หัวข้อ: ลักษณะท่วงทำนองแห่งลีลา เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 27 มกราคม 2011, 05:16:PM กลอนต้องห้าม เขียนกลอนกานท์หว่านถ้อยร้อยคำหวาน เพื่อส่งผ่านเรื่องราวสาวหน้าใส ว่าคิดถึงหนักหนายอดยาใจ น้องรู้ไหมใจพี่นี้คร่ำครวญ แค่อยากบอกแก้วตาว่าคิดถึง ใจมันจึงเอ่ยย้ำคอยพร่ำหวล ว่ารักนักรักหนาแม่หน้านวล เจ้าอย่าด่วนเมินหน้าเหมือนว่าชัง คิดถึงคำพี่ก่อนนอนหลับฝัน ถ้าเจ้านั้นมีใจให้พี่หวัง จงบอกหน่อยว่ามีใครไหนหรือยัง เพียงสักครั้งเถิดหนาอย่าเชือนแช ถ้าน้องนั้นมีใครไหนอื่นหนอ พี่จะขอรอน้องเหมือนปองแข ด้วยยังหวังพุ่มพวงยอดดวงแด เพราะรักแท้มั่นคงประสงค์คอย แม้ใจพี่ต้องเจ็บและเหน็บหนาว ด้วยขาดสาวรู้ใจจะไม่ถอย ถึงดาวเคลื่อนเดือนเร้นไม่เห็นรอย จะไม่น้อยใจน้องที่ต้องรอ แต่ถ้าน้องเปิดใจให้พี่หวัง พี่ก็ตั้งใจอยู่ว่าสู่ขอ เตรียมขันหมากแห่ไปดุจใจคอ กับแม่พ่อของน้องตามต้องการ จึงเกริ่นคำย้ำพจน์เป็นจดหมาย ให้น้องได้อ่านก่อนเป็นกลอนหวาน หากน้องตอบมอบใจไม่รอนาน ขอให้ฟ้าเป็นพยานสู่ขอจริง... [/i] [/size] [/b] เห็นหัวข้อนี้แล้วโปรดอย่าคิดว่ากลอนผิดอะไรจึงกลายเป็นกลอนต้องห้าม อันที่จริงกลอนนี้ก็เหมือนกลอนทั่วๆไปที่แต่งถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์ของกลอนทุกอย่าง(หรือว่ามันจะมีที่ผิด ?) แล้วก็ไม่ได้มีกฏข้อใดมาบอกว่ากลอนบทนี้จะมีที่ผิดด้วย(ตามความเข้าใจของผู้แต่ง) แต่ที่บอกว่าเป็นกลอนต้องห้ามนั้น เนื่องจากผมมีเจตนาในการแต่งให้คำลงท้ายของบาทแรกกับบาทที่สอง นั้นเป็นพยัญชนะเสียงสูงทั้งหมด อันเป็นความผิดปกติของกลอนที่บาทแรกควรจะมีทั้งเสียงเอกเสียงโทเสียง จัตวาสลับกัน อีกทั้งยังมีความพยามที่จะทำให้คำที่สามของบาทที่สี่เป็นเสียงสูงอีกด้วย แต่ก็จนใจเนื่องด้วยปัญญาความสามารถไม่ถึงจริงๆ ดังนั้นผมจึงได้เรียกกลอนนี้ว่ากลอนต้องห้าม(คือการแต่งกลอนในคำลงท้าย บาทแรกไม่ควรเน้นใช้เสียงทั้งหมด ควรมีการสลับไปใช้เสียงอื่นบ้าง เช่นเสียงเอก เสียงโท และคำตายต่างๆ ส่วนคำท้ายของบาทที่สองนั้น การใช้เสียงสูงได้ไม่เป็นไร เพราะเป็นความนิยมเช่นนั้นอยู่แล้ว) นี่เป็นเพียงลักษณะหนึ่งของกลอนต้องห้าม(ไม่ผิด..ฟังแล้วก็เพราะ...แต่....) ความจริงยังมีอีกหลายลักษณะของการแต่ง โดยเฉพาะในการแต่งกลอนยาวๆนั้น ใครดีไม่ดีก็จะได้เห็นกันในตอนนั้น(ความหมายคือนอกจากความสามารถในการใช้ภาษาแล้ว ในการแต่งกลอนบทหนึ่ง แล้วเริ่มกลอนใหม่ คำลงท้ายในบาทที่หนึ่งก็เป็น สิ่งที่สำคัญด้วยที่จะแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าเรานั้นมีชั้นเชิงลีลาแค่ไหน........ หัวข้อ: Re: ลักษณะท่วงทำนองแห่งลีลา เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงคำ ที่ 27 มกราคม 2011, 05:47:PM [size=[ อ่านไปก็พอเข้าใจนะครับ แต่ผมก็ยังงงๆ ตรงคที่ใช้บอกอ่ะครับ บาท นี่มันคืออะไรหรอครับ ใช่ที่ว่า กลอนบท หนึ่งมี สองบาท บาท หนึ่งมี สองวรรค สี่วรรค เป็น หนึ่งบท ใช่มั๊ยครับ ที่พี่อธิบายเหมือนกับว่า บาทหนึ่ง,สอง,สาม,สี่ คือ บาทหนึ่ง,สอง,สาม,สี่ ยังไงยังงั้นแหละครับ หรือว่าที่ผมเข้าใจผิดอีกแล้ว อิอิ ก้านกล้วยมั่วบ่อยๆ ป.ล.สงสัยครับ emo_111/size] หัวข้อ: Re: ลักษณะท่วงทำนองแห่งลีลา เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 27 มกราคม 2011, 06:26:PM [size=[ อ่านไปก็พอเข้าใจนะครับ แต่ผมก็ยังงงๆ ตรงคที่ใช้บอกอ่ะครับ บาท นี่มันคืออะไรหรอครับ ใช่ที่ว่า กลอนบท หนึ่งมี สองบาท บาท หนึ่งมี สองวรรค สี่วรรค เป็น หนึ่งบท ใช่มั๊ยครับ ที่พี่อธิบายเหมือนกับว่า บาทหนึ่ง,สอง,สาม,สี่ คือ บาทหนึ่ง,สอง,สาม,สี่ ยังไงยังงั้นแหละครับ หรือว่าที่ผมเข้าใจผิดอีกแล้ว อิอิ ก้านกล้วยมั่วบ่อยๆ ป.ล.สงสัยครับ emo_111/size] ไม่รู้สินะ ตามที่รู้ๆมา บทประพันธ์ที่มี 32 คำ แปดคำเป็น หนึ่งบาท สองบาทเป็นกึ่งคาถา สี่บาทเป็นหนึ่งคาถา (32 คำ) ฉะนั้น คำว่าบาทแรก ในที่นี้จึงใช้หมายถึงกลอนสดับครับ ส่วนบาทที่สองก็หมายถึงกลอนรับ บาทที่สามคือกลอนรอง บาทที่สี่คือกลอนส่ง รวมสี่บาทนี้น่าจะเท่ากับกลอนหนึ่งบท หรือพูดง่ายๆคือ บรรทัดหนึ่งๆก็คือหนึ่งบาท(ไม่รู้ถูกเปล่า)บางทีอาจเรียกไม่เหมือนกันก็ได้มั้งต้องลองถามผู้รู้อีกทีง บางทีการเรียกอาจจะเข้าใจต่างกันก็ได้ ตัวอย่าง เห็นการเรียน เพียรพร่า เหมือนยาพิษ (ถ้าเขียนลักษณะนี้ก็เท่ากับสามวรรคแล้ว-เพราะเว้นวรรคไว้ในระหว่าง) อันนั้นไม่ขอยืนยันนะ เพราะไม่ได้เรียนมาทางด้านกลอนโดยตรง หัวข้อ: Re: ลักษณะท่วงทำนองแห่งลีลา เริ่มหัวข้อโดย: พรายม่าน ที่ 27 มกราคม 2011, 06:37:PM สนับสนุนความเข้าใจของคุณก้านกล้วยครับ กลอนหนึ่งบท มีสองบาท บาทหนึ่งมีสองวรรค ดังนั้นกลอนหนึ่งบทจึงมีสี่วรรค อันประกอบด้วย วรรคสดับ วรรครับ วรรครอง วรรคส่ง ฉะนี้ ส่วนสิ่งทีท่าน Lจ้าVojกaoนบทนี้* ได้อธิบายกลเม็ดในการประพันธ์โดยใช้ “บาท” เรียกแทน “วรรค” เห็นจะใช้กันคนละมาตราเสียแล้วกระมัง แต่เจตนาน่าจะหมายถึง “วรรค” นั่นแหละ ครับ พรายม่าน สันทราย ๒๗.๐๑.๕๔ หัวข้อ: Re: ลักษณะท่วงทำนองแห่งลีลา เริ่มหัวข้อโดย: Lจ้าVojกaoนบทนี้* ที่ 27 มกราคม 2011, 06:59:PM สนับสนุนความเข้าใจของคุณก้านกล้วยครับ กลอนหนึ่งบท มีสองบาท บาทหนึ่งมีสองวรรค ดังนั้นกลอนหนึ่งบทจึงมีสี่วรรค อันประกอบด้วย วรรคสดับ วรรครับ วรรครอง วรรคส่ง ฉะนี้ ส่วนสิ่งทีท่าน Lจ้าVojกaoนบทนี้* ได้อธิบายกลเม็ดในการประพันธ์โดยใช้ บาท เรียกแทน วรรค เห็นจะใช้กันคนละมาตราเสียแล้วกระมัง แต่เจตนาน่าจะหมายถึง วรรค นั่นแหละ ครับ พรายม่าน สันทราย ๒๗.๐๑.๕๔ จริงด้วย......เรียกวรรคเป็นบาท แบบนี้สงสัย ตำแหน่งผู้รู้เจนจบด้านกวี คงต้องคืนเว็บเขาไป emo_45 แล้วไปเริ่มนับหนึ่งใหม่.... emo_01 |