั้นสุดหักใจจิตไม่คิดหา
รักทั้งรู้ว่างามขำจะล่ำลา                สุดจะอาลัยหวังแต่สั่งความ
แม้ตอนอยู่ดูแต่หน้าว่าไม่รัก             คอยถามทักหยอกเย้ากระเซ้าถาม
ยามเจ้าโกรธยอดหญิงเจ้ายิ่งงาม      โอ้นงรามดั่งหนามดงคงคาใจ
ก่อนจะจากฝากไว้แต่ใจรัก              จะแน่นหนักรักปิมิหวั่นไหว
ต่อวันหน้ากลับมาอีกมิหลีกไกล         จะเสริมใจรักมั่นกว่าวันวาน




ส่วนน้องเป้าหน้าอ่อนเด็กเหมือนเจ๊กนัก  เคยถามทักหน้าบูดแต่พูดหวาน
ดูนิสัยใจคอพอประมาณ                     ประสบการณ์ก็ออกอ่อนชอบค้อนคน
เจ้าน่ารักพี่ทักทายหมายหยอกเย้า         พี่รักเจ้าเหมือนดั่งน้องอย่าหมองหม่น
คนอย่างพี่มิชั่วร้ายคล้ายคำคน            อย่าบึ้งบูดคิดค้นคำประณาม
ก่อนจะพรากจากกันหวั่นวิตก              จึงหยิบยกกล่าวกลอนมาย้อนถาม
เธออย่าหาว่าไม่ควรคำลวนลาม          ได้อ่านความจงรู้ไว้พี่ใจดี




แล้วน้องนาคปากกว้างเคยถางถาก       เพียงลมปากเย้าน้อวอย่าหมองศรี
เจ้ารูปงามนามวิไลนิสัยดี                  มีพี่พี่คอยสอนสั่งเจ้าทั้งนั้น
ก็ดีแล้วมีพี่น้องคุ้มครองรัก                จงประจักษ์ว่าโลกล้วนโศกศัลย์
ถ้าไม่มีที่ซึ่งจะพึ่งกัน                       เพราะนาคนั้นมีแต่พี่ที่แสนดี
มีคนคอยอบรมบ่มนิสัย                    ทุกข์สิ่งใดยังได้พึ่งพี่พี่
คนชื่อโรจน์โปรดอย่าป้ายร้ายราคี        พี่เป็นพี่เธอคนหนึ่งได้พึงคิด




ยังมีต่อีกยาวมาก


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 26 มิถุนายน 2011, 06:24:PM




อีกน้องอรงอนงามนมสมหญิง           พี่จะวิงวอนสั่งฟังสักนิด
เธออย่าคิดเคืองขัดว่าดัจริต                 และอย่าคิดว่าถ้อยคำล้ำลิเก
เจ้ารู้เรียนเพียรนึกแต่ศึกษา                 กิริยาท่าทีมีเสน่ห์
ทั้งซื่อตรงคงที่ไม่มีเล่ห์                     ไร้เกเรในท่าทางการวางตัว
สุดจะสั่งดั่งนี้น่ะดีแล้ว                      โอ้ขวัญแก้วเพียรศึกษาอย่าปวดหัว
จะชักจูงสูงส่งดำรงตัว                     จงเมามัวเถิดหนาวิชาการ


แต่น้องโอ๋โตเป็นพี่มีหลายอย่าง            ที่สู้สร้างพากเพียรขีดเขียนสาล์น
เพราะเห็นเจ้าฉลาดเฉลียวและเชี่ยวชาญ ในเรื่องวิชาการด้านนานา
คำพูดน้องเหมือนลองเชิงให้เหลิงสู้       ใคร่ครวญรู้เราหรือจะถือสา
พูดยอกย้อนค่อนข่มคมวาจา               พอรู้ว่าหมายแต่ต้องลองอารมณ์
แต่พี่รู้กาละและเทสะ                       ถึงลดละเพียงเพราะความเหมาะสม
ในเจ้าอยากสู้รู้คารม                        ก็เชิญชมที่ละเลงด้วยเพลงยาว
เจ้านั้นงามใบหน้าทั้งตาหวาน             เรื่องวิจารณ์ไม่เอาเจ้าเป็นสาว
เจ้าคงรู้ทุกสิ่งสรรอันเรื่องราว              จะเปลืองเปล่าถ้อยคำเดี๋ยวรำคาญ


ที่กล่าวมาห้าคนก็จนครบ                    อ่านให้จบเรื่องร่ำไรเขียนใส่สาล์น
เขียนตามคิดสังเกตในนเหตุการณ์        อย่าลนลานฟังคำเทียบจะเปรียบเปรย
ปิแม่โป้งอวบอั๋นนั้นยกไว้                   เห็นสิ่งใดที่ใจต้องปองใจเอ๋ย
ยกแม่โป้งเหมาะสมไว้ชมเชย             คงคุ้นเคยพอใจใช้นิ้วมือ
เป้านิ้วชี้ที่สถานต้องการรู้                  ชี้ไปสู่แหล่งทิศา-อาณาชื่อ
ทราบที่อยู่สิ่งไรใช้นิ้วมือ                   เขายึดถือใช้มาเป็นสากล
นาคนิ้วกลางช่างยาวใหญ่เอวไว้ล้วง    นิ้วทั้งปวงสารพัดสั้นขัดสน
แต่นิ้วกลางช่างยางใหญ่ในหมู่ชน       นึกฉงนแม้นเทียบเปรียบคุลี
อรนิ้วนางหวังไว้สวมใส่แหวน            ราคาแสนหมื่นใดใส่นิ้วนี้
ยิ่งแหวนพระใส่เป็นมิ่งมงคลดี           ที่นิ้วนี้ควรของค่าสิ่งมงคล
โอ๋นิ้วก้อยคอยไว้ใช้ประโยชน์           ยามเพื่อนโกรธยื่นให้จะได้ผล
ทั้งไหว้พระไหว้สิ่งมิ่งมงคล              ทั้งไหว้คนก้อยนำหน้าหาไมตรี
ที่เปรียบร้อยถ้อยคำทำภาษา            เธอทั้งห้าเปรียบหรือเหมือนมือพี่
ทำสิ่งใดอยากเตือนว่าให้สามัคคี       แบ่งหน้าที่ภารกิจจึงสมบูรณ์
ที่เจาะจงเธอทั้งห้าขึ้นมากล่าว          เว้าวอนสาวพร่ำพิลาปมิสาบสูญ
ด้วยรักในน้ำใจสาวชาวเพชรบูรณ์      เกิดค้ำคูณอย่าหมองหม่นนะคนดี



เกิดเป็นหญิงอย่าทอดทิ้งวิสัยเพศ      ทำทุเรศผิวผ่องเหมือนหมองศรี
สำนึกในค่าคุญกุลสตรี                    ทั้งพาทีกิริยาให้น่าชม
การวางตัวกับใครผู้ใหญ่เด็ก             เขมร-เจ๊ก-ลาว-ไทยให้เหมาะสม
ต่างขนบประเพณีชาตินิยม               พฤติกรรมถุยถ่มอย่าได้ทำ
แม้พลั้งพลาดประมาทไปให้หยุดคิด   อย่างพูดผิดพูดใหม่แก้แม้ถลำ
เป็นมนุษย์สุดจะยากเพราะปากคำ      พาตกต่ำตายเตี้ยเพราะวาจา
พี่จะสอนอะไรขอให้เชื่อ                  อันนวลเนื้อสงวนไว้ให้มีค่า
จะพันผูกอย่าลูกไม้เที่ยวชายตา         สงบเสงี่ยมเจียมกิริยาเป็นว่างาม
ใครมาชอบรอบคอบคิดเสียแน่ๆ        จนถ่องแท้ใตร่ตรองอย่ามองข้าม
อันผู้ชายจะผอมซูบรูปไม่งาม           หลงติดนามชาติงูเงี้ยวเฉลียวคิด
รู้หัวนอนปลายเท้าเจ้าถึงรัก              จงประจักษ์ชายเจ้าชู้เหมือนงูพิษ
รู้ไม่เท่าเจ้าคงต้องหลงผิด                ชั่วชีวิตมีราคีมิลบเลือน
เร่งพากเพียรเขียนอ่านการศึกษา        ในภายหน้าจะได้ดีไม่มีเหมือน
ได้โดดเด่นเป็นสาวดั่งดาวเดือน          จะฟั่นเฟือนหากมักมากแต่รักใคร่
จงหมกมุ่นหาคุณค่าวิชาศาสตร์          มิแคล้วคลาดหรอกรักนั้นอย่าหวั่นไหว
ถึงครองตัวจนตายจะอายใคร             ยึดวิสัยความเป็นหญิงอย่าทิ้งงาม
อย่าหวั่นตัวหวั่นใจจะไร้คู้                 คนต่างรู้ลือเลื่องเมืองมะขาม(หวาน)
หนุ่มรูปหล่อพ่อหนุ่มดีนิสัยงาม           อย่าผลีผลามรักให้ตั้งใจเรียน
ต่อเมื่อไรเรียนจบค่อยคบหา             ทั่วพาราเห็นเดินเบียดกระเสียดกระเสียน
ล้วนแต่ชายหลายคนเฝ้าวนเวียน        เหมือนแห่เทียนเข้าพรรษาคงหาเจอ
ทั้งสิบกลอนสอนไว้ให้จำบ้าง            มิวายวางห่างนักรักเสมอ
ทุกๆคนที่พี่ได้พบเจอ                     สุดแต่เพ้อพร่ำสั่งหวังเข้าใจ


ยังมีต่ออีกโปรดรอสักครู่


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 26 มิถุนายน 2011, 06:53:PM






แต่คนอื่นถ้าพี่มิเขียนถึง                 กลังโกรธหึงว่าพียงคิดพิสมัย
ทั้งป้าบนลุงเตี้ยและป้าไร                 ต่างแต่มีน้ำใจกันทุกคน
ทั้งพี่จบ-พี่กว้างและเมียพี่                ล้วนแต่ดีมีอะไรไม่เคยบ่น
ทั้งไอ้เอ-ลุงอาน้าทุกคน                  ไอ้บี-บอยทุกคนต่างแต่ดี
ทั้งพ่อแม่ของน้องเป้าพี่สาวนาค         อีกมายมากมวลหมู่เคยดู๋ดี๋
มีมวล-แมน-เอซซ์-รจนิสันดี             กับทิดติ้กชอบที่ไม่พูดจา
ส่วนพี่พลนั้นชอบทำตลก                 อยู่งกงกว่าตัวเป็นหัวหน้า
ดูก็ดีนิสัยได้ขำฮา                         อีกพี่ราญขาญเฮฮาด้วยอีกคน
เสียแต่โข่ง-เร-แมวมาแคล้วคลาด      เกิดประหลาดกลับกลายมาหายหน
จะสั้งลาสักคำน้ำใจคน                   แกมระคนคำว่าใช่ด่าทอ
ด้วยเดือนนี้เดือนนี้เดือนหกศกสี่สิบ     จึงยื่นหยิบคำความตามพอศอ
ที่มหาลัยย่อว่า ม.ศ.ว.                   สถานก่อสร้างองครักษ์
นครนายกเขตุแขวงแหล่งจังหวัด       เพื่อนพรากพลัดดวงตกซ้ำอกหัก
จะห่างไปลับเลือนแล้วเพื่อนรัก          สุดแต่หักห่วงหาอาลัยคน
แม้คำใดที่เคยพูดเลยเถิด                ก่อให้เกิดอับอายลงหลายหน
กายกรรม-วจีกรรมขอจำนน              ทุกๆคนอย่าถือโทษโปรดอะภัย



ยิ่งกับปิตัวผมนั้นพูดมาก                      เก่งแต่ปากหรอกไม่คิดผิดวิสัย
เพียงเพราะรักถึงหว่านล้อมเผื่อยอมใจ       แต่ที่ได้ต้องผิดหวังขอสั่งลา
เหมือนดั่งหนึ่งสอนบ้างในทางรู้              เหมือนคุณครูผู้คร่ำเคร่งเก่งภาษา
ในกวีร้อยพจน์รจนา                           เหมือนดั่งว่าของขวัญวันจะไป
วอนสาวสาวได้อ่านคำอย่าซ้ำทุกข์            จงเป็นสุขเถิดขวัญจิตอย่าหวั่นไหว
ได้อ่านคำอย่าทำทีพิริ้พิไร                     เพียงชอบใจเพราะกวีล้วนฝีมือ
คิดคำเขียนเพียรลอกออกลำบาก             เหลือยู่งยากกว่าได้เห็นเป็นหนังสือ
และไม่หวังชื่อเกริกไกรคนเล่าลือ             หรือยึดถือในสิ่งใดไวยึดเอา
   

จงวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่มีดีชั่ว                      จำใส่หัวไม่คันเจ็บเหมือนเห็บเหา
ที่โกรธเคืองเปลื้องปลงจงทุเลา                พอหายหงอยหายเหงาเถิดเจ้าเอย




  ปล:เรื่องนี้คล้ายๆตำนานรักดอกเหมย ใครอ่านจบอย่าลืมลงชื่อด้วย ที่ไม่ลงชื่อแอบมาอ่านถือว่าเป็นขโมยฮ่า.... emo_54








หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 26 มิถุนายน 2011, 07:14:PM




......พิมพ์เมื่อยแย่เลยนิ....เก่งค่ะ  emo_28


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 26 มิถุนายน 2011, 08:22:PM


ฝากข่าวถึงเพื่อนที่เคยรู้จักนักลอนที่รูปหล่อๆ หรือใครมี่มีชื่อในนี้อย่าลืมทักทายกันก็แล้วกัน ในช่วงปีนั้นผมยังจำได้ไม่ลืม พี่ชายผมสองคนเป็นหัวหน้าควบคุมงานก่อสร้างอยู่ที่ ม.ศ.ว.นครนายก

พอหลังสงกรานต์มีคนงานกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาทำงานกับพวกผม เรามีที่อยู่แถวเดียวกันและส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียน ผมไม่ใช่นักเรียนแต่สะสมหนังสือไว้เต็มห้อง เลยเป็นที่ชอบใจกันใหญ่

 มีคนยุให้ผมจีบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นน้องเพื่อนของผมเองเธอสวยมาก ไม่คิดว่าเราจะคบกันได้เสียด้วยซ้ำ แต่เธอหึงผมมาก อย่างกับว่าเป็นเมียของผมเลย เธอชอบอ่านหนังสือพวกนิยายที่ผมมีอยู่ และผมก็เขียนให้อ่านบ้างเป็นบทกลอนแทบทุกวัน เวลาเดือนหนึ่งก่อนที่เราจะจากกันผมมีสำนวนกลอนเพราะๆมากมาย ก็เพราะผุ้หยิงคนนี้ เวลามีความรัก ผมจะเขียนกลอนได้เพราะมาก แต่หลังเธอจากไปเราก้ไม่ได้เจอกันอีกเลย นอกจากจดหมายถึงกนอยู่ชั่วระยะหนึ่ง

พ่อแม่ของเธอที่ทำงานกับพวกผมอยู่อีกต่อมาอยากให้ผมแต่งงานกับเธอ แต่ผมก็ปฏิเศษ เป็นคนรักที่ผมฝังใจตลอดมา จนเดี๋ยวนี้

รักและรำลึกถึงเธอเสมอ

ลั่นทม emo_54


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ...สียะตรา.. ที่ 26 มิถุนายน 2011, 08:37:PM




...ลั่นทมเอย..


......รำเพยฉมลมอวล..หวนถึงเจ้า


...แม้นานเนาที่นิราศ..สวาสดิ์หาย


...มิเคยเลือนเฟือนจิต..คิดจะคลาย


...เจียนมลายก็ไป่ถอน..อาวรณ์วาง



......น่ารักค่ะ...คุณดอกกระเจียว....คุณโชคดีที่มีความทรงจำงดงามแบบนี้... emo_54


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 26 มิถุนายน 2011, 08:42:PM



เห็นมีงานประกวดกลอนแบบนี้ผมเลยกล้าเอามาโพสส์ อ่านจากสำนวนก็เขินๆเหมือนกัน แต่ภาพทุกภาพยังฉายชัดอยู่ในกลอน ยังมีนิราศอีกหลายเรื่องหลายรสระดับสุดยอดเลยหุหุ emo_26


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: รุ่งอรุณ ที่ 26 มิถุนายน 2011, 09:14:PM

...............................................

มิจืดจางวางวายสายสวาท

แม้คลาคลาดกันไกลอาลัยหา

โอ้อกเอยครวญคร่ำร่ำน้ำตา

เพียงพี่ยามิหลอก...ดอกกระเจียว

............................................


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 26 มิถุนายน 2011, 09:18:PM
 
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)
สำนวนออดยอดเยี่ยมยากเทียมเทียบ
โวหารเฉียบคำชมสมสมัย
อีกคารม คมรื่น หน้าชื่นใจ
อย่าทิ้งไป เสียนะ ดอกกระเจียว

 สายใย
             
...ป.ล. ลงชื่อให้แล้วนะครับ อิ อิ ..

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_020.gif)


หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: อ้อนจันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2011, 10:31:PM
(http://www.ohzeed.com/bar_191.gif) (http://www.ohzeed.com)

ด้วยสัมผัส แห่งรัก มักทำให้
คนหัวใจ แข็งกระด้าง ไม่ต่างหิน
กลับเป็นน้ำ เอื่อยใส ไหลระริน
และหมดสิ้น เขี้ยวกัด   สลัดคม

ละมุ่นหวาน  อ่อนไหว ด้วยใจรัก
ให้รู้จัก หยิบคำ นำผสม
กลายเป็นกลอน อ่อนหวาน ผ่านอารมณ์
เป็นคำบ่ม คมหวาน ปานกวี


(http://www.ohzeed.com/bar_191.gif) (http://www.ohzeed.com)

แต่งตามคำคมที่เคยอ่านจากที่ไหนซักที่โดยใครซักคนที่ว่า
"ด้วยสัมผัสแห่งรัก ทำให้ทุกคนกลายเป็นกวี" 
เอ่อ อาจจำผิดเพี้ยนจากท่านผู้นั้นเอ่ยไม่มาก็น้อย ขอภัยอย่างสูง
(เฮ้อ แต่งตามประสาคนมี"ความรัก" แต่ไม่มี"คนรัก"  emo_68)
อืมพึ่งไปอ่าน หลักมา- -" เปลี่ยนด่วน !! ( นึกว่าไม่ซ้ำ พอแยกๆมันซ้ำนิ ข้าน้อยสมควรตาย!!)






หัวข้อ: Re: มาอ่านเพลงยาวที่ผมเคยเขียน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 15 มีนาคม 2012, 02:05:PM
อดีตรักที่ไม่เคยหวนคืน ถ้าผมตัดสินใจมีเมียเสียตั้งแต่ตอนนั้น น้องกระปิคงมีทายาทให้ผมแล้วเป็นโหล ถึงตอนนี้เธอคงอายุประมาณซักสามสิบเห็นจะได้
ถ้าผมได้เห็นคนวัยนี้ก็จะหวนคิดคำนึงถึงอดีตแฟน เธอชอบกลอนของผม อ่านแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
วันหนึ่งเราไปนั้งกินลมเย็นๆบนหลังคาตึกที่เพิ่งสร้างใหม่ๆหลังเลิกงาน ผมได้กอดและก็หอกแก้มเธอทีหนึ่ง หุหุ รู้สึกได้ถึงการมีเมียว่าเป็นอย่างไร
มาระยะหลังเธอตามด่าผมถึงในวงเหล้า บิดหู และลงทัณท์ด้วยฝ่ามือ

"บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้เห็นๆ" เธอบอก

ความรักคือสิ่งที่สวยงามและเจ็บปวดเมื่อต้องจากลา คิดถึงเสมอ กระปิ  ลั่นทม คำสิงห์ อยากให้เธอหย่ากับสามีแล้วมาเริ่มต้นความรักครั้งใหม่

พี่โรจน์จร้าน้องรัก