หัวข้อ: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 06:47:PM เมื่อนั้น องค์ระตูปาหยังประหมัน
สุดที่จะรับรองป้องกัน พลขันธ์พังพ่ายตายยับ ไพร่ผลัดจากนายกระจายหนี เห็นเสียทีตีม้าควบขับ ปลอมพลปนไปในกองทัพ ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน บ้างบ่าวเข้าคนละบ่าพานายวิ่ง ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน ซุกซนด้นไปแต่ลำพัง บ้างเททิ้งไถ้ข้าวเขนงปืน รื้อตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง อุตส่าห์คลานเซซังซุกไป ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น ทาวประหมันปาหยังเป็นใหญ่ จึงหยุดปรึกษากันทันใด อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน จะซ้ำเสียเสนีรี้พล จำจะผ่อนให้พ้นมรณา มาเราจะเข้าบังคมคัล พระผู้พงศ์อสัญแดหวา จึงให้ยกธงอัปรา โยธายั้งหยุดพร้อมกัน หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 07:04:PM เมื่อนั้น องค์ระตูปาหยังประหมัน
สุดที่จะรับรองป้องกัน พลขันธ์พังพ่ายตายยับ ไพร่ผลัดจากนายกระจายหนี เห็นเสียทีตีม้าควบขับ ปลอมพลปนไปในกองทัพ ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน บ้างบ่าวเข้าคนละบ่าพานายวิ่ง ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน ซุกซนด้นไปแต่ลำพัง บ้างเททิ้งไถ้ข้าวเขนงปืน รื้อตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง อุตส่าห์คลานเซซังซุกไป ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น ทาวประหมันปาหยังเป็นใหญ่ จึงหยุดปรึกษากันทันใด อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน จะซ้ำเสียเสนีรี้พล จำจะผ่อนให้พ้นมรณา มาเราจะเข้าบังคมคัล พระผู้พงศ์อสัญแดหวา จึงให้ยกธงอัปรา โยธายั้งหยุดพร้อมกัน หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 07:05:PM โอ่ยยย TwT
หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ~..ผู้ได้รับบาดเจ็บ..~ ที่ 31 สิงหาคม 2010, 07:46:PM โพสอีกสักทีได้ใหม พี่กำลัง งง หรือบอกชื่อบทกลอนมาก็ได้ พี่จะลองหาดู
หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 07:55:PM คือ มันเป็นเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง
หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 07:57:PM เมื่อนั้น องค์ระตูปาหยังประหมัน
สุดที่จะรับรองป้องกัน พลขันธ์พังพ่ายตายยับ ไพร่ผลัดจากนายกระจายหนี เห็นเสียทีตีม้าควบขับ ปลอมพลปนไปในกองทัพ ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน บ้างบ่าวเข้าคนละบ่าพานายวิ่ง ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน ซุกซนด้นไปแต่ลำพัง บ้างเททิ้งไถ้ข้าวเขนงปืน รื้อตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง อุตส่าห์คลานเซซังซุกไป หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 07:59:PM ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น ทาวประหมันปาหยังเป็นใหญ่
จึงหยุดปรึกษากันทันใด อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน จะซ้ำเสียเสนีรี้พล จำจะผ่อนให้พ้นมรณา มาเราจะเข้าบังคมคัล พระผู้พงศ์อสัญแดหวา จึงให้ยกธงอัปรา โยธายั้งหยุดพร้อมกัน หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ~..ผู้ได้รับบาดเจ็บ..~ ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:11:PM แป๊บนะคะ จะช่วยดูแต่พี่ไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่นัก
หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ~..ผู้ได้รับบาดเจ็บ..~ ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:14:PM ลักษณะ กลอนบทละคร
อธิบายผังโครงสร้าง ๑) แสดงผังโครงสร้างกลอนบทละคร ความยาว ๒ บท ๒) กลอน ๑ บท มี ๒ บาท คือ บาทเอกและบาทโท ๓) กลอน ๑ บาท มี ๒ วรรคคือบาทเอกประกอบด้วย วรรค สดับ และวรรค รับ บาทโทประกอบด้วย วรร รอง และวรรค ๔) กลอน ๒ วรรค เรียกว่า ๑ คำกลอน ๕) เส้นโยงแสดงจุดสัมผัสนอก เป็นกฎบังคับต้องมี สำหรับกลอนวรรค รับ และ ส่ง จะเลือกสัมผัสตรงคำที่ ๒, ๓ หรือ ๕ ก็ได้ ในกลอนบทละครนิยมสัมผัสตรงคำที่ ๒ และ ๕ มาก สำหรับจุดสัมผัสใน โปรดดูคำอธิบาย ที่กลอนสุภาพ ๖) กลอนยาว ๒ บทขึ้นไป ต้องเชื่อมสัมผัสท้ายวรรค ส่ง ไปยังคำท้ายวรรค รับ ของบทถัดไปเสมอ กลอนบทละคร เป็นกลอนสุภาพประเภทหนึ่งจัดอยู่ในหมวดกลอนขับร้อง เช่นเดียวกับกลอนดอกสร้อย สักวา กลอนเภา และเพลงไทยเดิม วัตถุประสงค์ในการแต่งกลอนบทละคร เพื่อนำไปแสดงละครร้องและรำ ซึ่งในอดีตถือเป็นการแสดงชั้นสูงที่มีเฉพาะในรั้วนวังเท่านั้น ลักษณะข้อบังคับ ลักษณะบังคับ (ฉันทลักษณ์) กลอนบทละคร เช่นเดียวกับกลอนสุภาพ แต่จำนวนคำในวรรค จะอยู่ที่จำนวน ๖-๗ เป็นส่วนมาก ทั้งนี้เพื่อให้จังหวะของเสียงเข้ากับท่าร่ายรำของตัวละคร และท่วงทำนองเพลงปี่พย์ นอกจากนี้ กลอนบทละคร จะมีคำนำ ในบางบท เพื่อบอกถึงการกระทำ หรือเหตุการณ์สำคัญ ที่กำลังดำเนินไป ซึ่งจะมีอยู่ ๒ คำ คือ "เมื่อนั้น" กับ "บัดนั้น"คำว่า "เมื่อนั้น" ใช้สำหรับตัวละครสูงศักดิ์ ส่วนคำว่า"บัดนั้น" ใช้สำหรับตัวละครชั้นสามัญ สิ่งสำคัญที่สุด ที่กวีผู้แต่งบทกลอนละครร้อง จะต้องทราบคือ ๑. ท่าร่ายรำต่าง ๆ ในการแสดง โขน และละคร ๒. ท่วงทำนอง จังหวะ ของเพลงปีพาทย์ ขั้นพื้นฐาน และ ๓. เพลงหน้าพาทย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ประมาณ ๓๐ เพลง ซึ่งถือเป็นเพลงปี่พาทย์ชั้นสูงของไทย ใช้เป็นเพลง ประกอบการบวงสรวง ไหว้ครู โหมโรงในพิธีการ ประกอบถึงท่าเหาะเหินของตัวละคร ความสำคัญดังกล่าวนี้ กวีผู้แต่งบทละครร้อง จะกำหนดไว้ ท้ายบทกลอนแต่ละบท ว่ามีจำนวนคำ (คำกลอน) กี่คำ และใช้เพลงใดกำหนด ท่ารำของตัวละคร ผู้เขียนจำได้ว่า เคยชมการแสดงโขนสด ของ กรมศิลปากร เรื่องรามเกียรติ เวลาผู้พากย์ ๆ จบในแต่ละละคำ (คำกลอน) จะลงท้ายด้วยคำว่า ... บัดนั้น.... เชิด.... วงปี่พาทย์ก็จะบรรเลงเชิด ตัวละครก็ร่ายรำไปตามจังหวะ และท่วงทำนองเพลงนั้น ๆ จากรายละเอียดที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้สังเกตได้ว่ากวีที่แต่งบทกลอนละครร้องนั้น ล้วนเป็นพระราชวงศ์ ชั้นสูงทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะการแสดงก็ตาม องค์ประกอบ ความรู้ ที่จะนำมาสอดใส่ไว้ในบทกลอนก็ตาม ล้วนเป็น ความรู้ของชนชั้นสูงศักดิ์ทั้งสิ้น หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ~..ผู้ได้รับบาดเจ็บ..~ ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:15:PM ใจความสำคัญของเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง [/size]
ตั้งแต่วิหยาสะกำได้ชมรูปภาพของนางบุษบาก็หลงรักนาง และอยากได้นางมาเป็นมเหสี ท้าวกะหมังกุหนิงก็ตามใจลูกส่งทูตไปขอนางบุษบากับท้างดาหา และเตรียมกองทัพไว้ถ้าท้าวดาหาปฏิเสธก็จะยกทัพไปตีเมืองดาหา ท้าวกะหมังกุหนิงได้เล่าเรื่องราวและขอความช่วยเหลือจากน้องชาย คือ ระตูปาหยัง และท้าวประหมัน ซึ่งระตูทั้งสองก็ทูลทัดทาน ขอให้ตรึกตรองดูให้ดี เพราะท้าวดาหาเป็นวงศ์อสัญแดหวา ซึ่งมีกำลังทหารมากมาย ทั้งไพร่พลก็ชำนาญในการสงคราม ท้าวกะหมังกุหนิงก็บ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบว่าการทำสงครามครั้งนี้เป็นการช่วงชิงนางบุษบาจากจรกา แม้พระอนุชาจะอ้างเหตุผลอย่างไรก็ตาม ท้าวกะหมังกุหนิงก็ยืนยันความตั้งใจเดิม ไม่เปลี่ยนใจจะทำเพื่อลูก ฝ่ายท้าวดาหาเมื่อปฏิเสธไม่ยอมยกนางบุษบาให้แล้ว ก็มีหนังสือไปขอความช่วยเหลือไปหาท้าวกุเรปัน พระเชษฐา ท้าวกาหลังและท้าวสิงหัดส่าหรี พระอนุชาทั้งสอง ท้าวสิงหัดส่าหรีเมื่อทราบข่าวก็ส่งทหารไปบอกท้าวดาหาว่าไม่ต้องวิตก จะส่งสุหรานากงไปช่วย ฝ่ายเมืองกุเรปันท้าวกุเรปันได้มีหนังสือ 2 ฉบับ ให้ดะหมังนำไปให้อิเหนา 1ฉบับ และให้ระตูหมันหยา 1 ฉบับ แล้วให้กะหรัดตะปาตี ยกทัพไปสมทบกับอิเหนา ช่วยท้าวดาหาทำศึก กะหรัดตะปาตีก็ยกทัพไปคอยอิเหนาที่ชายเมืองหมันหยา ส่วนท้าวกาหลังก็ให้ตำมะหงงกับดะหมังคุมพลยกออกจากเมืองกาหลังมาพบสุหรานากงจากเมืองสิงหัดส่าหรี สองทัพก็สมทบกันยกไปเมืองดาหา เมื่อท้าวดาหาปฏิเสธไม่ยอมยกนางบุษบาให้ ท้ากะหมังกุหนิงก็เตรียมจัดทัพยกไปตีเมืองดาหา ให้วิหยาสะกำเป็นกองหน้า พระอนุชาทั้งสองเป็นกองหลัง ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นจอมทัพ ท้าวกะหมังกุหนิงได้ให้โหรโหรตรวจดูดวงชะตาว่าร้ายดีประกาใด โหรทำนายว่าดวงชะตาของท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำนั้นถึงฆาต ถ้ายกทัพไปในวันพรุ่งนี้จะพ่ายแพ้แก่ศัตรูแน่นอน ให้เว้นไปซัก 7 วัน แล้วจึงจะพ้นเคราะห์ไปทำศึกได้ แต่ท้าวกะหมังกุหนิงก็มิได้เปลี่ยนความตั้งใจ ยกทัพไปตามกำหนดที่ตั้งใจไว้ เมื่อท้าวดาหาทราบข่าวศึกก็ให้ตั้งค่ายรอบกรุงดาหาไว้ ทัพเมืองกะหมังกุหนิงก็ได้ยกทัพมาประชิดเมืองดาหา ท้าวดาหาเมื่อเห็นศึกมาประชิดเช่นนั้นก็รู้สึกน้อยใจอิเหนาว่าศึกครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอิเหนาเป็นต้นเหตุ สุหรานากงและเสนาเมืองกาหลังเมื่อมาถึงก็เข้าเฝ้าท้าวดาหา สุหรานากงแจ้งให้ท้าวดาหาทราบว่า ท้าวกุเรปันส่งกะหรัดตะปาตีให้สมทบกับทัพอิเหนามาช่วย ท้าวดาหาก็เชื่อว่ากะหรัดตะปาตีนั้นคงมา แต่ไม่เชื่อว่าอิเหนาจะจากหมันหยามาได้ ท้าวดาหาเสนอแนะการทำศึกแก่สุหรานากงว่าไม่ควรออกไปสู้รบนอกเมือง เพราะกองทัพศัตรูกล้ายกมาครั้งนี้ก็ย่อมมีความสามารถมีกำลัง ควรตั้งมั่นไว้ในเมืองก่อน ถ้าทัพต่างๆยกมาช่วยแล้วค่อยตีกระหนาบ ศึกก็จะลาเลิกไป อิเหนาเมื่อได้รับหนังสือจากท้าวกุเรปันให้ยกทัพไปช่วยท้าวดาหา ถ้าไม่ยกไปช่วยก็ขาดจากความเป็นพ่อลูกกัน แม้ตายก็ไม่ต้องไปเผา อิเหนาอ่านจบแล้วก็นึกว่า นางบุษบาจะงามแค่ไหน ใครต่อใครจึงมาหลงรัก ถ้างามเหมือนจินตะหราก็สมควรที่จะหลงรัก อิเหนาคิดว่าอีก 7 วันจึงจะยกทัพไปแต่ดะหมังทูลเตือนว่าอาจไปช่วยไม่ทัน อิเหนาจึงจำใจยกทัพไปวันรุ่งขึ้น อิเหนาได้เข้าเฝ้าท้าวหมันหยาซึ่งก็ได้รับหนังสือจากท้าวกุเรปันมีใจความตำหนิพระธิดาและท้าวหมันหยา ถ้าท้าวหมันหยายังเห็นดีเห็นงามไม่ให้อิเหนายกทัพไปช่วยศึกดาหา ก็จะตัดญาติขาดมิตรกัน ท้าวหมันหยาจึงเร่งให้อิเหนายกทัพไปและให้ระเด่นดาหยนคุมทัพจากหมันหยาไปสมทบอิเหนาด้วย อิเหนาจึงมาลาจินตะหรา สการะวาตี และมาหยารัศมี ทั้งที่ใจไม่อยากจากไป อิเหนาสัญญากับจินตะหราว่าเสร็จศึกจะรีบกลีบมาทันที อิเหนายกทัพจากเมืองหมันหยาไปด้วยความโศกเศร้า และคิดถึงสามนางมาตามทางที่ผ่านไป อิเหนายกทัพสมทบกับกะหรัดตะปาตีที่คอยท่าอยู่แล้วพากันยกไปเมืองดาหา เมื่อถึงแดนดาหาอิเหนาก็หยุดตั้งค่าย ให้ตำมะหงงไปทูลท้าวดาหาว่าจะทำศึกให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงจะมาเข้าเฝ้า ท้าวดาหาก็ยินดีเมื่อรู้ว่าอิเหนายกทัพมาแล้ว เพราะรู้ว่าอิเหนาเก่งกล้าสามารถ ย่อมชนะศึกแน่นอน ส่วนสุหรานากงก็ยกทัพออกไปสมทบกับอิเหนาแล้วเล่าเรื่องที่ท้าวดาหากล่าวถึงอิเหนาให้ฟัง ฝ่ายท้าวกะหมังกุหนิงแม้รู้ข่าวว่ามีทัพยกมาช่วยท้าวดาหาแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนใจได้เตรียมทำศึกเต็มที่ เมื่อทัพกะหมังกุหนิงประจันทัพกับทัพของอิเหนา ท้าวกะหมังกุหนิงไม่รู้ว่าเป็นทัพของอิเหนาจึงถามว่าผู้ใดคือจรกา อิเหนาจึงตอบว่าจรกามิได้มาด้วย เรายกมาแต่กุเรปันเพื่อมาช่วยน้อง ท้าวกะหมังกุหนิงเมื่อรู้ว่าเป็นอิเหนาก็รู้สึกหวาดหวั่นแต่ก็มีมานะเจรจาตอบ ในที่สุดสังคามาระตะก็ออกต่อสู้กับวิหยาสะกำ และได้ฆ่าวิหยาสะกำตาย ท้าวกะหมังกุหนิงจึงเข้าต่อสู้กับสังคามาระตะ อิเหนาเข้ารับไว้และฆ่าท้าวกะหมังกุหนิงสำเร็จ ระตูปาหยังและท้าวประหมันเห็นเหตุการณ์เป็นดังนั้นจึงยอมแพ้แก่อิเหนา และจะยอมเป็นเมืองขึ้นจะส่งเครื่องบรรณาการมาถวายตามประเพณี อิเหนาก็ได้อนุญาตให้นำศพท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำกลับไปที่เมืองเพื่อจัดพิธีศพตามประเพณีต่อไป หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ~..ผู้ได้รับบาดเจ็บ..~ ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:18:PM พี่เข้าใจอะไรผิดบอกพี่ทีนะ เอิ๊ก ๆ อันนี้ใช้ได้เปล่า
หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:21:PM เหมือนที่พี่ให้มามันจะเปน ทั้งหมดของตอนนี้เลยอะครับ
หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ~..ผู้ได้รับบาดเจ็บ..~ ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:31:PM พี่ให้เพื่อนพี่ช่วยหา งั้นเดียวพี่ถามมันอีกทีนะ เอาแค่ตอนที่น้องโพสเนอะ
พี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้ว ........... หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:46:PM เมื่อนั้น องค์ระตูปาหยังประหมัน สุดที่จะรับรองป้องกัน พลขันธ์พังพ่ายตายยับ ไพร่พลัดจากนายกระจายหนี เห็นเสียทีตีม้าควบขับ ปลอมพลปนไปในกองทัพ ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน บ้างบ่าวเข้าคนละบ่าพานายวิ่ง ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน ซุกซนด้นไปแต่ลำพัง บ้างเททิ้งไถ้ข้าวเขนงปืน รื้อตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง อุตส่าห์คลานเซซังซุกไปฯ ครั้นมาถึงท้ายค่ายมั่น ท้าวประหมันปาหยังเป็นใหญ่ จึงหยุดปรึกษากันทันใด อันเราจะหนีไปเห็นไม่พ้น ครั้นจะคืนเข้าค่ายรายรับ ไม่ทันทีกองทัพยังสับสน จะซ้ำเสียเสนีรี้พล จำจะผ่อนให้พ้นมรณา มาเราจะเข้าบังคมคัล พระผู้พงศ์อสัญแดหวา จึงให้ยกธงอัปรา โยธายั้งหยุดพร้อกันฯ สององค์ลงจากอาชา เสด็จมากับหมู่กิดาหยัน เสนาแวดล้อมแน่นนันต์ จรจรัลมาสมรภูมิชัย ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา แก่ตำมะหงงเสนาผู้ใหญ่ เราผู้น้องระตูผู้บรรลัย ตั้งใจจะมาเฝ้าบาทบงสุ์ บัดนั้น จึงมหาเสนาตำมะหงง พาระตูพี่น้องทั้งสององค์ มาเฝ้าพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์ .....พี่ขอลองแปลตามที่เข้าใจอ้ะนะ ไม่รับรองความถูกต้อง นะจ๊ะ อิ อิ) ระตูปาหยัง กับ ระตูประหมัน เห็นว่าคงจะพลาดท่าเสียทีรบสู้ไม่ได้ ไพร่พลก็ล้มตายเป็นจำนวนมาก ต่างคนต่างหนีกระจัดกระจายพลัดกันไป ระตูทั้งสององค์เห็นว่าฝ่ายตนเสียทีจึงรีบขวบม้าหนี ปลอมเป็นพลทหารปะปนเข้าไปในกองทัพ โดยไม่มีใครออกมารับหน้าสักคน บ่าวบางคนช่วยกันแบกนาย วิ่งหนี ทิ้งเครื่องรางของขลังไว้เต็มไปหมด บางคนวิ่งหนีไม่สนใจหนามเกี่ยวหัวหู บางคนก็ถอดถุงไถ้ใส่ข้าว กับเขาวัวที่เก็บดินปืนทิ้งไป บางคนก็วิ่งหนีเสียงพวกเดียวกันที่ตามมา บางคนถูกยิงที่ขาก็พยายามคลานหนีไปหลบซ่อน พอหนีมาถึงท้ายค่ายที่พัก ท้าวประหมันกับท้าวปาหยัง จึงปรึกษากันว่าถ้าหนีคงหนีไม่พ้น ถ้าจะรีบหนีเข้าค่ายไป พวกไพร่พลก็จะเกิดสับสนอลหม่านบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น จึงควรหาทางผ่อนปลนอันตราย ด้วยการเข้าไปยอมอ่อนน้อมต่อข้าศึกผู้เป็นวงศ์เทวา จึงสั่งให้ ทหารยกธงขอยอมแพ้แล้วระตูทั้งสองก็ลงจากหลังม้า เดินมาพร้อมมหาดเล็ก(กิดาหยัน) และเหล่าทหารอารักขาแน่นขนัด ตรงเข้า มายัง สมรภูมิที่ทำการรบกันนั้น ครั้นมาถึงจึงแจ้งต่อเสนาบดีผู้ใหญ่ ว่าทั้งสองเป็นน้องของระตูที่ตายไปแล้ว(คือใคร?หาเองนะจ๊ะ) ตั้งใจจะมาขอเข้าเฝ้าแทบเบื้องพระบาท มหาเสนาตำมะหงง จึงพาระตูทั้งสอง มาเฝ้าองค์กษัตริย์ ...(คือใคร?หาเองนะจ๊ะ) จบแล้วจ้า หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 31 สิงหาคม 2010, 08:49:PM อ่าา ขอบคุณพี่ทั้งสองคนมาก ก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ ><
หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: nontawach ที่ 01 กันยายน 2010, 07:22:PM พี่ครับ คือ อยากให้ช่วยถอดให้ .. อีกบทนะนะ -.....-
รดชำระมลทินอินทรีย์ มุรธาวารีภิเษกสรง ลูบไล้เสาวคนธ์ธารทรง บรรจงสอดซับสนับเพลา ภูษายกพื้นดำอำไพ สอดใส่ฉลององค์ทรงวันเสาร์ เจียระบาดคาดรัดหน่วงเนา ปั้นเหน่งเพชรเพริศเพราพรรณราย ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย สวมสร้อยสังวาลประสานสาย ทองกรแก้วกิ่งพริ้งพราย ธำมรงค์เรือนรายพลอยเพชร ทรงชฏามาลัยดอกไม้ทัด กรรเจียกจอนจำรัสตรัสเตร็จ เหน็บพระแสงกั้นหยันกัลเม็ด แล้วเสด็จขึ้นเฝ้าพระบิดาฯ หัวข้อ: Re: ช่วยถอดความหน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 02 กันยายน 2010, 12:50:AM รดชำระมลทินอินทรีย์ มุรธาวารีภิเษกสรง
ลูบไล้เสาวคนธ์ธารทรง บรรจงสอดซับสนับเพลา - อาบน้ำชะระกายให้สะอาดด้วยน้ำที่ผ่านพิธีกรรมมาแล้ว ลูบไล้กายด้วยน้ำหอม แล้วจึงสวมกางเกง ภูษายกพื้นดำอำไพ สอดใส่ฉลององค์ทรงวันเสาร์ เจียระบาดคาดรัดหน่วงเนา ปั้นเหน่งเพชรเพริศเพราพรรณราย - สวมกางเกงผ้ายกพื้นสีดำ แล้วสวม เสื้อ สี ประจำวันเสาร์ ใช้ผ้าคาดเอวที่มีชายห้อยข้างหน้ารัดให้แน่นหนา แล้วคาดทับด้วยเช็มขัดเพ็ชร ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย สวมสร้อยสังวาลประสานสาย ทองกรแก้วกิ่งพริ้งพราย ธำมรงค์เรือนรายพลอยเพชร - ห้อยตาบทิศ ทับทรวงแล้วสวมทั้งสร้อยและสังวาลย์เฉลียงบ่า สวมกำไลทองที่แขน สวม แหวนซึงมีทั้งพลอยและเพ็ชร ทรงชฏามาลัยดอกไม้ทัด กรรเจียกจอนจำรัสตรัสเตร็จ เหน็บพระแสงกั้นหยันกัลเม็ด แล้วเสด็จขึ้นเฝ้าพระบิดา - สวมชฏาทัดดอกไม้ มีมาลัยห้อยชฏาข้างจอนหู เหน็บพระแสงอาวุธ แล้วเสด็จขึ้นเฝ้าพระบิดา... [/color] |