หัวข้อ: "ระบำดวงดาว" เริ่มหัวข้อโดย: มหาซัง ที่ 08 ตุลาคม 2010, 11:38:PM "ระบำดวงดาว" จากก้อนดิน หินทราย กลับกลายร่าง แจ่มกระจ่าง กลางหาว ล้วนพราวใส ระยิบระยับ วับวาว กว่าดาวใด เป็นดวงใหม่ ใครพบ อยากสบตา ร่วมแสดง แข่งขัน ประชันแสง อวดความแรง แห่งตน จนเหนือกว่า ดาวใหญ่น้อย ลอยเรียง เคียงกันมา จนหมดค่า ลาลับ ร่วงกลับดิน จะสามัญ ชั้นฟ้า ตัณหาเกิด ก่อกำเนิด แนบใจ ใฝ่ถวิล ความร่ำรวย สวยหล่อ ต่อชีวิน เพราะทั้งสิ้น สร้างค่า ตีตราเรา ลืมก้อนดิน หินดาน เมื่อกาลก่อน หลงไฟฟอน ร้อนแรง แสงแผดเผา เริ่มทนง หลงตน จนมัวเมา ผับบาร์เหล้า เข้าออก ทุกซอกซอย ดาวเริ่มหล่น หม่นหมอง ครอบครองเศร้า จนอับเฉา เหงาหนัก รักถดถอย งานเริ่มจาง ห่างเหิน เกินรอคอย ลดเหลือน้อย พลอยช้ำ สุดกล้ำกลืน เคยค้างฟ้า ครานี้ ไร้ที่อยู่ กลับลงสู่ หมู่ทราย อย่าหมายฝืน ได้สว่าง กลางหาว คราวค่ำคืน เพราะจันทร์ตื่น กลืนกลบ ลบแสงไป มหาซัง...งงเช่นเคย หัวข้อ: Re: "ระบำดวงดาว" เริ่มหัวข้อโดย: สมนึก นพ ที่ 09 ตุลาคม 2010, 09:29:AM อย่าคิดไป ให้เศร้า กับเงานั้น ตระกูลมัน ทรายหิน ถิ่นฟ้าใส สุริยา สาดส่อง ต้องเป็นไป เปล่งแสงได้ ให้ยล คือกลลวง ต้องหลบหน้า อาศัย ในมืดมิด แสงน้อยนิด อวดเด่น เป็นใหญ่หลวง เต้นระบำ ดวงดารา เวลาล่วง ก็ถึงห้วง ระยะหนึ่ง พึงหายไป ค่ำคืนนี้ ราตรีนั้น นั่นยังเห็น ยังโลดเล่น ไม่เลื่อน เคลื่อนไปไหน เฝ้าหลงปอง มองดาว ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใด คิดเปลือง เรื่องไกลเกิน จงมองดิน ถิ่นเก่า ที่เราอยู่ หลายอย่างรู้ ดูนั่น น่าสรรเสริญ ยูงรำแพน แผ่นหาง อย่างเพลิดเพลิน มีหยอกเอิญ ตัวเมีย คุ้ยเขี่ยดิน ยังเปลี่ยนที่ เปลี่ยนท่า พึงพาตัว ย้ำยวนยั่ว เย้าเล่น เป็นนิจสิน ถึงเวลา นัดบอก ออกหากิน ทั่วทุกถิ่น ไม่ย่ำ ซ้ำที่เดิม ยูงรำแพน แผ่นหาง กางเห็นนั้น แสงสีมัน สดใส ใจฮึกเหิม เกิดจากตัว มันไง ไม่เพิ่มเติม ไม่ต้องเจิม เสริมเด่น เช่นดวงดาว สวยแต่รูป จูบไม่หอม ตรอมไฉน หวังจูบไกล ใฝ่ดารา เวหาหาว จึงต้องหม่น ช้ำหมอง ปองนานยาว เพราะคิดสาว ดาวจากฟ้า นั้นมาครอง. หัวข้อ: Re: "ระบำดวงดาว" เริ่มหัวข้อโดย: ปากะญอ ที่ 09 ตุลาคม 2010, 10:49:AM แสงพราวใสหลงมองท้องฟ้าผ่อง
ใจลอยล่องตามหานภาฝัน หวังอยู่เคียงแนบข้างทางชีวัน ก่อแสงจันทร์ให้เป็นเราเงาฤทัย มีเพียงฉันเฝ้าคิดคอยหยิบยื่น ดาวดาษดื่นเลื่อนลับอับแสงใส หลังแอบอิงสิงนางบนทางไกล แค่ฝันไปเท่านั้นหรือถือเป็นจริง เป็นเศษดินก้อนกรวดกล้าอวดคิด ยังอยากชิดเนื้อดาวที่พราวพริ้ง ไร้แรงป่ายตะกายเจ้าเข้าฉุดชิง จึงนั่งพิงกับใจเหงาไร้เงานาง หัวข้อ: Re: "ระบำดวงดาว" เริ่มหัวข้อโดย: อัศจรรย์จิต ที่ 09 ตุลาคม 2010, 11:19:AM มัวแต่แหงนแดนดาวพราวระยับ คนเคียงขับศัพท์คำกลับทำหมาง ดาวระบำรำฟ้อนอ้อนสรรพางค์ พี่ตาค้างวางแขนดูแคลนน้อง นี่แหละหนาว่าคนมักค้นคิด หาจริตติดค้างมาสร้างส่อง คนข้างกายหมายไกลใจลำพอง อยากจะร้องก้องฟ้าด่าดวงดาว เศษดินกรวดอวดโฉมอยากโลมฟ้า ถามแก้วตาหรือยังก่อนนั่งสาว คนข้างใจไสจร...มองค้อนคราว นะพี่บ่าวมันสายเกือบบ่ายแล้ว หัวข้อ: Re: "ระบำดวงดาว" เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 09 ตุลาคม 2010, 09:30:PM ...หลากดาวเคียง...เรียงร่าย...ออกส่ายเต้น แลระเนน...นวยนาด...ผงาดแจ๋ว ทุกลีลา...คราจร...สะท้อนแนว ช่างเพริศแพรว...พริ้งพราว...ราวระบำ ...เร่งจังหวะ...คละเคล้า...เข้าประชิด บางดวงติด...พลัดเบี่ยง...เลี่ยงถลำ บ้างก็โดด...โลดล้ม...จมคะมำ ต่างร้องร่ำ...เริงเล่น...เด่นระยับ ...เมื่อเติบโต...โคจร...ว่อนเวหา กลางนภา...อวดสี...ที่ประดับ ดวงดารา...น่ามอง...ต่างจ้องนับ งามวิบวับ...ขับแสง...แจ้งประกาย ...ลีลาแรง...แฝงร้าว...ถึงคราวร่วง สะดุดช่วง...ดนตรี...ที่หลากหลาย ดาวเคยฟ้อน...อ่อนหวาน...พาลกระจาย ขยับย้าย...ส่ายร่าง...อย่างเสรี ..................//ทอฝัน หัวข้อ: Re: "ระบำดวงดาว" เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 10 ตุลาคม 2010, 02:06:AM อยู่คนเดียวเหว่ว้ามองฟ้ากว้าง นภาพร่างหมู่ดาวพราวสดใส ระยิบยับประดับฟ้าอ่าอำไพ ดังเพื่อนใจขวัญยืนในคืนแรม สองเราเคยมองฟ้าคราเคียงใกล้ ดั่งหทัยเคียงกันคืนจันทร์แจ่ม เฝ้าชี้ชวนดูดาววาววับแวม ดั่งแต่งแต้มแซมรักสลักทรวง เคยบอกน้องดูดาวสกาวเด่น ดั่งหนึ่งเป็นตาพี่ที่แสนห่วง คิดถึงพี่ดูดาวที่พราวดวง พี่มองหาพุ่มพวงจากดวงดาว คืนนี้ดาวแจ่มฟ้าพาใจเศร้า คิดถึงเจ้าห่วงหาขอบตาผ่าว อยู่ไหนหนอหน้ามนคนผมยาว อยากนอนหนุนตักสาวยามหนาวลม คิดถึงพี่บ้างไหมแก้วใจเอ๋ย ลมรำเพยพัดมาอย่าขื่นขม รอพี่ก่อนเถิดหนาอย่าตรอมตรม จงชื่นชมหมู่ดาวคราวห่างกัน emo_55 ปรางค์ สามยอด หัวข้อ: Re: "ระบำดวงดาว" เริ่มหัวข้อโดย: กุลมาตา(singlemom99) ที่ 10 ตุลาคม 2010, 07:46:PM (http://img209.imageshack.us/img209/7463/starsm.jpg) ดาวคือหิน ดินกรวด อวดว่าสวย แท้คือดิน ประกอบด้วย สวยตาเห็น สวยที่แสง สะท้อนฟ้า ดาราเพ็ญ ล้วนก็เป็น ดินธาตุ ชาติพันธุ์ สิ่งสมมติ จากตาเห็น เป็นเช่นนี้ ดาวมณี แพรวพราว ราวฟ้านั้น สูงเกินเอื้อม สุดฟ้า ค่ามหันต์ ลืมผืนดิน ที่เหยียบหยัน นั้นเทียมดาว |