พิมพ์หน้านี้ - ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนเหงา => ข้อความที่เริ่มโดย: วลีลักษณา ที่ 30 เมษายน 2010, 12:51:PM



หัวข้อ: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 30 เมษายน 2010, 12:51:PM
(http://www.bloggang.com/data/magnolia/picture/1148381959.jpg)

(http://dl2.glitter-graphics.net/pub/600/600502j6cltiqc13.gif)

ทะเลไกลสุดตาสุดฟ้ากว้าง
เสียงคลื่นครางครวญรับลมขับขาน
กล่อมวังเวงเงียบเหงาดังเผามาน
ลามแผ่ซ่านคลุมครอบอยู่รอบใจ

ท้องธาราสงบนิ่งดูยิ่งเศร้า
แต่ว่างเปล่าทรวงนั้นกลับสั่นไหว
ก่อระลอกหยอกย้ำอยู่ร่ำไร
คลื่นอาลัยครวญคร่ำยังกล้ำกลืน

ฤาสิ้นแล้วสูรย์ฉายเคยพรายพร่าง
มาล่มร้างห่างแถนพ้นแผ่นผืน
จากพรากแล้วเลือนลับไม่กลับคืน
ฝากขมขื่นล่ามคาเกินกว่าทน

ฟ้ายังมีจันทราคราวันคล้อย
มีดาวลอยลิบไกลในห้วงหน
แต่ที่สิ้นแสงฉายในดวงมน
ฤๅมืดหม่นหมองไหม้ไปนิรันดร์?

จะมีไหม? วันรุ่งของพรุ่งนี้
ที่สุรีย์ทอแสงแต่งสีสัน
ส่องสว่างพร่างพรายคล้ายแสงวัน
ทอดทอฝันเรืองเรื่อในเนื้อทรวง

หรือเป็นเพียงแรงถวิลจินตภาพ
ที่ซึมซาบแทรกอยู่ให้รู้หวง
หรือเป็นเพียงเงาหม่นของกลลวง
ที่ไม่อาจโชนช่วงในห้วงใจ

รอน้ำค้างพร่างหยาดไม่ขาดหยด
มาหลั่งรด..รอบขวัญคลายหวั่นไหว
ให้ชุ่มฉ่ำ..ล่มแล้ง ที่แห้งใน-
ดวงฤทัยขมขื่น..ให้ชื่นเย็น

หรือบุพเพปางบรรพ์ปั้นคำสาป
ตรารอยบาปให้ห่าง..จนร้างเห็น
จึงสัมผัสเพียงช้ำฝากลำเค็ญ
เข้าบีบเค้นอุราให้อาวรณ์

เป็นเพรงกาลผ่านมาแต่คราไหน
หรือรอยกรรมทำไว้ในภพก่อน
จึงโศกเศร้าเร้ารุมสั่งสุมซ้อน
มาผันผ่อนให้พบ แล้วจบรัก

ทะเลไกลสุดตาสุดฟ้ากว้าง
แต่อ้างว้างว้าเหว่ ยากเห, หัก
บาปเบื้องบรรพ์ตามย้อนอ่อนล้านัก
ดังจำหลักตรวนล่ามข้ามชาติภพ!

ขอร่ำพากย์ฝากแถนถ้าแม้นว่า
มีรอยบุญนำพามาบรรจบ
อย่าได้มีคล้อยเคลื่อนจนเลือนลบ
อย่าได้จบจากร้างตราบวางวาย!

(http://dl2.glitter-graphics.net/pub/600/600502j6cltiqc13.gif)


หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: ..ทักษมน.. ที่ 30 เมษายน 2010, 02:29:PM
เจ้าเคืองขัดตัดพ้อ..รอพี่บ้าง
อย่าเอ่ยอ้างเหมือนวัน..ขวัญสลาย
ถึงไม่อาจเด่นดี..เป็นพี่ชาย
แต่ผ่อนคลายทุกคราว..ที่เจ้าครวญ

เคยอยู่ปลอบดวงกมล..จนรุ่งสาง
พอเหินห่างซึมเศร้า..เจ้าโหยหวล
ชีวิตเราต่างกัน.....อย่ารันจวน
ณ.เนื้อนวลส่งเพลง"จันทร์"...มาปันใจ


 emo_60    emo_60


หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: peerapon ที่ 30 เมษายน 2010, 08:21:PM
ฤา หัวใจ จะดับ กับแสงสูรย์
จึงอาดูร กอดอก  หมองหมกไหม้
แสงเรืองรอง ส่องฟ้า เมื่อคราใด
ที่ชื่นใจ ชาวดิน  อันชินตา

เมื่อสิ้นแสง แห่งฟ้า เจิดจ้าแล้ว
สิ้นนาบแนว อัมพร  เจ้าอ่อนล้า
ให้น้ำหยุด  รินไหล ได้ไหมตา
เอ่อล้นหน้า  โปรดซับ คอย รับ จันทร์

แสงนวลผ่อง  เย็นตา  ก้าวขาใหม่
สุดมั่นใจ  กับแสง แห่งความฝัน
ที่หลายคู่ ชู้ชม ภิรมย์กัน
ละยึดมั่น กับแสง เสียดแทงตา

เจ้าคร่ำครวญ หวลไห้  หัวใจล้ม
เจ้าจะก้ม  กองไป  อย่างไรหนา
เขาไม่ซื่อ ถือสัตย์  หมดศรัทธา
ต้องเชิดหน้า ยอดขวัญ เดินมั่นคง




หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: plyfha ที่ 30 เมษายน 2010, 10:21:PM
แสงสุรีย์ ลับหล้า ลาจากโลก
หัวใจโยก โศกซ้ำ จำไม่หลง
เมื่อสิ้นแสง แห่งตะวัน ที่ลับลง
ใจนี้คง อยากมอง จ้องดาวใจ

ตะวันรอน ลาร้าง ไม่ลาลับ
พอเดือนดับ ดาวลา กลับมาใหม่
โลกหมุนวน ใจเวียน ระวังไว
ดาวอาจไกล โพ้นฟ้า ยากคว้าดาว

ความรักเอย ห่างไกล แม้ในฝัน
ขอบฟ้านั่น เมฆเลื่อน เกลื่อนกลางหาว
มาบดบัง ฟ้าให้ ไม่แวววาว
เมฆสีขาว ผ่านมา ฟ้าถูกบัง

นั่งคิด จิตสะท้าน หวานปนเศร้า
มีลมเร้า เคล้าคลอ รอความหวัง
ยามฟ้ามืด หมดแรง ไร้พลัง
ขอมีหวัง วันไหม่ ใช่หน่ายมา



หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 01 พฤษภาคม 2010, 12:17:PM
(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_037.gif)

สูรย์โชนช่วงห้วงหาวคราววันเปลี่ยน
ยังวนเวียนตามกาลผ่านมาหา
แต่สูรย์เคยโชนฉายพรายอุรา
กลับดูเหมือนเลือนพร่าทุกคราไป

(http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_037.gif)


หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 03 พฤษภาคม 2010, 08:20:AM
ฤา หัวใจ จะดับ กับแสงสูรย์
จึงอาดูร กอดอก  หมองหมกไหม้
แสงเรืองรอง ส่องฟ้า เมื่อคราใด
ที่ชื่นใจ ชาวดิน  อันชินตา

เมื่อสิ้นแสง แห่งฟ้า เจิดจ้าแล้ว
สิ้นนาบแนว อัมพร  เจ้าอ่อนล้า
ให้น้ำหยุด  รินไหล ได้ไหมตา
เอ่อล้นหน้า  โปรดซับ คอย รับ จันทร์

แสงนวลผ่อง  เย็นตา  ก้าวขาใหม่
สุดมั่นใจ  กับแสง แห่งความฝัน
ที่หลายคู่ ชู้ชม ภิรมย์กัน
ละยึดมั่น กับแสง เสียดแทงตา

เจ้าคร่ำครวญ หวลไห้  หัวใจล้ม
เจ้าจะก้ม  กองไป  อย่างไรหนา
เขาไม่ซื่อ ถือสัตย์  หมดศรัทธา
ต้องเชิดหน้า ยอดขวัญ เดินมั่นคง




เหมือนสายฝนพรำสายลดคลายร้อน
ทราบกรองกลอนปลอบขวัญในวันหลง
ด้วยหนทางก้าวย่ำเพื่อดำรงค์
เคยมั่นคง กลับคล้ายสลายเลือน

เพราะสิ้นรักสิ้นไร้จนใจล้า
คล้ายเอื้อมคว้าเดือนดาวที่พราวเกลื่อน
จึงเหลือความเจ็บช้ำคอยย้ำเตือน
สูญสิ้นเพื่อนร่วมทางลงกลางครัน


หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 05 พฤษภาคม 2010, 12:48:PM
เจ้าเคืองขัดตัดพ้อ..รอพี่บ้าง
อย่าเอ่ยอ้างเหมือนวัน..ขวัญสลาย
ถึงไม่อาจเด่นดี..เป็นพี่ชาย
แต่ผ่อนคลายทุกคราว..ที่เจ้าครวญ

เคยอยู่ปลอบดวงกมล..จนรุ่งสาง
พอเหินห่างซึมเศร้า..เจ้าโหยหวล
ชีวิตเราต่างกัน.....อย่ารันจวน
ณ.เนื้อนวลส่งเพลง"จันทร์"...มาปันใจ

 emo_60    emo_60


(http://i106.piczo.com/view/2/l/c/d/h/v/5/c/h/5/a/1/img/i163018021_98954_3.gif)

ถ้อยคารมคมคำเหมือนย้ำยั่ว
หากเผลอตัวมัวฝันคงหวั่นไหว
ยามหน่ายแหนงแกล้งอ้างหนทางไกล
โทษขอบฟ้ากว้างใหญ่ขวางใจเรา

หยิบดาวเดือนเกลื่อนฟ้ามารำพัน
แล้วชวนฝันอ้างว้างอยู่กลางเหงา
เห็นแต่เพียงเงาจางเอาบางเบา
ที่หลอนให้โง่เขลาทั้งเช้าเย็น

(http://i106.piczo.com/view/2/l/c/d/h/v/5/c/h/5/a/1/img/i163018021_98954_3.gif)


หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: GreenMonkey ที่ 05 พฤษภาคม 2010, 02:26:PM
เธอคือแสง ส่องให้ มีไออุ่น
คอยเจือจุน ใจหมอง จนมองเห็น
แต่เมื่อเธอ ราล่ำ ใจลำเค็ญ
เหมือนว่าเป็น คนคล้าย จะตายตรม

เมื่อไม่มี เธอแล้ว ก็แคล้วไข้
เจ็บหัวใจ ฝืนกล้ำ น้ำตาข่ม
เหมือนมืดมิด หม่นเศร้า เคล้าอารมณ์
ไร้แสงห่ม อุ่นทอ ต่อชีวิต

เหมือนกลางคืน หนาวเหน็บ เจ็บเหลือที่
เหมือนไม่มี แสงสูรย์ กูลเกื้อจิต
เหมือนหัวใจ ไร้รัก กระอักพิษ
ได้เพียงคิด แอบเหงา สุดเศร้าใจ

.. GreenMonkey :: ลิงเขียว ..


หัวข้อ: Re: ~*~ สิ้นดวงสูรย์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 05 พฤษภาคม 2010, 03:54:PM
เธอคือแสง ส่องให้ มีไออุ่น
คอยเจือจุน ใจหมอง จนมองเห็น
แต่เมื่อเธอ ราล่ำ ใจลำเค็ญ
เหมือนว่าเป็น คนคล้าย จะตายตรม

เมื่อไม่มี เธอแล้ว ก็แคล้วไข้
เจ็บหัวใจ ฝืนกล้ำ น้ำตาข่ม
เหมือนมืดมิด หม่นเศร้า เคล้าอารมณ์
ไร้แสงห่ม อุ่นทอ ต่อชีวิต

เหมือนกลางคืน หนาวเหน็บ เจ็บเหลือที่
เหมือนไม่มี แสงสูรย์ กูลเกื้อจิต
เหมือนหัวใจ ไร้รัก กระอักพิษ
ได้เพียงคิด แอบเหงา สุดเศร้าใจ

.. GreenMonkey :: ลิงเขียว ..


(http://i106.piczo.com/view/2/l/c/d/h/v/5/c/h/5/a/1/img/i163144323_75604_3.gif)

ยามสิ้นรักหักได้แต่ใจเจ็บ
กลับหนาวเหน็บทรมานเกินต้านไหว
ดังสูรย์พรากจากฟ้าลับตาไป
เช่นเยื่อใยสายสวาทนั้นคลาดคลา

แต่มืดหม่นอนธการนานเกินนับ
ดังชั่วกัปสิ้นชาติวาสนา-
ยามดาวเคลื่อนเดือนคล้อยคอยทิวา
แต่สายใยเสน่หากลับลาลับ

ไม่มีแล้ววาบพรายประกายอุ่น
เคยละมุน วน-ไหวไม่รู้ดับ
แต่บัดนี้สิ้นแล้วแววระยับ
เลือนไปกับทรวงหนึ่งซึ่งร้าวราน

(http://i106.piczo.com/view/2/l/c/d/h/v/5/c/h/5/a/1/img/i163144323_75604_3.gif)