พิมพ์หน้านี้ - รังกระรอกขาว

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => ห้องนั่งเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: กระรอกขาว ที่ 20 เมษายน 2011, 11:24:PM



หัวข้อ: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 20 เมษายน 2011, 11:24:PM
รังกระรอกสานไว้ด้วยใจรัก  ด้วยฟูมฟักสานสายใยใจรุ่นพี่
ที่มอบให้กระรอกน้อยด้อยกวี  หวังให้พี่สอนกลอนวอนด้วยใจ


ลองแต่งดูครับ

นกกางปีก หางสะบัด
ต้องฝึกหัด นึกความหมาย
เพราะซ่อนรู้ พลิกกลอนคลาย
จึงรู้ได้ ดูให้ดี

กลอักษรนกกางปีก

กระรอกขาว
 emo_106


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: บัณฑิตเมืองสิงห์ ที่ 21 เมษายน 2011, 01:36:AM
นกกางปีก (ปีกกาง) ข้างสิงขร
โผบินว่อน (ว่อนบิน) ผกผินหาว
มองเห็นอยู่ (อยู่เห็น) เป็นครั้งคราว
สีสวยพราว (พราวสวย) ระรวยจินต์

โผข้ามเขา (เขาข้าม) ท่ามกลางหมอก
สายลมซอก (ซอกลม) ชมกระสินธุ์
ปีกเรียงสวย (สวยเรียง) เพียงแก้วนิล
สุขสมจินต์ (จินต์สม) คารมเอย

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_017.gif)

บัณฑิตเมืองสิงห์


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 21 เมษายน 2011, 01:38:AM

รังกระรอกสานไว้ด้วยใจรัก  ด้วยฟูมฟักสานสายใยใจรุ่นพี่
ที่มอบให้กระรอกน้อยด้อยกวี  หวังให้พี่สอนกลอนวอนด้วยใจ


ลองแต่งดูครับ

นกกางปีก หางสะบัด
ต้องฝึกหัด นึกความหมาย
เพราะซ่อนรู้ พลิกกลอนคลาย
จึงรู้ได้ ดูให้ดี

กลอักษรนกกางปีก

กระรอกขาว
 emo_106

...นกกางปีก ปีกกาง หางสะบัด
ต้องฝึกหัด หัดฝึก นึกความหมาย
เพราะซ่อนรู้ รู้ซ่อน พลิกกลอนคลาย
จึงรู้ได้ ได้รู้ ดูให้ดี
 emo_100

ไหนลองนั่ง ประคองแต่ง
กลกลอนแปลง สะท้อนถี่
หากผิดพลั้ง สะกิดที
ช่วยบ่งชี้ ให้ตรงใจ...
emo_85
.......แจมหน่อยคร้าาบบบบ....//ดรีม


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 21 เมษายน 2011, 02:19:AM
ละมุนใน ณ สัมผัส    ละเลงคัด สุ อักษร
ละโศกเศร้าทุเลารอน   วิเศษพรติกลอนกานต์
ลุลวงให้สิลุ่มหลง    มิอาจปลงฤทัยหาญ
สดับเสียงลไมยมาน    ประพันธ์การประสานกลอน

กระรอกขาว (แต่งยากแฮะฉันท์แนวนี้)^___^


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 21 เมษายน 2011, 04:26:AM
ประพันธ์กลอนประดับกานท์     สลักสานประสิทธิ์สอน
กระรอกขาวลิขิตกลอน    ประนตวอน ธ สอนกานท์
วะวิ่งเรื่อยซะซุกซอก     สนุกออกกระรอกขาน
กระรอกซน ณ บนลาน    ณ บนบ้าน ณ ลานกลอน
กระโดดไปกระโดดมา    เลาะเล่นร่าระเริงจร
สถิตย์สิง ณ บ้านกลอน    วิเว้าวอนอะอ้อนกลอย
ละแลเห็นสิเป็นรัก    กระรอกนักกวีน้อย
สนุกไล่กระโจนลอย    ละเล่นคล้อยและร้อยเรียง
ประดิษฐ์คำกระทำชอบ   ประดับรอบละไมยเสียง
ประชันร้อยปะถ้อยเคียง     สุสำเนียงระเรียงคำ

กระรอกขาว
 emo_116 emo_106


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 21 เมษายน 2011, 04:35:AM
ท้องฟ้าพร่างหมู่ดาวพราวระยับ   แสงจันทร์จับจ้องจนคนเผลอไผล
แผ่นฟ้ามืดจืดจางช่างห่างไกล  กระพริบไหวด้วยแสงดาวพราวนภา
จากราตรีรุ่งแจ้งแรงร้อนรัก  จันทราพักหนีไกลให้โหยหา
สาดอรุณแสงแจ้งร้อนแรงมา  ปลุกชีวาฟื้นใจให้ดำเนิน

กระรอกขาว
 emo_106


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 21 เมษายน 2011, 06:53:PM
ตะวันลับละเลือนจาก    นภาพราก ธ จากฟ้า
พระจันทร์ส่องละล่องมา    กระจ่างฟ้าทิวาพราย
ละเลงแสงประดับฟ้า   ละลานตาติตาลาย
สว่างพร่างทุเลาใจ   ชโลมไว้มิให้เลือน

กระรอกขาว^_____^
อยากให้พี่ๆ emo_106 หนูกระรอก



หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 09 พฤษภาคม 2011, 08:14:PM
วันเหงาๆในเวลาเก่าๆ

ยามฝันฉันหลับตาลง เสียงคงก้องอยู่ไม่หาย
เสียงก่นพ่นด่ามากมาย   สุดท้ายฝันร้ายทุกที
 
นอนเดี่ยวคนเดียวเปลี่ยวเหงา   ความเศร้าเคล้าอยู่ทุกวี่-
วันใดจะไปเสียที   อกนี้มันเจ็บเหลือทน

ผวายามราตรีตื่น  วันคืนเคลื่อนไปใครสน
ทุกข์สุขเวียนหว่างวังวน   ต่างทนอ้างว้างปางตาย

เหตุใดทำไมทนทุกข์  ทั้งที่สุขคว้าไขว่ได้
จิตเป็นเจ้าบ่าวเป็นกาย  คุมจิตใจได้คงดี

ที่ใดจะไม่มีทุกข์   สนุกอยู่กับแสงสี
ยังคงฝันร้ายอยู่ดี   ใจนี้บอบช้ำกล้ำกลืน

สะอื้นในใจใครรู้  ใจเจ็บจนไม่อาจฝืน
เฝ้ารอผ่านพ้นวันคืน    จะตื่นจากฝันวันวาน

จิตเจ็บกายปวดรวดร้าว  กินข้าวไร้รสหมดหวาน
จำใจจำทนทรมาน  ให้ฝันร้ายผ่านพ้นไป

ดวงจันทร์ทอแสงทองนวล  ช่างชวนให้พลันร้องให้
จันทร์จ๋าใยเจ้าเศร้าใจ  ร้องให้แต่ตนคนเดียว

นิรันต์เนิ่นนานปานใด   ช้ำใจไร้รักเปล่าเปลี่ยว
ต้องอยู่คู่ตนคนเดียว   ไร้เรี่ยวแรงใจไม่มี

ผ่านฝนร้อนหนาวฤดู  ทนอยู่อย่างผู้หลบหนี
จากวันผ่านเดือนเป็นปี  เวลาเปลี่ยนสีหัวใจ

ผ้าห่มที่ว่าอบอุ่น  กลิ่นกรุ่นอ่อนหวานปานไหน
ไม่อาจเยียวยาพาใจ  ให้พ้นจากความเหน็บหนาว

กลางวันฟ้าสีฟ้าสวย  ไม่ช่วยให้ใจหายเหงา
โศกซุกจุกในใจเรา   ใครเขาเข้าใจไม่มี

น้ำตาที่แห้งเหือดหาย   ใสสุดดุจดั่งไร้สี
แม้หยาดน้ำตาไม่มี  ใจนี้ร้องดังกังวาน


กระรอกขาว

กลอนเก่าๆ สมัยที่หายหน้าไปจากบ้านกลอนครับ ไปขุดเจอเลยเอามาลง
อาจเป็นกลอนเศร้าๆ แต่ตอนแต่งอารมณ์นั้นเลยครับ ตามเนื้อกลอนเลย
ใช้เวลาวันละนิดละหน่อยแต่งเอา ระบายความอัดอั้นเก็บไว้(กระรอกเก็บกด ฮ่าๆ)
หวังว่าคงชอบกันนะฮะ




หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 15 พฤษภาคม 2011, 04:08:AM

จ่ายค่ายาล่วงหน้า
มีเรื่องราวอยากเล่าเราเคยอ่าน     ก็เลยสานกลอนว่ามาขยาย
ฝึกลองแต่งแปลงเป็นเช่นนิยาย     หวังคงขายได้ออกไม่หลอกลวง

เรื่องนั้นมีอยู่ว่าเวลาหนึ่ง    แม้ค้าซึ่งโวยวายด้วยใจหวง
จับเด็กน้อยโขมยยาที่มาลวง     น้ำตาร่วงรู้ใจว่าไม่ดี
แม่หญิงย่างเยื้องไปด้วยใจห่วง     เห็นเจ๊ดวงตบเด็กฉาดไม่อาจหนี
แล้วกล่าววอนพร่ำคำย้ำพาที    พี่ดวงนี่มีอะไรใจเย็นเย็น
เจ๊เงยหน้าสบตาว่าตวาด   มันบังอาจโขมยยาป้ามาเห็น
มันน่าจับตบให้ฟันกระเด็น    อยากได้เห็นเลือดมันสีอะไร
แม่หญิงยกมือนาบขึ้นทาบอก    ทั้งใจตกตกใจน่าร้องให้
จึงเอ่ยถามเด็กน้อยด้วยอ่อนใจ   หนูทำไมไม่จ่ายให้ค่ายา
เด็กชายเงยหน้าอ่อนถอนสะอื้น     แล้วก็ฝืนแผ่วตอบมอบภาษา
แม่ผมป่วยมานานต้องการยา     แต่ไม่มีเงินซื้อหาด้วยว่าจน
ไปหาหมอก็ต้องจ่ายมากมายนัก    ทั้งงานหนักงานเบาเอาทุกหน
แต่ด้วยว่าพ่อทิ้งไปไม่มายล    แม่กับตนเหลือครองสองชีวา
แต่หลายวันผ่านมามารดาป่วย    ไม่อาจช่วยด้วยวัยไร้เดียงสา
ไปรับจ้างเขาไล่ไม่มองมา    เพราะระอาร่างเล็กเด็กเกินกาย
วันนี้ใจร้อนรนแสนหม่นจิต    เพราะไข้พิษหลายวันมันไม่หาย
จึงไปถามเอายาจากร้านยาย      แม้ต้องตายขอแค่ให้แม่ได้ยา
แม่หญิงก็เห็นใจด้วยวัยเด็ก    ตัวก็เล็กงานใดไม่อาจหา
กตัญญูรู้บุญคุณมารดา    เลยเปล่งขานวาจาว่าออกไป
เอาอย่างนี้พี่คะค่ายานี่     น้องขอพี่จ่ายแทนจะแค้นไหม
เด็กยังเล็กโปรดเมตตาด้วยว่าวัย    เด็กเกินไปอาจคิดผิดครรลอง
ป้าก็ว่ายังดีมีคนจ่าย   เอาก็ได้จ่ายมาเก้าสิบสอง
แม่หญิงจ่ายให้แล้วแก้วประคอง    เด็กชายร้องขอบคุณที่หนุนนำ
แม่จึงกล่าวเล่าไปให้คราวหน้า   ไร้เงินตราอย่างไรไม่ถลำ
ไปเป็นโจรผิดหนาเจ้าอย่าทำ     จะกลืนกล้ำอย่าไรขอให้มา
มาหาน้าหน้าซอยที่หนูอยู่   หากไม่รู้ถามมาหาป้าสา
แล้วแจ้งคิดสิ่งใดให้พูดมา    อย่าเที่ยวหาโขมยไปมันไม่ดี
แล้วส้มนี้แทนใจไปเยี่ยมแม่    เป็นส้มแก่กินง่ายร้านยายศรี
ให้แม่กินจะได้รีบหายดี      ให้โชคมีข้างเจ้าจงเอาไป
เด็กชายมองจ้องมานัยน์ตาอึ้ง   ดวงจิตซึ้งตรึงใจไม่ไปไหน
ก้มพนมไหว้มาแล้วลาไป     รีบเร็วไวกลับไปหามารดาตน
ลูกสาวถามแม่ขาด้วยตาใส    ไปช่วยเขาทำไมให้ขัดสน
แม้จะไม่ลำบากไม่ยากจน   เราก็คนรับจ้างทั่วทั่วไป
แล้วเขาก็เป็นโจรมิใช่หรือ    เขาก็คืนคนเลวไม่เอาไหน
แล้วแม่จ๋าไปช่วยเขาทำไม    เมื่อก่อนใครบอกโจรคนไม่ดี
แม่สาจึงลูบหัวเจ้าตัวเล็ก   เจ้ายังเด็กชีวิตนี้มีวิถี
อาจต้องเลวร้ายบ้างในบางที    เด็กคนนี้จำโขมยโดยจำเป็น
บ้านเขาอยู่ท้ายซอยคอยหาบเร่    ไม่เกเรแม่เขาเจ้าเคยเห็น
คอยหาบเร่ช่วยขายจนบ่ายเย็น    เด็กนั้นเป็นคนดีไม่มีลาย
แล้วจึงบอกว่าทำดีไปเถิดลูก   ผลบุญผูกชีวีไม่มีหาย
แม้บ้านเราไม่ได้อยู่สุขสบาย    แต่ก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไร
กาลเวลาผ่านเคลื่อนเลื่อนบรรจบ   เด็กหญิงครบปริญญาด้วยอาศัย-
บากบั่นเรียนเพียรหาเดินหน้าไกล   จนมาได้งานประจำด้วยทำดี
แล้วเลี้ยงดูดูแลคุณแม่เขา   สาวก็เอาใจใส่ไม่ห่างหนี
จนวันหนึ่งแม่บ่นทนทวี   ปวดหัวมีโรคภัยอะไรกัน
ลูกจึงพาแม่สาไปหาหมอ    รอแล้วรอวอนขอต่อสวรรค์
ขออย่าให้เป็นอะไรมากมายกัน   หมอบอกพลันพักผ่อนน้อยคอยให้ยา
แล้วจึงกลับปวดเบาทุเลาให้    ไม่ทันไรเดือนกว่ามันมาหา
ปวดหนักเข้าไม่อาจแก้ไม่แพ้ยา    ปวดเจียนบ้าลูกอาสาจึงพาไป
โรงพยาบาลเชี่ยวชาญด้านสมอง      แม่ลูกสองปองรอวินิจฉัย
หมอตรวจแล้วบอกกันบอกบรรยาย    เป็นเนื้อร้ายในสมองต้องเยียวยา
หลังปรึกษาหมอว่าต้องผ่าตัด   ลูกไม่ขัดแต่ในใจหนักหนา
ค่าผ่าตัดหลายแสนแค้นชีวา    แล้วจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายกัน
ลำพังเงินที่เก็บแค่หลักหมื่น    ให้ใจชื้นเผื่อขัดจึงจัดสรรค์
แต่ครานี้เป็นแสนคิดแค้นกัน    ว่าตัวฉันไร้น้ำยาร้องด่าตัว
คิดไม่ออกจนวันที่นัดหมอ   ไม่รีรอผ่าแหวกหมอแหกหัว
ตัดเนื้อร้ายทิ้งไปใจระรัว    กลัวแสนกลัวทำอย่างไรใครช่วยที
วันต่อมาเดินไปใจเหี่ยวห่อ    ไร้ค่าหมอค่ายาน่าบัดสี
ต้องตกใจงงงันในทันที    บิลเก็บมีพันกว่าน่าตกใจ
พยาบาล!ไยมาราคานี้    ตอบเร็วรี่สี่แสนเก้าเล่าไปไหน  
พยาบาลว่ามาอย่าตกใจ   เอานี่ไปหมอฝากไว้ก่อนจรลา
จึงกลับมาหาแม่ที่ห้องพัก     แล้วก็ทักเรื่องยาค่ารักษา
บอกแม่ว่าหมอให้จดหมายมา    แกะดวงตราแล้วอ่านสานส์ออกไป
ขอสรุปค่ารักษามาดังนี้   ผ่าตัดมีศูนย์บาทวาดไว้ให้
ทั้งค่ายาฟักฟื้นน่าตกใจ    ต่างลงไว้เลขศูนย์เหมือนกันมา
ทั้งหมดนี้เขียนบอกสรุปไป   แสดงให้ว่าจ่ายไว้แล้วหนา   
ยี่สิบปีก่อนไงในราคา    ยาน้าสาซื้อให้ไอ้โขมย
และอีกส้มหนึ่งถุงที่ฝากให้    ทั้งหมดไซร้แทนความเก่าที่เฝ้าโหย-
หาเวลาแทนคุณการุณโดย     เด็กโขมยวอนขอ หมอเดชา...
แม่ได้ฟังมองหน้าลูกยาอึ้ง    ต่างคนซึ้งในใจไร้ภาษา
มีเพียงรอยยิ้มรับกับน้ำตา     กอดมารดาซึ้งใจจากใจจริง

จากเรื่องจริงถ่ายทอดพรอดภาษา    กาลเวลาเคลื่อนไปในทุกสิ่ง
แต่ความดีทำไว้ได้จริงจริง    อย่าละทิ้งความดีได้ดีเอย
กระรอกขาว

ปล.แต่งเองซึ้งเอง อิอิ แต่เรื่องราวหยิบมาจากเรื่องจริงนะครับ โครงเรื่องของจริงหมด มีแค่ชื่อตัวละครที่เปลื่ยนไปบ้างตามความเหมาะสม

แวบไปเจอของเก่าที่เคยเอามาลงเมื่อหลายปีก่อน ใครไม่เก็ทย้อนไปปอ่าน แบบร้อยแก้วได้ที่นี่นะจ๊ะ
http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=8951.0 (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=8951.0)


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 15 พฤษภาคม 2011, 03:06:PM
...น้ำตาพรากโอ้!น้องพี่กวีแก้ว
ช่างพร่างแพร้วสื่อพจน์ปลดรอยหยาม
วิญญาณเจ้าแทรกสมคารมความ
กระจ่างงามเกินกฏจะลดทอน

...ลิขิตเจ้าเข้าถึงซึ่งทรวงพี่
ประทับลงตรงฤดีมิอาจถอน
กระรอกน้อยถอดใจใส่บทกลอน
เพื่อสะท้อนค่าคนบนทางดี

...ค่าแห่งคำกวีที่เจ้าพร่ำ
มากกว่าผังประจำเกณฑ์วิถี
สัมผัสใจผนึกตรึกวจี
ไม่ต้องค้นวิธีวลีอิง

...คนงามใจไขความย่อมวามวาบ
ซึมกำซาบไหลลู่เข้าสู่สิง
กระชับแน่นหนึ่งมิตรสถิตจริง
ถือเป็นมิ่งขวัญพี่ที่ชื่อดรีม....
 emo_100 emo_100 emo_100


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 15 พฤษภาคม 2011, 11:21:PM

แต่งได้ดี นี่กระไรแต่งได้ดี
กระรอกขาวพราวพาทีพจีสม
เล่าเรื่องยาวน่าอ่านน่านิยม
พร้อมแหลมคมข้อคิดวิจิตรความ

กามนิต
๑๕ พ.ค.๕๔
 emo_89 emo_89 emo_89


[พี่กามนิดกามหน่อยมาคอยท่า   กระรอกมาแล้วหนาพ่อยาหยี

กลอนน้องน้อยยาวหน่อยไม่ค่อยดี   แต่แต่งจากฤดีที่ดวงมาลย์

มาชมชอบมอบความงดงามนัก   กระรอกลักดวงใจได้ไหมท่าน

เดี๋ยวจะจับรวบไว้ให้เป็นกานต์   สนไหมท่านบอกมาช้าอยู่ใย?

หุหุ กระรอกขาว


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 15 พฤษภาคม 2011, 11:31:PM
...น้ำตาพรากโอ้!น้องพี่กวีแก้ว
ช่างพร่างแพร้วสื่อพจน์ปลดรอยหยาม
วิญญาณเจ้าแทรกสมคารมความ
กระจ่างงามเกินกฏจะลดทอน

...ลิขิตเจ้าเข้าถึงซึ่งทรวงพี่
ประทับลงตรงฤดีมิอาจถอน
กระรอกน้อยถอดใจใส่บทกลอน
เพื่อสะท้อนค่าคนบนทางดี

...ค่าแห่งคำกวีที่เจ้าพร่ำ
มากกว่าผังประจำเกณฑ์วิถี
สัมผัสใจผนึกตรึกวจี
ไม่ต้องค้นวิธีวลีอิง

...คนงามใจไขความย่อมวามวาบ
ซึมกำซาบไหลลู่เข้าสู่สิง
กระชับแน่นหนึ่งมิตรสถิตจริง
ถือเป็นมิ่งขวัญพี่ที่ชื่อดรีม....
 emo_100 emo_100 emo_100

โอ้พี่จ๋าน้องกระรอกจะบอกให้   น้องชอบใจจริงจริงไม่ชิ่งหนี
เดี๋ยวคราหน้าจะแต่งแปลงวิธี   หาเรื่องดีมาเล่าสู่กันฟัง
 
กระรอกขาว
สมองมึนๆฮ่าๆแต่งได้แค่นี้อ่าไปต่อไม่ไหว เมื่อวานใช้พลังเยอะไปนิด เดี๋ยวต้องไปหาข้าวกินก่อน อดมากว่า18ช.ม.(เอาแต่นอนฮ่าๆ)


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: หนุ่มน้อย...คอยรัก ที่ 17 พฤษภาคม 2011, 12:18:AM

โอ้พี่จ๋าน้องกระรอกจะบอกให้   น้องชอบใจจริงจริงไม่ชิ่งหนี
เดี๋ยวคราหน้าจะแต่งแปลงวิธี   หาเรื่องดีมาเล่าสู่กันฟัง
 

อยากยินเรื่อง... "เบื้องหน้า" ...เพราะว่าชอบ
วอนท่านอย่านอกกรอบ...ไม่ชอบ.. "หลัง"
หากว่าโกรธโปรดด่าว่าให้ดัง
จะทนฟังทั้งที่....เสียดสีแซว   เอิ๊กๆ


  emo_26


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 17 พฤษภาคม 2011, 12:41:AM


นิทานเรื่อง แม่มด
เรื่องราวนี้ดุจฝันบันเทิงจิต   สอดข้อคิดเอาไว้ไร้เดียงสา
เอาไว้ปรับจำรุงปรุงชีวา     ถ่ายภาษาทอดอารมณ์มาชมกัน

นานมาแล้วในเมืองอาณาจักร       บันดาศักดิ์มากมายคล้ายดังฝัน
ราชาราชประกาศกฏลดโทษทัณฑ์       ด้วยรังสรรค์คำถามตามปัญญา
เจ้านักโทษอัศวินสิ้นความคิด      จะพิชิตหาความตามปัญหา
กษัตริย์ให้หนึ่งปีมีเวลา    ไปหามาคำตอบไม่มอบตาย
แม้นักปราชญ์แสนฉลาดไม่อาจรู้     อาเธอร์ดูรู้ตัวหัวคงหาย
ผ่านเวลาเลยไปใกล้วันตาย     ยังไม่สายเพื่อนมาจะพาไป
บอกอาเธอร์แม่มดเธอคงรู้     ไปถามดูทนดูอยู่ไม่ไหว
เพราะห่วงมิตรสนิทมั่นกันรู้ใจ     ต้องทำให้เพื่อนรอดพ้นโทษตาย
กาเวนกล่าวเล่าไปให้อดสู   รู้ทั้งรู้คิดไปใจจะหาย
แต่ด้วยกลัวผ่านไปคงได้ตาย     จึงฝืนกายไปตามยามเวลา
นังแม่มดหลังค่อมจมูกยื่น     ทำเสียงขื่นฝืนใจเข้าไปหา
แล้วเปล่งพจน์บอกบทสนทนา     อยากรู้ว่าสิ่งใดหญิงใคร่ปอง
แม่มดยิ้มแสยะเยาะหัวเราะร่วน     ทำท่ากวนรวนจริงหยิ่งจองหอง
กล่าวว่าหากอยากได้สิ่งหมายปอง     ต้องมีของแลกกันมันเข้าที
อาเธอร์ถามตามไปดังใจว่า    ต้องการหาสิ่งใดให้สุขขี
จงบอกมาช้าไยไม่รอรี   บอกมาทีรู้เมื่อไรจะหามา
แม่มดแก่แลจ้องมองอุบาทว์    แล้วตวาดสาดเสียงเรียงภาษา
ข้าอยากได้เพื่อนเจ้าเข้าวิวาห์    แต่งกับข้าเพื่อนเจ้าเจ้ากาเวน
อาเธอร์ฟังแค้นใจเกินใครคิด    เพื่อนชีวิตต้องตกนรกเห็น-
ท่าไม่ดียังไงขอไปเป็น      ผีเฉกเช่นดังเก่ายังเบาใจ
จึงหนีออกไม่เอาไม่เอาแล้ว     คงไม่แคล้วยอมตายไม่ไปไหน
กาเวนรู้เรื่องเล่าก็เข้าใจ     จึงแอบไปตกลงปลงวาจา
ดังสัญญาว่าไว้แม่มดมอบ   บอกคำตอบให้ไปใจหรรษา
สิ่งที่เหล่าสตรีต้องการมา    ก็คือว่าเป็นตัวของตัวเอง
แล้วอาเธอร์รอดตายหัวไม่ขาด     แต่อุบาทว์วันงานการโหวงเหวง
แม่มดเน่าเต่าเหม็นเล่นละเลง     พร่ำบรรเลงมูมมามทรามเหลือทน
ทั้งตดดังเรอกรนน่าหม่นจิต     สุดจะคิดคาดไปถึงในผล
หน้าก็ทรามทำตัวไม่กลัวคน    ตะกละจนรังเกียจใจในตัวมัน
แต่กาเวนก็เฉยไม่เอ่ยว่า     จนเวลาเคลื่อนผ่านงานสังสรรค์
ถึงเวลาเข้าหอหดห่อพลัน     โอ้สวรรค์เพื่อนฉันคงบรรลัย
กาเวนก็เปิดประตูเข้าในห้อง  แต่ก็ต้องตกใจไม่นึกฝัน
หญิงตรงหน้านี้ใครที่ไหนกัน  นางสวรรค์งามไม่เท่าเจ้าคือใคร   
นางก็ตอบแม่มดไงทำไมเล่า    กาเวนเง่าเจ้าจำเราได้ไหม
แล้วบอกว่าเลือกเอาจะเอาไง    แล้วแจ้งไปสองทางเลือกให้ดี
จะให้นางงามงอนในตอนเช้า   พอค่ำเอาเจ้าก็เจอยัยหน้าผี
หรือจะให้ข้างามยามราตรี    พระจันทร์หนีเมื่อไรไม่น่าชม
กาเวนแสนหนักในใจหนักหนา     จึงบอกว่าเลือกเอาเจ้าคงสม
ข้ายกให้เจ้าเลือกตามอารมณ์    แล้วแต่ชมชอบตอนไหนเลือกให้ที
นางจึงกู่ประกาศก้องร้องบอกว่า   ข้าจะงามทุกเวลาทุกราศี
ทั้งกลางวันทุกวันยันราตรี    ตัวข้านี้จะงามตลอดไป

จากเรื่องราวเขารู้ใจผู้หญิง    ทุกทุกสิ่งปล่อยเอาเขาเลือกได้
อย่าได้คิดกำหนดกฏเกณฑ์ใด        เพราะเราไม่เข้าใจในสตรี
จะดีร้ายอย่างไรให้ชายรู้     เพราะนางดูเป็นไปในวิถี
เป็นนางฟ้าหากชายทำตัวดี    หากอัปรีย์แม่มดทรามจะตามมา
ขอเหล่าชายจงดูและรู้ได้    ทำอย่างไรที่ใจไร้ปัญหา
ก็เข้าใจ ในความคิด จิตภรรยา    เป็นธรรมดา ของผู้หญิง จริงจริงเอย

กระรอกขาว


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 17 พฤษภาคม 2011, 07:42:AM

โอ้พี่จ๋าน้องกระรอกจะบอกให้   น้องชอบใจจริงจริงไม่ชิ่งหนี
เดี๋ยวคราหน้าจะแต่งแปลงวิธี   หาเรื่องดีมาเล่าสู่กันฟัง
 

อยากยินเรื่อง... "เบื้องหน้า" ...เพราะว่าชอบ
วอนท่านอย่านอกกรอบ...ไม่ชอบ.. "หลัง"
หากว่าโกรธโปรดด่าว่าให้ดัง
จะทนฟังทั้งที่....เสียดสีแซว   เอิ๊กๆ


  emo_26


สวัสร้าย ไงเล่า เจ้าเด็ก"น้อย"
มาพร่ำพร่อย ว่าไร ใคร"ชอบหลัง"
ก็จงคิด จึตคะนึง พึงระวัง
จะ"เสียหลัง" ให้ใคร มันไม่ดี

ที่ไม่ชอบ เพราะเหตุใด เจ้า"มีน้อย"
"กระจ้อยร่อย" ยังเด็ก "เล็ก"ละซี่
แว่นขยาย ส่องมา หา!ไม่มี
อะไรนี่ หญิงหรือชาย ไม่อาจเดา

มี"น้อยนิด""เล็ก"เกินไป ไม่สนุก
ไม่"เจ็บ""จุก" เหมือน"ของใหญ่" "ของ"ใครเขา
"โดน"เข้าไป เหมือนนาบ ทาบเบาเบา
หมัดของเจ้า "เล็ก"เกินไป ไม่ค่อยดี

แล้วมาถาม เราว่า โกรธาไหม
ตอบด้วยใจ ไม่คิด จิตบัดสี
ระวังไว้ ไม่กลัว เจ้าตัวดี
กระรอกนี้ "ชอบหลัง"   ระวังให้ไว
กระรอกขาว (โหมดหื่น)

ปล.อาจไม่ได้เข้ามาตอบ กลับบ้านไปทำธุระสองวัน มีไรฝากไว้เดี๋ยวมา"เอา"


หัวข้อ: Re: รังกระรอกขาว
เริ่มหัวข้อโดย: กระรอกขาว ที่ 27 พฤษภาคม 2011, 01:12:AM
เด็กบนทางรถไฟ

คำถามเขา ถามมา ช่างน่าคิด   สะกดจิต ติดใจ ในคำถาม
จึงขอแบ่ง แปลงเป็นกลอน เข้าสอนความ    ดังนิยาม เติมรส บทกวี   

ทางรถไฟ สองแยก น่าแปลกอยู่      ทางหนึ่งดู ยังใหม่ ใช้วิถี
อีกทางหนึ่ง เก่าแท้ แลไม่ดี     จึงไม่มี รถไฟ ใช้ทางจร
รถไฟแล่น เรื่อยไป ใกล้ทางแยก     เสียงแปลกแปลก ร้องดัง หวูดคลั่งหอน
เด็กนับสิบ เล่าไซร้ ไม่สังวร        เล่นอยู่บน ทางจร หมอนรถไฟ
กับอีกเด็ก หนึ่งนั่ง ฝั่งทางเก่า        คำถามเรา เจ้าจะ เลือกทางไหน
สมติอยู่ ตรงที่สับ รางรถไฟ        หากปล่อยไว้ เด็กตาย หลายสิบคน
หรือจะสับ เปลี่ยนไป ใช้ทางเก่า       ยังบางเบา ลองเลี่ยง เบี่ยงทางหน
เด็กก็จะ ตายแน่ แค่หนึ่งคน       ที่เหลือพ้น รอดตาย หลายชีวี
จงตรองดู เลือกมอบ ตอบคำถาม      แล้วแต่ตาม พินิจ คิดวิถี
คิดแล้วตรอง ลองเดา เอาไงดี      เลือกวีธี ตามชอบ มอบมาพลัน
คิดคำตอบ ตรองรู้ ดูเอาเถิด       เรื่องที่เกิด จำลอง ต้องเลือกสรรค์
สิ่งที่คน มากมาย หมายเลือกกัน       คงสะบั้น ชีวิตเดียว น่าเปลี่ยวใจ
ลองคิดดู เถิดหนา ว่าใครผิด       คิดสักนิด เด็กน้อย ผิดตรงไหน
เล่นอยู่ใน  ที่สม-ควรแล้วไง       ได้อะไร ตายก่อนถึง ซึ่งเวลา
กับอีกกลุ่ม เด็กไพร่ ไร้ความคิด      อยู่ที่ผิด กลับรอด ปลอดภัยหนา
ผิดกลับรอด ถูกกลับตาย วายชีวา      นี่น่ะหรือ คือชะตา ช่างจาบัล

เปรียบสอนดัง สังคม ชมคนผิด      คนน้อยนิด ที่ดี มิอาจฝัน
โดนเอารัด เอาเปรียบ หยามเหยียบกัน     เหมือนทางตัน มีไว้ ให้คนดี
อย่าว่าเอา ว่าดี ที่ชื่นชอบ       หรือระบอบ ชอบกระทำ นำวีถี
อย่าโอ่อ้าง ว่าตน นั้นคนดี      ด้วยการที่ ชนมาก ลากไปเป็น
ที่นิยม อาจไพร่ มิใช่ศรี       ที่ว่าดี ด้วยเหตุผล หรือพลเห็น-
ดีด้วยตาม คนมาก อยากจะเป็น      ก็ดังเช่น นิทาน ที่จารย์เอย


emo_12 กระรอกขาว emo_12

เครดิด คุณ สายใย
ที่อยู่บทความ:http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=8150.0