หัวข้อ: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 16 กันยายน 2010, 06:37:PM (http://gotoknow.org/file/somluckv/Overture.JPG) ทิว : " นี่ไง ศร ข้อแขนอย่างเอ็งนะ ถ้ามาจับปลาแข่งกับข้านะ มีหวังถูกยักมือแหกแน่.. ..ต่อให้เป็นขุนอินอะไรของเอ็งก็เหอะ คนเรามันเชี่ยวผิดกันโว้ยไอ้ศร..ทางใครก็ทางมันซิวะ".. . ..ประโยคทอง..ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ให้ข้อคิด.. ..ทำให้ ศร มีกำลังใจในการฝึกฝนทางระนาดของตนเอง.. ..จนสามารถเอาชนะทางระนาดที่ดุดันของขุนอินได้.. ..จากภาพยนตร์เรื่อง"โหมโรง"ครับ.. emo_12 หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: ~..ผู้ได้รับบาดเจ็บ..~ ที่ 18 กันยายน 2010, 10:54:AM เพราะฝันของฉันคือวันยิ่งใหญ่ มีจุดมุ่งหมายคือการเป็นดาว เหน็ดเหนื่อยแรมรอน เร่าร้อนหรือเหน็บหนาว ใจสั่งให้เท้ายังก้าวเดินไป ทั้งล้มและลุกต้องทนทุกอย่าง โดดเดี่ยวอ้างว้างบนทางยาวไกล บนเปลือกที่สวย ต้องแลกด้วยสิ่งใด ลำบากเท่าไรจะไขว่คว้ามา เกลียด...ต้องทำ บาดแผลเรื่องธรรมดา ตามหา...ความฝัน ฉันมีเพียงแค่วันที่หวัง ไม่มีทางให้กลับหลังหัน จ่ายความเป็นคน เพื่อแลกรางวัลให้ใจ ฉันมีเพียงแค่วันพรุ่งนี้ ฉันไม่มีเมื่อวานให้ใคร จะเป็นจะตาย ขอไปให้ถึงดาว เพราะฝันของฉันคือวันยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ่งไหนได้มาเปล่าเปล่า มุมหนึ่งแห่งแสง ที่แฝงความปวดร้าว ยังส่องสกาวเมื่อมองด้วยตา เจ็บ...แต่ทำ บอบช้ำเรื่องธรรมดา เพื่อดาว...ดวงนั้น ฉันมีเพียงแค่วันที่หวัง ไม่มีทางให้กลับหลังหัน จ่ายความเป็นคน เพื่อแลกรางวัลให้ใจ ฉันมีเพียงแค่วันพรุ่งนี้ ฉันไม่มีเมื่อวานให้ใคร จะเป็นจะตาย ฉันจะไปสู่วันที่หวัง ไม่มีทางให้กลับหลังหัน จ่ายความเป็นคน เพื่อแลกรางวัลให้ใจ ฉันมีเพียงแค่วันพรุ่งนี้ ฉันไม่มีเมื่อวานให้ใคร จะเป็นจะตาย ขอไปให้ถึงดาว คนเราทำเพื่อความฝันได้ทุกอย่างแม้แลกด้วยความเจ็บปวด .... ก็คุ้มที่จะคว้ามา...จนบางทีลืมค่าของความเป็นคน .... พิมพ์ไปตามเพลง อิอิ [/size] หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐชรี ที่ 18 กันยายน 2010, 10:58:AM "ศิษย์ อาจารย์ จะร่วมทางเคียงบ่าเคียงไหล่กัน จนถึงวันที่ต้องแยกจากกัน" ภาพยนตร์หนึ่งของจีน หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: บอม ซอง ดุ๊ก ที่ 18 กันยายน 2010, 01:38:PM [color=darkgoldenrod] นำมาจากกระทู้"ไม่มีใครให้ทะเลาะ" ผมเคยไปโพสตอบไว้ครับชื่อกลอน"สตังส์ของลุง" ความจริงยาวกว่านี้ ผมนำมาแค่ตอนที่สำคัญครับ" ขอท้าวความนิดนึงครับ**ท่านเป็นชายชราชอบแจกตังส์ลูกๆหลานๆซื้อขนม คนละบาท(ลูกลุง11คน หลานอีกร่วม10) จากนั้นลูกๆหลานๆก็เติบใหญ่ แยกไปมีครอบครัว ไปมีหน้าที่ แล้ววันหนึ่ง..เป็นวันรวมญาติ(ย้อนไปประมาณ3-4ปีครับ) ลูกหลานมาพร้อมหน้า ลุงเรียกลูกหลานรวมกัน ร่วม50คน แล้วแจกตังส์"คนละบาท" แล้วก็เช่นเดิมครับต้องฟังแกอบรมสั้นๆ ก่อนจะแยกย้าย(ถ้าสมัยเด็กลุงจะมีไม้มะยมไว้ตีพวกเด็กดื้อๆอยู่ตลอด ประมาณว่าดูร้ายแต่ใจดี) แล้วนี่ก็เป็นคำสอนครั้งสุดท้าย!!ของท่านครับ และตอนนั้นผมก็โตมากแล้ว เลยจำใจความที่ท่านสอนได้ถนัดใจ (หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็จากลูกหลานไปด้วยโรครุ้มเร้าและโรคชราด้วยครับ) emo_33 นี่คือสุดยอดของคำสอนหรือสุดยอดประโยคทองของผมเลยครับ emo_47 "ลูกหลานเอ๋ย! ทำอะไรขอให้มีสติมั่น" "สามัคคีอย่าตีกัน สุขแบ่งปันทุกข์ร่วมต้าน" "ความจัญไรอย่าไฝ่รู้ อย่าเชิดชูหมู่สามาน" "เกี่ยวกันไว้เหมือนเถาวัลย์ อย่าให้พ่อกังวลใจ" "ตังส์เหรียญในมือลูก ค่าเท่าไหร่ใจลูกวัด" "หนึ่งบาทหรือแสนบาทก็ไม่อาจเอาไปได้" "ก่อเก็บเพียงพอกิน เคี้ยวผ่านลิ้นสิ้นผ่านไป" "อย่าเบียดเบียนเพื่อยิ่งใหญ่ ลูกของพ่อจงจดจำ" "เพื่อปากท้องต้องแบกหาม อย่าแบกกรรมเพราะท้องตน"<<นี่สุดยอด!! ท่านพูดประมาณว่า แบกกระสอบปูนก็ดี แบกไหทองก็ดี ขอให้มีกินอิ่มท้อง แต่อย่าแบกกรรมอย่ายืนบนหลังคนเพื่อให้ตนเองมีสุขหรือกินอิ่ม ...อะไรประมาณนี้แหละครับ **อ่านยากสักหน่อยนะครับ ตอนที่แต่งผมยังไม่ค่อยรู้วิธีเขียนกลอนเลยครับ** เหรียญที่แกให้ทุกวันนี้ผมยังเก็บไว้และทุกๆคนก็เก็บไว้อย่างดีครับ emo_33 หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 18 กันยายน 2010, 01:55:PM (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_024.gif) "...อันเม็ดทรายมากล้วนจำนวนทราย คนทั้งหลายมากล้วนด้วยคุณค่า ทรายจะแกร่งก็เพราะผ่านกาลเวลา คนจะกล้าก็เพราะผ่านความอดทน..." (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_025.gif) "...จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา..." (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_025.gif) "...ไม่สำคัญหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา... มันสำคัญอยู่ที่ว่า เราจะจัดการกับมันอย่างไรต่างหาก..."(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_123.gif) หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: dianadadly ที่ 24 กันยายน 2010, 07:37:PM ขอบคุณค่ะ กลอน ความหมายดีมากๆ ค่ะ emo_60
หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: กุลมาตา(singlemom99) ที่ 27 กันยายน 2010, 08:09:PM (http://img801.imageshack.us/img801/4516/36782929.jpg) "ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น"คำสอนของท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุตแห่งเสถียรธรรมสถาน .. .. ..ป้ากุลกับลูกชายเข้าไปที่เสถียรธรรมฯมาเจ็ดปีแล้วค่ะ..ศรัทธาท่านมาก..คงเลี้ยงลูกไม่ได้เท่านี้.. ..ถ้าไม่ได้รับธรรมจากท่าน..แม้จะยังไม่ใช่แม่ที่ดีเลิศ..ยังต้องแก้ไขตัวเองอีกมาก.. ..ต้องสู้เพื่อปกป้องลูกและเพื่อสิทธิในการเลี้ยงดูลูกต่อไปค่ะ..สาธุ.. หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: "สายธารศรัทธาธรรม" ที่ 27 กันยายน 2010, 08:29:PM คำสอนจากท่าน ว.วชิรเมธี (http://dhammatalk.files.wordpress.com/2007/09/whatfor.jpg) หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 27 กันยายน 2010, 08:42:PM "คุณก็คนเขาก็คน ถ้ามีความแตกต่าง ให้คุณย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเพระอะไร คำตอบมันก็อยู่ในหัวของคุณแล้ว" สอนตัวเองบ่อยๆ emo_54 emo_54 หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 27 กันยายน 2010, 08:49:PM (http://www.abundance-and-happiness.com/images/conscious-mind.jpg) "...เป็นทองเมื่อทำ แค่เพียงคำไม่ใช่ทอง..." หัวข้อ: Re: "ประโยคทอง..ของชีวิต?" เริ่มหัวข้อโดย: ฉันมันก็แค่นี้ ที่ 27 กันยายน 2010, 08:54:PM อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกสิ่งเกิดมาล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตน แต่ที่มีตัวตน ล้วนเกิดจาก การที่เราเอาจิตของเราไปยึดติด จริงไหมครับ หนังสือเล่มหนึ่ง ความว่า พระพุทธเจ้า:ช้าก่อนผู้กระสันอยากสึกเอ๋ย ดอกไม้ยังมีเหี่ยวฉันใด ผู้หญิงทุกคนก็ฉันนั้น พระภิกษุผู้กระสันอยากจะศึก : แล้วถ้าเขา วันนี้ยัง ดี และคงมั่นเพียงข้าพระเจ้าผู้เดียวเช่นนี้ ข้าพระเจ้าก็มิอาจ ตัดนางได้ จริงอยู่ที่เรือนกายย่อมมีวันเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา แต่ข้าพระเจ้าเพียงคิดว่า ถ้าวันนี้เธอยังรักและข้าพระเจ้าก็ยังรักนางอยู่ จึงมิอาจปล่อยวางได้ และข้าพระเจ้า คิดเพียงว่า ถ้าวัน หนึ่งเธอเปลี่ยนใจไปรักชายอื่น วันนั้น ข้าพระเจ้าจะกลับมาในโลกธรรมนี้อีกครั้ง (พระพุทธเจ้าเปรียบเปรยอีกหลายแง่มุม 3 ครั้ง และภิกษุผู้นั้นก็ยังยืนยันเช่นเดิม ) แล้วสรุป ภิกษุรูปนั้นก็ออกมาเผชิญกับโลกมนุษย์ อีกครั้ง ด้วย ความีสติ สมาธิ และปัญญา ที่พระพุทธเจ้าฝากไว้ก่อนจะสึก ศรศิลป์ ศรชัย ภิกษุรูปนั้นเอง (ก่อนมาบ้านกลอนไทย ผมได้ไปบวชพระศึกษาธรรม แม้จะอ่านในหนัง สือ แต่ มันรู้สึกได้ถึง อะไรบางอย่าง )emo_85 |