พิมพ์หน้านี้ - กวี...ผู้หวั่นไหว

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนคิดถึง => ข้อความที่เริ่มโดย: คนรักษ์ถิ่น ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 03:38:PM



หัวข้อ: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: คนรักษ์ถิ่น ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 03:38:PM
(http://www.klonthaiclub.com/pic/fell_009.gif)

ยังร่อนเร่  เร่ร่อน  บนกลอนเปล่า

ยังปวดร้าว  ร้าวราน  เกินขานไข

ยังไม่ลืม  แม้เธอ  สิ้นเยื่อใย

ยังมีใจ  แม้เธอ  ไม่เคยมอง

   ยังฝันถึง  ถึงเธอ  ละเมอหา

ยังเหว่ว้า  ร้องร่ำ  จนหม่นหมอง

ยังจะคิด  คว้าไขว่  ใจใฝ่ปอง

ยังแอบมอง  แอบรัก  เกินหักใจ


หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: ทอฝัน ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 05:03:PM
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_034.gif)
...ยังเหมือนเดิม...คนดี...เป็นที่รัก
เคียงใจภักดิ์...นักกลอน...ผู้อ่อนไหว
ทุกย่างก้าว...หนาวเหน็บ...เก็บก้นใจ
ยื่นมือไป...ให้รู้...อยู่ตรงนี้

...ยามเร่ร่อน...ร่อนเร่...หรือเหว่ว้า
ฉันก็มา...ปลอบเธอ...เสมอนี่
เห็นหรือไม่...ใจจริง...ทุกสิ่งมี
มิเคยลี้...จรจาก...หรือพรากลา

...เมื่อเธอท้อ...รอฉัน...อย่าหวั่นไหว
แม้ห่างไกล...ไม่ลับ...จะกลับหา
มาปลุกปลอบ...มอบจิต...ชิดชีวา
ให้สมค่า...ราคาล้น...คนกวี
.........................//ทอฝัน
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_034.gif)


หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: คนไร้ค่า ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 09:43:PM
ยังเฝ้ารอรอเธอจะกลับมา
มาซับน้ำน้ำตาที่มันไหล
ไหลออกมามาจากในหัวใจ
ใจเธอใยใยไม่ดูแลมัน

มันจึงช้ำช้ำเศร้าอยู่เช่นนี้
นี้หรือคือคือคนดีที่รักมั่น
มั่นในรักรักฉันเธอบอกกัน
กันแล้วใยใยแปรผันได้ง่ายดาย


หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: KungDekZa ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 10:00:PM
เมื่อแต่งกลอนยามนี้ยังคิดถึง
ทั้งคนึงถึงคนที่โหยหา
คิดถึงคนที่ใจนั้นสั่งมา
ไม่อยากลาใกล้กันตลอดไป

ยังคงรักมั่นคงไม่จางหาย
แม้มีหลายคนทำให้หวั่นไหว
แต่อย่างไรเธอคือคนของใจ
ไม่พรากไปไหนไกลใกล้ใกล้เธอ

                               KungDekZa


หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: กุลมาตา(singlemom99) ที่ 16 กรกฎาคม 2010, 09:20:AM
(http://img203.imageshack.us/img203/6956/35137481giannistrinolal.jpg)

เธอ..กวีผู้หวั่นไหว
เร่ร่อนไป   ทายทัก  ตัวอักษร
ท่องเที่ยวทั่ว  ทุกถิ่น  จินต์อาวรณ์
ด้วยอาทร  กลอนกานท์  สานถักทอ

เธอ..กวีผู้หวั่นไหว
โลกมิไร้  สายใยรัก  ตักที่ขอ
ผ่านอักษร  กลอนกานท์  จารว่ารอ
บทกวี  มีรักพอ  ต่อหัวใจ


หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: สุดสาย ที่ 16 กรกฎาคม 2010, 10:48:AM


ฉันก็เป็นคนหนึ่งซึ่งหวั่นไหว
แต่งบทกลอนสอนใจไปกับฝัน
เป็นคนแย่ที่ยังแพ้แก้ไม่ทัน
เลยต้องหันมาแต่งกลอนอ่อนอกใจ

หอบความซ้ำมาเติมลงตรงที่เหงา
หอบความเศร้าที่ร้าวหนักมาพักใหม่
ณ.วันนี้ขอแต่งกลอนตอนเหงาใจ
เพิ่อลดความหวั่นไหวคนไร้แฟน

มันเจ็บปวดหัวใจใครจะเหมือน
โดนบิดเบือนความห่างต่างเหลือแสน
ไม่มีเหลือเอาไว้ให้คนไกลแฟน
เธอตอบแทนได้เจ็บปวดรวดร้าวใจ



..nara..





หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: my smile ที่ 16 กรกฎาคม 2010, 12:08:PM


วันนี้ฝนตกอีกแล้วล่ะ อากาศก็หนาวขึ้นกว่าเดิม
นมร้อนร้อนที่ดื่ม เพิ่มความอบอุ่น ให้ร่างกาย
ฝ่ามือถูกกันไปมา ลูบแขนประกบหน้า หวังให้ความหนาวจางหาย
แต่มันกลับกลาย เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ไม่รู้ทำไม

ริมหน้าต่างมองขึ้นไป ไม่เห็นดาว ที่อยู่ข้างพระจันทร์
หัวใจไหวหวั่น อกข้างซ้ายเต้นถี่ จนรู้สึกได้
มองไม่เห็น ใบหน้าบนพระจันทร์ มันหวั่นใจ
กลัวคนไกล จะไม่เห็นเหมือนกัน แล้วลืมเลือน

ฝนยังไม่เริ่มซา กลับยิ่งตกหนัก ขึ้นกว่าเก่า
บรรยากาศตอกย้ำ ความเหงา จนน้ำตาเปื้อน
ฟ้าร้องโอดครวญ ทวนสิ่งที่เคยสัญญา เหมือนเป็นสัญญาณเตือน
บอกว่าอย่าลืมเลือน ความไว้ใจที่มีให้ต่อกัน ยามห่างไกล

 
emo_107


หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: ตะวันฉาย ที่ 16 กรกฎาคม 2010, 04:04:PM
...เป็นกวีคนเศร้าเฝ้าน้ำเนตร
บางครั้งเบรคไว้ไม่อยู่มาชูไหว
น้ำตาหล่นบนแก้มแซมเรื่อยไป
จะมีใครเห็นใจในกวี

...ห้องประจำนั้นหรือคืออกหัก
หวังตั้งหลักปักฐานลานวิถี
แต่สุดท้ายมาร่ายกาพย์ทาบชีวี
เก็บฤดีที่ขาดรักมาพักกลอน

...เหมือนปมด้อยคอยต่อท้อใจนัก
มาทายทักทุกวันหวั่นใครถอน
ห่างคำรักพักทางพรางอาวรณ์
ใจแรมรอนสิ้นสุดทางวางลงดิน

...หวังพสุธาพาร่างฝังให้กลบ
หวังจะจบลบแล้วแนวถวิล
สิ่งเคยหวังพังยับพับโบยบิน
ใจพังภิณฑ์สูญสิ้นกินน้ำตา...



หัวข้อ: Re: กวี...ผู้หวั่นไหว
เริ่มหัวข้อโดย: ไพร พนาวัลย์ ที่ 17 กรกฎาคม 2010, 01:47:AM

กวี..ผู้หวั่นไหว

อันกวีย่อมหวั่นไหวในอักษร
เขียนบทกลอนอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง
ถึงคราวเศร้าแสนโศกโลกตะลึง
รักซาบซึ้งตรึงใจไม่จากจร

ดั่งน้ำใสไหลเอื่อยเรื่อยทุกซอก
จึงบ่งบอกตื้นลึก ผนึก ล่อน
เข้าถึงทุกอารมณ์ที่รานรอน
จึงบางตอนโหยไห้ใจเจียนพัง

นั่นเป็นเพียงอักษราภาษาเขียน
ที่วนเวียนแหวกว่ายคล้ายมนต์ขลัง
มีเท่าไหร่ไหลล้นพ้นประดัง
ฤารินหลั่งจากใจไร้ทำนบ

แต่ชีวิตจริงนั้นมันไม่แน่
ย่อมผันแปลเปลี่ยนไปไม่รู้จบ
จึ่งต้องมีอดกลั้นวันพานพบ
ที่กระทบจิตใจในอารมณ์

อย่าปล่อยตัวปล่อยใจให้ลอยล่อง
ดั่งปลาตายในคลองจะขื่นขม
อันกวีที่หวั่นไหวในอารมณ์
ก็จะจมในบ่อที่ก่อเอง

 emo_55

“ปรางค์  สามยอด”

ลุงปรางค์ มาแจมในอีกมุมหนึ่ง นะ