พิมพ์หน้านี้ - "ชราแล้ว....."

"ก็แก่แล้ว ไม่แคล้ว คิดย้อนหลัง
สู่วัยยัง หนุ่มสาว คราวแรกรุ่น
ความตรึงตรา อ่อนไหว ได้เจือจุน
รักหอมกรุ่น วุ่นวาย หมายคว้ามา
จวบจนวัย ร่วงโรย โกยเลขสี่
ครอบครัวมี มากอยู่ สู่เลขห้า
รักหยุดแล้ว อยู่ไป ใช่โรยรา
แต่โหยหา รักยืนยาว ถึงคราวไกล" (ลงโลง)

เมื่อสู่วัย ชรา มาถึงแล้ว
คงไม่แคล้ว ลำบาก เพิ่มมากหนอ
ลูกในไส้ หายไป ยังไม่พอ
มาร้องขอ เลี้ยงหลานให้ ใช่เวรกรรม

นมไม่ให้ ตังค์ใช้ ก็ไม่ส่ง
ไม่เคยลง ดูแล ยิ่งแย่ซ้ำ
ยามค่ำคืน ฝนมา ฟ้ามืดดำ
ใช้มือคลำ ปิดรอยรั่ว ทั่วหลังคา

ขยับหลาน ใกล้นิด พอชิดกัน
กระต๊อบมัน เล็กไป ไม่มีฝา
ยามลมโกรก โยกเย เฉไปมา
แล้วน้ำตา ไหลริน ปานสิ้นใจ

ตื่นเช้ามา ติดไฟ ที่ในเตา
หม้อใบเก่า กรอกข้าวสาร เตรียมการไว้
ข้าวร้อนเดือด พลุ่นพล่าน นั้นพอไง
รินรองได้ ให้หลาน ทานแทนนม

ครั้นน้ำแห้ง ไฟแรง จะแดงไหม้
เขี่ยถ่านให้ ร้อนมี ที่เหมาะสม
เก็บผัก ผลแฟง แตงลูกกลม
นำมาต้ม กินประทัง อิ่มทั้งวัน

นั่งดูหลาน หลับตา น่าสบาย
แต่คุณยาย นึกไป ให้ผกผัน
หากวันใด ล้มไป ช่วยไม่ทัน
แล้วหลานฉัน อยู่กับใคร ใจอาดูร

น้ำตาเพิ่ม ไหลหลั่ง ดังสายเลือด
เหมือนเฉือนเชือด มีดฉับ ปานดับสูญ
กายสั่นเทา ใจเต้นถี่ ทวีคูณ
นึกถึงคุณ พระศรี- รัตนไตร

มือพนม ก้มกราบ ทาบหมอนเก่า
พระคุณเจ้า รู้ได้ นั้นใช่ไหม
ขอจงช่วย ฉันนิด คิดดลใจ
ลูกอยู่ไกล ที่ไหน ให้กลับมา

ไม้ใกล้ฝั่ง ยังไง ต้องได้ล้ม
ไม่ต้องลม พายุซัด พัดหรอกหนา
อายุขัย ยิ่งใกล้ วัยชรา
อนิจจา ยายเฝ้า เศร้าระทม.

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน