พิมพ์หน้านี้ - กลอน

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนตลกๆ ฮาเฮ => ข้อความที่เริ่มโดย: lookyor ที่ 10 มีนาคม 2010, 10:02:AM



หัวข้อ: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: lookyor ที่ 10 มีนาคม 2010, 10:02:AM

(http://solno07.exteen.com/images/1397599p39febsh1r.gif)

คำว่ากลอน อักษรศิลป์ รินเรียงร้อย
มีไม่น้อย รอยลิขิต คิดแตกต่าง
แต่งกลอนเก้า เขาไม่ปลื้ม ขอยืมวาง
เป็นแนวทาง กลอักษร มาอ้อนอิง

แต่งกลอนแปด แวดวง ตรงงามงด
เสนาะพจน์ สดสวย สำรวยยิ่ง
อ่านคราใด ไพเราะ เพราะดีจริง
ขอพึ่งพิง ครูกลอน สอนหนูที

ลูกยอ สมาชิกใหม่
ขอกราบคารวะทุกท่านในบ้านกลอนไทยค่ะ

(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/linepattern/line/153.gif)

(http://tesla.rcub.bg.ac.yu/~armitage/thank_you.jpg)










 


หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: lookyor ที่ 10 มีนาคม 2010, 10:37:AM

เจ็บ

(http://www.kaweeclub.com/link/a1%20(98).gif)


จากไป ใจป่วน จวนป่วยจาก
ฝันพราก ฝากพรั่น ฟั่นพรางฝัน
วันร้าง ว่างไร้ ไว้รอวัน
รักกัน รั้นก็ รอกับรัก

ลับหน้า ลาหน่อย ลอยนวลลับ
หนักจิต นิดจับ นับใจหนัก
ทักคน ทนเขา เท่าคำทัก
ทนนัก ทักหน่อย ถอยนิดทน

จิตเหน็บ เจ็บหนัก จักหนาวจิต
ผลแรง แผลงฤทธิ์ พิษร้ายผล
คนนั้น คั้นเน้น เค้นนักคน
ช้ำใจ ใช่จน ชนม์เจ็บช้ำ


(http://www.kaweeclub.com/link/2%20(88).gif)
 

กลบทฟักพันร้าน
วางคำไว้เป็นกลอนเจ็ด
มีบัญญัติเหมือนกลบทกบเต้นสามตอน
แต่ให้มีคำซ้ำระหว่างต้นวรรคและปลายวรรค
เช่นเดียวกับกลบทครอบจักรวาล
กลบทนี้มีเฉพาะในจารึกวัดพระเชตุพนฯ



(http://www.diabloaudubon.com/images/thankYou.jpg)



หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: lelavadee ที่ 10 มีนาคม 2010, 04:22:PM


คมในฝัก ฝักในคม ข่มความเจ็บ
ซ้ำหนาวเหน็บ เหน็บหนาวซ้ำ ช้ำบาดแผล
ระกำทรวง ทรวงระกำ ช้ำดวงแด
ยากหยุดแท้ แท้หยุดยาก ฝากฝังจินต์

กลในบท บทในกล คนช่างสาน
กรองร้อยหวาน หวานร้อยกรอง ทำนองศิลป์
คมสื่อสาร สารสื่อคม ขมชีวิน
เจ็บจนชิน ชินจนเจ็บ เก็บไว้จำ




หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: fogus ที่ 10 มีนาคม 2010, 05:08:PM

บทแบบลอง ลองแบบบท ทดสอบเสียง
อยากร้อยเรียง เรียงร้อยอยาก ฝากอักษร
ใครรักกลอน กลอนรักใคร ให้อวยพร
โปรดได้วอน วอนได้โปรด โพสต์รักกัน

จงสุขสันต์ สันต์สุขจง ดำรงค์มิตร
แนบสนิท สนิทแนบ แอบร่วมฝัน
กวีภักดิ์ ภักดิ์กวี มีผูกพัน
สุขอนันต์ อนันต์สุข ทุกชีวี


หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: fogus ที่ 10 มีนาคม 2010, 05:36:PM
ชมชื่นรัก รักชื่นชม ผมแอบปลื้ม
จิตด่ำดื่ม ดื่มด่ำจิต มิตรสดสี
ฝากรักแนบ แนบรักฝาก มากไมตรี
ให้คนที่ ที่คนให้ ด้วยใจจริง

ขอพรฝาก ฝากขอพร เป็นกลอนตอบ
มอบคนให้ ให้คนมอบ ขอบคุณยิ่ง
สุขสมหวัง หวังสมสุข ปลุกปลอบอิง
ขอพึ่งพิง พิงพึ่งขอ อยากต่อกลอน





หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้แกละ ที่ 10 มีนาคม 2010, 07:42:PM

ชมชื่นรัก รักชื่นชม ผมแอบปลื้ม
จิตด่ำดื่ม ดื่มด่ำจิต มิตรสดสี
ฝากรักแนบ แนบรักฝาก มากไมตรี
ให้คนที่ ที่คนให้ ด้วยใจจริง

ขอพรฝาก ฝากขอพร เป็นกลอนตอบ
มอบคนให้ ให้คนมอบ ขอบคุณยิ่ง
สุขสมหวัง หวังสมสุข ปลุกปลอบอิง
ขอพึ่งพิง พิงพึ่งขอ อยากต่อกลอน



ชมชื่นรัก รักชื่นชม ผมแอบปลื้ม
จิตด่ำดื่ม ดื่มด่ำจิต มิตรสดสี
ฝากรักแนบ แนบรักฝาก มากไมตรี
ให้คนที่ ที่คนให้ ด้วยใจจริง

พรขอฝาก ฝากขอพร เป็นกลอนตอบ
มอบคนให้ ให้คนมอบ ขอบคุณยิ่ง
สุขสมหวัง หวังสมสุข ปลุกปลอบอิง
ขอพึ่งพิง พิงพึ่งขอ อยากต่อกลอน

ขออนุญาต แก้นิดนึงนะครับ คุณโฟกัส   emo_47






หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้แกละ ที่ 10 มีนาคม 2010, 08:08:PM

(กลบทกบเต้นสามตอน)

(http://sl.glitter-graphics.net/pub/2144/2144811k7lqebimaw.gif)

(http://www.kaweeclub.com/link/2%20(148).gif)

...คลื่น...

ครืนโถมโครมถาคราถั่ง
คลื่นสั่งคลั่งสายคล้ายเสียง
สนั่นสรรนำสำเนียง
สาดผันสรรเพียงเสียงพ้อ

โครมคลื่นครืนคลั่งครั้งคล่ำ
ลานน้ำล้ำแนวแล้วหนอ
ถารานธารรุกทุกรอ
เกินพอก่อภัยใกล้ภินท์

เสียงน้ำสำเนียงเสียงนั่น
น้ำสรรนั้นส่ำนำสินธุ์
ดังใจใดจำด่ำจินต์
ถั่งรินถิ่นร้างทางไร้

ครืนโถมโครมถาคราถั่ง
เทหลั่งถั่งลานธารไหล
ครืนดังครั้งดาคราใด
โลมฝั่งหลั่งใฝ่ไล้ฟอง


(http://www.kaweeclub.com/link/2%20(148).gif)

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/133/1133/images/love.gif)







หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: nongpob ที่ 11 มีนาคม 2010, 09:45:AM
กลบทเจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด

**ธาร...

ธารหลากเทหลั่งถั่งลงโถม
ซ่าโครมเสียงครื้นซ่าครืนเสียง
น้ำใสนองสาดนาทสำเนียง
ฟังเพียงฟ้าผ่าฟาดผาฟอง

ถั่งซ่านธารซั้นถั่นสาดถา
สุดฟ้าเสียงฟังซัดฝั่งสอง
หนุนหยาดน้ำหยัดเนื่องหยาดนอง
เซาะแก่งเสียงก้องแทรกกองทราย

รุ้งสวยโรยแสงแรงสีรุ่ง
เห็นรุ้งห่างเร้นเห็นรางหาย
ริ้วแถบแรทองโรยทาบราย
เลื่อมพรายแลพรางเหลือพร่างเลือน

ภพฝากภาพฟ้าพาฝันเพ้อ
แม้นเปรอหมายปรุงมุ่งเปรียบเหมือน
ตื่นใจต้องจิตติดจำเตือน
เทเลื่อนโถมหลั่งถั่งโลมธาร

กลบทเจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด
วางไว้เป็นกลอนเจ็ด
บัญญัติให้เล่นสัมผัสอักษรสลับ 2 คำไปตลอดวรรค
คล้ายกลบทฟักพันร้าน

แต่กลบทเจ้าเซ็นต้ำบุด
ไม่บังคับสัมผัสระหว่างช่วง คือจะมีหรือไม่มีก็ได้
และไม่ซ้ำคำต้นวรรคกับคำปลายวรรค
กลบทนี้มีเฉพาะในจารึกวัดพระเชตุพนฯ



หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: nongpob ที่ 11 มีนาคม 2010, 09:59:AM

(กลบทกบเต้นสามตอน)

([url]http://sl.glitter-graphics.net/pub/2144/2144811k7lqebimaw.gif[/url])

([url]http://www.kaweeclub.com/link/2%20(148).gif)[/url]

...คลื่น...

ครืนโถมโครมถาคราถั่ง
คลื่นสั่งคลั่งสายคล้ายเสียง
สนั่นสรรนำสำเนียง
สาดผันสรรเพียงเสียงพ้อ

โครมคลื่นครืนคลั่งครั้งคล่ำ
ลานน้ำล้ำแนวแล้วหนอ
ถารานธารรุกทุกรอ
เกินพอก่อภัยใกล้ภินท์

เสียงน้ำสำเนียงเสียงนั่น
น้ำสรรนั้นส่ำนำสินธุ์
ดังใจใดจำด่ำจินต์
ถั่งรินถิ่นร้างทางไร้

ครืนโถมโครมถาคราถั่ง
เทหลั่งถั่งลานธารไหล
ครืนดังครั้งดาคราใด
โลมฝั่งหลั่งใฝ่ไล้ฟอง


([url]http://www.kaweeclub.com/link/2%20(148).gif)[/url]

([url]http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/133/1133/images/love.gif[/url])




กลบทกบเต้นสามตอน

วางไว้เป็นกลอนหก
บัญญัติให้เล่นสัมอักษรทั้ง 3 ช่วง
เหมือนกลบทกบเต้นสลักเพชร
แตกต่างกันตรงที่กลบทกบเต้นสามตอนเป็นกลอนหก

กลบทนี้มีทั้งในกลบทศิริวิบุลกิตติ์ และจารึกวัดพระเชตุพนฯ
ในกลบทศิริวิบุลกิตติ์  เรียกกลบทนี้ว่า
กบเต้นสามตอน หรือมัณฑุกคติ

จ้ะ น้องแกละ



หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: nungboon ที่ 11 มีนาคม 2010, 07:14:PM
(กลบท จตุรงคนายก)

วางไว้ ๘ คำ แต่วางไว้เป็น ๒ ช่วง
คือช่วงละ ๔ คำ
บัญญัติ ให้ใช้คำต้นวรรคเป็นคำซ้ำกับคำที่สาม ห้า  และเจ็ด
และนิยมให้ใช้อักษรล้อกันในช่วง
กลบนี้ มีเฉพาะในกลบทศิริวิบุลกิตติ์


" สำนวนสำนาน "

ทองดำทองแดงทองแล่งทองหลาง
ของหวานของว่างของค้างของแข็ง
รู้เจ็บรู้จำรู้ดำรู้แดง
เคลือบคลุมเคลือบแคลงเคลือบแฝงเคลือบฟัน

ตากล้าตากลับตาทัพตาถั่ว
ยิ้มแห้งยิ้มหัวยิ้มยั่วยิ้มหยัน
ลงแขกลงข่าวลงท้าวลงทัณฑ์
น้ำมูกน้ำมันน้ำคันน้ำค้าง

เสียเด็กเสียดายเสียหายเสียหัว
กินตากินตัวกินหัวกินหาง
ลูกหนูลูกหนี้ลูกที่ลูกทาง
เครื่องเล่นเครื่องล่างเครื่องรางเครื่องเรียน

ข้าวแกงข้าวเก่าข้าวเจ้าข้าวจี่
เป็นศักดิ์เป็นศรีเป็นพี่เป็นเพื่อน
ช่างปกช่างปิดช่างบิดช่างเบือน
ของเล่นของเลื่อนของเถื่อนของแท้

กลางหาวกลางหนกลางคนกลางคัน
รู้ทีรู้ทันรู้กันรู้แก้
ลูกคิดลูกค้าลูกปาลูกแป
ลูกหีบลูกแหลูกแก้ลูกกัน

(http://orkutluv.com/images/Thank%20You%20(35).gif)


หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: jawjom ที่ 12 มีนาคม 2010, 12:18:PM
ธารชีวิต
ภาพโสภิตผ่องอำไพชวนใฝ่ฝัน
กระแสสินธุ์รินรื่นทุกคืนวัน
ระดะพันธุ์ปทุมมาลย์กลางธารทอง

อุทกธารซ่านซ่าน่าสนุก
รื่นร่มรุกข์รายสะพรั่งริมฝั่งสอง
ไขสุคนธ์หล่นโรยโปรยละออง
วิหคซ้องแซ่เจรียงปานเสียงพิณ

หลงมาลีสีสล้างริมทางผ่าน
หลงสำราญสนานกายกลางสายสินธุ์
หลงสำเนีบงเสียงนกโผผกบิน
หลงหอมกลิ่นกลอนกลจนลืมตัวฯ


หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: vasin ที่ 19 มีนาคม 2010, 02:40:AM

รู้สึกตนจนเวลาสายัณห์ย่ำ
ตะวันคล้ำครึ้มเวหาฟ้าสลัว
ดูเบื้องหน้าชลากว้างธุมางค์มัว
อกระรัวตัวเปลี่ยวอยู่เดียวดาย

จะเหลียวหลังยังวิถีที่เคยผ่าน
แม้รอยธาร ที่กระเทือน ก็เลือนหาย
นึกน่าน้อยใจตนทนตะกาย
เพียงรอยทรายแทนนทีเป็นที่นอน

ธารชีวิต...........
สิ่งไพจิตรใช่จริงล้วนสิ่งหลอน
ห้วงความตายภายหน้าคือสาคร
สิ่งสุนทรที่บำเพ็ญเป็นรอยทราย.


หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: prem ที่ 21 มีนาคม 2010, 09:42:AM
อยากแต่งกลอน อ้อนคำ ขำไม่ออก
เด็กบ้านนอก บอกบท หมดความหมาย
พยายาม ตามอ่าน กานท์มากมาย
ขอฝากกาย ใจ"เปรม" เล่นเกมกล

ขอชาติใหม่ ใหม่ชาติขอ อย่าท้อแท้
ใจมั่นแต่ แต่มั่นใจ ไม่สับสน
ใหม่ภพเกิด เกิดภพใหม่ ไม่อับจน
มีแต่คน คนแต่มี ที่เข้าใจ.

 



หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: prem ที่ 21 มีนาคม 2010, 09:53:AM
ทุกวันมี มีวันทุกข์ ขุกใจเข็ญ
มีใครเห็น เห็นใครมี ไมตรีไหม
มีหรือเขา เขาหรือมี ที่เข้าใจ
ใครไหนนี่ นี่ไหนใคร เข้าใจเรา

ทนชอกช้ำ ช้ำชอกทน บนทางเปลี่ยว
ดูดายเดียว เดียวดายดู หดหู่เศร้า
หมางเมินมิตร มิตรเมินหมาง ต่างดูเบา
เขลาขลาดทน ทนขลาดเขลา อยู่เปล่าดาย

หรือชีพนี้ นี้ชีพหรือ คือบาปหนัก
จึงชวนชัก ชักชวนจึง ถึงสลาย
บาปนำหนุน หนุนนำบาป คราบอบาย
ติดตัวตาย ตายตัวติด แต่ชิดกรรม

หมดสิ้นกรรม กรรมสิ้นหมด ขอชดใช้
หมายชาติใหม่ ใหม่ชาติหมาย อย่ากรายกล้ำ
ด้วยเดชบุญ บุญเดชด้วย ช่วยหนุนนำ
ยึดมั่นธรรม ธรรมมั่นยึด ประพฤติดี.



หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: BuaJantra ที่ 21 มีนาคม 2010, 11:04:AM
ทุกวันมี มีวันทุกข์ ขุกใจเข็ญ
มีใครเห็น เห็นใครมี ไมตรีไหม
มีหรือเขา เขาหรือมี ที่เข้าใจ
ใครไหนนี่ นี่ไหนใคร เข้าใจเรา

ทนชอกช้ำ ช้ำชอกทน บนทางเปลี่ยว
ดูดายเดียว เดียวดายดู หดหู่เศร้า
หมางเมินมิตร มิตรเมินหมาง ต่างดูเบา
เขลาขลาดทน ทนขลาดเขลา อยู่เปล่าดาย

หรือชีพนี้ นี้ชีพหรือ คือบาปหนัก
จึงชวนชัก ชักชวนจึง ถึงสลาย
บาปนำหนุน หนุนนำบาป คราบอบาย
ติดตัวตาย ตายตัวติด แต่ชิดกรรม

หมดสิ้นกรรม กรรมสิ้นหมด ขอชดใช้
หมายชาติใหม่ ใหม่ชาติหมาย อย่ากรายกล้ำ
ด้วยเดชบุญ บุญเดชด้วย ช่วยหนุนนำ
ยึดมั่นธรรม ธรรมมั่นยึด ประพฤติดี.

.....

เข้ามาทัก พักกาย ให้หายล้า
เลยเข้ามา ท่องเน็ต เวปกลอนฉันท์
ตั้งกระทู้ ต่อคำ ระบายกัน
พริ้วสนั่น ผันถ้อย ถักร้อยกรอง
...



หัวข้อ: Re: กลอน
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้แกละ ที่ 15 เมษายน 2010, 08:12:AM

ปลอบเอ๋ยปลอบปลุกทุกเย็นเช้า
พอย่างเข้าสงกรานต์พาลใจหมอง
จะหันซ้ายหันขวามาปรองดอง
ไร้คนมองสบตาข้าเหงาจัง

ไปทำบุญ สุนทาน อาหารแห้ง
ร้อนหน้าแล้ง แสลงจิต ต้องผิดหวัง
ขอแต่งกลอน วอนพี่ กวีดัง
สาดน้ำหลั่ง จากจินต์.....รินอวยพร

ให้สุขรื่น ชื่นกาย หายชอกช้ำ
พรมด้วยน้ำอบไทยใส่อักษร
ให้โชคดี มีสุข ทุกขั้นตอน
ชาวบ้านกลอน น้อง+พี่ สุขีเอย