หัวข้อ: คนป่าขาดง เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 21 สิงหาคม 2010, 11:06:PM (http://www.klonthaiclub.com/pic/nature_014.jpg) เพียงชาวนาป่าดงเป็นดั่งเหย้า ไว้แนบเนานอนหนาวเมื่อคราวฝน ต้องลุยไถปักดำเพราะความจน จึงอดทนเรื่อยมาเป็นอาจิน เสียงกบเขียดประสานร้องทั้งท้องทุ่ง สุดหมายมุ่งสิ่งใดได้ถวิล จะเกินค่าของตนให้คนยิน เอาคราบดินซุ่มซ่อนคิดร้อนรน เหม่อมองฟ้าเเสนไกลเฝ้าใฝ่ฝัน เพียงวสันต์หล่นโรยโปรยหยาดฝน เป็นหยาดหนึ่งลงหว่างกลางกมล ก็ชุ่มฉ่ำเหลือล้นที่กลางใจ ต้นข้าวดำแตกต้นเพราะฝนเร่ง มินอนเขลงหลังทำทั้งดำไถ เพียรถากถางคันนาถากหญ้าใบ หวังต้นโตเร็วไวไร้โรคกวน ผิวเกรียมดำกรำงานมานานนัก จึงได้พักใต้ชายคาหลบฟ้าฝน ขนเครื่องงานการนาล้าเหลือทน เหนื่อยเสียจนเจียนตายได้คลายลา เพียงชาวนาป่าเขาที่เฝ้ารัก ด้ายสมัครหมายมั่นความหรรษา ไม่อาจมุ่งยุ่งใครใจนำพา ความเจ็บช้ำซ้ำหา..ให้โศกตรม (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_003.gif) หัวข้อ: Re: คนป่าขาดง เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 21 สิงหาคม 2010, 11:20:PM ...เห็นกลอนกราย...ชายเจียว...เลี้ยวมาต่อ น้องเฝ้ารอ...นานเนิ่น...จนเกินข่ม พี่ไถถาก...บากนา...ฝ่าโคลนตม จึงนิยม...น้ำใจ...ตลอดมา ...ด้วยจิตใจ...สุนทรี...มีละม่อม กลอนจึงกล่อม...กินใจ...ใครหนักหนา คือศักดิ์ศรี...มุ่งหมาย...ชายชาวนา ทอฝันกล้า...เคียงเซียน...มาเรียนกลอน ......................../ทอฝันค่ะพี่เจียว หัวข้อ: Re: คนป่าขาดง เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 22 สิงหาคม 2010, 10:04:PM (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_027.gif) อันอ้อยตาลหวานลิ้นนั้นชินรส ให้หมู่มดตอมไต่มิไถ่ถอน เหมือนกวีหลงไหลในบทกลอน เฝ้าอาวรณ์วนเวียนขีดเขียนคำ บ้างรักซึ้งถึงหลงภวงค์จิต ดั่งอยู่ห้วงนิมิตนึกคิดขำ ถ้อยลิขิตทุกบทเฝ้าจดจำ นึกน้อมนำด้วยเห็นความเป็นตน หากจะรักเพราะกลอนมิวอนรัก เพราะตระหนักรู้ดีมีสักหน เมื่อคุณค่าถดถอยพลอยร้อนรน เพียงแต่รักทั้งคนและรักกลอน ครั้นเพียงชอบตอบมาถึงสาเหตุ แสดงเจตนาในอักษร ผู้ถูกชอบก็ชอบจะบ้างตอบย้อน สูตรสุนทรสักวามาแต่นาน เมื่อว่างเว้นการงานมาสานสร้าง สีบแนวทางนั้นดีทุกสถาน เหมือนคืนยุคนานโขครั้งโบราณ ฝากคำหวานผ่านกวีดีต่อกัน ดอกกระเจียว (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_027.gif) หัวข้อ: Re: คนป่าขาดง เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 22 สิงหาคม 2010, 10:27:PM ...อันอ้อยตาล...นานชิม...ย่อมลิ้มรู้ ยังคงอยู่...หวานแท้...มิแปรผัน หากรสแห่ง...มิตรภาพ...เราทราบกัน ร่วมสร้างสรร...ไมตรี...มีพลัง ...หวานในคำ...กวี...มีศรีศักดิ์ เพียงเพื่อรักษ์...ร่ายศิลป์...กวินหวัง ติดในรส...พจน์คำ...ล้ำจังงัง จึงต้องตั้ง...ปณิธาน...สานไมตรี ...อันคนป่า...ขาดง...คงลึกซึ้ง สื่อความถึง...น้ำใจ...ที่ไหลปรี่ เปี่ยมปรากฏ...บทเอื้อน...เฉือนวจี ความหมายมี...หวังเอื้อม...เชื่อมสัมพันธ์ ...เพราะศรัทธา...คารม...ช่างคมนัก จึงอยากภักดิ์...พลีใจ...เพื่อไต่ฝัน ได้เรียนรู้...เริงล้อ...ต่ออนันต์ จวบถึงวัน...ผันพราก...อยากจดจำ ........................//ทอฝัน |