หัวข้อ: รอยกรรม เริ่มหัวข้อโดย: อักษรารำพัน ที่ 09 มีนาคม 2011, 11:48:PM ๐ เสียงขลุ่ยครวญพลิ้วแผ่วยามแว่วผ่าน คล้ายคำขานพร่ำพร้องนั้นก้องหน ทั้งเื้อื้อนอ้อนเศร้าสร้อยคอยล้อมลน อกใจคนหวั่นไหวอยู่ในยาม ๐ ล่องลอยลมพรมผ่านห้อมลานหล้า หรือแผ่วมาโลมโศกถ้วนโลกสาม ฉุดใจหนึ่งสับสนหมองหม่นตาม จนเกินห้ามกำสรวลย้อนทวนรอย ๐ สู่ภวังค์แห่งหวานที่รานค่า ทรวงอับปราหม่นอับแหลกยับย่อย สูญสิ้นแล้วรักเลือนค่อยเคลื่อนคล้อย จบหวานชื่นคืนคอยร่วมร้อยทรวง ๐ เสียงสูงต่ำเลื่อนล่องผ่านท้องฟ้า ล่องผ่านมาจากดินหรือถิ่นสรวง เหมือนเผยภาพเคยถวิลของจินต์ลวง ที่ล่ามพ่วงรัดขวัญสุดบั่นทอน ๐ ดึงให้ย้อนรอยย้ำอยู่ซ้ำซาก ย้อนวันจากเจ็บจิตสุดคิดถอน ความรักที่แสนสั้นสะบั้นรอน แต่อาวรณ์ปวดร้าวแสนยาวนาน ๐ แม้โลกยังงดงามเมื่อยามล่วง ผันวนช่วงหนาวร้อนค่อยย้อนผ่าน ประดับมวลมาลีดอกคลี่บาน โรยหอมหวานซ้ำช่วงแต่ทรวงยัง ๐ ทุกข์ย้อนทบ พบ-พราก จากและเจ็บ เป็นหนามเหน็บพิษร้ายทำลายหวัง ผลักตกห้วงคำนึงตรึงภวังค์ ที่สุมสั่งโศกเศร้ารุมเร้าจน ๐ ไม่สัมผัสความงามในยามเห็น ด้วยเยียบเย็นย้ำขวัญเป็นพันหน ไม่สัมผัสอุ่นไอแห่งใจคน มีแต่หม่นหมองไหม้ที่ในมาน ๐ กี่รอบวัฏฏ์เวียนผ่านกี่กาลพราก จึงรานขวากร่นหล้ามาสมาน กี่เกิดดับว่ายเวิ้งในเพลิงวาร จึงเผาผลาญบ่วงบาปที่สาปชนม์ ๐ รอคอยมาเนิ่นนานร้าวรานนัก แม้เพียรหักอาลัยก็ไร้ผล ท่ามสายกาลผันเปลี่ยนใจเวียนวน มิอาจพ้นผ่านฝันที่พันธนา ๐ เสียงขลุ่ยยังแว่วหวานอยู่นานเนิ่น คอยหยอกเอินอาวรณ์ให้ย้อนหา เข้าตอกย้ำซ้ำครั้งรั้งอุรา ปรารถนาเปล่าร้างบนทางกรรม วลีลักษณา ๘ มีนาคม ๒๕๕๔ หัวข้อ: **สายฝนต้นคิมหันต์** เริ่มหัวข้อโดย: อักษรารำพัน ที่ 11 มีนาคม 2011, 09:46:PM ๐ กลางสายฝนโปรยปรายพระพายพัด
โลมใบไม้ส่ายซัดสะบัดไหว เสียงลมฝนหล่นพรำ..คล้ายคำใคร ผ่านล่องจากแดนไกลไขอาวรณ์ ๐ ช่างอ่อนหวานอบอุ่นละมุนนัก หมายปกปักป้องขวัญค่อยผันผ่อน ความหมองหม่นเงียบงันสะบั้นรอน ด้วยอาทรห่วงใยโลมในทรวง ๐ จากโลกที่เย็นเยียบแสนเงียบเหงา อยู่กับเงาเบาบาง..ตรึงกลางบ่วง- ทุกข์เทวษโถมถั่งใจทั้งดวง จมในห้วงปวดร้าวมายาวนาน ๐ ในความมืดมัวหม่นวังวนหมอง ที่ครอบครองภวังค์ดั่งประหาร มือใครหนึ่งราวยุดฉุดวิญญาณ ให้ข้ามผ่านบ่วงโศกพ้นโลกมัว ๐ สู่แสงทองผ่องใสและไออุ่น โอนละมุนอาบไล้ไล่หม่นหลัว ทรวงที่เคยเขลาขลาดและหวาดกลัว ก็กลับชื่นฉ่ำทั่วทั้งหัวใจ ๐ จักเคียงข้างทางฝันเพื่อวันพรุ่ง รอสายรุ้งเทียบหล้าโยงฟ้าใส ปูลาดทางทอดยาวให้ก้าวไป หลอมรวมดวงฤทัยไว้ด้วยกัน ๐ ถ้อยคำพี่วอนสรวงชื่นทรวงนัก เป็นคำรักค่าล้ำชุ่มฉ่ำขวัญ หวานใดเล่าหาเปรียบยกเทียบทัน หวานรำพันคนไกลซึ้งในทรวง ๐ ขอมอบถ้อยร้อยตอบโลมรอบฟ้า ล้อมแผ่นหล้าลามแถนถึงแดนสรวง ล้านวลีเรียงร้อยถ้วนถ้อยปวง เศษเสี้ยวส่วนจากห้วงดวงฤทัย ๐ ใช่แต่พี่ห่วงหาเมื่อคราห่าง มิได้ต่างอีกขวัญ..มีวันไหน? ที่ลดทอน..ห่วงหวง..ยอดดวงใจ ความอาลัยอาวรณ์ฤๅผ่อน ลง ***แสนอาวรณ์น้องนุชสุดที่รัก*** ช่างหวานนักคำนี้ฤดีหลง จะเก็บไว้ตราบนานให้หวานคง แนบไว้ตรงกลางจิตนิจนิรันดร์ ๐ ให้พี่กุมมือเกี่ยวรวบเรียวก้อย ผ่านวันคอยคืนรอเติมต่อฝัน แม้ยามตื่นชื่นทรวงทุกช่วงวัน ด้วยผูกพันพ่วงคล้องใจสองเรา ๐ จักรอแม้เนิ่นนานไม่รานรัก ตอกจำหลักกลางฝันผ่านวันเหงา เก็บอีกใจแนบข้างเป็นร่างเงา ที่จะเคล้าคลอทรวงผ่านล่วงวาร ๐ เพื่อค่อยร่นค่อยรานก้าวผ่านข้าม สู่ช่วงยามสดชื่นระรื่นหวาน แม้ห่างไกลสุดฟ้าจวบบาดาล จะรอสานดวงใจด้วยใยรัก วลีลักษณา ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ หัวข้อ: ปองใจรัก เริ่มหัวข้อโดย: อักษรารำพัน ที่ 12 มีนาคม 2011, 10:20:PM ๐ หลับตาลงตรงนี้นะที่รัก
เปรียบซบตักอุ่นไอแอบไฟ, ผิง หากฝนหนาวแทรกเนื้อ..จึงเมื่ออิง- ฝันประวิงอุ่นเอื้อเข้าเจือทรวง ๐ แม้ยามตื่นขื่นเศร้าคลอเคล้าจิต ด้วยนิมิตตราตรึงประหนึ่งสรวง ชะลอลงเทียบให้ใจสองดวง ได้ก้าวล่วงรวมถวิลจินตกานท์ ๐ ปลอบขวัญด้วยสาส์นรักสลักมั่น แม้โทษทัณฑ์ทบถั่งรอบสังสาร- ให้เป็นเหมือนเขตขวางระหว่างกาล ที่มิอาจข้ามผ่านเพื่อสานใย ๐ ฟังเถิดเสียงสังคีตประณีตร้อย หมายฝากรอยรื่นหวานผ่านสมัย โอบห้อมด้วยแรงถวิลจากถิ่นไกล มอบอาลัยแนบสนิทยามนิทรา ๐ ช่อดอกแก้วขาวนวลยังหวนหอม กลิ่นพะยอมแทรกซ่านผ่านนาสา ดั่งร้อยกรองบอกบทรจนา จากอุราคนไกลมอบให้กัน ๐ รวยรินหอมน้อมให้อาลัยห่วง โลมผ่านทรวงพ่วงถวิลไม่สิ้นฝัน คีตายังแว่วย้ำดั่งจำนรรจ์ ที่ประเดียงรำพันผ่านวันคืน ๐ สู่อีกแดนแสนห่างอย่างแสนห่วง คล้ายถูกบ่วงคล้องยุดจนสุดฝืน ความคิดถึงเร้ารุมราวสุมฟืน เกรงหวานชื่นจางรอยแค่คอยเลือน ๐ บทประนีตเน้นย้ำแทนคำกล่าว เพื่อโน้มน้าวอีกขวัญอย่าผันเคลื่อน อ่านกรองคำนุชร้อยไว้คอยเตือน เป็นเสมือนบ่วงคล้องล่ามสองทรวง ๐ ถึงยามเช้าคำนึงให้ตรึงมั่น ถึงกลางวันถวิลหาอุราหวง ยามย่ำค่ำเดือนเพ็ญลอยเด่นดวง ให้โหมห่วงอาวรณ์อย่าผ่อนเลย ๐ แม้มิอาจข้ามหนดั้นด้นสู่ โปรดรับรู้ความนัยแห่งใจเผย- และพร้อมความหวานละมุนอันคุ้นเคย ยามเอื้อนเอ่ยตอบถ้อยว่าคอยรอ- ๐ ด้วยคิดถึงคะนึงหาทุกคราห่าง ยังตรึงกลางทรวง..เกี่ยว..คล้ายเรียวขอ และมีเพียงรูปเงาพะเน้าพะนอ ที่คอยคลอทรวงเคล้าให้เหงาคลาย ๐ คงมิต่างอาลัยคนไกลถิ่น เมื่อถวิลอาวรณ์ไม่รอนหาย ฤๅอาจมากมายจนทุรนทุราย ด้วยโซ่สายสวาทรั้งภวังค์รัก ๐ หอมกลิ่นแก้วแล้วเล่าให้เคล้าชิด ด้วยแรงฤทธิ์รื่นหวานสมานสมัคร ปรารถนาโลมทรวงสู่ห้วงภักดิ์ ตอกจำหลักอีกขวัญตราบวันครอง วลีลักษณา ๕ มีนาคม ๒๕๕๔ |