พิมพ์หน้านี้ - อยากแต่งกลอน ๙

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

จิปาถะ => ห้องนั่งเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 01:31:PM



หัวข้อ: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 01:31:PM
อยากเห็นกลอน ๙ ครับ  ใครมีฝีมือในการแต่งกลอน ๙ น่าจะลองมาโชว์กันสักตั้ง
เพราะปกติจะเห็นแต่กลอน ๘ หรือไม่ก็ กลอน ๘ กับกลอน ๙ คละเคล้ากัน  emo_45
หัวข้ออะไรก็ได้


เขียนเรื่องเศร้า  เป็นเก้ากลอน  เอ๊ยกลอนเก้า
วันเงียบเหงา    เช่นวันนี้     ดีไหมหนา
หากใครมี    ช่ำฝีมือ    เลื่องลือชา
ก็ลองมา   โชว์สักครั้ง   ข้ายังรอ


เห็นมั้ยล่ะ ว่าการเขียนกลอน ๙ ให้เพราะน่ะไม่ใช่เรื่องง่าย   emo_30



หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 01:46:PM
ตัวอย่างกลอน ๙ ครับ


ถ้าทำดี  มีคนคิด  คอยอิจฉา
ค่อนขอดว่า  นินทาร้าย  ไร้เหตุผล
ทำอย่างไร  ก็ไม่สิ้น  เล่ห์ลิ้นคน
อย่ากังวล  คนอิจฉา  ถ้ารักงาน

ไม่ทราบนามผู้แต่งครับ  อ่านมาจากหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง




หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 02:27:PM

สาเหตุที่รู้สึกว่ากลอน ๙ แต่งยาก เนื่องจากความคุ้นเคยกับกลอนแปดมากกว่า
บางทีแต่งกลอน ๙ ไปแล้ว  แต่พอแต่งได้ ๘  คำมันกลับลงตัวพอดี  ไม่อยากจะเพิ่มคำอีก
ก็เลยเป็นกลอน ๙  ผสมกลอน ๘ไป  บางทีแต่งกลอน ๘  แต่คำไม่พอดี  ความหมายไม่ครบ
จำใจต้องเพิ่มคำเข้ามาทำให้กลายเป็นกลอน ๘ ผสมกลอน ๙  สรูปแล้ว  คนส่วนใหญ่มักจะ
มาหยุดที่กลอน ๘  ไปไม่ค่อยถึงกลอน ๙  นอกจากความจำเป็นบังคับจริงๆ  จึงทำให้กลอนส่วนมาก
มักจะเป็นกลอนแปด  ที่เจือด้วยกลอน ๙ เป็นบางวรรค(ด้วยเหตุสุดวิสัย)ซะเป็นส่วนมาก
ผู้ที่แต่งเป็นกลอน ๙ โดยเฉพาะ และแต่งได้ดีจริงๆนั้น  จึงมีน้อยกว่านอย(เนื่องจากเรานิยม
กลอน ๘  มากกว่า)


จับปากกา  ขึ้นมาเพียร  เขียนกลอนเก้า
ตามใจเรา    ครั้งหนึ่งหนา  อย่าว่าฉัน
แปดกับเก้า  เพียงเท่านี้   ที่ติดกัน
ใช่ดึงดัน   ตามยะโส   โอหังการ

แต่งกลอนเก้า  ให้เข้าที   วจีเพราะ
เรียงฉอเลาะ  ศัพท์ภาษา   วาจาหวาน
ดึงดูดใจ   ให้สนิท     ตรึงติดนาน
ด้วยกลอนกานท์  เลขที่เก้า โปรดเข้าใจ

ถ้าเขียนดี  มีรางวัล   ขั้นที่หนึ่ง
ยกมือซึ้ง  เมื่อได้อ่าน   กานท์สดใส
ขั้นที่สอง  ต้องสะดวก   กดบวกไป
อยู่ที่ใคร   แต่งได้ดี     มีลีลา

อย่าหน่ายหนี   มีบทกลอน  อ้อนให้แต่ง
ด้วยเป็นแหล่ง  แห่งบ้านกลอน  สอนภาษา
ร่ายกวี   ให้มีชื่อ    เลื่องลือชา
ด้วยนำพา  กลอนไทยนี้  มีชื่อไกล...
                                         
 emo_116 emo_116 emo_116

ตรุษจีนปีนี้  ยังไม่ได้แต๊ะเอีย   แต่งกลอนรักคงไม่ซึ้งถ้าขาดแฟน   emo_30




หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: masapaer ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 03:20:PM
(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)

ขออภัยไม่ถนัดจัดกลอนเก้า
เพราะว่ายาวราวยืดเยื้อเกินเอื้อไหว
ชอบแปดคำความกระชับย่อมจับใจ
จังหวะชัดจัดมาไวใจเคยชิน

กลอนทุกเรื่องเฟื่องทุกบทและสดสวย
ล้วนงามด้วยรวยเชิงศาสตร์วาดแววศิลป์
ทั้งสื่อล้ำสัมผัสใจได้ประทิน
ระรวยรินกลิ่นประพันธ์อันภิรมย์

ไม่ถนัดจัดกลอนยากกระดากนัก
เพียงหวังพักทักไมตรีมิตรศรีสม
จึงได้เรียงเพียงแค่นี้ที่พอชม
พี่อย่าตรมขมชิ้นงานเมื่ออ่านเจอ

นะคะ.. emo_12

ปล.อ่านให้เป็นเก้านะคะ.. emo_85
(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 03:52:PM
เขียนกลอนเก้า มีท้าวความ สามสามสาม
เดินรอยตาม กลอนแปดนา อย่าให้หลง
ท้ายวรรคหนึ่ง สองสามสี่ ที่นำลง
ก็ยังคง พ้องเสียงคัด สัมผัสกัน

ขยายความ เนื้อหาได้ ไม่ขาดห้วน
ตามกระบวน เรื่องที่เล่า เอาเขียนนั่น
มีพลิ้วไหว ตามครรลอง ทำนองมัน
ขอยืนยัน ด้วยอีกคน ไม่บ่นนา

ยกตัวอย่าง นำอ้างไว้ ได้หนึ่งเรื่อง
ตุ๊กแกเขื่อง ร้องเพลงเพราะ เกาะข้างฝา
ส่วนจิ้งจก แอบมองค้อน ช้อนสายตา
เพราะเล็กกว่า จึงไม่สู้ รู้กำลัง

เด็กไอ้จุก รุกเข้าหา มาตามเสียง
คอยมองเมียง เลี่ยงเข้าได้ ใกล้สมหวัง
จะใช้บ่วง จับไปขาย ได้หลายตังค์
เหยียบบนถัง พลิกกลับล้ม เจ็บซมซาน.

ด.ช. นพ


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: รพีกาญจน์ ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 04:03:PM
หลายวันก่อนมีน้องคนหนึ่งโพสต์กลอน สงสารนางผีเสื้อยักษ์
โพสต์ได้ 6 วรรค ความท้ายจะตบตีองค์อภัย อะไรนี่แหละ
ผมต้องรีบออกไปทำงาน พอกลับมา ความในจอหายไปแล้ว
เป็นกลอน 9  ขออนุญาตนะครับ


องค์อภัย ตัวใจนิด กระจิริด
ใช้นิ้วดีด เพียงเบาเบา เอาก็ได้
ถึงตบตี มีหรือนั่น ไม่บรรลัย
แค่นางไอ คงกระเด็น ไปเส้นวา


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 04:08:PM

เจ้าจุกล้ม  ระบมซ้ำ   เป็นกรรมหนอ
มันใจคอ    จับตุ๊กแก  แต่ฝาบ้าน
เท้าย่องเงียบ  ไปเหยียบถัง จังประจาน
เข้าโรงบาล   ชื่อเสียงดี  ศรีธัญญา

ช่างเหมาะสม  กลมกลอนเก้า จุกก้าวพลาด
มีรอยบาด  จากฝาถัง   ที่หว่างขา
เกือบสูญพันธ์  นะวันนี้   มีค่ายา
เป็นเพราะหา   แต่ตุ๊กแก  ไม่แลทาง

อันกลอนเก้า  ถ้าเราตรง  ปะจงแต่ง
ให้กล้าแกร่ง  ขั้นฝีมือ   มีลือบ้าง
อยากขอร้อง  นวลน้องน้อย  อย่าปล่อยวาง
ให้อ้างว้าง   มีกลอนเก้า  พี่เฝ้ารอ

................................. emo_06 เหมือนง่าย  แต่ให้เพราะจริงๆแล้วยาก emo_27




หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 04:09:PM
(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)

ขออภัยไม่ถนัดจัดกลอนเก้า
เพราะว่ายาวราวยืดเยื้อเกินเอื้อไหว
ชอบแปดคำความกระชับย่อมจับใจ
จังหวะชัดจัดมาไวใจเคยชิน

กลอนทุกเรื่องเฟื่องทุกบทและสดสวย
ล้วนงามด้วยรวยเชิงศาสตร์วาดแววศิลป์
ทั้งสื่อล้ำสัมผัสใจได้ประทิน
ระรวยรินกลิ่นประพันธ์อันภิรมย์

ไม่ถนัดจัดกลอนยากกระดากนัก
เพียงหวังพักทักไมตรีมิตรศรีสม
จึงได้เรียงเพียงแค่นี้ที่พอชม
พี่อย่าตรมขมชิ้นงานเมื่ออ่านเจอ

นะคะ.. emo_12

ปล.อ่านให้เป็นเก้านะคะ.. emo_85
(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)
(http://www.ohzeed.com/bar_189.gif) (http://www.ohzeed.com)
...ส่องกระจ่าง...พร่างประพจน์...เป็นบทร้อย
แม้ไม่ค่อย...เชี่ยวชาญชัด...จัดเสนอ
ยังทำใคร...คนนี้ซึ้ง...อึ้งละเมอ
สมชื่อเธอ...ดาวดารา...แห่งฟ้าเรือง

...เพียงเธอทาบ...อาบรอยแสง...แฝงคำสอน
ทุกบทกลอน...งามละไม...วิไลเฟื่อง
แต่ละวรรค...สลักถ้วน...ล้วนประเทือง
มิเปล่าเปลือง...เวลาอ่าน...เมื่อผ่านมา...
 emo_100
...............ดาวแท้มิแพ้ทางจริงๆ...//ดรีม


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 04:20:PM
55555+อาโหล   เดี๋ยวขอเวลาไปทำการบ้านมาใหม่   ถ้าแต่งได้แล้วจะเอามโชว์   emo_45

ดีครับ  แต่ยังไม่โดนใจ  อิอิ    emo_51

ปล.แต่งเรื่องอะไรก็ได้ครับ ไม่ต้องพูดเรื่องกลอนเก้าก็ได้  ขอแค่ให้แต่งเป็นกลอนเก้าก็พอ(ถ้าแต่งดีเดี๋ยวมีโหวต)


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 04:42:PM

เจ้าจุกล้ม  ระบมซ้ำ   เป็นกรรมหนอ
มันใจคอ    จับตุ๊กแก  แต่ฝาบ้าน
เท้าย่องเงียบ  ไปเหยียบถัง จังประจาน
เข้าโรงบาล   ชื่อเสียงดี  ศรีธัญญา

ช่างเหมาะสม  กลมกลอนเก้า จุกก้าวพลาด
มีรอยบาด  จากฝาถัง   ที่หว่างขา
เกือบสูญพันธ์  นะวันนี้   มีค่ายา
เป็นเพราะหา   แต่ตุ๊กแก  ไม่แลทาง

อันกลอนเก้า  ถ้าเราตรง  ปะจงแต่ง
ให้กล้าแกร่ง  ขั้นฝีมือ   มีลือบ้าง
อยากขอร้อง  นวลน้องน้อย  อย่าปล่อยวาง
ให้อ้างว้าง   มีกลอนเก้า  พี่เฝ้ารอ

................................. emo_06 เหมือนง่าย  แต่ให้เพราะจริงๆแล้วยาก emo_27


ศรีธัญญา เฝ้ารักษา ไอ้จุกอยู่
มันไม่รู้ เป็นอะไร ให้เจ็บหนอ
เจอเชือกเก่า อยู่เส้นหนึ่ง บึ่งไม่รอ
ไปบอกหมอ ผูกบ่วงให้ ใช้ได้ทัน

หมอหลอกถาม ได้ความลับ จับตุ๊กแก
ใช่แล้วแน่ เกาะอยู่นี่ ที่ตัวฉัน
บ่วงคล้องติด คิดกระตุก สนุกกัน
เสียงดังลั่น ไอ้จุกร้อง ก้องโรงบาล.

ด.ช. นพ


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 06:11:PM
ส่งเสี่ยงโชคกะเขามั่ง  emo_19

(http://www.ohzeed.com/bar_189.gif)

"ตามที่เห็น เช่นนี้เอง"

ต้องร่วมรับ ชะตากรรม ที่ทำขึ้น
ไม่อาจขืน ยืนให้ต่าง ห่างไปไหน
สิ่งแวดล้อม ที่แลเห็น เป็นเช่นไร
ไม่ใช่ใคร ที่ไหนสร้าง เราต่างทำ

ตั้งแต่เกิด จวบวันตาย ทำลายนัก
ไม่ผ่อนพัก กลับมุ่งมาด ฟาดให้หนำ
ทั้งป่าไม้ ทั้งสายธาร งานประจำ
ต่างทำซ้ำ ทำให้สิ้น กลิ่นเดิมเดิม

จากป่าสวย ด้วยหลากพันธุ์  ร่วมกันชื่น
มีดาษดื่น สรรพสัตว์ วัดค่าเสริม
ว่าป่ารก เพราะเสือยัง หวังต่อเติม
คนก็เริ่ม เข้ารังแก แปรเปลี่ยนไป

ยึดทรัพย์สิน แผ่นดินชาติ ผูกขาดมั่น
เป็นแผ่นดิน ถิ่นของฉัน ไม่หวั่นไหว
จากป่าสูง เป็นป่าต่ำ ย่ำยีไป
ที่เกิดใหม่ สนามกอล์ป ชอบกันจัง

ส่วนแหล่งน้ำ ก็กระหน่ำ เป็นแหล่งเน่า
แย่งยึดเอา เฝ้าถือครอง ต้องสมหวัง
สร้างอาคาร ขวางทางน้ำ ห้ามไม่ฟัง
ถือว่าดัง ถ้าทำได้ ใครใหญ่เกิน

ความวิบัติ เกิดคราใด ได้แต่เศร้า
ล้วนต่างเฝ้า โทษฟ้าดิน สิ้นขวยเขิน
ไม่โทษคน ที่ก่อให้ ได้เผชิญ
กลับร่วมเดิน เชิญเหยียบย่ำ...ทำตามกัน.

"บ้านริมโขง"

(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif)


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บอม ซอง ดุ๊ก ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 06:31:PM

(http://www.ohzeed.com/bar_131.gif) (http://www.ohzeed.com)

~กลอนงาม งามที่ใด??(ไม่รู้สิT T)~


หนึ่งสองสาม สี่ห้าหก เจ็ดแปดเก้า
แล้วแต่เจ้า จะต่อเติม เพิ่มความฝัน
ถ้าความหมาย ถ่ายทอดมา ว่าสัมพันธ์
จุดสำคัญ กลั่นเรื่องราว...ขาวหรือดำ!

เส้นอักษร ที่อ่อนนุ่ม เพราะทุ่มจิต
เกณฑ์ความคิด ทิศทางใจ ไม่เหลื่อมล้ำ
กฎความรู้ ครูกวี ชี้กระทำ
ให้ชักนำ กลอนจากจิต คิดไตร่ตรอง

ถ้าจรรโลง กาพย์โคลงกลอน สะท้อนภาพ
ไร้จ้วงจาบ หยาบโลนย้ำ ทำหม่นหมอง
งามสลวย ด้วยสติ พิเคราะห์มอง
เรืองคำพ้อง กรองกานท์กรอบ มอบนำไป

เป็นแปดเก้า อันยอดเยี่ยม เปี่ยมคุณค่า
ด้วยปัญญา ถ้อยวาที  ที่สดใส
ศิลป์สะบัด คัดล้ำลึก สำนึกใจ
ดั่งคงไว้ ในบัญญัติ มิขัดเคือง

O

 emo_43


บอม ซอง ดุ๊ก
 

(http://www.ohzeed.com/bar_131.gif) (http://www.ohzeed.com)


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 06:57:PM
อืมม์....แต่ละท่านต้องยอมรับว่าระดับฝีมือทั้งนั้น

เพียงแต่.....มันเหมือนจะขาดอะไรไปบางอย่าง.......มันเหมือนเราแต่งกลอนแปดแล้วพยายามใส่คำเข้าไปพอแต่ให้ครบเป็นเก้าคำ

อะไรประมาณนั้นน่ะนะ  มันยังดูไม่ใช่กลอนเก้าแท้(เหมือนแต่งกลอนแปดแล้วเพิ่มอีกคำให้ครบเก้า) emo_52หวังว่าคงเข้าใจนะ

แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่ามันขาดอะไร

แต่อ่านกลอนของคุณ บอม ซอง  ดุ๊ก  แล้ว  พาให้นึก  ถึงกลอนเก่าบทหนึ่งว่า

คนจะงาม  งามน้ำใจ   ใช่ใบหน้า

คนจะสวย  สวยจรรยา  ใช่ตาหวาน

คนจะแก่  แก่ความรู้  ใช่อยู่นาน

คนจะรวย  รวยศีลทาน  ใช่บ้านโต


คิดว่าหลายคนคงรู้จักกลอนนี้เป็นอย่างดี  นี่ก็เป็นกลอนเก้าเหมือนกัน


ปล.  อะไรประมาณนี้นะครับ  คือเราอ่านแล้วทั้งบทนั้น  ในแต่ละวรรค เราจะไม่รู้สึกว่ามีคำที่ใส่มาเกินความจำเป็นเลย

อ่านดูแล้วรู้สึกว่า  คำทุกคำที่อยู่ในตำแน่ง  วรรคละสามคำ สามคำนั้น  เป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้จริง  คือพูดง่ายว่า

ไม่มีคำที่เกินหรือคำที่ฝืนใส่น่ะ  ตอนนี้บอกได้แค่นี้แหละ  ลองพยยามใหม่นะครับ

เดี๋ยวผมก้จะลองทำการบ้านนี้ดุด้วย  ถ้าได้แล้วเดี๋ยวมาโชวร์   emo_45




หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านริมโขง ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:00:PM
(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif)

อยากเขียนกลอน ออกแนวหวาน สำราญจิต
อยากจะคิด เขียนคำอ้อน ตอนจีบสาว
อยากแต่งเติม เพิ่มความหมาย คล้ายเพชรวาว
อยากให้เห็น เป็นแสงดาว พราวนภา

แต่ยากนัก จักทำได้ อย่างหมายมั่น
ความสัมพันธ์ ปั้นอารมณ์ คมภาษา
ประสบการณ์ เป็นอีกอย่าง ที่วางมา
กว่าจะหา คำเหมาะสม ลมแทบกิน

เห็นสาวสวย เดินผ่านมา หาคำกล่าว
เหมือนมีกาว ปิดปากไว้ ใฝ่ถวิล...
แค่อยากถาม เธอไปไหน ให้ได้ยิน
กลับหมดสิ้น ความประหม่า เข้ามาแทน

ไม่กล้าพูด จึงอยากเขียน เรียนภาษา
จับปากกา หาจดหมาย ลายสวยแสน
บรรจงร่าง คำกลอนกานท์ หวานใส่แฟน
กลับคับแค้น แค่นไม่ออก...ยอกอุรา. emo_48

"บ้านริมโขง"

(http://www.ohzeed.com/bar_189.gif)


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:03:PM


อันกลอนเก้า  นั้นไพเราะ  เสนาะนัก
สื่อใจรัก       สื่อความใน  ใคร่เปิดเผย
อยากจะแต่ง  สื่อถึงใคร    ไม่คุ้นเคย
เพราะละเลย  ไม่คำนึง     ถึงกฎเกญท์

มาวันนี้        มายาวิน     เปิดกระทู้
จึงลองดู      อย่างเร็วไว   แม้ยากเข็ญ
แต่ละบท     กว่าจะได้     นั้นยากเย็น
ด้วยต้องเน้น กำหนดให้    เก้าพยางค์

เป็นดั่งนี้      ใช่หรือไม่     หนอกลอนเก้า
ที่ตัวเรา       เขียนจนได้   คล้ายตัวอย่าง
ไม่จัดเจน     เหมือนเด็กน้อย  ค่อยคลำทาง
จบสามบท    จึงกระด้าง    เนื้อความกลอน



        emo_85




หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ กานต์ฑิตา ♥ ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:14:PM

(http://i882.photobucket.com/albums/ac25/Kan_ry/26_201008161039592.jpg)


อยากจะขอ ความเห็นใจ สักนิดหนึ่ง
บอกคิดถึง ก็ขอบคุณ ค่ะคุณขา
รบกวนฝาก ข้อความไว้ ยามได้มา
การโทรหา ขอจำเป็น จะเห็นควร

ไม่ได้โกรธ โปรดเข้าใจ ว่าไม่ว่าง
ล้วนงานกาง ต้องคร่ำเคร่ง ความเร่งด่วน
โทรศัพท์ เวลางาน การรบกวน
เสียกระบวน เป็นตัวอย่าง ที่ไม่ดี

เป็นหัวหน้า ทำเหลวไหล ใครจะเชื่อ
จะยังเหลือ ความนับถือ อีกหรือนี่
เป็นหัวหน้า จะถือสิทธิ์ ผิดไม่มี
คงเป็นที่ ครหา ช่างน่าอาย

อยากจะขอ ความเห็นใจ สักนิดหนึ่ง
รอให้ถึง เวลาพัก คงไม่สาย
อยากจะโทร เชิญโทรหนา ตามสบาย
ไม่เสียดาย ค่าโทรก็ เชิญโทรเลย.

emo_95
  "กานต์ฑิตา"
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

(http://www.ohzeed.com/bar_151.gif)


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:15:PM
ส่งเสี่ยงโชคกะเขามั่ง  emo_19

([url]http://www.ohzeed.com/bar_189.gif[/url])

"ตามที่เห็น เช่นนี้เอง"

ต้องร่วมรับ ชะตากรรม ที่ทำขึ้น
ไม่อาจขืน ยืนให้ต่าง ห่างไปไหน
สิ่งแวดล้อม ที่แลเห็น เป็นเช่นไร
ไม่ใช่ใคร ที่ไหนสร้าง เราต่างทำ

ตั้งแต่เกิด จวบวันตาย ทำลายนัก
ไม่ผ่อนพัก กลับมุ่งมาด ฟาดให้หนำ
ทั้งป่าไม้ ทั้งสายธาร งานประจำ
ต่างทำซ้ำ ทำให้สิ้น กลิ่นเดิมเดิม

จากป่าสวย ด้วยหลากพันธุ์  ร่วมกันชื่น
มีดาษดื่น สรรพสัตว์ วัดค่าเสริม
ว่าป่ารก เพราะเสือยัง หวังต่อเติม
คนก็เริ่ม เข้ารังแก แปรเปลี่ยนไป

ยึดทรัพย์สิน แผ่นดินชาติ ผูกขาดมั่น
เป็นแผ่นดิน ถิ่นของฉัน ไม่หวั่นไหว
จากป่าสูง เป็นป่าต่ำ ย่ำยีไป
ที่เกิดใหม่ สนามกอล์ป ชอบกันจัง

ส่วนแหล่งน้ำ ก็กระหน่ำ เป็นแหล่งเน่า
แย่งยึดเอา เฝ้าถือครอง ต้องสมหวัง
สร้างอาคาร ขวางทางน้ำ ห้ามไม่ฟัง
ถือว่าดัง ถ้าทำได้ ใครใหญ่เกิน

ความวิบัติ เกิดคราใด ได้แต่เศร้า
ล้วนต่างเฝ้า โทษฟ้าดิน สิ้นขวยเขิน
ไม่โทษคน ที่ก่อให้ ได้เผชิญ
กลับร่วมเดิน เชิญเหยียบย่ำ...ทำตามกัน.

"บ้านริมโขง"

([url]http://www.ohzeed.com/bar_030.gif[/url])


ด้วยป่าไม้ ถูกโค่นสิ้น ถิ่นไพรพฤกษ์
ต่างก็นึก เป็นห่วงอยู่ รู้กันหนา
เจ้าพนักงาน โกงกินนั้น โทษทันตา
โดนย้ายมา หาที่ไกล เพียงไม่นาน

อยู่ที่เก่า ป่าหมดไป ไม่ชักช้า
พิจารณา หาที่ใหม่ ป่าไพศาล
ย้ายกันนี่ มีเหมาะแต่ ข้าราชการ
เขาหัวล้าน มีกี่ลูก ปลูกใหม่กัน

นำต้นกล้า ลงฝังกลบ กันลมโบก
พัดกระโชก รุนแรงไป ล้มได้นั่น
ตัดต้นไม้ อยู่ใกล้เคียง เรียงค้ำยัน
ตายไปนั้น สามสี่ต้น สับสนนา

ตายสามสี่ แต่มีหมาย ได้หนึ่งต้น
เขาคิดค้น กันเหมาะดี ที่เสาะหา
หวังถ่ายภาพ ได้ลงสื่อ ถือโชว์มา
รัฐบาลข้า เฝ้าปลูกป่า น่าเศร้าจัง.

ด.ช. นพ


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: masapaer ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:17:PM

(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)

ขออภัยไม่ถนัดจัดกลอนเก้า
เพราะว่ายาวราวยืดเยื้อเกินเอื้อไหว
ชอบแปดคำความกระชับย่อมจับใจ
จังหวะชัดจัดมาไวใจเคยชิน

กลอนทุกเรื่องเฟื่องทุกบทและสดสวย
ล้วนงามด้วยรวยเชิงศาสตร์วาดแววศิลป์
ทั้งสื่อล้ำสัมผัสใจได้ประทิน
ระรวยรินกลิ่นประพันธ์อันภิรมย์

ไม่ถนัดจัดกลอนยากกระดากนัก
เพียงหวังพักทักไมตรีมิตรศรีสม
จึงได้เรียงเพียงแค่นี้ที่พอชม
พี่อย่าตรมขมชิ้นงานเมื่ออ่านเจอ

นะคะ.. emo_12

ปล.อ่านให้เป็นเก้านะคะ.. emo_85
(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)
(http://www.ohzeed.com/bar_189.gif) (http://www.ohzeed.com)
...ส่องกระจ่าง...พร่างประพจน์...เป็นบทร้อย
แม้ไม่ค่อย...เชี่ยวชาญชัด...จัดเสนอ
ยังทำใคร...คนนี้ซึ้ง...อึ้งละเมอ
สมชื่อเธอ...ดาวดารา...แห่งฟ้าเรือง

...เพียงเธอทาบ...อาบรอยแสง...แฝงคำสอน
ทุกบทกลอน...งามละไม...วิไลเฟื่อง
แต่ละวรรค...สลักถ้วน...ล้วนประเทือง
มิเปล่าเปลือง...เวลาอ่าน...เมื่อผ่านมา...
 emo_100
...............ดาวแท้มิแพ้ทางจริงๆ...//ดรีม

แค่แม่งูดูเหมือนไหลไปเสียทั่ว
แค่มามั่วกลั้วลมลิ้นศิลป์ภาษา
มานิยมชมชื่นกันฉันเขินนา
ธรรมดามาเล่นฝันอันพอมี

เล่นห้องนี้พี่เกรงจังฟังมาว่า
กลอนเก้าหาท่ามิไหวไม่คงที่
มิถนัดคัดเท่าไรเอาไงดี
เชิญน้องพี่ปรี่เช็คเอ๊าท์เราขอจร

ไปเช็คอินห้องเด็กเด็กเล็กกันเถิด
ขอไปเปิดห้องร้อยกรองให้น้องอ้อน
เกรงขบวนรวนพลาดไปได้ม้วยมรณ์
เจ้าของกลอนก้องเสียงมาท่าดุจัง..อิอิ emo_26

 emo_115 ช้างน้อยเท่านี้แหล่ะจ้ะ

ล้อเล่นนะค๊า..พี่ชายมายาวิน.. emo_85




หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:34:PM
(http://www.ohzeed.com/bar_029.gif) (http://www.ohzeed.com)

                                                                         ประเดิมความ   ตามคิดครวญ   ไม่ด่วนเร่ง
                                                                                  ร่วมเชลง        ให้ครบเก้า      เถิดเจ้าหนา
                                                                                  เสริมคารม         ประสมคำ       จึงนำมา
                                                                                  พร้อมบรรดา     สมาคม         นิยมกลอน

                                                                                  อันเราหรือ        มิลือเลื่อง      เลิศเปรื่องปราด
                                                                                  กานท์กวี          คงเคลื่อนคลาด  คำอักษร
                                                                                  กำหนดเก้า        ให้เลอล้ำ       ยอดคำกลอน
                                                                                  โปรดอาทร        ความรักใคร่    ในวจี






(http://www.ohzeed.com/bar_029.gif) (http://www.ohzeed.com)

 emo_54 emo_26




หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:35:PM


(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)

ขออภัยไม่ถนัดจัดกลอนเก้า
เพราะว่ายาวราวยืดเยื้อเกินเอื้อไหว
ชอบแปดคำความกระชับย่อมจับใจ
จังหวะชัดจัดมาไวใจเคยชิน

กลอนทุกเรื่องเฟื่องทุกบทและสดสวย
ล้วนงามด้วยรวยเชิงศาสตร์วาดแววศิลป์
ทั้งสื่อล้ำสัมผัสใจได้ประทิน
ระรวยรินกลิ่นประพันธ์อันภิรมย์

ไม่ถนัดจัดกลอนยากกระดากนัก
เพียงหวังพักทักไมตรีมิตรศรีสม
จึงได้เรียงเพียงแค่นี้ที่พอชม
พี่อย่าตรมขมชิ้นงานเมื่ออ่านเจอ

นะคะ.. emo_12

ปล.อ่านให้เป็นเก้านะคะ.. emo_85
(http://www.ohzeed.com/bar_030.gif) (http://www.ohzeed.com)
(http://www.ohzeed.com/bar_189.gif) (http://www.ohzeed.com)
...ส่องกระจ่าง...พร่างประพจน์...เป็นบทร้อย
แม้ไม่ค่อย...เชี่ยวชาญชัด...จัดเสนอ
ยังทำใคร...คนนี้ซึ้ง...อึ้งละเมอ
สมชื่อเธอ...ดาวดารา...แห่งฟ้าเรือง

...เพียงเธอทาบ...อาบรอยแสง...แฝงคำสอน
ทุกบทกลอน...งามละไม...วิไลเฟื่อง
แต่ละวรรค...สลักถ้วน...ล้วนประเทือง
มิเปล่าเปลือง...เวลาอ่าน...เมื่อผ่านมา...
 emo_100
...............ดาวแท้มิแพ้ทางจริงๆ...//ดรีม

แค่แม่งูดูเหมือนไหลไปเสียทั่ว
แค่มามั่วกลั้วลมลิ้นศิลป์ภาษา
มานิยมชมชื่นกันฉันเขินนา
ธรรมดามาเล่นฝันอันพอมี

เล่นห้องนี้พี่เกรงจังฟังมาว่า
กลอนเก้าหาท่ามิไหวไม่คงที่
มิถนัดคัดเท่าไรเอาไงดี
เชิญน้องพี่ปรี่เช็คเอ๊าท์เราขอจร

ไปเช็คอินห้องเด็กเด็กเล็กกันเถิด
ขอไปเปิดห้องร้อยกรองให้น้องอ้อน
เกรงขบวนรวนพลาดไปได้ม้วยมรณ์
เจ้าของกลอนก้องเสียงมาท่าดุจัง..อิอิ emo_26

 emo_115 ช้างน้อยเท่านี้แหล่ะจ้ะ

ล้อเล่นนะค๊า..พี่ชายมายาวิน.. emo_85



...ช่างเย้ายวน...ชวนพะวง...จึงหลงใหล
กลอนของใคร...ยามยินยล...เปี่ยมมนต์ขลัง
ละเมียดคำ...ละมุนมอบ...ชอบใจจัง
เสียงระฆัง...เคาะยกแรก...กระแทกนวม...
...........................//ทอฝัน


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:38:PM

([url]http://i882.photobucket.com/albums/ac25/Kan_ry/26_201008161039592.jpg[/url])


อยากจะขอ ความเห็นใจ สักนิดหนึ่ง
บอกคิดถึง ก็ขอบคุณ ค่ะคุณขา
รบกวนฝาก ข้อความไว้ ยามได้มา
การโทรหา ขอจำเป็น จะเห็นควร

ไม่ได้โกรธ โปรดเข้าใจ ว่าไม่ว่าง
ล้วนงานกาง ต้องคร่ำเคร่ง ความเร่งด่วน
โทรศัพท์ เวลางาน การรบกวน
เสียกระบวน เป็นตัวอย่าง ที่ไม่ดี

เป็นหัวหน้า ทำเหลวไหล ใครจะเชื่อ
จะยังเหลือ ความนับถือ อีกหรือนี่
เป็นหัวหน้า จะถือสิทธิ์ ผิดไม่มี
คงเป็นที่ ครหา ช่างน่าอาย

อยากจะขอ ความเห็นใจ สักนิดหนึ่ง
รอให้ถึง เวลาพัก คงไม่สาย
อยากจะโทร เชิญโทรหนา ตามสบาย
ไม่เสียดาย ค่าโทรก็ เชิญโทรเลย.

emo_95
  "กานต์ฑิตา"
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

([url]http://www.ohzeed.com/bar_151.gif[/url])



ก็โอเคนะครับ  โดยรวมถือว่าดีครับ  แต่จะดีกว่านี้  ถ้าตรงคำว่า  อยากจะโทร  เชิญโทรหนา  ตามสบาย  เปลี่ยนจาก หนา  เป็น  หา  +1 ครับ   emo_20


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:47:PM
ที่โทรไป หมายเวลา ว่าพักเที่ยง
ก่อนเข็มเบี่ยง สิบสามน. ขอเฉลย
สิบห้านาที ที่เฝ้าดู รู้ก่อนเลย
หากเฉยเมย เวลาถึง ซึ่งทำงาน

แค่ห่วงใย เกินไปนิด คิดสับสน
จึงดั้นด้น โทรเข้าได้ หมายประสาน
ไม่รับตอบ ไม่รู้ถึง สถานการณ์
จนเสียงาน ครหา พาอับอาย

ขออภัย ในความผิด จิตหดหู่
เพราะไม่รู้ เกิดเหตุใหญ่ ให้เสียหาย
ขอรับผิด คิดไม่ถึง จึงวุ่นวาย
ลูกผู้ชาย ให้สัญญา ว่าหลาบจำ.

ด.ช. นพ


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ฉันเอง ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:49:PM
http://www.youtube.com/watch?v=lUeHVOEZuJI
ในเก้าล้านหยดน้ำตาพารินหลั่ง
เหมือนกลบฝังถมวิญญาณผลาญมอดไหม้
ไม่มีเหลือเผื่อแผ่รักจักให้ใคร
เธอทำได้อย่างใจเย็นเห็นฉันครวญ

ในน้ำตามันมากค่าคำว่ารัก
ไหลรินหนักเธอจากไกลร่ำไห้หวล
แสนคิดถึงคนึงหาพารัญจวน
เธอทำป่วนชวนรักเก่าเฝ้าคืนดี
(http://www.ohzeed.com/bar_003.gif) (http://www.ohzeed.com)

ฉันเอง..


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ กานต์ฑิตา ♥ ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 07:53:PM
ที่โทรไป หมายเวลา ว่าพักเที่ยง
เข็มเบี่ยงก่อน สิบสามน. ขอเฉลย
สิบห้านาที ที่เฝ้าดู รู้ก่อนเลย
หากเฉยเมย เวลาถึง ซึ่งทำงาน

แค่ห่วงใย เกินไปนิด คิดสับสน
จึงดั้นด้น โทรเข้าได้ หมายประสาน
ไม่รับตอบ ไม่รู้ถึง สถานการณ์
จนเสียงาน ครหา พาอับอาย

ขออภัย ในความผิด จิตหดหู่
เพราะไม่รู้ เกิดเหตุใหญ่ ให้เสียหาย
ขอรับผิด คิดไม่ถึง จึงวุ่นวาย
ลูกผู้ชาย ให้สัญญา ว่าหลาบจำ.

ด.ช. นพ

emo_62
กลอนที่ลง เป็นกลอนเก่า หยิบเล่าใหม่
มิจงใจ เจตนา อย่าถลำ
ด.ช.นพ ครูเข้าใจ  ในน้ำคำ
ขอบอกย้ำ อีกทีหนึ่ง ใช่ขึ้งเคือง.
     



emo_60


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: บอม ซอง ดุ๊ก ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:00:PM

(http://www.ohzeed.com/bar_069.gif) (http://www.ohzeed.com)

~เพราะล้นเอ่อ..จึงเผลอเก้า~


เพราะบอกว่า ฉันคิดถึง จึงเผลอเก้า
เพราะบอกเจ้า ฉันห่วงใย เลยไส่เพิ่ม
เพราะบอกไป ใจอย่าท้อ จึงต่อเติม
แต่เหมือนเดิม ซึ่งความสุข ทุกร่ายเรียง

เพราะบอกว่า ลาก่อนเธอ  จึงเผลอเก้า
เพราะบอกเจ้า เสียใจมาก เลยลากเสียง
เพราะบอกช้ำ ย้ำให้โดน จึงโอนเอียง
แต่พอเพียง เยี่ยงบทเศร้า เราจบกัน

เพราะบอกว่า ฉันแอบซึ้ง เลยถึงเก้า
เพราะบอกเจ้า ฉันแอบรัก จึงหลักผัน
เพราะบอกชอบ มาเนิ่นนาน เลยด้านดัน
แต่กระนั้น  มันไม่มาก หากเทียบใจ

เพราะบอกว่า เมตตาเถิด เตลิดเก้า
เพราะบอกเจ้า กายมิยืน เลยลื่นไหล
เพราะบอกกัน นั่นเพียงเล่ห์ จึงเขวไป
แต่ยังไง ไม่แตกต่าง ทางแห่งธรรม

เพราะบอกว่า อย่ามาง้อ เลยต่อเก้า
เพราะบอกเจ้า เราเฉยเฉย เลยถลำ
เพราะบอกไป ไม่มีทาง เลยสร้างคำ
แต่ยังย้ำ ได้ดีพอ ทุกข้อความ

เพราะบอกว่า บอมซองดุ๊ก จึงรุกเก้า
เพราะบอกเรา หล่อเหลือเกิน เลยเพลินสาม
เพราะบอกตน เท่ไปหน่อย จึงผล็อยตาม
แม้นตรงข้าม แต่ก็ดี ที่คำพอ

O

 emo_111


~หล่อไม่เสร็จ แบบบักบอม ซอง ดุ๊ก~
 

(http://www.ohzeed.com/bar_069.gif) (http://www.ohzeed.com)


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:20:PM


เขียนกลอนเก้า  ให้่เข้าท่า   ภาษาชัด
ต้องรวบรัด  ใจความแน่น  มีแก่นสาร
สื่อความหมาย  ได้ทำนอง  คล้องจองกานท์
อีกฉะฉาน   ในถ้อยคำ  ย้ำชัดชัด

แต่ละบท   รสกวี  ลีลาเด็ด
กลเม็ด   ควรน้อมนำ  แต่คำสัตย์
ให้จบลง  ตรงท้ายบท  มิจดยัด
ทุกบทคัด  แต่เน้นเน้น  จะเป็นดี

เพื่อนมาโพสต์  ตอบโจทย์กลอน  เมื่อตอนค่ำ
เราหน้าดำ  เอาอีกแล้ว  เหมือนแจวหนี
จะไม่แต่ง  ตอบเขาไป  ทำไงดี
เจ้าของกลอนบทนี้  เลยต้องมา

ยังแต่งกลอน  ให้ถูกใจ  มิได้ครับ
ต้องยอมรับ ว่าอ่อนหัด สัมผัสหา
ทั้งคำศัพท์  ที่จะแจง  แสดงมา
อันตัวข้า  มิได้เลิศ  ประเสริฐใด

ต้องยอมรับเหมือนกันนะครับว่าไม่ได้เก่งกาจอะไร  เดี๋ยวจะหาว่าตำหนิเอาแต่ผู้อื่น  อันที่จริงตัวเองก็ยังด้อยและยอมรับความจริงทุกประการ
ถ้าเกิดคำวิจารณ์ต่างๆจะล่วงเกินผู้หนึ่งผู้ใดข้าขออโหสิเด้อ ที่จริงไม่ได้ เก่งกาจกว่าท่าน  แต่ที่วิจารณ์ ทำในฐานะคนอ่านเท่านั้นครับ   emo_20


          Mayawin


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:29:PM


([url]http://www.ohzeed.com/bar_030.gif[/url]) ([url]http://www.ohzeed.com[/url])

ขออภัยไม่ถนัดจัดกลอนเก้า
เพราะว่ายาวราวยืดเยื้อเกินเอื้อไหว
ชอบแปดคำความกระชับย่อมจับใจ
จังหวะชัดจัดมาไวใจเคยชิน

กลอนทุกเรื่องเฟื่องทุกบทและสดสวย
ล้วนงามด้วยรวยเชิงศาสตร์วาดแววศิลป์
ทั้งสื่อล้ำสัมผัสใจได้ประทิน
ระรวยรินกลิ่นประพันธ์อันภิรมย์

ไม่ถนัดจัดกลอนยากกระดากนัก
เพียงหวังพักทักไมตรีมิตรศรีสม
จึงได้เรียงเพียงแค่นี้ที่พอชม
พี่อย่าตรมขมชิ้นงานเมื่ออ่านเจอ

นะคะ.. emo_12

ปล.อ่านให้เป็นเก้านะคะ.. emo_85
([url]http://www.ohzeed.com/bar_030.gif[/url]) ([url]http://www.ohzeed.com[/url])
([url]http://www.ohzeed.com/bar_189.gif[/url]) ([url]http://www.ohzeed.com[/url])
...ส่องกระจ่าง...พร่างประพจน์...เป็นบทร้อย
แม้ไม่ค่อย...เชี่ยวชาญชัด...จัดเสนอ
ยังทำใคร...คนนี้ซึ้ง...อึ้งละเมอ
สมชื่อเธอ...ดาวดารา...แห่งฟ้าเรือง

...เพียงเธอทาบ...อาบรอยแสง...แฝงคำสอน
ทุกบทกลอน...งามละไม...วิไลเฟื่อง
แต่ละวรรค...สลักถ้วน...ล้วนประเทือง
มิเปล่าเปลือง...เวลาอ่าน...เมื่อผ่านมา...
 emo_100
...............ดาวแท้มิแพ้ทางจริงๆ...//ดรีม

แค่แม่งูดูเหมือนไหลไปเสียทั่ว
แค่มามั่วกลั้วลมลิ้นศิลป์ภาษา
มานิยมชมชื่นกันฉันเขินนา
ธรรมดามาเล่นฝันอันพอมี

เล่นห้องนี้พี่เกรงจังฟังมาว่า
กลอนเก้าหาท่ามิไหวไม่คงที่
มิถนัดคัดเท่าไรเอาไงดี
เชิญน้องพี่ปรี่เช็คเอ๊าท์เราขอจร

ไปเช็คอินห้องเด็กเด็กเล็กกันเถิด
ขอไปเปิดห้องร้อยกรองให้น้องอ้อน
เกรงขบวนรวนพลาดไปได้ม้วยมรณ์
เจ้าของกลอนก้องเสียงมาท่าดุจัง..อิอิ emo_26

 emo_115 ช้างน้อยเท่านี้แหล่ะจ้ะ

ล้อเล่นนะค๊า..พี่ชายมายาวิน.. emo_85



...ช่างเย้ายวน...ชวนพะวง...จึงหลงใหล
กลอนของใคร...ยามยินยล...เปี่ยมมนต์ขลัง
ละเมียดคำ...ละมุนมอบ...ชอบใจจัง
เสียงระฆัง...เคาะยกแรก...กระแทกนวม...
...........................//ทอฝัน



แล้วฟู้ดเวิร์ค  ระมัดการ์ด  สายตามั่น
กระพริบพลัน  คงเสียท่า  แล้วพาอ่วม
กระแทกแย๊บ  เข้าทักทาย  หมายตาบวม
ก่อนขวาร่วม   กระแทกตาม  เป็นความชิน

สเต็ปเท้า     ยอดลีลา      ทั้งหน้าหลัง
สานจังหวะ   หมัดระวัง      แกร่งดังหิน
เอ้าประคัด   ฮุกและตรง      สวิงวิน
นั้นพร้อมสิ้น   จะปลดปล่อย   ไม่สอยลม



แบบว่าซ้อมประจำ
emo_107 emo_26



หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 10:14:PM

บทกวีสุดท้าย

ราตรีโถมโทมนัสรหัสโทษ
กาลถวิลทมิฬโกรธโจทย์ประหาร
เอื้อมประหัตกระหวัดหวืออุ้งมือมาร
กางกรีดผ่านทวารวัตรแห่งอัตตา

ผู้เจนจบครบศิริอภิเวทย์
แห่งขอบเขตเทวศขันธ์อนาถา
แม้ลึกล้ำพร่ำประทิ่นอภิญญา
ยังประหวั่นพรั่นประหม่าผู้มาเยือน

ฤาภาพนี้ฤดีสร้างแต่ปางบรรพ
คอยทิ่มกลับจับมานะตะบะเฉือน
เป็นภาพจ้าท้ากระจ่างบนลางเลือน
เหมือนจะเตือนเพื่อนผู้กล้าว่าปราชัย

หัตกรรมล้ำครรลองของมตะ
หลอกล่อโคอันโมหะ อนิสัย
ชนะปราชญ์อาจวิชชาให้ปราชัย
นิวรณ์หวังประดังไว้ ณ.วายวาง

พรายม่าน
สันทราย
๐๕.๐๒.๕๔

ป.ล. เป็นกลอนเก้าชิ้นแรกในชีวิต เผอิญอ่านกวีของท่าน รพินรนาท ฐากุร มาถึง “The Last Poem” ที่ท่านรจนาไว้ 10 วัน ก่อนถึงแก่กรรมพอดี


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 11:48:PM

เด็กดอย

เขียนกลอนเก้าเกลามาฝากจากดอยสูง
หลังจากจูงฝูงทะโมนไปโจนผา
ทั้งเจ้าเปียเลียไอติมหนูพิมพา
เจ้าคำผาหน้าเศร้าเศร้าเพราะเมารถ

เจ้ามะขิ่นถิ่นผักดองแถวหนองครก
ผักกาดจอห่อแอ๊บหมกก็จกหมด
น้ำพริกอ่องของเจ้าไผ่ยำไข่มด
ถึงป่ารวกพวกแอบซดหมดพอดี

กว่าจะต้อนตะลอนหาจนป่าแตก
เหมือนต้อนลิงวิ่งตาแหกเพราะแปลกที่
กระโดดนั่นกระเด้งโน่นคนละที
สาบานได้ให้อย่างนี้แค่ปีเดียว

แต่เด็กป่าศึกษาน้อยผู้ด้อยค่า
ต่ำติดดินกินกับป่าใครมาเหลียว
จะร้องแรกแหวกกระไรเท่าใดเชียว
แค่ได้เทื่ยวเปลี่ยวเตลิดก็เลิศแล้ว

พรายม่าน
สันทราย
๐๕.๐๒.๕๔


หัวข้อ: Re:[อยากแต่งกลอน ๙]กลอนบทนี้ขอให้ชื่อว่า "ยูเรก้า"
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2011, 12:03:AM

จะก้าวเดิน  เผชิญโลก  แม้โศกเศร้า
จะก้าวเข้า  สู่ภยัน   ด้วยหรรษา
จะก้าวข้าม  ห้วงมหิทธิ์  ด้วยฤทธา
จะก้าวฝ่า  อุปสรรค   ที่ดักทาง


จะร้อยรส  พจนา  เพื่อหาหลัก
จะทอถัก  ถ้อยกวี  ไม่หนีห่าง
จะคอยย้ำ  น้ำคำไว้  ไม่เจือจาง
จะสะสาง ความเข้าใจ  ในกวี

จะคอยชัก  อักขระ  สารพัด
จะคอยจัด  ทุกอักษร  เป็นกลอนศรี
จะคอยช่วย  อำนวยเชิด ให้เกิดมี
จะคอยวัน  ทีฉันนี้  ตีแตกกลอน

ทุกวันนี้  ศึกอะไร  ยังไม่ห่วง
ทุกวันนี้  ศึกที่ลวง  คือทรวงหลอน
ทุกวันนี้  ศึกที่ล้า  คืออาวรณ์
ทุกวันนี้  ศึกที่อ่อน  คือชั้นเชิง


.....ขอแต่งแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน.... emo_85

หมายเหตุ   ในที่สุดก็พบเสียทีกับสิ่งที่รู้สึกว่าขาดหายไป เดี๋ยววันหลังมีเวลาแล้วจะมาถ่ายทอดให้ฟังครับ








หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙"แก้ปมปริศนาที่คาใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2011, 04:37:PM
  

            หลังจากที่เก็บความสงสัยไว้มานานว่าทำไมการแต่งกลอนเก้านั้นบางบางกลอนก็ดูดี บางครั้งกลอนที่แต่งออกมาเมื่ออ่านแล้วกลอนก็ดู
อืดอาดจขาดความไพเราะ ตามที่ผมได้เขียนไว้เมื่อวานว่า มันเขียนขาดอะไรไปบางอย่างเพียงแต่นึกไม่ออก(เพราะไม่ทราบ)แต่ในที่สุดก็คลี่คลาย
ปริศนาที่คลายคาใจออกมาจนได้
            ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมสนุกและช่วยผมคลี่คลายปัญหาคาใจเกี่ยวกับกลอนเก้านตั้งแต่ต้นะครับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คุณพรายม่าน  ที่อุตส่าห์แต่งมาให้ดูทั้งสองแบบ  จนทำให้ผมได้พบกับคำตอบ  ที่ดูเหมือนว่าจะทราบดีอยู่แล้วแต่ไม่บอกไม่สอนตรงๆ คงทำมาเป็น
ตัวอย่างให้ดูแล้วให้คิดเอาเอง  ก็นับว่าเป็นอุบายวิธีการสอนที่ล้ำลึก  ข้าน้อยขอคารวะ   emo_54
             อีกเรื่องหนึ่งที่จะแจ้งให้ทราบก็คือ  ถึงแม้ว่าในเบื้องต้นผมจะได้กล่าวไว้ว่า  ถ้าใครแต่งกลอนได้ถูกใจก็จะโหวตให้ ซึ่งตอนแรกก็ตั้งใจไว้
เช่นนั้นจริงๆ  คือจะโหวตให้เฉพาะกลอนที่ถูกใจเท่านั้น  แต่เนื่องจากตอนนี้ผมได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว  ฉะนั้นจึงถือได้ว่าทุกท่านยอมสละเวลา
สละแรงในการแต่งกลอนเก้านั้น ได้มีส่วนในการที่ทำให้ผมรับคำตอบไปด้วย  อันเป็นการได้รับความรู้ใหม่ที่ยังไม่เคยรู้(แล้วเดี๋ยวจะได้นำมาบอกเล่ากันต่อไป) ผมจึงตัดสินใจจะใช้สิทธิ์ ในการบวกคะแนนให้กับทุกท่าน  คนละ 1 คะแนนครับ จะมากน้อยจะน้อยก็คนละ 1 เท่ากัน
ส่วนคนที่ผมบวกไปแล้วเมื่อวานก็ถือว่าเจ๊ากันไปนะครับ ไม่มีการบวกเพิ่มถือว่าให้แล้วก็แล้วกันไป  ยกเว้นคุณพรายม่านที่ผมจะบวกเพิ่มให้อีก 4
รวมเมื่อวานด้วย เป็น 5  ในฐานะที่ท่านมีส่วนสำคัญในการที่ผมได้คำตอบ  ถือเป็นค่าครูหรือค่าวิชาครับ  แม้จะไม่ได้บอกกันตรงๆก็ตาม  emo_54
ก็หวังว่าทุกท่านคงโอเคนะครับ  คุณเว็บมาสเตอร์ และ  ผู้ดูแลบอร์ด  ถ้าผิดพลาดประการใดช่วยกรุณาเตือนกันด้วยนะครับ emo_54 อย่าให้คะแนนลดลงฮวบๆเดี๋ยวอายเขา
             ครับ  นั่นคือเรื่องที่แจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ และต่อไปนี้ คือสิ่งที่ผมได้รับรู้ ซึ่งน่าจะถือได้ว่าเป็นเคล็ดลับที่สำคัญในการแต่งกลอนเก้าที่มักจะถูกมองข้ามไป อันเป็นเหตุให้กลอนที่แต่งออกมามีความอืดอาดยิดยาดจนขาดความไพเราะได้


                           เคล็ดลับสำคัญของการแต่งกลอนเก้า

             ดังที่ทราบกันอยู่แล้วนะครับว่า หลักการแต่งกลอนเก้าก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกับกลอนแปดมากมายนัก  เป็นแต่เพิ่มคำเข้าไปจากแปด
เป็นเก้า  โดยที่กลอนเก้าแต่ละวรรคนั้น จะมีวรรคละเก้าคำ  แบ่งเป็นสามตอน ตอนละสามคำ  รวมสามตอน๙คำ จึงเป็น ๑วรรค  คิดว่าหลายคน
คงทราบกันดีอยู่แล้ว ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรอีก  ดันี้
                              
                          000   000     000
                          000   000    000
                          000   000    000
                          000   000    000

ในหนึ่งวรรคนั้นมีสามตอน  ตอนละสามคำ  ซึ่งการแต่งก็ไม่ต่างอะไรกับกลอนแปด  ใครที่แต่งกลอนแปดได้  ย่อมแต่งกลอนเก้าได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่สิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้ก็คือเคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้กลอนเก้าที่แต่งออกมานั้นดูเป็นธรรมชาติ ไม่อืดยืดจนเกินไป  ข้อนี้คิดว่าคงมีหลายท่านที่ทราบแล้ว แต่ก็คงมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบ ซึ่งผมกำลังจะบอกเล่าให้ทราบ
             เคล็ดลับสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ  กลอนเก้าแต่ละวรรค ที่แบ่งเป็นวรรคละสามช่วงสามตอนนั้น  ในตอนที่สองของวรรค
คือช่วงกลางวรรคระหว่างคำที่ ๔  ถึง ๗  ดังนี้(สีแดง)
                                       000   000    000

ตรงช่วงกลางของวรรคที่มีอยู่สามคำนั้นถ้าจะแต่งกลอนเก้าไพเราะ มีความกระจับ ไม่ดูอืดและยืด  เราจะต้องเลือกใช้คำเพียงสองคำ โดยให้คำหนึ่ง
มีเพียงพยางค์เดียว  ส่วนอีกคำหนึ่งเป็นคำๆที่มีสองพยางค์  จะสลับกันไว้หน้าไว้หลังก็ได้  ดังตัวอย่าง

                         ด้วยวิสัย    ในประเทศ    ทุกเขตแคว้น   (สุนทรภู่-พระอภัยมณี)

ถึงแม้กลอนในพระอภัยมณีส่วนใหญ่จะเป็นกลอนแปด แต่ก็จะมีบางวรรคที่นานๆจะมีกลอนเก้าปนเข้ามา(ความจริงคือกลอนแปดกับกลอนเก้านั้น
ก็เหมือนกับพี่น้องฝาแฝดที่ตัดกันยังไงก็ไม่ขาด  คิดว่าคนที่แต่งกลอนทุกท่านคงทราบเรื่องนี้ดี  ที่บางครั้งแม้แต่งกลอนแปดแต่ก็มีบางวรรคที่จำต้องแต่งเป็นกลอนเก้า ซึ่งแม้แต่บรมครูกลอนสุนทรภู่เองก็หนีเรื่องนี้ไปไม่พ้น)
                     ที่นี้อยากให้พิจารณาดูตรงกลางวรรค ตรงคำว่า  ในประเทศ  ที่ดูเพียงผิวเผินก็ดูเหมือนจะเป็นสามคำ
สามพยางค์  แต่แท้จริงแล้ว  คำนี้ มีแค่สองคำเท่นั้น  คือคำว่า"ใน" กับคำว่า"ประเทศ"  เท่านั้นครับ  รวมเป็นสองคำ สามพยางค์

แม้ในบทกลอนอื่นๆดังจะยกตัวอย่างให้ดูเช่น

        
คนจะงาม  งามน้ำใจ   ใช่ใบหน้า

คนจะสวย  สวยจรรยา  ใช่ตาหวาน

คนจะแก่  แก่ความรู้  ใช่อยู่นาน

คนจะรวย  รวยศีลทาน  ใช่บ้านโต


ความไพเราะของกลอนนี้ไม่ใช่จะอยู่ที่แต่งแบบเป็นกลบทอย่างเดียว  แต่อยู่ที่การู้เคล็ดของการแต่งกลอนเก้าจึงทำให้กลอนออกมาดีฟังแล้วไพเราะ
ไม่ยืดไม่อืด   ตรงบริเวณกลางวรรคที่ผมได้ใส่สีไว้  คือ  สีน้ำเงินนับเป็นคำหนึ่ง  สีแดงนับเป็นอีกหนึ่งคำ  รวมเป็นสองคำสามพยางค์
ถึงแม้ว่าคำว่า น้ำใจ  จะเป็นคำสองคำ คือ น้ำ  กับใจ  ก็ตาม  แต่เมื่อนำมารวมกันแล้วได้ความหมายใหม่ขึ้นมาซึ่งแสดงถึงสิ่งๆเดียวก็ต้องนับเป็นคำๆเดียว  แม้ในคำอื่นๆที่มีลักษณะเช่นนี้ก็ดุจเดียวกัน  ตัวอย่างเช่น



จะก้าวเดิน  เผชิญโลก  แม้โศกเศร้า
จะก้าวเข้า  สู่ภยัน   ด้วยหรรษา
จะก้าวข้าม  ห้วงมหิทธิ์  ด้วยฤทธา
จะก้าวฝ่า  อุปสรรค    ที่ดักทาง


จะร้อยรส  พจนา   เพื่อหาหลัก
จะทอถัก  ถ้อยกวี  ไม่หนีห่าง
จะคอยย้ำ  น้ำคำไว้   ไม่เจือจาง
จะสะสาง ความเข้าใจ  ในกวี

จะคอยชัก  อักขระ  สารพัด
จะคอยจัด  ทุกอักษร  เป็นกลอนศรี
จะคอยช่วย  อำนวยเชิด ให้เกิดมี
จะคอยวัน  ทีฉันนี้  ตีแตกกลอน

ทุกวันนี้  ศึกอะไร  ยังไม่ห่วง
ทุกวันนี้  ศึกที่ลวง  คือทรวงหลอน
ทุกวันนี้  ศึกที่ล้า  คืออาวรณ์
ทุกวันนี้  ศึกที่อ่อน  คือชั้นเชิง


ดังนี้  จะเห็นได้ว่าตรงบริเวณที่ผมใส่สีฟ้า  กับแดงไว้นั้น  ตรงสีฟ้าก็นับเป็นหนึ่ง  ตรงสีแดงก็เป็นคำหนึ่ง  รวมแล้วเป็นสองคำสามพยางค์
บางคำนั้นเป็นคำๆเดียวที่มีสามพยางค์เลยก็มี(ตรงที่ใส่แดงสีเดียว)  ถึงแม้ในช่วงหลังๆจะดูด้อยลงโดยพิจารณาผิวเผินแล้วดูเหมือนเป็นสามคำ
แต่เมื่อพิจารณาจากความหมายแล้วก้คงได้แค่สองคำ  จึงต้องนับเป็นสองคำสามพยางค์ไปด้วย
          ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นเคล็ดลับที่สำคัญในการแต่งกลอนเก้าให้ดูกระชับ  มีความไพเราะ ฟังดูเป็นธรรมชาติ  ไม่ยืดและไม่อืดจนขาดความไพเราะไป

          ความจริงผมอยากจะเขียนและอธิบายให้มากกว่านี้แต่่เนื่องจากข้อจำกัดบางประการจึงอยากฝากให้ท่านที่สนใจในบทกวีและยังไม่ทราบ
ถึงเคล็ดลับสำคัญอันนี้ได้ลองไปพิจารณาและทดสอบดูด้วยตนเอง  ผมคิดว่าจะต้องเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลในการแต่งกลอนเก้าคราวต่อไป
ส่วนท่านที่ทราบดีอยู่ผมต้องขออภัยถ้าอาจจะเอามะพร้าวมาขายสวน
         สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนช่วยให้ผมได้ทราบเคล็ดลับและคำตอบอันนี้  ผมก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนท่านได้นอกจากนำเอา
ความรู้ที่ได้นี้มาถ่ายทอดให้กับผุ้ที่ยังไม่ทราบได้  และจะได้บวกคะแนนให้กับทุกท่านที่มีส่วนช่วยท่านละ 1  ตามที่ได้บอกไว้ตั้งแต่ต้น
        ผมหวังว่าสิ่งที่ผมได้เล่าถ่ายทอดมานี้คงมีประโยชน์กับทุกๆท่านที่ได้อ่านจนจบ  สิ่งใดที่ผิดพลาดและขาดตกบกพร่องไปผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูง

                               Mayawin


                          ๖   กุมภาพันธ์   ๒๕๕๔



            


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙"แก้ปมปริศนาที่คาใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2011, 05:57:PM

จากการที่ผมอ่านศึกษาและวิเคราะห์มา

กลอนเจ็ดก็คือกลอนเจ็ด
กลอนแปดก็คือกลอนแปด
กลอนเก้าก็คือกลอนเก้า

ส่วนมากนิยมแต่งกลอนแปด

เสียงมีความสั้นและยาว  แล้วแต่ถ้อยคำที่เราเลือกใช้ การอ่านกลอนนั้นสมัยก่อนอ่านเป็นทำนองเสนาะ
การกำหนดจำนวนคำที่ใช้ จึงหมายถึงการกำหนดความพอดีของเสียง สำหรับกลอนนั้นๆ

ยกตัวอย่างกลอนแปด เพราะกลอนแปดชอบมีปัญหา กับเจ็ด,เก้าอยู่เสมอๆ  ถ้าใช้คำที่มีเสียงยาวเยอะ ก็ใช้เจ็ดคำ
ถ้าใช้เสียงสั้นเยอะก็เก้าคำ ทั้งนี้เป็นการลดและเพิ่ม เพื่อคงไว้ซึ่งความสม่ำเสมอของเสียงการขับร้อง

เปรียบเทียบกับเพลง จะเห็นว่าบางท่อน คำเท่ากัน แต่มีการเอื้อนเสียงเพื่อให้เต็มห้องเสียงหนึ่ง หรือ ปล่อยอีกคำ ให้โดดไปอีกห้องหนึ่ง
 ทั้งนี้เพราะ เพลงกำหนดจังหวะมา แต่เสียงที่ต้องร้องกลับ ขาดหรือเกินทำนองของเพลง จึงต้องร้องแบบนั้น

สำหรับกลอนเก้า อ่านอย่างทำนองกลอนเก้าสิครับ ที่บ้างว่าเยิ่นเย้อ เพราะเอาทำนองกลอนแปดมาวัดหรือเปล่า เพราะหรือไม่ก็แล้วแต่คนแต่งด้วย
กลอนเก้ากำหนดไว้เก้าคำ ทำนองย่อมยาวกว่ากลอนแปด อาจจะใช้แปดคำเสียงยาว หรือสิบคำเสียงสั้น แค่แต่งให้ครบทำนองก็ถือว่าเป็นกลอนเก้าแล้วครับ


ก้านกล้วย

  ป.ล.การวัดทำนองอ่านเป็นทำนองเสนาะดูครับ แต่ละท่อนสั้นยาวใกล้เคียงกันก็น่าจะใช้ได้ (อิอิ มั่วเอา)





หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2011, 06:59:PM


ถ้าจะว่าโดยทิษฎีแล้วก็คงต้องเป็นอย่างที่ว่าละครับ คือ
 
             กลอนเจ็ดก็คือกลอนเจ็ด
          กลอนแปดก็คือกลอนแปด
          กลอนเก้ากลอนก็คือกลอนเก้า       คงไม่มีใครไปลบล้างได้

แต่โดยทางปฏิบัติแล้วระหว่างกลอนแปดกับกลอนเก้านั้นมักจะพัวพันกันไม่มากก็น้อย  คนที่เคยแต่งกลอนมามากๆก็จะทราบด้วยตัวเอง
ว่าบางครั้งเราแต่งกลอนแปดแต่กลับถูกความจำเป็นทางภาษาบังคับให้กลอนวรรคนั้นๆต้องกลายเป็นกลอนเก้าไป
ผิดกับกลอนนเจ็ดกับกลอนแปด  ที่เราสามราถแต่งกลอนแปดโดยไม่ต้องไปข้องแวะกับกลอนเจ็ดเลยก็ได้
ฉะนั้นผมจึงได้หยิบยกข้อเปรียบเทียบว่าระหว่างกลอนแปดกับกลอนเก้านั้น เหมือนพี่น้องฝาแฝดที่ตัดกันไม่ได้
แยกกันไม่ออก(โดยพิจารณาจากเวลาที่แต่งจริง)ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับไหนเวลาที่แต่งกลอนไปแล้วจะต้องมีซักครั้ง
ที่แต่งกลอนแปดแล้วจำเป็นต้องปล่อยให้บางวรรคเป็นกลอนเก้า  ผมเชื่อว่าจะต้องเจอกับทุกคน  เพราะความจำเป็นทาง
ภาษามันบังคับ ถ้าไม่ปล่อยให้เป็นไปอาจสื่อความหมายไม่ได้อย่างที่ต้องการก็ได้
อีกอย่างคือบทประพันธ์ที่นำทั้งกลอน ๖,๗,๘,๙,มายำรวมกันนั้น มีมากมายเห็นได้อยู่ทั่วไป
การที่ใครสักคนแต่งกลอนแปดแล้วปล่อยให้มีกลอนเก้าเข้ามาปนนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ(ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา)
         ยังไงก็ขอบคุณที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ  ไอ้ครั้นจะพูดมากไปเดี๋ยวมันจะกลายเป็นโต้กันไปโต้กันมาเปล่าๆ
อันนี้แล้วแต่ใครชอบครับไม่ว่ากัน   ส่วนเรื่องที่ผมได้นำมาบอกเล่าข้างบนนั้นก็ถือเป็นเครื่องประดับความรู้ในทำนองรู้ไว้ใช่ว่าครับ
ส่วนจะผิดถูกเอย่างไรเป็นเรื่องที่ผู้สนใจจะได้ทดลองและพิจารณาดูด้วยตนเองอีกที  ใครจะลองนำไปใช้ดูก็ไม่เสียหาย
ใครไม่ชอบหรือเห็นว่าไม่ถูกเราไม่ว่ากัน เป็นเรื่องนานาจิตตังครับ


                         Mayawin

                   ๖  มกราคม  ๒๕๕๔


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2011, 07:31:PM

นักปราชญ์ราชกวีสมัยก่อน ท่านคงเสียดายศัพท์ที่เป็นอักษรนำ คำสนธิ และคำประสมจำนวนมิใช่น้อย
ซึ่งส่วนใหญ่คำเหล่านั้นมักจะมีความไพเราะอยู่ในตัวเอง ครั้นจะจับไปไว้เฉพาะ ต้น หรือปลายวรรคในบังคับของกลอนแปด ก็อาจจะทำให้เจตนาแห่งกระทงความเลือนไป ก็เลยประดิษฐ์กลอนเก้าขึ้นมา เพื่อให้กวีมีอิสระพร่างพรายร่ายอักษรได้เต็มที่ เราซึ่งเกิดมาในยุคหลัง อาจจะมิทันได้เข้าใจอุบายนั้น ไปใช้คำโดดธรรมดาในกลอนเก้า ก็เลยรู้สึกว่ามันเกินๆไปพิกล ไม่ลื่นไหลไพเราะ  ความหมายเดียวกันแต่งเป็นกลอนแปดก็ได้

เหตุนี้อีกประการหนึ่ง ที่เป็นข้อสังเกตุ
 
กลอนเก้าต้องมีอะไรที่กลอนแปดไม่มี มิฉะนั้น กวีท่านจะตั้งมาตราของกลอนเก้าไว้ทำไม?
แหละเช่นเคย ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวครับ

แต่ก็ยินดีที่คุณ มายาวิน ค้นพบเคล็ดที่จะทำให้กลอนเก้าไพเราะขึ้น

พรายม่าน
สันทราย
๐๖.๐๒.๕๔


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2011, 09:27:PM


อืมม์......ต้องยอมรับที่คุณกามนิตได้กรุณายกตัวอย่างมาและทำให้ดูนั้น  นับว่ามีความรอบรู้ลึกซึ้งกว้างขวางจริง  สมกับที่เป็นผู้คงแก่เรียนได้

แต่ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎี  หรือการเดาก็ตาม  ก็ล้วนแล้วแต่เป็นข้อคิดเห็นทั้งสิ้น  ทฤษฎี แท้จริงแล้วมาจากคำว่า ทิฏฐิ แปลว่า ความเห็น หรือความคิด

เห็น   ซึ่งมีทั้งเห็นถูก และเห็นผิด   ทฤษฎี คือความเห็นที่ตั้งอยู่บนหลักการแล้วนำไปสู่การหาข้อพิสูจน์  ส่วนการเดาไม่ต้องรอพิสูจน์ใดๆ เดาแล้ว

ก็เป็นอันจบ   โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อที่ว่า กลอนเจ็ดนั้นน่าจะพัฒนามาจากกลอนหกได้จริง  แล้วเติมคำในท่อนสดท้ายเป็นเจ็ดคำ

ก็กลายเป็นกลอนเจ็ดดังนี้   กลอนหก    00  00  00
                               กลอนเจ็ด  00  00 000 (สีแดงคือคำที่เพิ่มเข้ามา)

โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าทั้งกลอนหก,กลอนเจ็ด น่าจะเกิดหลังกลอนแปด   โดยเฉพาะกลอนเจ็ดนั้นน่าจะเป็นลูกผสมระหว่างกลอนหกกับกลอน

แปดด้วยซ้ำ  ไม่ใช่กลอนแปดพัฒนาต่อยอดมาจากกลอนเจ็ดแต่ประการใด

ส่วนระหว่างกลอนหกกับกลอนแปด  ผมกลับมีความเชื่อว่ากลอนแปดเกิดขึ้นมาก่อนกลอนหก  และไม่ได้พัฒนามาจากกลอนหกแต่ประการใด

ส่วนเหตุุที่ผมมีความเชื่อดังนั้น พอจะสรูปมาเป็นข้อๆได้ดังนี้

         ๑.  กลอนแปดนั้น  มีคำสัมผัสระหว่าง  ท้ายวรรคของกลอนสดับ ลงกับคำที่สามของกลอนรับพอดี   กับคำท้ายวรรคกลอนรองลงที่คำที่สาม

            ของกลอนส่งพอดี  ดังนี้ (สังเกตที่สีแดง)

                                ถึงบางพูด  พูดดี  เป็นศรีศักดิ์           มีคนรัก  รสถ้อย  อร่อยจิต
                                แม้นพูดชัว  ตัวตาย    ทำลายมิตร         จะชอบผิด  ในมนุษย์  เพราะพูดจา   (สุนทรภู่)

           จะเห็นได้ว่าคำสัมผัสบังคับนั้นลงที่คำที่สามพอดี  ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีจังหวะสาม  ในขณะที่กลอนหกนั้นมีจังหวะสอง ดังนี้

                   ใครรัก  ใครชัง   ช่างเถิด
                  ใครเชิด ใครแช่ง  ช่างเขา
                  ใครเบื่อ  ใครบ่น   ทนเอา
              ใจเรา  ร่มเย็น   เป็นพอ              (จากศาล พราะเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์)

             ถ้ากลอนแปดพัฒนามาจากกลอนหกจริงทำไมถึงไม่รักษาตำแหน่งสัมผัสของกลอนหกไว้ดังนี้

                อันกลอนนี้  ดีนัก  รักษ์อักษร
                    ทุกตอนช่วง  ควรชม สมศักดิ์ศรี
                  ให้กล้าแกร่ง  แห่งหลัก  นักกวี
                  ช่วยชี้ซึ้ง   หนทาง   สว่างไป               (มายาวิน   ๑๑ กพ.๒๕๕๔  แต่งเพื่อประกอบคำพูด)

           ซึ่งถ้าแต่งดังนี้จะเห็นได้ว่าเป็นการรักษาตำแหน่งสัมผัสแห่งกลอนหก  อันเป็นกลอนที่มีจังหวะสอง  ทำไมท่านไม่วางสัมผัสดังนี้

            แต่กลับไปลงสัมผัสเอากับคำที่สาม  ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า กลอนแปดนั้น มีจังหวะที่สามคำอยู่แล้ว  โดยไม่ได้พัฒนามาจากกลอนหก

         ที่มีจังหวะสองคำแต่ประการใด   การที่แสดงเหตุผลว่าปราชญ์โบราณท่านได้เพิ่มคำด้านหน้า (ดูที่สี)

                           000   00   000
                           000   00   000
                           000   00   000
                           000   00   000

        ดังนี้  มันก็เป็นแต่การยกเข้ามาเพื่อจะเป็นข้อสนับสนุนความเห็นและความเชื่อของตนว่า กลอนแปดมีรากฐานมาจากกลอนหกเพื่อให้ฟัง

        ดูมีน้ำหนักเท่านั้น

       ๒. ถ้ากลอนแปดพัฒนามาจากกลอนหกจริง เหตุไฉนเราจึงเห็นแต่วรรณกรรม  หรืองานประพันธ์ที่เป็นกลอนแปดเป็นส่วนใหญ่และเป็นหลัก

         เหตุไฉนจึงไม่มีโอกาสได้เห็นงานประพันธ์หรือวรรณกรรมที่เป็นกลอนหกแบบเป็นชิ้นเป็นอันบ้างเลย  ที่เคยผ่านตามามักจะเป็นงานประเภท

        กระเรี่ยกระราดและก็น้อยกว่าน้อยเต็มที  ธรรมดาของสิ่งเก่าแก่ที่มีมาก่อน มันควรจะมีผู้สร้างสรรค์ผลงานไว้ให้ดูบ้างและก็ควรจะเป็นชิ้นเป็น

      อันด้วยโดยเฉพาะงานเก่าแก่  แต่เท่าเห็นนั้น มักจะเป็นแทรกๆกันอยู่ระหว่างกลอนหกกับกลอนเจ็ดและอาจรวมไปถึงกลอนแปดด้วย อาทิเช่น

      งานเสภาต่างๆรวมไปถึงบทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ ของล้นเกล้า รัชกาลที่ ๒(ข้อนี้ผมยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ที่รู้น้อย การแสดงความคิด

      เห็นต่างๆอาจจะผิดไปจากความเป็นจริงก็ได้)  คำถามคือ ถ้ากลอนหกมีมาก่อนจริง ทำไมเราไม่ได้เห็นววรณกรรมที่เป็กลอนหก ?

                     ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาทั้งหมด  ผมจึงมีความเชื่อว่า กลอนแปดกลอนเก้าน่าจะเป็นสิ่งที่มีอยู่แต่เดิม  ส่วนกลอนหกนั้นน่าจะเป็น

       สิ่งที่ดัดแปลงไปจากกลอนแปดหรือกลอนเก้าเสียด้วยซ้ำ   อย่างไรก็ดีนี่ก็เป็นแต่ข้อคิดเห็นเท่านั้น  ผมไม่ได้มีความปรารถนาที่จะเอาแพ้เอา

     ชนะกันด้วยเรื่องกลอนหก,เจ็ด,แปด,เก้า,ว่าอะไรเกิดก่อนกัน  เนื่องจากเกิดไม่ทัน  และความรู้ก็ยังน้อยนัก  ที่ยกมาทั้งหมดจึงเป็นแค่การแสดง

      ความเห็นเป็นส่วนตัว

      ๓. ข้อสุดท้าย  อยากฝากไว้เป็นข้อไว้เป็นข้อคิด  ถึงสิ่งที่ตัวผมเองได้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติก็คือ"บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือ

       โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ครูบาอาจารย์นั้น เป็นผู้ที่เราจะต้องเคารพเทิดทูน  การแสดงความคิดเห็นโดยการหยิบยกเอาครูบาอาจารย์หรือ

     บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพของบุคคลทั่วไปขึ้นมาอ้างนั้น  ผมจะต้องแน่ใจเสียก่อน ว่าบุคคลที่เราสนทนาหรือแสดงความคิดเห็นด้วย  

     จะต้องเป็นผู้ที่มีความเชื่อหรือมีความเคารพศรัทธาในสิ่งเดียวกัน หรือในตัวบุคคลเดียวกัน  ผมจึงจะยกหรือดึงท่านขึ้นมาอ้าง

      เพราะหากว่าเราหยิบเอาครูบาอาจารย์ขึ้นมาอ้างหรือลากเอาท่านเข้ามาเกี่ยวข้องโดยไม่จำเป็นแล้ว  มันอาจทำให้ครูบาอาจารย์หรือ

     บุคคลที่มีชื่อเสียงท่านนั้นต้องพลอยโดนดูถูกเหยียดหยามให้เสื่อมเสียเกีรติ์ศักดิ์ศรี และต้องมัวหมองไปด้วย  ถ้าคู่สนทนาไม่ได้มีความเชื่อถือ

     หรือเคารพนับถือในสิ่งเดียวกันหรือในตัวบุคคลคนเดียวกัน

             ผมเคยเห็นตัวอย่างมาเยอะ  พวกลูกศิษย์ที่ไร้สมอง มีปากสักว่านับถือ  ชอบลากเอาครูบาอาจารย์ของตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง

      โดยหมายจะข่มฝ่ายตรงข้ามให้อยู่หมัดและยอมแพ้  ถ้าเจอกับคนที่นับถือศรัทธาในสิ่งเดียวกันหรือในบุคคลคนเดียวกันก็ดีไป  แต่ถ้าไปเจอ

      เอาบุคคลประเภทพาลหรือเขาไม่ได้นับถือศรัทธาในสิ่งเดียวกัน ก็กลับจะทำให้ครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือต้องได้รับการดูถูกดูหมิ่น

       โดยไม่จำเป็น  ผลสุดท้ายก็กลายเป้นความขัดแย้ง  ตนเองก็ต้องมานั่งเจ็บใจที่ครูบาอาจารย์ถูกคนอื่นดูถูก  ครูบาอาจารย์ก็ต้องมาพลอยมัว

       หมองทั้งๆไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย

               ด้วยเหตุนั้น ถ้าไม่แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีความเชื่อและเคารพศรัทธาในสิ่งเดียวกับเราหรือเปล่าผมมักจะละไว้ไม่ดึงครูบาอาจารย์

      หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือเข้ามาเกี่ยวข้อง  ไหนๆมันจะแปดเปื้อนแล้วก็ให้มันแปดเปื้อนแต่ตัวเรา  ไม่ควรจะดึงบุคคลที่เคารพ

       เข้ามาแปดเปื้อนไปด้วย  ถ้าจะยกท่านขึ้นมาอ้างก็ต้องแน่ใจเสียก่อนว่าบุคคลผู้นั้นเขาก็มีความเคารพนับถือในท่าน(ครูบาอาจารย์)เช่นเดียว

       กับเรา  ซึ่งจะทำให้ครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือได้รับการยกย่องจากผู้นั้น  ซึ่งเป็นการเชิดชูเกียรติครูบาอาจารย์ของเราไปด้วย

                                   และนี่คือข้อที่ผมได้ยึดถือและปฏิบัติต่อครูบาอาจารย์มาอย่างสม่ำเสมอ

        หวังว่าการแสดงเหตุผลแบบตรงไปตรงมาแบบนี้จะไม่ถูกมองว่าเป็นการก้าวร้าวหรืออันธพาลไป  เพราะผมก็คนมีเหตุผล  และเคารพใน

      เหตุผลของตนเองและผู้อื่น จะไม่เชื่อสิ่งใดเพียงเพราะว่าฟังอย่างเดียว(ยกเว้นว่าสิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอีกต่อไปผมก็จะเชื่อโดยไม่มี

      ข้อแม้หรือข้อโต้แย้งใดๆ)พูดง่ายๆคือผมเป็นที่ทั้งเชื่อง่ายและเชื่อยากในคนๆเดียวกัน  แต่ไม่เคยเชื่อใครเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง

     และก็ไม่เคยสยบต่อบุคคลที่มีชื่อเสียงใดๆถ้ามันไม่มีเหตุผลที่สมควรจะต้องเชื่อ


    
                                                                                           ด้วยความเคารพ

                                                                                              Mayawin
                                                                                         ๑๑  กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔


                


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: nnn ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2011, 09:55:PM
พวกท่านเจ๋งอย่างหนักหน่วงจริงๆ
ทั้งทฤษฎีและการแผดคำก็เก่งจนผมต้องตอบเสียให้ได้...
มิใช่เพราะอยากเทียบเปรียบเปรย
แต่เพราะชื่นชมจนอดไม่อยู่

กลอนหก  หกคำ  นำจิต
จะผิด จะถูก ปลูกฝัง
ให้ได้  ครบหก  เช่นดัง
จับหยั่ง  แล้ววาง  อย่างดี

กลอนเจ็ด  ยังเจ็ดคำ  นำจิต
ตรองคิด  พินิจ  ขมันมี
ได้เจ็ด  ครบเจ็ด  เสร็จพิธี
ดังบทนี้  ครบเจ็ด  เสร็จปอง

กลอนแปด  ยังแปดคำ  ให้ซ้ำจิต
ยังคิด  ยังพินิจ  ไม่ผิดหาย
ให้ได้แปด  ครบแปด  ระแวดวาย
ไม่มากเกิน  มิเพลิน  น่าเมินไป

พอกลอนเก้า  ก็เข้าบท  ดังจทย์ว่า
คล้องทุกสาม  ตามทุกรับ  สดับไหน
ไม่ว่ารอง  ก็ลองส่ง  คงตามนัย
ดุจดั่งใจ  ให้สำคัญ  มันเป็นแกน


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2011, 09:13:AM


ผมต้องขอโทษคุณกามนิตจริงๆที่อาจจะแปรเจตนาของคุณผิดไปและต้องขอขอบคุณที่กรุณาให้ความรู้เรื่องประวัติที่มาของกลอนต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตามการแสดงความคิดเห็นนั้นก็เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตใจไม่ใช่เพื่อการมุ่งเอาชนะใดๆทั้งสิ้น


                                                      Mayawin
                                                  ๑๒ กุมภาพันธ์  ๒๕๕๔



ปล.ใจจริงก็อยากจะขอโทษคุณตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะโพสต์ข้อความไปแล้วค่อยนึกได้ว่าอาจจะแปลเจตนาคุณผิดไปก็ได้  แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว
รอให้คุณได้แสดงความคิดเห็นเสียก่อนดีกว่าจึงได้รอจนถึงวันนี้ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะครับ


หัวข้อ: Re: อยากแต่งกลอน ๙
เริ่มหัวข้อโดย: ยามพระอาทิตย์อัสดง ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2011, 09:26:AM
(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRSIlhchWSbGa6_EveNvFfIISVGTeKeD7fZqRNd5JD_rjcCztgE)


สวัสดีท่านเจ้าของกระทู้และมิตรรักนักกลอนทั้งหลาย
อัสดง ขอบคุณมากสำหรับการบอกเล่าถึงการเขียนบทกลอนให้ไพเราะ
ความคิดเห็นขอแต่ล่ะท่านเป็นบทเรียนที่ดี ที่จะทำให้เข้าใจถึงความหมาย
ในการแต่กลอนให้ไพเราะ น้องอัสดง คงได้นำเอาไปใช้ในวันข้างหน้า
น้องรู้สึกว่าความคิดก็คือความคิดไม่มีใครผิด คิดเหมือนกันก็ไม่ผิด
คิดต่างกันก็ไม่ผิด เพราะอัสดง เชื่อว่าแต่ล่ะความคิดที่เสนอมาได้กลั่นออกมาจากใจ
และมีจิตใจที่ดีคิดดีกันทุกท่าน ขอบคุณอีกครั้งที่ได้เสนอสิ่งดีๆมาให้อ่านได้เรียนรู้

พระอาทิตย์อัสดง